รีวิวนี้แตกหน่อออกจากมาจาก เรื่องที่ 5 ของ "Hue' May I hug you!! | 5 เรื่องเล็กๆที่อยากกอดเว้ให้เต็มแรง"
https://th.readme.me/p/5626

เพราะเราอยากเขียนรายละเอียดเพิ่มเติม ถึงการเดินทางและบรรยากาศในเส้นนี้ ระหว่างทางมันมีทั้งวิว ทิวทัศน์ที่หลากหลาย รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะได้เบี้ยใบ้รายทางอีกต่างหาก เราเลยเขียนแยกออกมา เผื่อจะมีใครสนใจ

หลายๆคนคงจะเคยได้ยินชื่อลุงโฮ โฮจิมินห์ กันมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ซึ่ง Hochiminh Trail (โฮจิมินห์ เทรล) ก็คือเส้นทางที่ลุงเคยใช้เดินทัพตอนช่วงสมัยสงครามเวียดนามกระจายตัวออกไปถึงลาวและกัมพูชา ส่วนหนึ่งในเส้นทางนี้ทอดยาวคดเคี้ยวตามไหล่เขาตั้งแต่เหนือจรดใต้ จากฮานอยถึงโฮจิมินห์ในเวียดนาม ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร

ปัจจุบันนี้เส้นทางดังกล่าวได้รับการดูแลรักษา และตั้งชื่อถนนเส้นนี้ตามชื่อของแกเพื่อเป็นเกียรติแก่ลุงโฮ

Hochiminh Trail เป็นอีกหนึ่งเส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์คลาสสิคตามรอยการเดินทางของลุงโฮ ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เริ่มตั้งแต่ฮานอย ถึงโฮจิมินห์ ร่วมพันกว่ากิโลเมตร ซึ่งถ้าขี่เต็มรูทก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7 วัน อันนั้นคงสำหรับคนที่มีเวลาและใจรักจะตามรอยลุงแกจริงๆ

เค้าว่ากันว่าถนนช่วงที่วิวสวยที่สุดใน Hochiminh Trail คือช่วงระหว่างทางจาก Hue - Prao (อันนี้สืบมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายๆคน ที่รีวิวใน Trip advisor) ฉะนั้นเส้นทางนี้จึงได้รับความนิยมมากกว่าการแว๊นยาวๆเต็มรูท เพราะนอกจากจะระยะทางสั้นกว่า แถมถนนที่วิวสวยที่สุดยังอยู่ตรงจุดนี้ด้วย

ส่วนเราตอนแรกก็กะจะนั่งรถไปฮอยอันกันดีๆแหละค่ะ แต่เห็นป้ายเช่ามอเตอร์ไซค์จากเว้ - ฮอยอัน แบบ One way เต็มไปหมด เลยไขว้เขว้ (ซึ่งเราสามารถคืนรถที่ฮอยอันได้เลย)

แต่พอหาข้อมูลเพิ่ม มาเจอเส้นทางนี้ เลยจุดประกายอยากตามรอยลุงโฮ สไตล์ เช กูวารา ใน Motorcycle Diary บ้าง การขี่มอเตอร์ไซค์แบบไม่ทันตั้งตัว(ของทั้งคู่)เลยเริ่มต้นขึ้น

Day 1:

เราออกจากเว้ก็ 10 โมงเช้าแล้วค่ะ แยกกระเป๋าแบ่งของที่จำเป็นให้เหลือแค่เป้ 1 ใบ ต่อสัมภาระของ 2 คน ข้าวของที่เอามาก็ไม่ได้เตรียมจะมาขี่มอเตอร์ไซค์กันเลย ใส่แบบตามมีตามเกิด เราแวะเที่ยวที่หมิงหมาน 1 ในยูเนสโก ที่เป็นสุสานของจักรพรรดิคนที่ 2 แวะเพราะไม่เคยมาและอยู่ระหว่างทางพอดี ออกจากตรงนั้นก็เกือบเที่ยง จำได้ว่าวันนั้นอากาศร้อนจัดจนแท่บจะเป็นลม

