เปิดประสบการณ์ใหม่บนเรือสำราญ "Costa Serena" ที่ไม่บ่อยนักจะได้มาจอดเทียบท่าขึ้น - ลงที่ท่าเรือแหลมฉบัง เท่าที่ค้นหาข้อมูลมาเรือจะมาจอเทียบท่ารับคนขึ้นลงที่นี่ประมาณปีละ 1 - 2 ครั้ง ก่อนที่เราจะเริ่มกัน เรือสำราญลำนี้มาจากประเทศอิตาลี เป็นเส้นทางท่องทะเลอ่าวไทย สู่เมืองฟูโกว๊ก ประเทศเวียดนาม ห้องพัก 1,500 ห้อง จุผู้โดยสารได้สูงสุด 3,780 คน จำนวนชั้นให้บริการ 14 ชั้น โดยเรือในเครือของบริษัทมีอีกเพียบเลย ซึ่งก็จะมีการออกแบบเรือแตกต่างกันออกไป
อันนี้เป็นโมเดลของเรือที่มีตั้งไว้ให้เราเห็นตรงบริเวณ Lobby
มาดูเส้นทางการล่องเรือสำราญรอบนี้กันบ้าง ทริปนี้เราเดินทาง 3 วัน 2 คืน
Day 1: กรุงเทพฯ - ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี - เช็คอินขึ้นเรือ - ทานอาหารกลางวันบนเรือ - ออกเดินทางไปเกาะฟูโกว๊ก (16.00 น.) - นอนบนเรือแบบสบาย ๆ
Day 2: ถึงเกาะฟูโกว๊ก (08.00 น.) ประเทศเวียดนาม ทานอาหารเช้า - One Day Trip บนเกาะฟูโกว๊ก (สามารถซื้อ One Day Trip Package ได้) - ขึ้นเรือทานอาหารกลางวัน - เรือกลับ (18.00 น.)
Day3: เดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบัง - ทานอาหารกลางวัน - เช็คเอ้าท์ - เดินทางกลับกรุงเทพฯ
มาหลังจากนี้จะเป็นอ่านกันแบบละเอียดสุด ๆ สายอ่านค่อย ๆ อ่านกันนะคะ มาดูกันว่าแต่ละวันมีขั้นตอนยังไงกันบ้าง สำหรับเราเหรอ ค่อนข้างตื่นเต้นแบบสุด ๆ เป็นประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่ ๆ
Day 1:
09.30 น. เราไปพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย เดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
พี่หัวหน้าทัวร์ก็จะมาคอยต้อนรับติดแท็กกระเป๋าให้ และเสิร์ฟของว่าง แจกคู่มือ กระบอกน้ำที่มาพร้อมในถุงผ้า
ในคู่มือนี้มีรายละเอียดทุกอย่าง ข้อมูลในคู่มือนี้ละเอียดมาก มีแนะนำการเดินทางทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายบนเรือ การแต่งกายบนฝั่ง การรับประทานอาหาร ห้องอาหาร กิจกรรมบนเรือ ทุกอย่างจะอยู่ในถุงผ้า และจะมีกระบอกน้ำให้ด้วย กระบอกน้ำนี้สำคัญมาก เพราะเราจะใช้ในการเติมน้ำไปดื่มในห้องพัก ห้องพักในเรือจะไม่มีน้ำในห้อง เราจะต้องนำกระบอกน้ำขึ้นไปเติมน้ำเองที่ห้องอาหาร
...
