...การเดินทางหลายครั้งเกิดขึ้นได้เพราะความตั้งใจ ความฝันที่จะได้ไป .. แต่ในบางครั้งก็ได้มาซึ่งความบังเอิญ บวกความไว้ใจวางใจจากผู้ที่มอบโอกาสให้ .. ครั้งนี้สำหรับผมก็เช่นกันเมื่อเพื่อนท่านหนึ่งติดภารกิจออกเดินทางไม่ได้ การเดินทางครั้งนี้จึงถูกมอบหมายให้ผมเป็นตัวแทนเดินทางไปร่วมทริปสื่อมวลชนกับแอร์เอเชีย..



...โดยมีจุดมุ่งหมายปลายทางคือ “มณฑลยูนนาน ที่เมืองต้าหลี่ และ ลี่เจียง ประเทศจีน"...



...การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 6 วัน 5 คืน.. เดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเชีย ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มุ่งหน้าลัดฟ้าสู่มหานครคุนหมิง ประเทศจีน .. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษถึงสนามบินฉางซุย คุนหมิง (Changshui Airport) .. จากนั้นออกเดินทางต่อด้วยรสบัสใช้เส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์ทางด่วนสู่เมืองต้าหลี่ และลี่เจียง ตามลำดับ...



...ส่วนสถานที่ในเมืองต้าหลี่ที่จะนำภาพมาให้ชมนั้นจะมีดังนี้ เมืองเก่าต้าหลี่ (Ancient City of Dali), เทือกเขาชางซาน (Cangshan Mountain), หมู่บ้านตกปลาซวงหลาง(Shuanglang), สระผีเสื้อ(Butterfly Spring) และ เจดีย์ 3 องค์ที่วัดฉงเซิ่ง(วัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน)...



...โดยภาพชุดนี้จะเป็นภาพการเดินทางตั้งแต่เริ่มขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง และไปสิ้นสุดที่วันสุดท้ายคือวันที่ 3 ที่ได้อยู่ที่ต้าหลี่ .. โดยจะยกภาพชุด “ลี่เจียง" เป็นภาพชุดตอนต่อไปนะครับ ..



...ถ้าพร้อมกันแล้วเราออกเดินทางไปพร้อมกันเลย...



ป.ล. ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้ผมคัดมาจากอัลบั้มเต็มของแต่ละที่หากใครอยากชมต่อแบบเต็ม ๆ กดไลก์ที่หน้าเพจ https://www.facebook.com/ForzanuFoto แล้วดูจากอัลบั้มทั้งหมดได้เลยครับ



...จากสนามบินดอนเมืองขึ้นเครื่องด้วยเวลาประมาณ 8 โมงเศษ ๆ ด้วยไฟลท์ FD582 .. การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ ถึงตัวเมืองคุนหมิง .. เมื่อฟังการอธิบายแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุเรียบร้อยไม่นานนักก็เริ่มตีตั๋วนอนยาว ..



...ก่อนจะสลับหลับ ๆ ตื่น ๆ ด้วยการถ่ายภาพท้องฟ้า เมฆปุยขาว ผ่านหน้าต่างเครื่อง .. การได้นั่งริมหน้าต่างยังคงเป็นเหมือนโบนัสพิเศษที่เราได้ของแถมเป็นวิว เป็นท้องฟ้าสวย ๆ กลับมาได้เสมอ...



...ทัศนียภาพจากด้านบนมองลงสู่เบื้องล่างทำให้เห็นถึงความอลังการของเมือง และพอเริ่มลอย ๆ เข้ามาใกล้กับคำคุ้นหูที่ว่า “จีนแผ่นดินใหญ่" ...



...ปรับนาฬิกาให้ตรงกับท้องถิ่นที่ประเทศจีน ที่เวลาประมาณ 11 โมงกว่าก็เดินทางถึง “สนามบินฉางซุย คุนหมิง" เป็นที่เรียบร้อย (เวลาที่คุนหมิงจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)... จากสายพานขนกระเป๋าเราก็สัมภาระเพื่อมาเตรียมพบกับรถบัส และผู้นำทางไกด์ทัวร์ที่จะพาเราไปยังสถานที่ต่าง ๆ ..