ออกจากเมืองเว้มาได้ ก็รถไม่เยอะแล้วค่ะ ถนนดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เส้นนี้ไม่ค่อยมีรถใหญ่ผ่าน นานๆถึงจะมี ช่วงแรกๆก่อนจะถึงทางแยกที่เข้าสู่เส้น Hochiminh จะผ่านไร่ และบ้านคน มีทำถนน ไต่ขึ้นไหล่เขาบางช่วง มาถึงตรงนี้อากาศก็เริ่มเย็นสบายเพราะเริ่มขึ้นเขา



สักบ่าย 2 เราก็ถึงหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะหาที่พักที่นี่ ลักษณะเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีชนเผ่าพื้นเมืองและบ่อน้ำร้อน แต่ที่นี่ไม่มีที่พักเลย จะมีก็แต่โฮมสเตย์ที่ดูแล้วคงไว้รับเฉพาะกลุ่มที่มีไกด์เป็นล่าม เราเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปจุดพักต่อไปที่เมือง Prao ซึ่งห่างจากตรงนี้ประมาณเกือบ 100 โล ทำให้เราต้องแข่งกับเวลาช่วงบ่ายที่เหลืออยู่

ออกจากตรงนี้ได้สักพักก็เริ่มห่างไกลบ้านคน ตลอดทางที่ขึ้นเขาคดเคี้ยว เราไม่เจอบ้านคนอีกเลย ถนนดีมาก เหมือนไม่ค่อยมีคนใช้ ตอนนั้นบ่ายคล้อยลงเรื่อยๆ เจออุโมงค์ข้างหน้า พ้นอุโมงค์ออกไปคงมีฝนห่าใหญ่กำลังรออยู่ พวกเราได้แต่เตรียมพร้อมรับฝน เพราะดูแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะรอให้ฝนหยุด เราต้องไปให้ถึงเมือง Prao ก่อนที่จะมืด



ฝนตกหนักมากถึงมากที่สุด ทั้งลมและฝน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตากฝนที่กระหน่ำลงมาขนาดนี้ แต่ต้องไปต่อเพราะตอนนั้นพวกเรากำลังอยู่บนไหล่เขา ไหนจะหนาวสั่น ไหนจะฟ้าที่แล่บเปรี๊ยะๆ คำรามอยู่บนหัวเรา กับฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ ยอมฝ่าฝนออกไปจากตรงนี้เร็วๆดีกว่า



เปียกปอนไปทั้งตัว โชคดีที่ติดถุงดำใหญ่ๆกับกระเป๋ากันน้ำมาด้วย บรรยากาศรอบตัวเริ่มดีขึ้นเมื่อผ่านอุโมงค์อันที่ 2 ออกมา สองข้างทางเขียวชะอุ่ม ผืนป่าแถบนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นเฟิร์นแน่นขนัด หมอกลอยระเรี่ยอยู่ข้างภูเขา ผ่านน้ำตกเล็กๆ ลูกของต้นยางนาที่ตกเกลื่อนบนถนน ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกับธรรมชาติที่เกิดขึ้นของฟ้าหลังฝนแท้จริง



6 โมงเย็น ที่มาถึงเมือง Prao ทันเวลาก่อนที่จะมืดพอดี พวกเราหาโรงแรมได้ไม่ยาก ห้องพัก ดูดีกว่าคิดนะ ราคาแค่คนละ 100,000 ด่อง และอาหารเย็นอีกแค่หัวละ 50,000 ด่อง เออ ที่นี่เค้าใช้คำว่า Rest House ด้วย แปลตรงๆตัวเลย ง่ายดี



เมือง Prao คือเมืองที่อยู่ระหว่างทางของเส้นนี้ ลักษณะคล้ายๆที่ราบสูง ทำให้มีอากาศเย็นกำลังสบาย แม้ตัวเมืองจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีเกสเฮาส์ อยู่ 3-4 ที่ ร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน เหมาะที่จะเป็นจุดแวะพักก่อนที่จะเดินทางต่อได้เป็นอย่างดี และที่เราขี่ยาวๆมาพักที่นี่ ทำให้เราประหยัดเวลาไปได้อีก 1 คืน



