วันนี้ผมขับรถไปจังหวัดเพชรบุรี เพราะอารมณ์และแรงบันดาลใจ--ที่อยากไป
อยากไปก็ไปเลยครับ เพราะทุกวันนี้การเดินทางไปเมืองเพชรนั้นสะดวกสบายมากๆ ลงทางด่วนยิงยาวถนนพระราม 2 - ปากท่อ เลี้ยวซ้ายที่แยกวังมะนาว ตรงไปอีกหน่อยก็เข้าเขตเมืองแห่งขนมหม้อแกงแล้ว
จะว่าชินชาก็ไม่ใช่ จะว่าคุ้นเคยก็ไม่เชิงนะครับกับเมืองเพชร...มันเป็นความรู้สึกเหมือนมา เที่ยวบ้านเพื่อนมากกว่า 555 เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่ที่ที่คุ้นเคย ทั้งทะเลชะอำ เขาวังอันเลื่องชื่อ และอีกมากมายอย่างที่เรารู้กัน
โจทย์ของผมในการเดินทางมาที่นี่หลายๆ ครั้งคือ "No Plan is Plan" พูดง่ายๆ ก็คือ "ไม่มีแผนว่าจะไปไหน แต่นั่นแหละคือการวางแผน" ขับไปเรื่อยๆ สะดุดตากับอะไรก็ลองแวะเข้าไปดู เหมือนกับคราวนี้ครับ...ผมสังเกตเห็นด้วยความบังเอิญกับป้ายพื้นสีชมพูอัน ใหญ่ ตัวหนังสือหลากสีสัน ติดเรียงรายเป็นระยะ ตั้งแต่เข้าตัวเมืองเพชรจนถึงอำเภอท่ายาง และป้ายอันนั้นก็เขียนว่า "The Field Animals Dream"
ใช่แล้วครับ! แค่เห็นป้ายพวกนี้จากหางตาก็รู้แล้วว่าเป็นสวนสัตว์ ยิ่งผ่านแยกท่ายางมาเรื่อยๆ ป้ายนี้เริ่มมีถี่ขึ้นๆ สิงสาราสัตว์เริ่มโผล่หน้ามาให้เห็น (ตามป้าย) เอาเป็นว่าคนขับรถเร็วๆ มาไม่ต้องห่วงครับ รับรองว่าต้องเห็นแน่นอน เพราะเลยร้านแม่กิมลั้ง สาขา 1 ล่องใต้ และเลี้ยวซ้ายตรง กม.175 ถนนเพชรเกษม มานิดเดียวเอง
บอกตรงๆ นะครับว่าพอได้เข้ามาแล้ว ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อว่า "The Field Animals Dream" แทนคำว่า Zoo ที่ใช้กันทั่วไป เพราะที่นี่เป็นเหมือน "ทุ่งหญ้าแห่งความฝันของสัตว์นานาชนิด" สถานที่กว้างใหญ่ กะด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะประมาณ 40 ไร่ มันเหมือนเราขับรถหนีความวุ่นวายจากถนนใหญ่ไม่กี่ร้อยเมตร แล้วเจอสวนสัตว์ขนาดใหญ่ เสมือนการจุดระเบิด เสมือนเนรมิตพื้นที่กลางหุบเขานี้ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขของสัตว์ และคนที่มาเที่ยว The Field Animals Dream ได้อย่างประทับใจสุดๆ
เมื่อกี้แค่ดูจากภายนอกนะครับ พอเสียบัตรค่าผ่านประตูก็ยิ่งยิ้มได้กว้างไปอีก เพราะผู้ใหญ่จ่ายแค่ 80 บาท ถ้าอายุเกิน 70 ปีเข้าฟรีเลย! ส่วนเด็กก็ 50 บาท หากครอบครัวไหนมีฝาแฝดมาด้วย…เข้าฟรีเลยครับ! อ้อๆ เด็กต่ำกว่า 5 ขวบก็ไม่เสียเงินนะ
แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่การออกแบบเส้นทางการเดินชม The Field Animals Dream ก็ทำไว้ดีมากๆ คือเป็นลักษณะเส้นทางแบบวงกลม แวะดูสัตว์และธรรมชาติได้ครบทุกอย่าง ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมาให้งงกันครับ เหมาะกับคนที่มักหลงทิศหลงทางมากๆ 555 โดยแลนมาร์คแรกที่เห็นได้เด่นชัดคือ "สระน้ำธรรมชาติชมวิวขนาดใหญ่" มีทั้งหงส์ดำ ขบวนเป็ดหลายสิบตัวว่ายน้ำเป็นขบวน และเป็ดบอลลูนบิ๊กไซส์ ลอยตุบป่องๆ ไปมา น่ารักๆ ใครเห็นก็อดถ่ายรูปกับเจ้าเป็ดเหลืองตัวยักษ์นี้ไม่ได้จริงๆ แถมยังมี "กรงนกใหญ่" อยู่บนบ่อน้ำ เราสามารถเดินเข้าไปในนี้และให้อาหารพวกเขาได้เลย ไม่อันตรายครับ…มีเจ้าหน้าที่ดูแลให้อย่างดี
ต้นไม้นานาชนิดที่อยู่ระหว่างทางเดินก็ให้ร่มเงากำลังดี ไม่ใหญ่โตเกินจนบดบังทัศนียภาพความงามของภูเขาที่รายล้อมสวนสัตว์แห่งนี้ แต่ถ้าใครไม่ชอบแดดร้อนๆ ก็ยืมร่มเข้าไปกางเดินเล่นได้เลยครับ ไม่เสียค่าใช่จ่าย แถมยังเป็นขนาดใหญ่ 2 ชั้น กันรังสี UV อย่างดี ไม่มีดำแน่นอน