...ระหว่างรอก็เก็บภาพสักนิดกับภายในตัวอาคารของสนามบิน สร้างเป็นรูปทรงเส้นโค้งตีขนานคู่ไปมา ใช้สีทองอร่ามเห็นแล้วรู้สึกอลังการ และเท่ดีกับเส้นโค้งที่ได้ออกแบบไว้...



...ทันทีที่ทีมงานไกด์ และรถมาถึงสนามบินเรียบร้อย เราก็พร้อมออกเดินทางกันทันที โดยแวะที่ร้านอาหารในตัวเมืองคุนหมิงเป็นจุดแรกเพื่อเติมพลังอาหารกลางวันก่อนจะใช้เวลาอีกประมาณ 4-5 ชั่วโมง บนเส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์สู่เมืองต้าหลี่ ...ระยะทางจากคุนหมิงสู่ต้าหลี่อยู่ที่ประมาณ 320 กิโลเมตร เริ่มจากเส้นทางด่วนสิ้นสุดปลายทางที่ด่านเก็บเงินต้าหลี่... สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวเองจากตัวคุนหมิงก็สามารถนั่งรถไฟสู่เมืองต้าหลี่ได้เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง ..



...เส้นทางถนน Chuxiong นั้นขับสบาย ๆ วิวสองข้างทางมีอะไรให้ชมเรื่อย ๆ .. พื้นถนนเรียบ เส้นทางสวย มีปั๊มอยู่ข้างทางตามจุดแวะพัก .. มองดูแล้วรู้สึกว่าเจริญมากเรื่องระบบความปลอดภัย และการดูแลด้านต่าง ๆ บนถนนเส้นนี้ .. แทบจะไม่เห็นเจ้าหน้าที่หรือตำรวจเลย โดยใช้เทคโนโลยีการติดกล้องเข้ามาแทน รวมไปถึงจุดตรวจความเร็วอยู่ทุก ๆ ระยะ ...



...รถช้าชิดขวา รถเร็วก็ชิดซ้ายสลับกันไปกับบ้านเรา .. แสงแดดยามเย็นวันแรกของการเดินทาง ๆ ค่อย ๆ หมดไปทีละน้อย.. ไม่ได้แวะหรือเที่ยวที่ไหนเลยสำหรับวันนี้มีเพียงแต่ภาพที่ถ่ายผ่านกระจกรถเท่านั้น



...และจะมีได้หยุดเดินยืดเส้นยืดสายก็ตอนที่แวะปั๊มจอดพักข้างทาง ก็มีมินิมาร์ท มีห้องน้ำเหมือนกับบ้านเราแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก...แต่ที่รู้สึกว่าประทับใจมากตั้งแต่มาถึงที่คุนหมิงก็คือ “สภาพอากาศ" ช่วงที่เดินทางมาอยู่ในช่วงหน้าร้อนสุด ๆ ที่บ้านเราเดือนเมษายน .. แต่อากาศนับถึงตรงที่แค่ในภาพนี้ เดินสบายอากาศเหมือนเชียงใหม่ช่วงหน้าหนาวอย่างไรอย่างนั้น...



...นั่งรถตั้งแต่ประมาณบ่ายสามแดดแรง ๆ กว่าจะถึงตัวต้าหลี่บริเวณที่พักก็ตีไปเกือบทุ่มนึง.. 4 ชั่วโมงได้โดยประมาณ



...ในที่สุดก็มาถึงตัวเมืองเก่าต้าหลี่จากจุดที่พักอยู่ในบริเวณเดียวกันกับตัวเมืองเก่าต้าหลี่เลย .. ทำให้ง่ายต่อการเดินเท้าสู่ตำแหน่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินกัน .. โดยขอนำเที่ยวกันตอนกลางคืนนี้ก่อนเลย ..