11.30 น. เดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อทำการเช็คอินขึ้นเรือสำราญ Costa Serena และเตรียมเอกสารให้พร้อม (Passport, Boarding Form, Cruise Ticket) จากนั้นเดินทางไปยังห้องพัก ซึ่งภายในห้องพักจะได้พบกับ Costa Card และเอกสารต่าง ๆ วางอยู่บนเตียงนอน
บรรยากาศลงจากรถโค้ชปุ๊บ ก็จะเจอเรือสำราญลำใหญ่ ๆ จอดเทียบท่าอยู่ ตื่นเต้นกันมาก แวะถ่ายรูปไปหนึ่ง Shot
ขั้นตอนของการเช็คอิน
อันนี้เป็นขั้นตอนของการเช็คอิน อยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารผู้โดยสาร ผู้โดยสารมาจากต่างที่ ต่างถิ่นทยอยกันเดินทางมาเช็คอินเรื่อย ๆ จะมีเจ้าหน้าที่ทำการลงทะเบียนให้เรา โดยจะมีเครื่องสแกน และถ่ายรูปหน้าเราไว้ Passport ของเราจะถูกเก็บไว้ตั้งแต่จุดนี้ เพื่อนำเอกสารไปทำการตรวจคนเข้าเมือง ลงตราเข้าเมือง
หลังจากเช็คอินเสร็จ ก็เดินลงมาด้านล่างของอาคารผู้โดยสาร เพื่อเดินไปขึ้นเรือ และจะต้องผ่านจุดสแกนความปลอดภัยก่อน
ก่อนขึ้นเรือระหว่างรอทุกคนเช็คอิน แวะถ่ายรูปไปหนึ่ง Shot
หลังจากจุดนี้ถ่ายรูปไม่ได้ เดินไปตามลูกศรจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจความปลอดภัย และมีเครื่องสแกนอยู่
หลังจากผ่านจุดตรวจความปลอดภัย ก็แวะเจอกระเป๋าของเราหน่อย หลังจากที่เราลงจากรถโค้ชกัน กระเป๋าก็จะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เพราะจะมีเจ้าหน้าที่มารับกระเป๋าขึ้นเรือ และนำไปส่งในห้องพัก บนเรือห้ามนำที่เป่าผม ที่หนีบผมขึ้น เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย กระเป๋าใบไหนที่มีอุปกรณ์ต้องห้ามนำขึ้นติดไปด้วย กระเป๋าจะยังไม่ส่งที่ห้อง จะอยู่ในห้องของส่วนกลาง และให้เราไปรับกระเป๋าเอง ส่วนของของเราจะได้รับตอนขากลับ ในการเดินทางขึ้นเรือสำราญ กระเป๋านำขึ้นได้คนละ 1 ใบ (ต้องมีขนาดไม่ใหญ่กว่า 55 ซม. X 25 ซม. X 35 ซม.)
ทางขึ้นเรือจะเป็นแบบนี้ ขึ้นแล้วลงจากเรือไม่ได้แล้วนะคะ
...
กลางวัน หลังจากขึ้นเรือ เราก็จะไปที่ห้องพัก และหลังจากนั้นไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้อง Prometeo Self Service Restaurant (ชั้น 9)
ห้องอาหารเป็นแบบ Buffet สไตล์อิตาเลี่ยน มีหลายจุดเลย เพียงพอกับจำนวนคน อาหารเติมได้เรื่อย ๆ
ลิฟท์โดยสารบนเรือจะมีทั้งลิฟท์แก้ว และลิฟท์ปกติ ชอบความที่ลิฟท์บนเรือเร็วมาก รอไม่นาน
ทานข้าวกลางวันกันเสร็จเราก็ไปลงทะเบียน Costa Card กับบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายบนเรือ บนเรือใช้จ่ายสะดวกสุดคือบัตรเครดิต ต้องลงทะเบียนกับตู้นี้ และชำระค่าใช้จ่ายก่อนลงจากเรือ หากไม่มีบัตรเครดิต สามารถใช้จ่ายด้วยเงินสดได้ ทางเรือจะให้วางเงินมัดจำเป็นเงินสดอย่างน้อย 150 USD/ ท่าน ในวันแรกที่ขึ้นเรือ
*บัตร Costa Card ต้องแขวนหรือเก้บไว้ตลอดที่อยู่บนเรือ เป็นทุกอย่าง เป็น Key Card เป็นการสแกนค่าใช้จ่าย ห้ามลืมเด็ดขาด จะเห็นทุกคนที่เดินทางกับเรือลำนี้ห้อย Card นี้ทุกคน*
...
