"สวัสดีครับ ผมนายชิน ครับโผมมมมม !! "

ง่อววว เปิดตัวมาก็กวนโอ๊ยเลยนะครับ

จุดประสงค์ของการก่อตั้งเพจนี้ขึ้นมาก็เพื่อ

บันทึกความทรงจำในการท่องเที่ยวของผมเอง

วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้เวลาเปิดกระทู้แรกสักที

จริงๆ ก็ตั้งใจจะทำนานแล้วหละครับ แต่ !! เที่ยวทีไร

มีแต่รูปตัวเองซะมากกว่า

เข้าเรื่องกันดีกว่าทริปนี้ผมจะพาไปชมบรรยากาศ

ฤดูฝนของอำเภอนึง เป็นอำเภอที่น่าจะเรียกได้ว่าอำเภอไม่เคยร้อน เพราะ สถานที่เที่ยวของที่นี่มันร่มรื่นจริงๆ บรรยากาศและภูมิทัศน์ก็สบายตา และ สดชื่น อำเภอนั้นก็คือออออ !!! #อำเภอทองผาภูมิ ของ #จังหวัดกาญจนบุรี นั่นเอง

และในทริปนี้ผมจะพาคุณไปชมบรรยากาศของสายฝน และ สายหมอก

กันที่

#อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

#บ้านอีต่อง และ

#น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

ภาพอาจไม่เยอะนะครับ เนื่องจากทริปนี้ฝนเยอะมากๆ มีช่วงไม่โดนฝนนี่น้อยมากๆ จะพูดว่าเป็น

ทริปตากฝน ก็ไม่ผิดนะเนี่ย

งั้นค่อยๆ ตามไปชมบรรยากาศคร่าวๆ ของทริปนี้ไปพร้อมๆ กันนะครับ ไปเลยยยยยยย

ขับรถจนพ้นตัวเมืองทองผาภูมิมาได้ระยะนึงชื่นชมบรรยากาศของวิวข้างทางกำลังเพลินๆ

มุทิตา (ชื่อแฟนผมนะ)

ก็ชี้ให้ดูบนยอดเขา นู่นๆ หมอกเต็มเลย

ผมก็แหงนขึ้นไปดูแล้วพูดว่า นั่นมันฝนตก

มุก็ยังยืนยันคำเดิม หมอกกกกกกก (ทำเสียงเหน่อ)

ขี่มาได้สักพัก ชิน: ไงหละๆ หมอกกกกก ตัวอะ

รีบๆใส่เสื้อกันฝนเลย

ดี๊ด๊าจริงๆ มุบอกได้ลุยฝนสมใจแล้วเย้

ผมก็ค่อยๆขับรถไปช้าๆ เพราะ ทางแคบและชัน

ระหว่างทางเราจะต้องพบเจอกับโค้งจนนับไม่ถูกเลย

แต่ระยะทางจากจุดเริ่มต้นถึงบ้านอีต่อง

นั้นคือ 399 โค้ง

ไปต่อๆ

เมื่อเราขับรถไปถึงระยะนึง จะถึงจุดชมวิวจุดแรกได้มองวิวสวยๆ 180° เลย ฝนตอนนี้เริ่มหยุดแล้ว

ได้มีโอกาสเก็บภาพสักมุมสองมุม แล้วจุดๆนี้

ยังเป็นจุดรับสัญญานโทรศัพท์ด้วยนะครับ

เป็นเพราะเมื่อก่อนสัญญานมือถืออาจยังไม่ทั่วถึงจึงรับสัญญานได้เป็นบางจุด เมื่อปลายปีที่แล้วที่ขึ้นมาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

ชมวิวกันได้สักพัก และ เติมพลังน้ำให้คนขับเรียบร้อย ผมก็ไปต่อเพื่อจะได้เข้าที่พักให้เร็วก่อนฝนจะโปรยปรายอีกครั้งนึง บรื๊นๆ . . .