Day 2:

8.00 ออกจากเมือง มุ่งหน้าสู่ฮอยอัน ทางช่วงนี้เริ่มลาดลงเขาและเป็นบ้านคนมากขึ้น ถนนเริ่มขรุะขระ รถเริ่มเยอะ ต่างจากเมื่อวานลิบลับ

เราซอกแซกเข้าซอยออกนอกทางไปถ่ายรูปกันบ้าง สัก 11 โมง เราก็มาถึง My Son แต่กว่าจะมาถึงก็ต้องถามทางคนแถวนั้นอยู่บ้าง เพราะไม่มีป้าย และไม่ใช่เส้นทางยอดนิยม ส่วนมากคนมักจะมา My Son ทางฮอยอันกัน

ซึ่งทางนี้ที่เรามาจะต้องใช้เรือข้ามฝั่ง อารมณ์เหมือนขึ้นแพขนานยนต์ แต่รับเฉพาะคนและมอเตอร์ไซค์ แปปเดียว ประมาณไม่ถึง 5 นาที แล้วขี่ไปตามทางประมาณ 15 นาทีก็จะถึงปากทางเข้า My Son ค่ะ




My Son เป็นเมืองโบราณที่เป็น 1 ในมรดกโลกในเวียดนามกลาง ที่ครั้งหนึ่งอาณาจักรขอมเคยแผ่อิทธิพลมาถึงและได้สร้างปราสาทไว้ที่นี่ในอดีต



จาก My son ห่างจากฮอยอันประมาณ 40 กิโล สบายๆแล้วค่ะ ถ้าผู้บ่าวเราไม่ซวยโดนตัวต่อต่อยเข้าที่ปาก ตอนนั้นทุลักทุเลกันมาก เพราะอากาศรอบตัวคือร้อนอบอ้าวสุดๆ ดูแล้วยิ่งพักนานยิ่งทำให้พิษมันแพร่กระจาย เลยต้องกัดฟันไปให้ถึงฮอยอัน จากนั้นค่อยพักยาวๆไป

HOI AN

Day 3-4 :

เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์ ไปปั่นจักรยาน แถบเมืองเก่า ใช้ชีวิตช้าๆ ดูเมือง ดูผู้คนไปตามเรื่อง ตามสไตล์เมืองเก่าชิคๆยูนีควินเทจแหละค่ะ สำหรับเราไฮไลต์การมาฮอยอันคือการมากินเบียร์สด 555 รสชาติดี ถูก นุ่มมมมม

พวกเราพักที่ฮอยอัน 2 คืน พอเริ่มดีขึ้น วันนี้ก็พร้อมที่จะแว๊นกลับเว้กันแล้วค่ะ

ระหว่างทางจากฮอยอัน-เว้ แตกต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง เพราะเป็นเส้นทางเลาะไปตามริมทะเล บรรยากาศดีและฟ้าใสมาก


แต่พอเข้าเมืองดานัง ก็ต้องแยกไปอีกทางที่ต้องขึ้นเขา เค้าว่ามี 2 เส้น นะที่จะไปเมืองเว้ ทางที่เป็นอุโมงค์นั้นย่นระยะไปได้เยอะ แต่เค้าไม่อนุญาติให้รถแก๊สและมอเตอร์ไซค์ผ่าน เลยจะเหลือแค่ทางบนเขานี้ละค่ะ ที่เราไปได้ หวาดเสียวหน่อย แต่ค่อยๆไป ระวังมากหน่อย เส้นนี้ขึ้นเขา ลงเขาคดเคี้ยว ไหนจะรถบรรทุกอีก

อีก 60 กิโล ก่อนจะถึงเว้ มีน้ำตกอยู่ระหว่างทางด้วย (Suoi Voi) ขี่เข้ามาประมาณ 3 กิโล และเดินต่ออีกนิดจะเจอน้ำตกที่เป็นแอ่งๆ คล้ายๆแก่งเสี้ยนแมวบ้านเรา แต่น้ำใสกว่ามากๆ