บ่าย พักผ่อนตามอัธยาศัย เราก็เดินสำรวจเรือกันไป
ห้องพักของเรา Oceanview Classic (ไม่มีระเบียง)
ห้องน้ำ แนะนำว่าถ้าไปให้เตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวไปเผื่อด้วยก็ดี ยาสีฟันไม่มีให้
นี่ไงบัตร Costa ที่ทุกคนจะได้รับและต้องติดตัวไว้ตลอดเวลา เอากลับไปเป็นของที่ระลึกได้ และอีกอย่างคือเราจะต้องโหลดแอป Costa มาไว้ด้วย แอปนี้จะสามารถดูเรื่องตารางการแสดงได้ แอปนี้ใช้บนเรือได้อย่างเดียว
ข้อสำคัญ!!! ก่อนเรือจะออก 1 ชั่วโมง ทุกคนจะต้องไปทำการ Emergency Drill โดยต้องนำเสื้อชูชีพเข้าร่วมซ้อมการสาธิตระบบความปลอดภัยบนเรือ
...
16.00 น. เรือออกจากท่า มุ่งหน้าสู่ เกาะฟูโกว๊ก (Phu Quoc) ประเทศเวียดนาม เรือล่องแบบนิ่มๆ ใครที่กังวลว่าจะเมาเรือไหม ไม่ต้องกังวลเลย เพราะเรือลำใหญ่มาก นิ่ม ๆ
พอเรือออกก็ขึ้นไปแชะภาพที่ท้ายเรือมาหน่อยนึง หัวฟูกันไป
ช่วงค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารหลักบนเรือ (ชั้น 3 หรือ ชั้น 4) ตามรอบที่มีระบุไว้ในเอกสาร รอบแรกเริ่ม 17.30 น. รอบที่สองเริ่ม 20.00 น. หรือเลือกรับประทานอาหารที่ห้องบุฟเฟ่ต์ตามอัธยาศัย
พอไปถึงห้องอาหารก็จะมีหน้าตาอาหารมาให้เราเลือก เสิร์ฟเป็นคอร์ส อยากกินอะไร เล็งอะไรไว้ก็ถ่ายรูปไว้และไปแจ้งในห้องอาหาร ถ้าจำไม่ได้ไม่เป็นไร ก็ไปเลือกด้านในได้
ห้องอาหารหรูหรา สมฐานะ อิอิอิ
การเข้าไปรับประทานอาหารช่วงเย็น การแต่งกายจะต้องเป็นทางการฟีลไปงานเลี้ยง ในคู่มือจะมีบอกว่าวันไหนให้แต่งกายยังไง ถ้าไม่ได้เอาชุดสวยๆ ไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ทานข้าวไหม สามารถทานอาหารเย็นได้ที่ห้องอาหาร Buffet ที่ชั้น 9
...