(จำได้ว่าตอนนั้นปวดขี้มาก ตอนแรกก็จะเข้าห้องน้ำที่จุดพักรถเนี่ยแหละ แฟนหลอกว่าเขาปิด จ้าๆ ไปต่อจ้า ขับไปปวดขี้ไป )

มาถึงแล้วววว............นะ
(ลากเสียงยาวเพราะระยะทางมั นไกลลลล)

ก่อนเข้าต้องตีตั๋วกับเจ้าห น้าที่อุทยานฯ ซะก่อน
ราคาที่ผมเข้าก็จะมี

ผู้ใหญ่ 70 บาท × 2 = 140 บาท
จักรยานยนต์ 20 บาท
รวมค่าผ่านประตูแล้ว = 160 บาท นั่นเอง

เราสามารถเตรียมเต๊นท์มาเอง ได้ และ อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง จะมาทำอาหารเองก็เตรียมมาได้เลยนะครับ
ที่นี่มี ที่ล้างภาชนะให้แล้ว เตาและถ่าน ก็มีให้บริการนะครับ

อีกเรื่องนึงคือน้ำที่นี่เย ็นมาก ถึง มากที่สุด

หวาวจน ... ?

"จะบอกว่าหดก็ตรงไป เอาเป็นว่ามันไม่เท่าเดิม"

ปะๆไปต่อ ยังไม่ทันเข้าเลยนะเนี่ย

ทริปนี้ต้องขออภัยที่ไม่ค่อ ยได้ถ่ายเส้นทางมาให้ชม
เนื่องจากฝนย่อยมาก หยิบกล้องลำบาก เส้นทางทุลักทุเลมาก ขับมอไซต์นี่โคตะระเกร็งข้อ มือเลย
.......................... ..............................................

ผ่านด่านแรกมาได้แล้วผมก็เข ้าไปที่
"จุดบริการนักท่องเที่ยว" ไปทำไมเอ่ย ?
ไปขี้!! แล้วก็
เสียค่าบริการที่พักอ่าดิ ที่พักที่นี่ มีทั้งแบบห้องพัก
และ แบบเต็นท์นะครับ ติดต่อที่จุดๆนี้เลย

ผมเช่าเต็นท์+เบาะรองนอน+ผ้ าห่มสองผืน+ผ้าใบกันฝน
สนนราคารวมแล้ว 260 บาท
พอดีจำราคาแยกไม่ได้ แฮ่ๆ. . . 😅

เจ้านกตัวนี้เขาอยู่รอต้อนร ับประจำครับ แต่บางทีอาจจะไม่เห็นก็ได้นา แล้วแต่อารมณ์เขาหนะ

จ่ายตังแล้วไปต่อสิจะรออะไร หละคร๊าบบบ
.......................... ................................

ถึงจุดบริเวณที่พักแล้ว ลืมทุกสิ่งและทุกๆอย่างเพรา
เรากำลังชื่นชนกับวิวตรงหน้ า ตอนแรกก็สัมภาระ
หิ้วกันสองคนด๊องแด๊งๆ คือว่า เต็มมือมาก

ตอนนั้นในหัวคือ ตูจะไปกางเต็นท์แล้วววววววว วว
เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพรวมๆ ของสถานที่เลย
"ขอโต๊ดก๊าบบบบบบ" 😭

จุดๆนี้คือ เนินกูดดอย เป็นจุดชมวิวจุดแรกของที่พั ก พอเราเข้ามาจอดรถก็เห็นเลย จุดชมวิวที่นี่จะมีหลักๆ
3 ที่ มี เนินกูดดอย, เนินช้างเผือก, และ บ้านทาซานต์

แต่!! หนูได้ดูแค่นี้แหละลูก พี่ไปไหนไม่ได้เลย แค่เดินยังลื่นเลย 😁

จัดแจงที่พักเสร็จถ่ายรูปชม วงชมวิวเรียบร้อย มีคนหิวครับร้านค้าที่นี่โรงครัวปิด 5 โมงเย็น ขณะนั้นเวลา
4 โมง 45 นาทีละครับ
หมูมุก็ร้องอู๊ดๆ เอ้ย !! เร่งผมใหญ่เลย กลัวไม่มีข้าวกิน 5555 วิวเวิวไม่สนแล้ว หมูหิวๆๆๆๆ จ้าๆ รีบไปๆ
ปรากฏว่าปิดแล้วจ้า ทำไงหละทำหน้าละห้อยใส่

อะๆๆ เดี๋ยวพาไปกินที่บ้านอีต่อง เลย ดี๊ด๊าขึ้นมาทันที
จากที่พักไปบ้านอีต่องประมา ณ 8 กิโลแม้วครับ

เดี๋ยวพาไปนะลูกหมู และ คุณผู้ชมมมมม

และนี่คือเต๊นท์ของหนู !! น่าร๊ากกกกก
กว่าจะกางเสร็จจะทะเลาะกันต าย 555
"หมูมุหิวข้าวๆ" รูปนี้คงไม่บรรยายอะไรมาก