...จากที่เห็นตามภาพจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับตลาดปาย ถนนเชียงคานยามค่ำคืน .. ซึ่งแน่นอนว่าเต็มไปด้วยชาวบ้านที่นำข้าวของสินค้าเครื่องประดับตกแต่ง สุดแท้แต่ไอเดีย และรูปแบบของวัฒนธรรมชาวจีนมาขายให้แก่นักท่องเที่ยว .. รวมไปถึงไก่ย่าง ร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็ก ๆ เต็มสองข้างทางไปตลอด...



...อากาศดีดีแบบนี้ จะว่าไปต้องบอกว่าดีมาก.. สะพายกล้องตัวนึง มือขวาถือกล้อง มือซ้ายที่ขวดเบียร์ค่อย ๆ จิบซึมซับบรรยากาศท้องถิ่นให้ค่อย ๆ กลมกลืนละมุนกับตัวเราไปเรื่อย ๆ ก็เป็นความสุขที่ดีไม่น้อย...



...ผู้คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวก็ไม่พ้นชาวจีนด้วยกันที่หลั่งไหลมาจากแคว้นจากเมืองอื่น หรือเมืองใกล้เคียง .. จะมีบ้างที่เป็นชาวยุโรปก็พอมีให้เห็นกันบ้างแม้จะไม่เยอะก็ตาม...



...ที่บริเวณเมืองเก่าต้าหลี่ยามค่ำคืนจะมีอยู่โซนหนึ่ง ซอยหนึ่งที่ได้แบ่งไว้เลยให้เป็นโซนของแสง สี เสียง .. ซึ่งจะมีร้านอาหาร มีดนตรีเล่น เปิดเพลงเสียงดัง อยู่ติด ๆ กันเหมือนพัทยาบ้านเรา .. ดังนั้นไม่ต้องบอกว่าความครึกครื้นจะมากมายแค่ไหน .. แค่เดินเข้าซอยไป แล้วเดินกลับออกมาใช้เวลาประมาณ 15 นาที .. พอพ้นซอยปุ๊บสภาพหูวิ้งเหมือนโดนอะไรน๊อกมายังไงยังงั้นเลย...



...ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจกลับยังที่พักเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันต่อไป .. วันแรกที่เดินทางมานี้ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพสักเท่าไหร่นัก แค่พอได้มาเดินซึมซับบรรยากาศยามค่ำคืนเล็กน้อยก็รีบกลับไปนอนพักเอาแรงไว้ เพื่อตื่นเช้าสักหน่อยแล้วมาเก็บภาพยามเช้าที่เมืองเก่าตรงนี้น่าจะได้อะไรที่เยอะขึ้น



...เสียงเพลงปลุกในมือถือดังขึ้นเจียน ๆ 7 โมง ในเช้านี้ .. เพลงเดิมเหมือนทุกวันแต่วันนี้เปลี่ยนที่ตื่นนอนทำให้ลุกจากเตียงนอนได้ไม่ยาก ..



...ปฏิบัติภารกิจทางร่างกายเรียบร้อย ต่อไปก็เป็นภารกิจทางใจให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยด้วยการออกสัมผัสบรรยากาศยามเช้าสักเล็กน้อยบริเวณที่พัก ที่ติดกับกำแพงเมืองต้าหลี่ ...



...ต้าหลี่ เป็นเมืองเก่าแก่โบราณตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคุนหมิง มีกำแพงล้อมรอบสามด้าน พื้นที่ด้านทิศตะวันตกติดเทือกเขาชางซานที่สูงราว 4,000 เมตร ... อีกด้านหนึ่งติดทะเลสาบเอ๋อไห่ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีน ด้วยพื้นที่เกือบ 250 ตารางกิโลเมตร ... เหนือจรดใต้ 40 กม. และตะวันออกจรดทิศตะวันตก 8 กม. ซึ่งจุดนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็นชัยภูมิ เป็นเอกลักษณ์ที่ชาวเมืองต้าหลี่ภูมิใจที่ได้อาศัยอยู่ในดินแดนที่หาที่ใดมาเสมือนได้ง่าย ๆ และมากไปกว่านั้นด้วยพื้นที่ความสูง 1,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดปี.....