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ทุกท่านตามอัธยาศัยได้เลย มีคาสิโน ความบันเทิง ดูหนัง ชมการแสดง ฟังเพลงที่บาร์และเลานจ์
โรงละครชมการแสดง การแสดงจะมีทุกคนเป็นรอบๆ ยิ่งใหญ่อลังการ
กลางคืน เราก็นอนบนเรือกันไปแบบยาว ๆ หลังจากกลับไปในห้องพัก จะมีเอกสารที่เจ้าหน้าที่จะเอามาวางเตรียมไว้ให้ เป็นเอกสารสำหรับการไปเที่ยวในวันรุ่งขึ้น
1. มีตารางกิจกรรม
2. รอบของการขึ้นฝั่ง เนื่องจากบนเรือมีผู้โดยสารจำนวนมาก เรือจะมีการบริหารจัดการคนขึ้นฝั่งเป็นรอบ ๆ ถ้าใครไม่ทันรอบ จะได้ขึ้นรอบท้าย ๆ และมีเอกสารเป็นใบ ตม. สำหรับการขึ้นฝั่งที่เวียดนาม แทน Passport ของเรา
Day 2
เช้า สามารถไปออกกำลังกายและรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Main Dining Room เราเองก็ตื่นตั้งแต่ 06.00 น. ขึ้นไปเดินเล่นบนดาดฟ้า เรือยังล่องไม่ถึงเวียดนามเลย แต่เริ่มเห็นฝั่งแล้ว
ชายฝั่งอยู่ตรงโน้นนนนน
ก่อนไปจุดรวมตัว ก็มาเติมพลังกับอาหารเช้ากันก่อน เลือกกินไม่ถูก เยอะแยะไปหมด
08.00 น. เรือจอดลอยลำอยู่กลางทะเล ผู้โดยสารเข้าฝั่งด้วยเรือรับ - ส่งขนาดเล็ก (จะมีคิวให้ในการขึ้นฝั่ง) อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือเลือกซื้อทัวร์บนฝั่งโดยตรงกับทางเรือ (บัตร Costa Card ติดตัวมาด้วยทุกครั้งที่ลงและขึ้นเที่ยวบนฝั่ง)
**เรือจอดเทียบท่าตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. ท่านที่ลงจากเรือจะต้องเผื่อเวลาขึ้นเรือออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
เรือลำเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ จะถูกปล่อยลงทะเล และทยอยรับผู้โดยสารขึ้นไปส่งที่ฝั่ง ได้รอบละ 100 คน ไปบนฝั่งกิจกรรมตามอัธยาศัย สามารถซื้อ One Day Trip Package บนเรือได้ หรือจะไปซื้อบนฝั่งก็มีขาย ราคาต่อรองกันเอง หรือใครอยากจะเดินเล่นชายฝั่งก็ได้
วิวจากเรือลำเล็ก
ขึ้นฝั่งที่เกาะฟูโกว๊ก ประเทศเวียดนามแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ ตม.ดูแล และมีการแสดงต้อนรับเป็นเพลงพื้นเมือง ดูเป็นวีไอพีมาก 555
แวะไหว้พระที่นี่กันหน่อย
ทางเราเลือกเช่ารถเที่ยวในเมืองไปหาของกิน ชมบรรยากาศ
เป้าหมายคือไปหาเฝอกิน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์บนเรือ หรือจะทานบนฝั่งก็ได้
เราไม่ได้ขึ้นไปทานอาหารบนเรือ เพราะไปทานเฝอกันมาแล้ว ขากลับขึ้นเรือไปทันรอบของ Afternoon Tea พอดี ก็เลยแวะไปทานซักหน่อย
18.00 น. เรืออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ ท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำบนเรือหลัก หรือห้องอาหารแบบบบุฟเฟ่ต์ได้ รอบจะเหมือนเดิม ทางเราไปทานห้องอาหารหลัก เมนูอาหารก็จะปรับเปลี่ยนไป อาหารในห้องอาหารทานได้แบบไม่อั้น กี่จานก็ได้ หลังจากทานอาหารเสร็จก็จะมีเสียงประกาศบนเรือเรื่องกระเป๋า ทุกห้องจะต้องนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดป้ายใหม่แล้ววางไว้หน้าห้องให้เรียบร้อยก่อน ตี 1 จะมีเจ้าหน้าที่มารับเพื่อเตรียมขนขึ้นไปบนฝั่ง จะต้องแกะป้ายเดิมออก และติดป้ายใหม่ เป็นสี ๆ เพราะทางเรือจะแยกโซนที่ไปรับกระเป๋า ถ้าใครไม่สะดวกนำกระเป๋าไว้หน้าห้องก็จะต้องนำกระเป๋าขึ้นฝั่งเอง