มาถึงแล้ว หมู่บ้าน 399 โค้ง บ้านอีต่อง ต่อง ต่อง
ผมชอบมากๆ เมื่อเข้ามาปุ๊ปก็ต้องสะดุด ตากับบรรยากาศที่ดึงดูดตา ดึงดูดใจ และ การลืมความหิวของหมูมุลงได้

กลุ่มหมอกที่ลอยอยู่ตามแนวเ ขาดูเบาดูนุ่มละมุนตา เหมือนกับเราอยู่บนสถานที่ที่มันรู้สึกว่าเป็นคนละประเทศกับข้างล่างของเขาเลย ที่เขานี้มันสวยจริงๆ
อยากให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเ องจริงๆครับ แล้วคุณจะรู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวในไทย ไม่ด้อยไปกว่าต่างประเทศเลย หรือ ด้อยก็ไม่รู้ หนูไม่เคยไปตปท. นี่นา

55555 ยาวๆ . . . . ( อ่าวไม่ขำหรอ ว๊าแป็กอีกละ)

จากทางเข้าแล้วเดินทางต่ออี ก 3 กม.เพื่อเข้าไปยังหมู่บ้าน หมอกไม่หนามากพอมองเห็นทาง
แต่การขับรถแล้วหมอกกระทบหน ้านี่ ฟินส์มาก ก ก

ขับเข้ามาสักพักเจอไหล่ทางท ี่จอดรถหลบข้างทางได้ผมเลยถามมุว่าถ่ายรูปไหม ไม่รีรอครับ
จัดไปหลายภาพเหมือนกัน แต่ชอบภาพนี้ครับ

ไปต่อเนาะจากตรงนี้เราจะเข้ าไปถึงหมู่บ้านอีต่องแล้วก่อนถึงหมู่บ้านจะมีแยกซ้ายลงไป
"เหมืองแร่สมศักดิ์" ด้วย ทางไปบ้านป้าเกล็นนี่เอง
หิวๆๆ ไปละ บรื๊น น น น น น

และนี่คือ !!! มุมมหาชน ของตลาดอีต่อง ต่อง ต่อง
สระน้ำประจำหมู่บ้าน และ มีป้ายชื่อคู่รัก หรือ ผู้มาเยือนแขวนกันอยู่เรียง ราย
บรรยากาศยามเย็นของที่นี่ผม ว่ามันสุดยอดมาก ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดเลย ที่นี่มืดช้ากว่าข้างล่างมาก ผมเลือกจอดรถแล้วเดินชมบรรยากาศเพื่อหาร้านอาหารให้หมูมุกิน

เลือกได้แล้วว่าจะทานร้านไห
ร้านนี้มีชื่อเหมือนในรูปแห ละ อิอิ กวนต. อีกแล้ว
ร้านนี้สำหรับผมนะ อร่อย และ ราคาไม่แพงมาก
มีทั้งอาหารจานเดียวและกับข ้าว ที่นี่ใครอยากกินปูกินกุ้งตัวใหญ่ต้องมาเลย มีเมนู
+ปูสดนึ่ง (ปูดำ) และ ปูผัดผงกระหรี่
+กุ้งพม่า ตัวใหญ่ (แต่ไม่ได้กิน เห็นโต๊ะข้างๆเขากิน 5555 เป็นกุ้งลายเสือนะ)

อย่าพูดกันเยอะ รีบไปดูหน้าตาอาหารกัน

แทม แท่ม แท๊ม ม ม ม ม ม ม
มาแล้ว ได้ทานปูสมใจอยากจริงๆ
ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่างเลย ดูแต่รูปก็พอเนาะ
ถ้าให้ผมบรรยายจะอดใจไม่ไหว แน่นอน ฮี่ๆ
ต้มยำกุ้งมีสองแบบนะครับมีเ ป็นหม้อไฟ และ ถ้วย
หม้อไฟนี่จะเป็นกุ้งพม่า แต่ถ้วยเป็นกุ้งกุลาครับ

ตัวใหญ่ๆเนื้อแน่นๆ ทานกับน้ำต้มยำร้อนๆ พอดีๆ เผ็ด เปรี้ยว หวาน กลมกล่อม หอมพริกแห้งและเครื่องต้มยำ ตัดกับบรรยากาศฝนพรำๆ หมอกฟุ้งๆ โอ้โหย สุดยอดจริงๆ ว่าจะไม่บรรยายและ อดไม่ได้ เอาซะหน่อย น้ำลายแตกเลยอะดี้ ผมเล่ายังอยากเลย

