สวัสดีค่าาา ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ได้ไปเที่ยวที่นี่มานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงมิถุนายน

ไม่ได้คิดว่าจะเขียนรีวิว รูปกับข้อมูลอาจจะไม่ครบเท่าไหร่

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนหัวใจคนทั้งประเทศ ทำให้เราได้ทบทวนความคิดอะไรหลายๆอย่าง

มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ที่หนึ่ง ที่ชัดในความรู้สึกเรา ว่าเค้าได้นำ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้

ซึ่งก็คือที่นี่ ' เรือนริมเล โฮมสเตย์ ' ตำบล บ้านคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ของคุณลุงสุภาพนั่นเอง

ด้วยความที่ว่าเราเรียนเอกท่องเที่ยวโรงแรม ทำให้เรากับเพื่อนได้นั่งคุยกับลุงสุภาพ ถึงความเป็นมาในการเปิดโฮมสเตย์



ลุงบอกให้เราหา จุดเด่นของชุมชน มองข้อดีของบ้านตัวเอง ว่ามีดีอะไรที่จะพัฒนาขึ้นมาได้ สมัยนี้คนเข้าใจว่า



ต้องเรียน ต้องทำงานในกรุงเทพ ทำงานบริษัทถึงจะดี ต่างจังหวัดมันไม่มีอะไร แต่มันไม่ถูก ทุกที่ลุงเชื่อว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง



ที่เป็นจุดเด่นที่เราอาจจะมองข้าม ลุงเองจบแค่ป.6 กิจกรรมที่ทำภายในโฮมสเตย์ของที่นี่ ก็เป็นชีวิตประจำวันของลุง



แต่ลุงดึงกิจกรรมบางส่วนมาถ่ายทอดให้นักท่องเที่ยวที่รับรู้ ในตอนแรกที่เปิดมีคนเข้ามาพักแค่ห้องเดียวลุงก็ดีใจแล้ว



แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราก็ประกอบอาชีพตามชีวิตปกติของเรา



ลุงไม่ขายขนม น้ำ อาหารอื่น ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่ลุงเตรียมให้ เพราะว่าลุงต้องการแบ่งให้ชุมชน ถ้าลุงขายทุกอย่าง



อำนวยความสะดวกทุกสิ่ง แล้วชุมชนล่ะ ???



เราอยู่ชุมชนเดียวกันต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน นี่คือเรื่องราวคร่าวๆที่เราคุยกับลุง



เกริ่นมานาน เรามาทำความรู้จักโฮมสเตย์ ของคุณลุงสุภาพกันดีกว่าค่ะ (:

การเดินทาง

วิธีไปเรือนริมเลจากกรุงเทพ หลักๆคือไปรถตู้ หรือ รถไฟ เป็นวิธีที่สะดวกสุด

เพื่อนไม่เคยขึ้นรถไฟ เราเลยถือโอกาสพาเพื่อนขึ้นรถไฟครั้งแรก

นัดเจอที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ปลายทางคือสถานีมหาชัย หลังจากนั้นจะขึ้นเรือข้ามฟาก

ไปต่อรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง

ตารางเวลาค่ะ



ตั๋วฟรี ตามนโยบายภาครัฐ



ขึ้นมาถึงจับจองที่นั่ง



เรามาถึงสถานีรถไฟมหาชัยด้วยเวลาที่ไม่เลทมาก แต่ !! เมื่อถามเจ้าหน้าที่รถไฟ



ถึงรอบรถไฟสายบ้านแหลม ปรากฎว่าเราคำนวณเวลาผิด ไม่ได้ดูตารางมาก่อน



ทำให้ฝันสลาย ต้องเปลี่ยนแพลนในการเดินทางเป็นขึ้นรถตู้ไปตลาดแม่กลองแทน



กระทู้นี้เราเลย เอาตารางรถไฟมาให้ดู จะได้ไม่พลาดแบบเรา



ถึงตลาดแม่กลองก็ถามพี่ป้าน้าอาว่าท่ารถไปคลองโคนอยู่ไหน คนไทยใจดีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง



รถจะออกทุก 20 นาที (ไม่แน่ใจ) ในรถมีเรื่องราวน่ารัก ๆ คือ คนที่ขึนรถทุกคนรู้จักกันหมดเลย