ซึ่งสีเหล่านี้จะมีการเเบ่งเป็นโซน และเวลาของการลงเรือตอนกลับ เป็นการบริหารจัดการคนขึ้นฝั่ง เราสนใจเรื่องนี้มาก ไม่เคยได้คิดถึงเรื่องการจัดการจำนวนคนปริมาณมาก ๆ เลย ซึ่งเรือเป็นกรณีศึกษาที่ดีมาก
Day 3
เช้า จะออกกำลังกายก็ได้ ใครไม่อยากนอนต่อก็นอนได้เลย หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเช้ากัน และจะมีแจ้งให้ไปรับ Passport มาไว้กับตัว
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันบนเรือที่ชั้น 9
13.00 น. เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังจากตรวจรับสัมภาระและผ่านขั้นตอนตรวจลงตราหนังสือเดินทางแล้ว เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
เอกสารที่ต้องเตรียม
1. Passport ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน
2. Ticket Cruise, Boarding Form ของ Costa
3. ใบ ต.ม. ขาเข้า - ขาออกประเทศไทย (สำหรับชาวต่างชาติ)
ประเภทห้องพัก (เรียงจากราคาน้อยไปหามาก)
1) Inside Classic (ไม่มีหน้าต่าง)
2) Inside Premium (ไม่มีหน้าต่าง)
3) Oceanview Classic (มีหน้าต่าง)
4) Oceanview Premium (มีหน้าต่าง)
5) Balcony Classic Balcony Premium (มีระเบียง)
ห้อง Inside ห้องด้านใน อันนี้เป็นห้องแบบมีเตียงเสริม
ห้อง Inside มีหน้าต่าง
ห้องแบบมีระเบียง
ห้อง Suite ทางเรือพาไปทัวร์ห้องนี้มาด้วย ห้องสวยมาก วิวก็คือดีมาก
บนเรืออะไรให้ทำบ้าง
ห้องอาหารหลัก ห้องอาหารหลักทุกห้อง เปิดบริการโดยรวมไว้ในรายการของเรือแล้ว จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เว้นแต่ค่าอาหารเครื่องดื่มที่ไม่ได้รวมไว้
- ห้องเซเรส (Ristorante Ceres) (ชั้น 3 และ 4 ท้ายเรือ) (ชั้น 4 เป็นห้องอาหารสำหรับแขกที่พักห้อง Suite) เวลาให้บริการเช้า กลางวัน เย็น มื้อเช้า และมื้อกลางวันจะให้บริการแบบบุฟเฟต์ ผู้โดยสารเลือกตักอาหารเองตามอัธยาศัย มื้อเย็น เปิดให้บริการแบ่งเป็น 2 รอบ (เวลาโดยประมาณ 18.00 น. และ 20.00 น. เวลาเปิดปิดที่แน่นอนเช็คใน Cruise Compass อีกครั้ง) มื้อเย็นจะให้บริการเป็นแบบ Sitting มีเมนูอาหารให้เลือก โดยปกติจะมีสลัด ซุปจานหลัก และของหวาน
- ห้องเวสต้า (Ristorante Vesta) (ชั้น 3 และ 4 กลางเรือ) เวลาให้บริการเย็น มื้อเย็นเปิดให้บริการแบ่งเป็น 2 รอบ (เวลาโดยประมาณ 18.00 น. และ 20.00 น. เวลาเปิดปิดที่แน่นอนเช็คใน Cruise Compass อีกครั้ง) มื้อเย็นจะให้บริการเป็นแบบ Sitting มีเมนูอาหารให้เลือก โดยปกติจะมีสลัด ซุป จานหลัก และของหวาน