...บรรยากาศในยามเช้านั้นแตกต่างมากหากเทียบกับตอนกลางคืนที่มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของ เดินเล่น .. แต่สิ่งที่ทำให้ผมทึ่ง และรู้สึกถึงความเป็นระเบียบนั่นคือ “ความสะอาดของพื้นที่" อันนี้แม้ในเรื่องของมารยาทชาวจีนที่เราอาจเคยได้ยินกันมาว่าอาจจะไร้วินัย ถ่มน้ำลายลงถนน หรือต่าง ๆ .. แต่กับพื้นที่ตรงนี้เหมือนจะได้รับการดูแล และใส่ใจเป็นอย่างมาก..



...อาจมีตกหล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปบ้าง.. แต่โดยรวมยิ่งหากเทียบกับเวลาด้วยแล้วต้องนับว่าเก็บกวาดได้รวดเร็วมาก...



...ตอนเช้า ๆ ยังไม่เข้าช่วงสายมากนัก อากาศก็เย็นสบายแต่เช้าเสื้อยืด เกงยีนส์เดินสบาย ๆ หามุมถ่ายภาพไปเรื่อย .. ร่องรอยจากน้ำที่ชำระล้างทำความสะอาดพื้นยังพอขังไม่ระเหยไปก็ทำให้เกิดมุมสวย ๆ กับภาพขึ้นมาได้บ้าง



...หลังจากภาพนี้ไม่นานก็เดินหาร้านซาลาเปานั่งกินเบา ๆ 2 – 3 ลูก.. เป็นออเดิร์ฟยามเช้าก่อนจะเริ่มออกเดินทางสู่ “เทือกเขาชางซาน" กันต่อในภาพหน้า



...อย่างที่ได้บอกไปตามข้างต้นเมืองต้าหลี่นั้น จะมีด้านที่อยู่ติดกับเทือกเขาสูงใหญ่ตระหง่านชื่อ “ชางซาน Changsan Mountain" อยู่ทางด้านทิศตะวันตกด้วยความยาวประมาณ 50 กิโลเมตร ทอดยาวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ มีความสูงเฉลี่ยเหนือจากระดับน้ำทะเล 3,500เมตร โดยมียอดเขาสูงสุด “หม่าหลง" ที่ราว 4,122 เมตร มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว แต่ในช่วงที่เดินทางมาเมษายนนั้นหิมะได้ละลายหายไปหมดแล้ว...



...แสงแดดของวันเริ่มแรงขึ้นทีละนิด แต่ความเย็นของสภาพอากาศ และสายลมที่พัดมาทำให้ไม่รู้สึกร้อนแม้แต่น้อย.. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเช้าอันสดใสแบบนี้ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ชื่นใจ...



...จากนั้นก็เป็นการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ด้านบน โดยแต่ละกระเช้าสามารถนั่งได้ประมาณ 8 คน ... ภายในกระเช้าจะค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อยเนื่องจากต้องสร้างให้กันต่อสภาพอากาศ และกระแสลมที่พัดไปมา ทำให้หายใจลำบากเล็กน้อย..