คนขับรถก็เช่นกัน เราบอกว่าจะไปโฮมสเตย์ ทุกคนก็ร้องอ๋อ ไปหาลุงสุภาพ



เมื่อเข้าไปในชุมชน รถไปส่งบ้านของทุกคน เรียกว่ารถประจำทางแบบไม่ประจำทาง



เมื่อถือท่าเรือ โทรบอกลุงสุภาพให้มารับได้เลย



แอบกระซิบว่าตรงท่าเรือมีร้านขายของชำ มีตู้ขายไอกรีมที่ตอนเด็กๆเราชอบกินมาก



หาซื้อไม่ได้ในกรุงเทพ



ไม่ถึง 10 นาที เราก็ถึงโฮมสเตย์



รู้สึกถึงความเรียบง่ายและสงบ



ขอเตือนว่าที่นี่มีลิง อย่าวางพวกขนมหรือถุงไว้เด็ดขาด



เราถ่ายรูปเล่น เดินดื่มด่ำบรรยากาศ สูดลมเย็นๆ



อาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกของที่นี่ หลังจากมื้อนี้เสร็จ ลุงจะพาไปทำกิจกรรม



ฉายาความอุทกภัยของตัวเอง เที่ยวไหนฝนก็ตกไม่ทำให้ผิดหวัง หลังทางอาหารเสร็จ ฝนกระหน่ำลงมา



ลุงบอกว่าฝนไม่ตกมานานแล้ว ถ้าบ่ายสามไม่หยุด คงต้องเลื่อนกิจกรรมไปพรุ่งนี้ เรากับเพื่อนนั่งภาวนาขอให้ฝนหยุด



ฟ้าคงเห็นใจเด็กตาดำๆอย่างพวกเรา จึงหยุดให้ ตอนนี้พวกเราพร้อมออกไปทำกิจกรรมแล้ว เย่ !!

กิจกรรมในเรือนริมเล โฮมสเตย์

นอกจากเรา 3 คน ยังมีพี่อีก 2 คนที่มาพักในโฮมสเตย์ เราไปทำกิจกรรมด้วยกัน เสื้อผ้าที่ใส่ควรเป็นเสื้อผ้าพร้อมเลอะ



เพราะเราอยู่คลองโคน เราเลยต้องไป เล่นโคลน แฮ่ !! ()



เราได้พี่วัน ลูกเจ้าของลุงสุภาพเป็นคนพาไปแว้นนน



กิจกรรมที่ 1 : ปลูกป่าชายเลน



พี่วันแจกต้นกล้าของต้นโกงกาง คนละหลายต้น ให้เราไปปลูก ระหว่างทางพี่วันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมา



ของที่นี่ และให้ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ



พอถึงที่หมาย ลุยเลย วินาทีแรกที่ก้าวลงไป ฟึ่บ โคลนดูดมันเป็นแบบนี้นี่เอง



บรรยากาศการปลูกเป็นไปอย่างสนุกสนาน วุ่นวาย พี่วันถ่ายรูปให้ พลางส่งเสียงเชียร์



หลังปลูกเสร็จ พี่วันขับพาไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของคนและลิงในพื้นที่



กิจกรรมที่ 2 : ชมการเลี้ยงหอยต่าง ๆ



คนพื้นที่ๆนี่ส่วนมากจะเลี้ยงหอยทั้งหอยแครง หอยแมลงภู่ หอยนางรม พี่วันให้ความรู้ได้ดีมาก



ถึงตอนนี้จะลืมแล้ว (พี่คะหนูเสียใจ) มีกระเตงคือบ้านที่ปลูกไว้เพื่อมานอนเฝ้าหอยตอนกลางคืน



แต่เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป ตอนนั้นอยากมองด้วยสายตาตัวเองมากกว่า



กิจกรรมที่ 3 : งมหอย เล่นสกีโคลน



พี่วันจะปล่อยให้เราลงไป ลอยคอในน้ำ แต่ไม่ต้องห่วง น้ำไม่ลึก ข้างล่างเป็นโคลน



หอยพวกนี้ จะเอาไปให้ลุงสุภาพย่างให้กิน นอกจากจะงมเจอหอยแล้ว บางทีเจอปูด้วย



สนุกมาก



กิจกรรมสุดพีคของที่นี่ ที่ขอแนะนำว่าห้ามพลาด นั่นคือออออ การเล่นสกีโคลน



การละเล่นแบบบ้าน ๆ ไทยแลนด์โอนลี่มาก ๆ แต่ปราบเซียนสุด ๆ เราเล่นไป 4 รอบได้



จากรอบแรกๆที่กำเชือกแน่น ๆ หลังๆเริ่มอยากเล่นท่ายาก จับมือเดียว ผลคือ ร่วง



เห็นเก็บมาเยอะขนาดนี้ เก็บมาเรียง 55555 สุดท้ายก็ปล่อยคืนไป เหลือไว้ไม่เยอะ



ข้อดีของแสงยามเย็น



ตอนที่เคยอ่านรีวิวอื่น มีกิจกรรมอีกกิจกรรมหนึ่งคือ ไถกระดานบนโคลน

แต่เพราะฝนที่ทำให้เวลาของเราเลทไป จึงไม่ได้ทำกิจกรรมนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะว่า