ตัดภาพมา ขี่รถกลับมาที่พักค่ำพอดี ฟ้ามืดแล้ว
ผมกับมุ ก็รีบไปอาบน้งอาบน้ำ อย่างที่บอกน้ำหนาวมาก ก ก ก ก ก สั่นๆ มีเรื่องฮาๆ แฟนผมครับ
เห่อตะเกียงใหม่อยากถือตะเก ียงนำทางเอง เราก็ตามใจ เดินนำเลยเดินไปได้สักระยะหันหน้ามาพูดกับผม
มุ: ชินเดินดีๆ
ชิน : จ้าๆ
ไม่ทันขาดคำ ไอคนพูดลื่นแพร๊ด
5555555555555555 ผมนี่โคตรขำ
เลยได้คำล้อใหม่ว่า #ชินเดินดีๆ

ไปๆเข้าเต็นท์ๆ ก็จัดแจงที่นอนให้เรียบร้อย หมูมุครับ
เอาอีกแล้ว รืัอถุงขนมกรุกกรักๆ
ชิน: ตัวทำไรหนะ
มุ: แห่ เค้าขอกินขนมได้ป่าว ว ว ว ว ว
ไหนว่ากินข้าวอิ่มละงาย เลยดูมีอะไรพอกินได้บ้างเลย แกะแอลม่อนกินถุงนึง นางบอกกินอีกนะ
อะๆตามใจ ขนมน่องไก่อีกถุงนึงหมดแล้ว จะกินอีก
ชิน:พอออออออ อ้วนตายละไอ้อ้วน

จากนั้นก็กินน้ำกินท่าเตรีย มตัวนอน มีเรื่องขนหัวลุกจะเล่าให้ฟัง

ในคืนนั้นเอง มีกลุ่มแคมป์กลุ่มอื่นที่ตั ้งใจมาแคมป์กันก็เอาเบียร์ เอาเหล้ามากินกันด้วย
***โดยปกติแล้วอุทยานฯไม่ให ้เอาเข้ามา***
ก็กินกันไป ไม่เสียงดังอะไรมากมายก็ไม่ ว่ากันจน
ตี 3 !! มีเสียงร่องโหยหวนเกิดขึ้น
กรี๊ดดดดดดดดดด แล้วก็ ร้องไห้
แล้วก็ได้ยินเสียงคนถามว่า เป็นอะไรๆ
นานมาก กรี๊ดคอพังละมั้งผมว่า
แต่ก็รู้แหละว่าโดนเข้าแล้ว ผีเข้า อันนี้แล้วแต่ความคิดคนนะครับ อาการสงบตอนที่ได้ยินเสียงคนนึงพูดว่าพาไปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางเลย สักพักถึงได้เงียบไป

เรื่องนี้แล้วแต่ความเชื่อส ่วนบุคคลนะครับแต่สำหรับผม ผมคิดว่าเราควรให้ความเคารพต่อสถานที่นั้นๆ ยิ่งเป็นป่าเป็นเขาที่มีความสงบเราควรเคารพสถานที่นะครับ ไม่รบกวนผู้อื่น ต่างคนต่างพักผ่อนสบายใจๆ

........................ ...............................................

บรรยากาศยามเช้าที่ เนินกูดดอย


หลังจากที่เราชมวิวกันเสร็จ เก็บภาพเล็กน้อย แล้วรีบเก็บเต็นท์ไปคืนเจ้าหน้าที่ ก็เดินทางต่อเพื่อที่จะไปทานมื้อเช้า ตั้งใจว่าจะไปที่
"เหมืองแร่สมศักดิ์" หรือ บ้านป้าเกล็นนั่นเอง
บรรยากาศวันนี้เย็นๆ สบายๆ ฝนไม่ตก
ฝั่งซ้ายของถนนจะเป็นหน้าผา นะครับ ขับผ่านไปก็จะมองเห็นวิวสวยๆ ไกลๆ เลย

ไปต่อๆ

ปากทางก่อนจะลงไปเหมือง
มีคำแนะนำว่าต้องเป็นรถ 4×4 เท่านั้น
เราเป็นคนที่อยากลองลุยดู หึหึ ถามชาวบ้านเขาบอกว่า น่าจะไหว ถ้าน่าจะงั้นผมไป
ตามไปดูระยะทางกันว่าทรหดแค ่ไหน
.......................... ...............................................