...จากภาพจะเห็นแนวป่าสนขนาบข้างทั้งซ้ายขวาโดยมีกระเช้าแทรกอยู่ตรงกลาง... ที่เทือกเขาชางซานนอกจากจะมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่ามากมายด้วยแล้ว .. ที่นี่ยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารทั้งหมด 18 สาย... ที่ไหลสู่เบื้องล่างหล่อเลี้ยงให้แก่ชาวเมืองต้าลี่ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปอีกหลายจุดอย่าง ทะเลสาบหวงหลง, ทะเลสาบเฮยหลง, น้ำตกซิงปี้, ทะเลสาบสีหม่า เป็นต้น .. นอกจากนั้นพันธุ์พืช และต้นไม้หายากจำนวนมากก็มีการค้นพบที่เทือกเขาชางซานนี้ด้วยเช่นกัน



...ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็มาถึงจุดจอดกระเช้า... ก่อนขึ้นอากาศด้านล่างว่าดีแล้วแต่ทันทีที่ขึ้นมาถึงจุดนี้ต้องบอกว่าลืมอากาศด้านล่างไปได้เลย



... แม้ช่วงวันที่เดินทางมาเทือกเขาที่เห็นจะไม่มีหิมะปกคลุมแล้วผิดกับช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม แต่ในวันนี้ก็มีความเขียวของผืนป่าบนเทือกเขาให้ได้เห็นอยู่อย่างหนาแน่น



...จากบริเวณจุดพักถ่ายภาพเดินเล่นด้านบน ก็เดินลงสู่ด้านล่างอีกนิดหน่อยเพื่อเดินชมทัศนียภาพต่าง ๆ



...จุดนี้มีน้ำตกเล็ก ๆ พอเดาได้ว่าช่วงฤดูฝน ยิ่งประกอบด้วยตำแหน่งของสะพานด้วยแล้ว มุมนี้น่าจะเป็นมุมที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยอีกมุมหนึ่งเช่นกัน ...



...ที่จุดเดินชมศึกษาเส้นทางธรรมชาติ(ไม่รู้ที่จีนเรียกว่าอะไร)แต่ถ้าเป็นบ้านเราก็จะใช้คำนี้... มีการทำทางเดินไว้อย่างดี ปลอดภัยด้วยแนวรั้วตลอดทาง



...เท้าที่ค่อย ๆ ก้าวไปแต่ละก้าว พร้อมกับสายลมที่พัดผ่าน และเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นอยู่เป็นระยะ ๆ บอกอะไรได้มากมายกับความสุขในการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ...



...ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ แสงของดวงอาทิตย์ และเงาที่เหลื่อมซับซ้อนไปมา สร้างภาพที่สวยงามที่พอใจให้กับผมได้เสมอ ๆ



...ความสวยงาม และความละไมของเทือกเขาชางซานค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปทีละน้อย ๆ ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ และคุณประโยชน์มากมายของเทือกเขาชางซานที่เป็นต้นกำเนิดสรรพสัตว์ ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำมากมาย.. ซึ่งรวมไปถึงทะเลสาบเอ๋อไห่ .. ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจีนก็มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาชางซานแห่งนี้...



...จากเท่าที่สังเกตพื้นที่ที่เดินชมเส้นทางมาเรื่อย ๆ ผมว่าที่นี่สะอาดมาก .. หากถามว่ามีขยะหรือไม่ ก็ตอบแบบตรง ๆ ได้ว่าพอมีบ้าง แต่ต้องเป็นขยะชิ้นเล็ก ๆ ที่ไปอยู่หลืบ ๆ ที่ลมอาจพัด หรือปลิวไปอยู่ตามพื้นตามหินเล็กหินน้อย..



...แต่พวกเศษขยะ แก้ว ขวด พลาสติก ซองขนม .. บอกได้เลยว่า “ไม่เห็น" .. แม้ชาวจีนอาจมีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีเรื่องระเบียบวินัย แต่กับบริเวณจุดท่องเที่ยวผมว่าเค้าดูแลได้ดีใช้ได้เลย ... ยิ่งเรื่องความสะอาดด้วยแล้วบอกเลยว่าบ้านเราเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด



...เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน่าจะไปได้อีกไกล แต่เนื่องจากเวลาที่เรามีค่อนข้างจำกัด ทำให้มีเวลาเดินได้ไม่นานนักราว ๆ 40 นาที ... ก็เดินกลับสู่ทางเดิมย้อนกลับไปยังสะพานหินที่ใน 7-8 ภาพด้านบนก่อนหน้านี้



...ถึงเวลากลับสู่เบื้องล่างอีกครั้ง.. ทิ้งไว้เพียงความชื่นชมกับทัศนียภาพที่ห้อมล้อมด้วยผืนป่า ต้นไม้ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์... ได้มาที่นี่อาจได้มาเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่แค่นี้ก็ประทับใจมากมาย ...