ลุงสุภาพบอกมีเรือให้พายเล่นแทน



ตอนลุงบอกมีเรือให้พายเล่น

ภาพในจินตนาการ : จะพายไปกลางน้ำ รอชมแสงจากพระอาทิตย์ตกลงมา น้ำเป็นประกายวิบวับ
ภาพความเป็นจริง : วนจ้าาาา พายวน ลุงกับป้า รวมถึงพี่วัน ตะโกนแซวใหญ่เลย เรากับเพื่อนทั้งกวักน้ำ ทั้งหมุนเรือ
ลุ้นมากว่าจะจมมั้ย จะขึ้นฝั่งได้หรือเปล่า ตลกดี

พูดถึงลุงสุภาพมาตั้งนาน นี่คือรูปแรกที่ติดลุง



ลูกของพี่วัน (มั้งเดาเอา) ตอนนี้หนูจะโตขึ้นแค่ไหนกันนะ



ถ้าใครที่กลัวลิง พูดเลยว่าที่นี่มีองครักษ์พิทักษ์ลิง นั่นคือ เจ้าลูกชิ้น



หมาน้อยของคุณลุง ที่วิงไล่ลิงไม่เคยทัน 55555



ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า ก่อนพรุ่งนี้จะต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง



อาหารมื้อเย็น เรียกว่าป้าจัดเต็ม อาหารอร่อย เป็นวัตถุดิบที่หาได้ในชุมชน



พูดถึงที่พัก ในห้องพักใหญ่มาก นอนได้เป็น 10 คน มีพัดลมหลายตัว มีมุ้ง มีปลั๊กหลายรู



แต่ยุงเยอะมาก เราคิดเองเพราะว่าอยู่ใกล้น้ำ ห้องน้ำอยู่นอกห้องแต่อยู่บริเวณที่พัก



ตอนเช้าวันที่เราไป ฟ้าครื้มเลยไม่เห็นพระอาทิตย์ ในตอนเช้าที่ไม่ใช่วันพระ



จะมีพระพายเรือมาบิณฑบาตรบริเวณท่าเรือของโฮมสเตย์ เผื่อใครสนใจ



อาหารมื้อเช้า มื้อสุดท้ายแล้ว

รูปสุดท้ายก่อนจากกับคุณลุง ลุงบอกว่าลุงเป็นอัลไซเมอร์ ถ้ามาคราวหน้าลุงคงจำหนูไม่ได้แล้ว



แต่ถ้าหนูมีความสุข ก็กลับมาเยี่ยมลุงบ้างนะ สำหรับเรา การที่ได้มาอยู่ที่นี่ 2 วัน 1 คืน เป็นช่วงเวลาที่สั้น



แต่ว่าเราได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เราคิดถึงการทำโฮมสเตย์ของคุณลุง ลุงจะตักตวงผลประโยชน์มากกว่านี้ก็ได้



แต่ลุงแบ่งให้กับชุมชน ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำยังไงให้ยั่งยืน เราถามตัวเองว่า คำว่า พ อ ของเรา มันอยู่ที่ตรงไหน



เอาเป็นว่า ถ้าวันไหนใครกำลังสับสน เหนื่อยกับปัญหาอะไรหลาย ๆ อย่าง ลองหาเวลาไปทบทวนตัวเอง



นอกจากนั้น เรายังอยากแนะนำให้ครอบครัว ที่มีลูกอยู่ในวัยที่ออกไปเที่ยวได้ ไม่เด็กจนเกินไป เป็นวัยกำลังเรียนรู้



เราอยากให้พาเค้าไปในสถานที่ลักษณะแบบนี้ ที่นี่เป็นอีกทางเลือกนอกจากห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ



เดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก งบประมาณไม่สูงมาก



ถ้าใครไป ฝากไปทักทายคุณลุงแล้วมาแบ่งปันเรื่องราวให้กันฟังนะคะ ^^



ค่าใช้จ่าย



สำหรับค่าที่พักไปเป็นกลุ่ม 5 คนขึ้นไป จะอยู่ที่ 800 บาท/คน

สำหรับค่าที่พักไปเป็นกลุ่ม 4 คน จะอยู่ที่ 900 บาท/คน

สำหรับค่าที่พักไปเป็นกลุ่ม 3 คน จะอยู่ที่ 1,000 บาท/คน

สำหรับค่าที่พักไปเป็นคู๋ 2 คน จะอยู่ที่ 1,500 บาท/คน

( ค่าที่พัก+อาหาร 3 มื้อ )



ค่ารถไฟ : ฟรี



ค่ารถตู้จากมหาชัย - แม่กลอง : 30 บาท



ค่ารถสองแถวจากแม่กลอง - คลองโคน : 20 บาท

Miasmii Pn

 วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.19 น.

ความคิดเห็น