พ่อค้าแม่ค้าที่ให้บริการแพต่างกักน้ำเป็นแอ่ง ไว้ในเขตของตัวเอง แต่ถ้าเดินเข้ามาลึกๆหน่อย จะเป็นแอ่งใหญ่ ที่มีนักท่องเที่ยวรวมตัวกันอยู่เยอะมาก

เราเองก็เล่นน้ำนะ ลงมันทั้งชุดนั่นแหละ ล้างเนื้อล้างตัวให้สบาย คลายความเหนอะจากอากาศร้อนๆ แล้วก็กลับมานั่งมอไซค์ต่อทั้งเปียกๆ

ขากลับนี่ฟินมาก ร้อนๆโดดน้ำตกเย็นๆระหว่างทางก่อนกลับเข้าเว้ ไม่เกินบ่าย 2 เราก็ถึงเมืองเว้กันแล้วค่ะ

ข้อมูลการเดินทางทริปนี้

- จากเว้-ฮอยอัน หากไม่แวะหมี่เซิน ระยะทางกว่า 258 km (อ้างอิงจากระยะทางใน Google map)

- ที่พักแรมระหว่างทางมีแค่ที่เมือง Prao ฉะนั้นต้องเผื่อเวลาสำหรับการขี่มอเตอร์ไซค์ ระยะทาง 162 Km.ในวันแรกนี้ ไว้ด้วยนะคะ

- จาก Prao - Hoi An เราสามารถแวะเที่ยวที่ My Son (หมี่เซิน 1 ใน Unesco) แล้วค่อยขี่ต่อไปฮอยอัน โดยไม่ต้องย้อนไปมาได้ค่ะ แต่พอถึงดานังจะมีทางแยกที่จะไปฮอยอัน ให้เราเลือกเลี้ยวขวา หลังจากนี้ทางมันไม่มีป้ายบอกนะ แต่ถามทางชาวบ้านได้

- ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ มีอยู่เยอะแยะมากมาย ถ้าเช่าขี่แบบ One way (เช่าจากเว้ คืนที่ฮอยอัน) ราคาประมาณ 22-25 usd เช่าต่อวันประมาณ 5-7 usd แต่ทั้งนี้ควรตกลงทำความเข้าใจกันให้ดีก่อนนะคะ แล้วอย่าลืมเช็คสภาพรถด้วย ว่าแรงพอจะพาเราขึ้นเขาได้มั้ย อันนี้สำคัญมาก

- หรือถ้าใครขี่มอเตอร์ไซค์ไม่แข็ง หรือไม่มั่นใจ มีทัวร์มอเตอร์ไซค์ไว้เป็นตัวเลือกค่ะ คือจะมีคนขับท้องถิ่นชำนาญทางขับให้ เราก็นั่งเป็นสก๊อยสวยๆไปค่ะ หรือถ้ามากันหลายคนอยากขี่เอง แต่อยากมีคนท้องถิ่นนำ ก็มีบริการ Guide Rider เช่นกัน

- บางช่วงไม่มีสัญญาณอินเตอร์เนต โหลดแผนที่ ในกูเกิ้ลมาเก็บไว้ก็ช่วยได้เยอะนะคะ

- ****หน้าฝนงดแว๊น อันตรายมั่กๆ****

เราแปะเส้นทางไว้ให้ แต่ตรงข้ามเรือที่จะไปหมี่เซินมันขาดไป เพราะกูเกิ้ลไม่ detect ให้ มันเลยไม่ต่อกัน เราเลยจิ้มพิกัดเอาเอง ภาพมันเลยตัดออกมาเป็น 2 ช่วงนะคะ


**สิ่งที่น่าสนใจระหว่างทาง

- ผ่านทั้งบ้านคน ไร่สวน ทำถนน ตามสภาพปกติทั่วไป ถนนดีพอสมควร รถไม่เยอะ ส่วนมากจะเจอแต่มอเตอร์ไซค์ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ขี่มอเตอร์ไซค์เส้นนี้ เรายังรู้สึกปลอดภัยกว่าตอนขี่ในเมืองอีก