...หากใครที่เดินทางมายังต้าหลี่ ผมว่านี่เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่ไม่น่าพลาดยิ่งหากมาช่วงฤดูหนาวที่พอมีหิมะปกคลุมด้วยแล้ว คงได้เห็นความงดงาม และความยิ่งใหญ่ในอีกแบบได้อย่างสวยงามแน่นอน



...จากเทือกเขาชางซานจุดท่องเที่ยวต่อไปคือ “สระผีเสื้อ Butterfly Spring" ตั้งอยู่ห่างจากเมืองต้าหลี่ 30 กิโลเมตร … ในสมัยก่อนที่สระน้ำแห่งนี้เคยเป็นที่รวมตัวกับของเหล่าผีเสื้อจำนวนมาก.. ยิ่งในช่วงที่ดอกไม้ผลิบานด้วยแล้วยิ่งสร้างความสวยงามได้มากมาย ... แม้ในปัจจุบันจำนวนผีเสื้อนั้นน้อยลงลดลงไปมาก แต่ก็ยังเป็นที่พักผ่อนของหนุ่มสาว และคนจำนวนมากที่ต้องการมาพักผ่อน...



...จุดเด่นของที่นี่คือ “สระผีเสื้อ" ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดเล็ก ๆ ประมาณ 7-11 หนึ่งห้องเล็ก ๆ น่าจะได้..แต่ที่สวยงามคือมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมตัวสระล้อมรอบเสมือนโอบกอดไว้อยู่...



...และความสวยงามอีกอย่างคือความใสของน้ำภายในสระที่เป็นสีเขียวมรกต ... และฝูงปลาเล็ก ๆ ไม่กี่ตัวที่สร้างชีวิตชีวาให้กับสระขึ้นได้อีกมาก...



...ที่สระผีเสื้อแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวชาวไป๋ต่างจะเดินทางมาเพื่อขออธิษฐานเรื่องความรักให้สมหวัง แต่ปัจจุบันอาจลดน้อยไป แต่จากเท่าที่สอบถามจากทางไกด์ก็ยังบอกว่าหนุ่มสาวนิยมมาเดินเล่น มาออกเดทที่นี่กันเยอะพอสมควร... เลยมองได้ว่าแม้หลายอย่างอาจเลือนหายไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงไม่ได้หายไป...



...ภายในบริเวณสระผีเสื้อก็เต็มไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้ที่ปลูกไว้มากมาย ตกแต่งประดับตามทางเดิน.. แม้เวลาที่มาจะเป็นช่วงบ่ายอาจทรมานไปนิดเมื่อต้องเจอกับแสงแดด แต่หากเป็นตอนเย็น ๆ แล้วที่นี่ผมว่าสวีทหวานใช้ได้เลย .. เดินไปถ่ายภาพไปก็ลองหลับตามโนจินตนาการเอาว่าถ้าเป็นแสงเย็น ๆ ที่นี่ก็น่าเดินเล่นไม่น้อย...