เห็นนี้แล้วผมรู้สึกชื่นใจน ึกว่าใกล้จะถึงแต่ มันแค่ด่านที่ 1 เท่านั้นเอง

ป้ายนี้เป็นป้ายด่านที่ 2 จนถึงป้ายนี้แล้วผมต้องลงเด ิน แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเพราะระยะทางลาดชันจริงๆ หนูยอมแพ้แล้วววว

จนถึงจุดนี้ทางลาดชันเกินไป รถจะไปไม่ไหว
มุก็ยังมีความตั้งใจแน่งแน่ ว่าจอดรถแล้วเดินไปดีไหม
ผมก็คิดทบทวนว่ามาขนาดนี้แล ้วลองไปดู
จนเดินไปได้ระยะนึงแล้วพบว่
ระยะทาง+ความลาดชัน+สัมภาระ
ไม่สามารถทำให้เราเดินไปต่อ ได้จริง เราเลยต้องหยุดไว้ตรงนี้ มุทำหน้าผิดหวังน่าดู
(ไว้โอกาศหน้าจะหารถลงไปให้ ได้เลย)

ทิ้งท้ายไว้ที่ทางสุดท้ายตร งนี้

หันหัวรถกลับ และ ตัดภาพมาที่บ้านอีต่อง
หึหึหึหึ ไม่ได้ไปบ้านป้าเกล็นงั้นฉั นจะไปกินปูแทน
ร้านเจ๊ณี เช่นเดิมตั้งใจไว้ว่าจะกินใ ห้หนำใจ
ให้หายเหนื่อยกันไปเลย


และนี่ นี่ นี่ นี่ๆๆๆๆๆๆ ( จะเยอะไปไหน นี่!! 55555)
ปู ปู ปู หนูชอบกิน ปู
ปูที่นี่มีขายทั้งสดและนึ่ง ในช่วงที่ผมไปคือ
ปลายเดือนก.ค. 59
ราคาปูสดอยู่ที่ 290 ต่อ 1 กิโลเมตร เอ้ย!! กรัม
ปูสดนึ่งจะอยู่ที่ 350 ต่อ 1 กิโลกรัม
ขนาด 6-7 ตัวโล

แซ่บหลาย ย ย ย ถูกใจแท้น้อ

ส่วนอีกเมนูข้างๆ คือ ไก่ทอดเกลือ มุอยากกิน
หนังกรอบ เนื้อนุ่ม มีรสเค็มนิด หอมกลิ่นตะไคร้
อร่อยมากครับ แต่ผมกินปูเป็นหลัก

มีแฟนน่ารักคอยช่วยแกะให้ด้ วย ฟิน!


และนี่ก็คือจุดกางเต๊นท์อีก 1 สถานที่ยอดนิยม
ในช่วงฤดูหนาว มีชื่อว่า "เนินช้างศึก"
ที่นี่เหมาะสำหรับกางเต็นท์ นอนชมเดือน ชมดาว และ สัมผัสบรรยากาศความหนาว บรื๋ออออ

กลุ่มหมู่บ้านเล็กๆ มองดูแล้วน่ารักดีเนาะว่าไห ม ?

และสถานที่สุดท้าย ผมชอบที่นี่นะ ผมว่ามันเป็นน้ำตกที่สวยมาก ๆ ในสายตาผมเลย ดูลงตัว
น้ำตกนี้มีชื่อว่า " #น้ำตกจ๊อกกระดิ่น"
สายน้ำไหลแรง ซู่ซ่ามาก ฟังแล้วมีกำลังใจ
เพราะมันบอกว่า สู้ๆ ( ซู่ๆ ) 5555 อะไรนี่ก็ไม่ขำ
ออกจะขำนะ มุขเก่าเล่นกี่ครั้งก็ ฮา(คนเดียว)

***สำหรับใครที่มีตั๋วของอุ ทยานฯทองฯ แล้วไม่ต้องตีตั๋วใหม่ ใช้ตั๋วนั้นเข้าได้เลยนะครั


ปิดท้ายทริปนี้ด้วยภาพ "ทหารพราง" ในดงปอเทือง หน้าพิพิธภัณฑ์ข่องเขาขาดนะ ครับ ดอกน้อยละ

#แล้วพบกันทริปหน้า

#สะพายเป้ชินชิล



ความคิดเห็น