อาหารมื้อค่าใช้บริการที่ห้องอาหารหลักที่กำหนด ตามเวลาที่ระบุไร้เฉพาะสำหรับผู้โดยสารบนบัตรคอสต้าการ์ดของท่าน พนักงานต้อนรับที่หน้า ห้องอาหารจะดูแลน้ำท่านไปยังโต๊ะอาหารที่จองไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ * โปรดทราบเนื่องจากเป็นการบริการอาหารตามรอบเวลา ทางห้องอาหารจะปิดประตูทางเข้าหลังพันเวลาที่กำหนดไปแล้ว 30 นาที โปรดไปก่อนเวลาที่ระบุไว้ในบัตรคอสต้าการ์ดของท่าน
ห้องอาหารบุฟเฟต์ (Ristorante Buffet) ชั้น 9 และ ชั้น 10 ท้ายเรือ บริการอาหารนานาชาติ แบบบุฟเฟ่ต์ วันละ 3 รอบ ไม่มีค่าบริการเพิ่ม สามารถนั่งได้ตามความต้องการ ตรวจสอบเวลาทำการของแต่ละห้องอาหารจากจดหมายข่าวบนเรืออีกครั้ง ไม่อนุญาติให้ผู้ที่สวมชุดว่ายน้ำและเท้าเปล่าเข้าใช้บริการในห้องอาหารบุฟเฟ่ต์
บาร์และเลาจน์ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
แหล่งบันเทิง
คาสิโน
สิ่งอำนวยความสะดวก มีฟิตเนส มีสปา มีที่สำหรับทำผม
บรรยากาศด้านบนของเรือ
ค่าใช้จ่าย
- ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง เริ่มตั้งแต่ 11,000 - 19,000 บาท
- ห้องพักบนเรือ 2 คืน (ห้องพักคู่)
- ภาษีท่าเรือ
- อาหารบนเรือทุกมื้อ (ยกเว้นห้องอาหารพิเศษ)
- ประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
...
ไม่รวมอะไรบ้าง
- ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ
- ค่าทิปบนเรื้อสำหรับห้อง Inside, Outside, Balcony ผู้ใหญ่ท่านละ USD 32.00 / เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี USD 16.00 เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี ฟรี อันนี้ชำระเงินบนเรือ
- ค่าทิปสำหรับ Suite Type ผู้ใหญ่ท่านละ USD 38.00 / เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี USD 19.00 เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี ฟรี อันนี้ชำระเงินบนเรือ
- ค่าเครื่องดื่ม ค่า Internet Package On Board (Package มี 3 ราคา ราคาเหมา 3 วัน เล่นไลน์ได้ก็ตกอยู่ประมาณพันกว่าบาท)
- ภาษีมูลค่าพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
เอาล่ะ บันทึกการเดินทางอีกทริปที่สำหรับเรารู้สึกว่าตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกด้วยแหละ และเราเองก็ประทับใจกับการเดินทางในเส้นทางเรือสำราญนะ ทริปเรือเหมาะกับใครหลาย ๆ คนที่ทำงาน ๆ และต้องการความใส่ใจ ความสไลว์ไลฟ์ ความตื่นขึ้นมาแล้วมีของให้กิน ตื่นมาแบบนั่งมองฟ้า แล้วระยะเวลาในการเดินทางทริปนี้ก็กำลังดี 3 วัน 2 คืน พนักงานออฟฟิศก็ไม่ได้ลางานหลายวัน รอบหน้าถ้าเรือสำราญได้มาเทียบท่าที่แหลมฉบังอีก จะป้ายยาเพื่อน ๆ ทุกคนไปด้วย
ขอบคุณโอกาสดี ๆ จาก Bangkok University ในการเดินทางศึกษาดูงานครั้งนี้ บันทึกนี้เก็บไว้เพื่อเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง ฝากอีกช่องทางในการติดตามเที่ยวเลยเถิดกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/tiewl...
#GOSOFAR #เที่ยวเลยเถิด #เรือสำราญ #Cruise #CostaSerena #แหลมฉบัง #เวียดนาม
Tiewloeiterd
วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 16.15 น.