หากชีวิตของคุณเคยเดินป่ามาบ้างไม่มากก็น้อย คุณย่อมจะมีคำตอบในใจว่า 'เ ส น่ ห์' ของการเดินทางไกลด้วยสองเท้าของเรานั้น คืออะไร ?
หากคุณเคยชินกับการเดินทางที่ขึ้นไปเพื่อพบกับความขาวโพลนของหมอก และหญ้าเขียวขจีที่ชุ่มชื้น...ผมเชื่อว่า การได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเจออะไรที่แตกต่าง มันก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน
ดอยทูเล หรือ ม่อนทูเล คืออีกหนึ่งจุดมุ่งหมายที่คนรักเขาไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง กับการเดินทางที่เรียกว่า 'ไ ต่ ค ว า ม ชั น' ซึ่งเเทบจะต้องปีนขึ้นไป เพราะทางมีแต่ชันขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...และเรื่อยๆ ทางราบคือสิ่งที่คุณจะไม่มีวันพบเจอ จนกว่าคุณจะขึ้นไปถึงยอดเขา เพื่อขึ้นไปหา 'ทุ่ ง ห ญ้ า สี ท อ ง' ที่อร่ามรับแสงเดือนแสงตะวันอยู่บนนั้น
และแล้วการเดินทางของ ค น ห ล ง ท า ง จึงเริ่มต้นขึ้น...
จังหวัดตาก เรียกว่าเป็นจังหวัดที่ผมนั
กิตติศัพท์ของ
ทุ่งหญ้าสีทอง ที่ผมได้ยินมานานสองนาน ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องหาเว
กับภูเขาที่มีทุ่งหญ้าสีทอง
การเดินทางของผมในครั้งนี้เริ่มต้นกันที่ อบต.ท่าสองยาง ครับ หลังจากที่เราได้วันเวลาในการเดินทางเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องโทรจองวันกับเจ้าหน้าที่ และลูกหาบให้เรียบร้อย
ไม่ใช่อยู่ดีๆอยากจะไป ก็เดินดุ่ยๆๆๆ ไปนะครับ 5555+
ถึงร่างกายคุณจะฟิตโคตรรร คุณก็ขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าให้เรียบร้อยนะครับ ส่วนในเรื่องของลูกหาบนั้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 300.-/วัน/คน นะครับ ซึ่งเค้าก็จะเป็นคนนำทางให้เราด้วย ก็จะเป็นชาวบ้านชาวเขาแถวนั้น ซึ่งเค้าจะร่วมทางไปกับเราจนจบทริปกัน
ระหว่างรอเวลาที่จะขึ้นไปเขา พวกเราก็ไปเดินเล่นกันแถวริมแม่น้ำเมยไปพลางๆ หมอกลงแต่เช้าเลยครับวันนี้ อากาศดีจริงๆ
หลังจากได้เวลาที่จะต้องเดินทางแล้ว เราก็จะต้องนั่งรถสองแถวเข้าไปที่ตีนเขากันครับ ระยะทางไกลนิดนึง ประมาณ 6-7 กิโล ค่ารถก็ 300.-/เที่ยวนะครับ
เอาละพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางกันดีกว่า....
เดินมาได้สักระยะก็เเวะพักล้างหน้าล้างตากันหน่อย
กว่า 7 ชั่วโมง ที่พวกเราค่อยๆเดินขึ้นมา จนมาถึงจุดที่ใกล้จะถึงยอดเขา ที่เรียกว่าพีคสุดๆ คือทางที่ชันจนแทบจะ 90 องศา
ถึงจุดนี้ก็ต้องกึ่งปีนกึ่งเดิน กำลังแขน กำลังขา ต้องดีกันสักหน่อยนะครับ แต่เส้นทางก็รายล้อมไปด้วยมวลหญ้าสีทองกันแล้ว อีกนิดเดียว...เราก็จะถึงยอดเขากันแล้ว
เอาละครับ! ถึงแล้ว ที่เห็นไกลๆลิบๆนั่น ก็มีคนขึ้นมาเหมือนกันนะครับวันนี้ ได้เวลาที่เราจะจับจองหาที่กางเต๊นท์ เก็บของกันให้เรียบร้อย
หลังจากเหนื่อยล้ากันมาทั้งวัน ก็ได้เวลาที่เราจะเต็มอิ่มกับธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้ากันแล้ว สังเกตุดูจากภูเขาที่อยู่รอบๆนะครับ คือจะเป็นสีเขียวกันทั้งหมด มีแค่จุดนี้ที่เป็นสีทองตัดกับท้องฟ้า และเขาลูกอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า บนนี้ไม่มีห้องน้ำใดๆทั้งสิ้นนะครับ เพราะฉะนั้นกินอยู่และใช้ชีวิตตามธรรมชาตินะครับ 5555+ เตรียมทิชชู่หรืออะไรกันไปให้พร้อม
ขึ้นมาได้ไม่นาน ก็ได้เวลาที่พระอาทิตย์จะตกดินพอดี แสงสุดท้ายของวันนี้กำลังจะจากเราไป แล้วเราจะมารับแสงตะวันกันในยามเช้าอีกครั้ง
ทะเลหมอกยามเช้าที่คุณอาจจะจิตนาการได้ยากว่า 'ทำไมถึงมีหมอก' ด้วยความที่ทุ่งหญ้านั้นเหลืองทองอร่าม เราคงนึกไม่ออกกันเลยว่า มันจะมีความชุ่มชื้นอยู่มั้ย สภาพอากาศอาจจะแห้งๆแล้งๆร้อนๆรึเปล่า ?
