สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพอีกครั้งนะครับ และแล้วก็มาถึงกระทู้สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดของผม เรียกว่าเป็นภาคต่อจากกระทู้ GOOD MORNING CHONBURI เช้านี้ที่ชลบุรี ก็ได้ครับ เนื่องจากเรื่องราวจะต่อเนื่องกัน
หลังจากที่ได้ตะล่อนๆขับรถ กับคุณภรรยา ทุกเสาร์อาทิตย์เพื่อไปถ่ายรูป เป็นเวลาหนึ่งปี เศษนิดๆ ^ ^ บางคนเรียกสิ่งที่เราทำอยู่ว่าการไปเที่ยว จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ครับ ย้อนไปเมื่อ1ปีที่แล้ว วันแรกที่ผมมาที่นี่ ผมคิดไว้ในใจเลยครับจะไปทะเล จะไปภูเขา โน้นนี้นั้นสารพัด วางแผนเขียนสถานที่จะไป ในสมุดบันทึกซะยาวเหยียด 555 และถ้าเป็นอย่างในความคิดของผม กับที่ลงในสมุด หนังเรื่องนี้ของผม คงจะเป็นหนังรักสุดแสนจะโรแมนติก หวานซึ้งตั้งแต่ตอนแรก ยันตอนจบ ซึ้งอันที่จริงหนังรักแม้จะโรแมนติกสักแค่ไหน ก็ย่อมมีช่วงดราม่าของพระเอกกับนางเอก ชีวิตผมก็เช่นกัน การมาที่นี้ไม่เหมือนในความคิดผมสักอย่าง ใช่ครับ ในสมุดด้วย
หนังของผมออกแนว "ดราม่า ทิลเลอร์" เลยล่ะ เราลืมคิดว่าเรามาที่นี่ เพื่อมาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยวครับ แน่นอนว่าเวลาส่วนมาก เราต้องจดจ่ออยู่กับงาน เมียไปเช้า ผัวไปค่ำ ทำนองนั้นล่ะครับ จำต้องวางความฝันไว้ก่อน แล้วทำสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้าก่อน ในขณะเดียวกัน ไอ้นิสัยเดิมๆของผมก็เริ่มออกฤทธิ์ แต่ก็ถูกข่มไว้ ไม่ให้วอกแวก ด้วยบางสิ่งที่เรียกว่า อนาคต และก็ใช้กับผมได้ผลซะด้วย เราทำงานเดิมซ้ำๆ ทุกๆวัน จนบางทีผมถามตัวเองว่า นี้ชีวิตนักผจญภัยอย่างเรา มันจบลงแล้วหรือนี้ แหมจะว่าไปถ้าเจอความรู้สึกแบบนี้ทุกวันก็คงจะเป็นประสาทกันพอดีครับ อันที่จริงมันก็ไม่ได้เศร้าสลดใจอะไรมากมายหรอกครับ มันเป็นแค่ช่วงที่โรคคิดถึงบ้าน กำเริบแค่นั้นล่ะครับ คงไม่มียาไหนที่รักษาโรคนี้ได้หายขาด เว้นเสียแต่ คุณจะต้องมีเพื่อนและงานทำครับ เพื่อนกับงาน เป็นยารักษาโรคนี้ได้ดีขนานแท้ ฮ่าๆ และจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันแสนประทับใจครั้งนี้ ก็ได้เริ่มต้นตอนนี้ล่ะครับ ^ ^
เนื้อหาตอนนี้อาจจะลดดีกรีการเป็นกระทู้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวลง แต่ผมจะมีเพิ่มเติมจังหวัดพี่น้อง คือ ระยอง กับจันทบุรี เข้ามาด้วย ลายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ผมจะลงไว้ใต้ภาพแทนนะครับ ^ ^ ส่วนลายละเอียดเชิงลึก ผมขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ รอให้ท่านผู้อ่าน เป็นคนไปสัมผัสด้วยตัวท่านเองนะครับ ^ ^ อันที่จริงลงในกระทู้นี้ได้ครับแต่มันจะยาวววมากๆ เนื่องจากผมเองก็อยู่ในช่วง ย้ายที่อยู่ที่ทำงานใหม่ จึงกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เขาคิชฌกูฏ
ขอเริ่มต้นเรื่องราวการเดินทางหนึ่งปีของผม ด้วยจังหวัดจันทบุรี เมืองแห่งผลไม้ ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา และนับเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมสัญญากับตัวเองว่า สักวันผมจะกลับมาที่นี้อีกครั้ง
อาจจะเรียกไม่ได้เต็มปากว่าเป็นทริปถ่ายภาพ เนื่องจากผมไม่ได้เตรียมพร้อม เกี่ยวกับอุปกรณ์ในการบันทึกภาพอะไรเลย มีเพียงกล้องฟูจิXE-1เพื่อนคู่กาย เท่านั้น สถานที่แรกที่ผมนำมาฝากท่านก็คือ
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือ "เขาคิชฌกูฏ" สถานที ที่หลอมรวมใจ ของพี่น้องพุทธศาสนิกชนนับแสนไว้เป็นหนึ่งเดียว เป็นที่ประดิษฐาน พระบาทพลวง หรือ พระพุทธบาทพลวง ซึ่งมีความกว้าง 1เมตร ยาว 2 เมตร ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ
เราออกเดินทางในคืนของวันศุกร์ ราวๆสองทุ่มเนื่องจากก่อนหน้านี้ผมได้ค้นหาข้อมูลในอากู๋ว่าช่วงต้นเดือนเป็นช่วงที่ ประชาชนขึ้นไปสักการะเป็นจำนวนมากบางท่านไปตั้งแต่เช้า กว่าจะถึงยอดเขาก็เกือบบ่ายโมงเลยก็มี ไหนๆก็ไหนแล้วไปช่วงค่ำนี้แระ ผมกะตีเวลาเผื่อว่าน่าจะได้ขึ้นประมาณตีสีตีห้า ก็น่าจะโอเค ไม่ร้อนด้วย อิอิ วิ่งรถตามเส้นทางถนนหมายเลข36ตรงยาววววเหยียด(ไม่ได้เลี้ยวซอยเลย)เนื่องจากเราไม่คุ้นเส้นทาง ต้องพึ่งน้องจี(GPS)อีกตามเคย ผมตั้งจากตำแหน่งที่ผมอยู่เลยครับ จากสี่แยกขนำไร่ อ.นิคมพัฒนา แล้วตั้งจุดหมายที่ วัดเขาคิชกูฏ อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี
หินรูปบาตรคว่ำ บนยอดเขาซึ่งลอยอยู่ สามารถเอาด้ายหรือเชือก
ที่นี้จะทำให้คุณเห็นมากกว่า คำว่า ความเชื่อ นั้นคือ "ความศรัทธา"
หาดลูกลม
เข้าวัดแล้วเราก็มาต่อที่ ทะเลกันเลยครับ ประเดิมด้วยภาพสาวๆ กับทริปแรกๆ ของผมครับ "หาดลูกลม" ตั้งอยู่ที่ เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั่งเรือจากฝั่งมาลงที่เกาะแสมสารแล้วนั่งรถบิ๊กอัฟต่อมาที่หาดครับ จำได้ว่าไปกัน4คน ตื่นเต้นมากครับน้ำทะเลที่นี่สวยมาก ใสปิ๋งเหมือนที่เขาพูดว่าน้ำทะเลสีคราม ผมพึ่งได้เห็นก็ตอนนี้ล่ะครับ 555
อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า
ห่างจากหาดลูกลม ออกไป ประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นอีกสถานที่ที่ผมชอบเป็นพิเศษ "อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง" เป็นอีกสถานที่ยอดฮิต ของเหล่าบรรดาช่างภาพพรีเวดดิ้ง ไปจนถึงสาย ฮิปๆสะเตอร์ 555 ต่างเลือกโลเคชั่นแห่งเป็นที่บันทึกความทรงจำ ผมชอบที่นี้เพราะลมถ่ายเทสะดวก และถ้าท่านยังไม่เหนื่อย ผมแนะนำให้เดินตามแนวสะพานด้านทิศตะวันออก(หรือเปล่า?) ไปเรื่อยๆจนถึงยอดเขา คุณจะพบทุ่งหญ้าสะวันนา เอ้ย! ทุ่งหญ้าสีเหลืองทองอร่าม 55 ลองนึกว่าว่า คุณเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา วิ่งในทุ่งหญ้าตอนหน้าหนาว ดูสิครับ แหม๊ะ แค่คิดมันก็คันไม้คันมือแล้วครับ 555+
"ทุ่งโปรงทอง"
สถานต่อไปนี้ชาวฮิปเตอร์ยิ่งไม่ควรพลาด ด้วยประการทั้งปวงครับ "ทุ่งโปรงทอง" แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อำเภอ
แถมรูปแม่บ้านครับ ^ ^ ผมตั้งชื่อทริปนี้ว่า เลอ-ทัก
บรุคไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท
ระยองเราก็ไม่ได้มีดีแต่ทะเล นะครับ แนวภูเขาลำเนาไพรก็มี " บรุคไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท Brookside Valley Resort" ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.สำนักทอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง หากคุณกำลังมองหาที่เงียบๆ ไกลจากความวุ่นวายในตัวเมือง ผมขอแนะนำที่นี้เลยครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นสำหรับ น้องๆ หนูๆ มุมจู๋จี๋ๆดู๋ดี๋ของคุณตาคุณยาย และวัยรุ่น จริงๆแล้วผมอาจจะไม่ได้มาที่นี่ด้วยซ้ำ หากไม่ได้อ่านหนังสือข่าวสาร รายสัปดาห์ ของทางบริษัทที่แจกให้กับพนักงาน บังเอิญวันนั่งกินขนมอยู่ตรงมุมพักผ่อน เลยยิ้มขึ้นมาอ่านพลางๆ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หนังสือหรือเอกสารที่ทางบริษัทแจก เราควรจะอ่านบ้างนะครับ เริ่มออกนอกทะเลแล้วผม 555
สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปรียบเสมือนโรงเรียนฝึกถ่ายภาพ,ที่อ่านหนังสือของคุณภรรยา สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯอยู่ในความดูแลของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิด มิติการเรียนรู้ด้านสมุนไพรอย่างสนุกสนานเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์สมุนไพรมากกว่า 20,000 ต้น (260 ชนิดโดยจัดกลุ่มจำแนกตามสรรพคุณการรักษาตามคัมภีร์ยาไทยโบราณ; 20 กลุ่มอาการ) เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชม พักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาหาความรู้ด้านพฤษศาสตร์และสมุนไพร แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่- อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษาซึ่งประกอบด้วยห้องประชุมสัมนา ห้องนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย (อ้างอิงจาก:
www.touronthai.com/สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ_สยามบรมราชกุมารี-43000012.html)
หากจะถามว่าผมไปที่ไหนบ่อยที่สุดคงจะตอบได้เลยครับว่า ที่นี่แหละครับ เป็นที่ ปั่นจักรยาน วิ่งออกกำลังกาย ไปจนถึงนอนพักผ่อนของพี่น้องประชาชน ในระแวกนี้ ที่สำคัญใกล้ที่พักผมที่สุด ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้าย กับแม่บ้าน ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงทีนี่ และสำหรับคอบอลไทย FC ปตท.ต้องไม่พลาดที่นี้ครับ ^ ^
แหลมฉบัง
สถานที่สุดท้ายของทริป1ปีของผม แหลมฉบัง หรือที่ พี่น้องแถวนั้นเรียกว่า " สุดทางรักที่แหลมฉบัง" คงจะเป็นที่สุดท้ายของทริปนี้ เพราะใกล้วันที่เราจะย้ายกับบ้าน คงจะติดโน้นติดนี้ ตั้งใจจะไปถ่ายหินไดโนเสาร์ ที่เค้าล้ำลือกัน พอไปถึงที่ผมก็ได้แต่ชะเง้อมอง ไม่กล้าฝ่าดงคลืน แถมใส่กางเกงยีนมาด้วย 555+
เก็บภาพรอบได้พอแล้วผมจึงชวนคุณแม่บ้านกลับไปที่รถกลัว เจ้าจ๋อ จะซน ขึ้นไปเล่นบนรถ (เจ้าจ๋อที่ว่า ครับ ^ ^)
คุณแม่บ้านกำลังสื่อสาร กับ เจ้าจ๋อตัวเล็ก ^ ^
คิดถึงทะเล ^ ^
เก็บภาพเจ้าจ๋อไว้เป็นความทรงจำ ก่อนกลับ ^ ^ อันที่จริงพวกเขาน่ารักนะครับ ไม่ซน พูดง่าย ต่างจากหลายที่ ที่ไปมาบางสำนักนี้ห้อยหัว โรยตัวลงมาแย่งของเราก็มี อย่างกับนินจา 555 แต่ที่นี่ เขาพูดง่ายไม่ให้ก็แค่ทำตาแอ๊บแบ๊ว 555 อ๋อ บางตัวยกมือไหว้ได้ด้วยนะครับ ^ ^
เย็นๆที่นี้จะเริ่มมีผู้คน มาจับจองที่นั่งตามโขดหิน แม่บ้านผมเป็นพวกกลัวความมืดครับ ตะวันใกล้ตกเมื่อไหร่ เป็นต้องบอกกลับห้องทุกที แต่ครั้งนี้เราไม่รีบครับ ยังซื้อขนมหวาน,ลูกชิ้น กับลุงที่มาขาย นั่งกิน จนตะวันลาลับขอบฟ้า
สุดท้ายนี้ผมไม่มีคำ คำใดที่ดีไปกว่าคำว่า "ขอบคุณครับ" ขอบคุณพี่ๆทุกท่าน ที่มอบโอกาศให้ผม ขอบคุณน้ำใจและมิตรภาพดีๆจากที่นี่ หากมีโอกาศดีๆเราคงได้พบกันใหม่นะครับ
ขอบคุณจริงๆครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกความทรงจำในครั้งนี้
- เมีย 1 คน (มี1คนไม่เท่าไหร่ ถ้ามีสองเมื่อไหร่ หัวคงเลือดออก555)
- รถยนต์ 1 คัน (TOYOTA YARIS 2014)
- Nikon D90,D610,Fujifilm XE-1
- Lens: Sigma10-20 f4/5.6 , Sigma70-200 , Kaxinda 28mm , 50-230 XC , Fujian 35mm , ND400
เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรกนะครับ ^ ^ https://th.readme.me/p/4508
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทาง ผมยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่นะครับ
https://www.facebook.com/Suiy.Kee.King
DanOnTour
วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.24 น.