พอมีตัวช่วยแบบนี้แล้ว สถานีถัดไปก็เดินสบายแล้วครับ แวะดู "ไก่ขนฟู" ตัวอ้วนๆ ที่อยู่ในโรงเลี้ยงอย่างสบายใจ หรือให้อาหาร "แพรรี่ด็อก" สุดน่ารักที่มีพฤติกรรมคล้ายๆ น้องหมาบ้านเราเลย คือรูปร่างจะคล้ายๆ กระรอกตัวใหญ่ เขาจะเดิน 4 ขา แต่เวลาเขาจะขออาหารจากเราเนี่ย เขาจะยืนสองขาแล้วยกมือขอ พอได้อาหารไปก็จะจับแทะๆๆๆ เหมือนหนูเลย ถือว่าเป็นดาวเด่นของที่นี่เลย
ระหว่างทางหากใครอยากนั่งพักสบายๆ ก็มีที่ชิลล์บริเวณรอบๆ สระน้ำ และมุมพักผ่อนเรือนไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กัน แต่หากใครอยากนั่งชิลล์เย็นๆ จนแบบหลับไปเลยต้อง "ศาลาชมวิว" ที่อยู่ด้านหลังครับ ซึ่งมีพื้นที่นั่งพักอย่างกว้างขวาง พร้อมจัดสวนหย่อมเล่นระดับอย่างสวยงาม มีรูปปั้นน้องแกะ มีกังหันลม มีจักรยานล้อโต้ เป็นพร็อพไว้รอถ่ายรูปอย่างเสร็จสรรพ ส่วนวิวด้านหลังก็มีป้ายสวยๆ ของ The Field Animals Dream อยู่กลางทุ่งนาเขียวขจีสีสด ตัดกับฉากหลังที่เป็นวิวภูเขาเล็กใหญ่ลดหลั่นกันไป…แนะนำว่าอย่านั่งเพลินนะ ครับ เดี๋ยวจะจินตนาการเลยเถิดไปว่าเป็นที่ดินบ้านของตัวเองไปซะงั้น 555
เมื่อกี้เราเห็นรูปปั้นน้องแกะไปแล้ว น้องแกะตัวเป็นๆ น่ารักๆ ก็อยู่คอกถัดไปเองครับ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่อีกตัวเลยก็ว่าได้ เพราะจะมีแขกมาเยี่ยมเยียนให้อาหารตลอดเวลา รวมถึงตัวผมด้วย แถมบ้านของพวกน้องแกะก็ดูกว้างขวาง ดูอยู่สบายๆ ไม่เครียดสักตัวเลย ทำให้บางครั้งคึกกว่าปกติ มีการกระโดดขี่คอแกล้งกันบ้าง ส่งเสียงกันนิดหน่อย ก็อย่าตกใจนะครับ เพราะเขาอารมณ์ดีกันตลอดเวลา
ตลอดทางที่เดินผ่านมาอย่างที่บอกครับ เดินง่าย ไม่หลง มีป้ายบอกทาง รวมถึงป้ายบอกข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่างๆ ได้อย่างละเอียดชัดเจน เอาเป็นว่ากลับบ้านไป น้องๆ นักเรียนกลับไปทำรายงานเรื่องสวนสัตว์ได้สบายเลย
ระหว่างที่นั่งดื่มกาแฟอเมริกาโน่เพลินๆ ก็นึกถึงจุดเริ่มต้นของที่นี่ นึกถึงคนที่คิดไอเดียนี้ขึ้นมา หันไปมองซ้ายมองขวา เห็นโลโก้ The Field Animals Dream พื้นสีชมพูกับตัวอักษรสีสดใสแบบนี้? เหมือนเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในเมืองเพชร? รู้สึกคุ้นเคยมากๆๆๆๆ ทันทีที่นึกออก “คุณเม้าท์ - พิริยาภรณ์ โรจนวิทิตพงศ์" เจ้าของร้านแม่กิมลั้งก็เข้ามาที่สวนสัตว์นี้พอดี
ช่วงขากลับครั้งนี้ ผมขับรถช้ากว่าปกติครับ ไม่ใช่เพราะเหนื่อยหรือล้าจากการเที่ยว แต่อยากจะจอดรถเข้าไป “ร้านแม่กิ้มลั้งทั้ง 6 สาขา" ที่กระจายตัวอยู่ในอำเภอท่ายางและชะอำ ไปดูแต่ละครอบครัวซื้อของไปฝากคนที่บ้านอย่างมีความสุข เห็นหิ้วกันพะรุงพะรังไม่ใช่น้อย บางคนก็ถ่ายเซลฟี่ป้ายภาพในสวนสัตว์ที่หน้าร้าน บางคนก็แชร์ภาพลงในเฟซบุ๊ค ในไลน์ และ Social Network ต่างๆ เพราะของฝากทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นอะไร รับรองว่าต้องมี “ส่วนผสมของความสุขที่หอมหวาน" อยู่ในทุกชิ้นแน่นอนครับ
แล้วไปพบความสุขกันครับ…ที่สวนสัตว์ The Field Animals Dream
ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน…ตำนานเมืองเพชร
The Field Animals Dream By แม่กิมลั้ง
เดอะฟิลด์ แอนนิมอล ดรีม
ถ.เพชรเกษม อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
เลี้ยวซ้าย กม.175 ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) ประมาณ 500 เมตร
Tel. : 086-856-7598 / 086-555-5155
Line : thefieldanimals
FB : TheFieldAnimalsDream
IG : thefieldanimalsdream
Nuim Navigator
วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.08 น.