เปล่าเลยครับ...ถึงหญ้าจะดูแห้งด้วยสีของมัน ที่แตกต่างจากเขาอื่นทั่วไป แต่อากาศต้องบอกว่าเย็นไม่ใช่น้อย ตื่นมาก็รับลมเย็นๆ ในทุ่งหญ้าและนั่งมองหมอกที่อยู่เบื้องหน้า แล้วจิบกาแฟร้อนๆไปเพลินๆ
เอ๊ะ! เด็กน้อยมาจากไหน ?
นี่เลยครับผมภูมิใจนำเสนอมาก เป็นเด็กๆลูกชาวเขาที่ขึ้นมา #วิ่งเล่น ตามพ่อหรือพี่ที่เป็นลูกหาบ/คนนำทางขึ้นมา
แหม...วิ่งเล่นไกลกันจังเลยนะครับ 55555+
ถ้าน้องวิ่งเล่นได้ไกลขนาดนี้ พี่ว่าน้องแข่งโอลิมปิกสบายละ คงจะวิ่งขึ้นวิ่งลงเป็นว่าเล่นตั้งแต่เล็กแต่น้อย จนชินทางกันเเล้ว สำหรับน้องๆ เดินขึ้นเขา 7 กิโล อาจจะเหมือนเราเดินไปเล่นหน้าปากซอย...ยอมมมมในความแข็งแกร่ง
ถ่ายรูปเล่นเก็บภาพ ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทองกันหน่อยครับ
เอาละครับ ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับกันเเล้ว
ระหว่างทางลงนั้น แน่นอนครับ ชันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง
ซึ่งด้วยความที่คนนำทางของเรานั้นคุ้นชินเส้นทางเป็นอย่างดี พอถึงจุดนี้พี่แกก็วิ่งลงเลยครับ แหม...วิ่งลงตัวพริ้ว ปลิวปานสายลม แสดงว่ามันต้องวิ่งได้ง่ายมาก
พี่ผมมมม เห็นดังนั้น ก็เอาเลยครับ ตั้งท่าอย่างดีแล้ววิ่งตาม เท่านั้นละครับ...แหกกกกก 555555+
เจ็บสิครับงานนี้ ซึ่งคิดไปเองล้วนๆครับ ว่ามันคงจะลงง่าย วิ่งได้ พฤติกรรมนี้อย่าไปลอกเลียนแบบนะครับ เป็นความมโนเฉพาะบุคคล ค่อยๆเดิน ค่อยๆลง ช้าๆแต่ชัวร์ดีกว่า ไม่งั้นต้องมานั่งปฐมพยาบาลกันกลางป่าแบบนี้ล่ะครับ 5555+
จบทริปการเดินทางสู่ทุ่งหญ้าและหุบเขาสีทองในครั้งนี้แล้ว กับเส้นทางอีกยาวไกลที่เราต้องเดินไปด้วยสองเท้าของเรา อาจจะเหนื่อย อาจจะเจ็บตัว มีบาดแผลบ้าง แต่ภาพแห่งความทรงจำเหล่านี้ จะทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้นึกถึงมันตลอดไป...
พูดคุยการเดินทางเพิ่มเติมกันได้ที่ :
https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together
ค น ห ล ง ท า ง
วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.10 น.