- พอถึงทางแยกระหว่างชายแดนลาว-เวียดนาม เลี้ยวมาทางซ้าย ก็เริ่มเข้าสู่ Hochiminh Trail ทางช่วงแรกๆเป็นหมู่บ้านของชาวเวียดนามท้องถิ่น คล้ายๆเวลาเราไปชมบ้านกะเหรี่ยงอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านนั่งทอผ้ากันน่ารักน่าเอ็นดู มีบ่อน้ำร้อนด้วย

- ออกจากหมู่บ้านสภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไป ถนนเริ่มขึ้นเขา และคดเคี้ยวมากมาย แต่เส้นทางนี้วิวสวยจริงนะ มอสเขียวชอุ่ม ต้นเฟิร์นสูงชะลูด บ้านเราเองยังไม่มีเส้นทางรถที่เต็มไปด้วยต้นเฟิร์นสูงๆแน่นๆยาวเกือบ 100 กิโลแบบนี้เลย

- แวะเที่ยวหมี่เซิน มรดกโลกได้ด้วย

- หากอยากจะแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติ Bac ma หรือ ฺBa Na ก็สามารถทำได้

- จาก Hoi An - Hue เลาะเส้นทางทะเล ซึ่งเราสามารถเห็นวิวทะเลจากภูเขาได้ด้วย สวยดีไปอีกแบบ แถมก่อนถึงเว้มีน้ำตก ที่มีหนุ่มฝรั่ง สาวนุ่งบิกินี่เล่นน้ำ เป็นอาหารตาเพลินๆด้วย ถ้ายังไม่คืนรถ ขี่กลับไหว แนะนำนะคะ

จากเว้ ไปถึงฮอยอัน แล้วกลับมาเว้อีกที ระยะทางกว่า 424 Km. เราได้สัมผัสทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ อย่างที่หากนั่งรถปกติธรรมดาคงหาไม่ได้


มันทำให้เราได้ซึบซัมของทุกอารมณ์ในการเดินทาง ไม่ว่าจะผ่านทั้งร้อนตับแล่บ แดดเปรี้ยง ผิวไหม้ ป่าเขียว สายหมอก ลมภูเขา ลมทะเล ขี้เกลือ น้ำตก ฝุ่นบนถนน ฝนที่ตกหนักราวฟ้ารั่ว ข้ามเรือขนานยนต์ ผ่านผู้คนหลากหลาย อะไรอีก นึกไม่ออกแล้ว แต่ทริปนี้สนุกๆ

เป็นเส้นทางสั้นๆ แต่ประทับใจสุดๆ บางทียังมากกว่าบางทริปที่เราเดินทางยาวๆซะอีก (ไหนจะที่โดนต่อต่อยอีก 555) นี่ขนาดยังไม่นับรวมถึงตอนเที่ยวฮอยอันนะ

เรียกได้ว่าถ้าใครเบื่อการเดินทางแบบเดิมๆ การขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวแบบนี้ ก็สามารถฉีกออกจากความจำเจได้นะ แถมยังเข้าถึงทุกอารมณณ์ครบทุกรสชาติ ในราคาไม่แพง แต่อาจต้องแลกกับการตากแดดตัวดำ เก็บทริปนี้ไว้เป็นตัวเลือกกันนะคะ

ขอบคุณที่อ่านกันนะ

Oil / Wanderer Error
https://www.facebook.com/WandererError/

ปล.เส้นทางนี้เรียกตามเว็บทัวร์หลายๆที่ของเวียดนาม ที่ต่างก็เรียกว่าโฮจิมินห์เทรล แต่ที่ถูกต้องควรจะเรียกว่า Hochiminh Highway //ส่วน Hochiminh Trail ตามวิกิพีเดียนั้นจะอยู่ในเขตประเทศลาวและเขมรค่ะ

ความคิดเห็น