...จากภาพนี้ เริ่มต้นที่ภาพต่อไปขอตัดสลับไปกับการเดินทางอีกวันถัดไปให้ชมกันต่อเลยนะครับ



…จากสระผีเสื้อเรามาต่อการเดินทางกันที่ “เจดีย์ 3 องค์ ณ วัดฉงเซิ่ง" ... วัดฉงเซิ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางตอนเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร .. เรียกได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเก่าเลย จึงเป็นอีกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเมืองเก่านิยมมาเข้าชมความสวยงามของวัด รวมถึงกราบไหว้ ขอพรที่วัดฉงเซิ่งแห่งนี้



...ความสวยงามของทำเลที่ตั้งเจดีย์ 3 องค์นี้ถือว่าถูกต้องตามหลักความเชื่อชาวจีนโดยแท้... เพราะมีเทือกเขาชางซานอยู่ด้านหลังอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตก และมีด้านหน้าคือทะเลสาบเอ๋อไห่อยู่ตรงข้ามกับเทือกเขาซึ่งฝั่งทะเลสาบอยู่ในทิศตะวันออกตรงข้าม ...



...วัดฉงเซิ่งช่วงเช้าจากตำแหน่งแล้วจะเห็นท้องฟ้าด้านหลังเจดีย์นั้นมีสีฟ้าสวยงาม เพราะแสงอาทิตย์ฝั่งตะวันออกจากฝั่งทะเลสาบเอ๋อไห่ส่องมาทางฝั่งตะวันตกเทือกเขาพอดิบพอดี



...วัดฉงเซิ่ง เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งสมัยราชวงศ์ถัง และที่โดดเด่นทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวต้าหลี่ก็คือวัดฉงเซิ่งแห่งนี้เป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศจีนด้วย...และมีเจดีย์ 3 องค์ที่โดดเด่นตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองต้าหลี่เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน



...เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีพื้นที่กว้างใหญ่ทำให้การจะเข้าไปถึงด้านในสุดหากเดินนั้นอาจกินเวลาหลายนาที ทางวัดก็มีบริการรถให้แก่นักท่องเที่ยวได้นั่งเพื่อประหยัดเวลา ...



...จากในภาพนี่คือด้านบนสุดของวัด.. ซึ่งทางวัดก็อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเดินขึ้นไปถึงยอดหอคอยด้านบนสุด แม้จะแค่ไม่กี่ชั้น แต่เมื่อมองลงมาแล้วก็เป็นภาพที่สวยงามอยู่ไม่น้อย...



...อย่างที่ได้บอกไปถึงตำแหน่งของวัดซึ่งจากจุดนี้มองย้อนกลับไปก็จะเป็นด้านตะวันออกอันเป็นจุดที่ตั้งของทะเลสาบเอ๋อไห่ .. ลองเร่งเวลากันเล่น ๆ หากเป็นยามบ่ายที่ดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังเราตามในภาพส่องแสงไปยังด้านหน้าที่เห็น..



...อากาศเคลียร์ ๆ ใส ๆ ด้านหน้าอาจทำให้เห็นบรรยากาศภาพของเมืองเก่า ได้ชัดเจนกว่านี้แน่



...พื้นที่บริเวณวัดฉงเซิ่งนั้นกว้างใหญ่มาก ซึ่งมีทั้งพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนนับถือศรัทธา รวมไปถึงวิหารที่งดงามอยู่จำนวนมาก... แต่ละวิหารนั้นก็มีความงามด้านศิลปะแตกต่างกันไป



...ชาวจีนแทบจะทั้งหมดที่มายังวัดฉงเซิ่งที่ต่างเดินทางมาทั้งท่องเที่ยว แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการกราบไหว้ สักการะขอพรต่าง ๆ .. ทั้งนี้ยังรวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนก็ยังมาร่วมกราบไหว้ขอพรด้วยเช่นกัน



...ด้วยความยิ่งใหญ่ของตัววัด และความกว้างใหญ่ของพื้นที่ ทำให้การจะเก็บภาพให้ครบ ๆ ก็เป็นไปได้ยาก



...พยายามเดินสอดส่องหามุมนั้นมุมนี้เพื่อเพิ่มมุมมองให้กับภาพที่จะได้กลับมา .. แม้เหล่าก้อนเมฆในวันนั้นอาจน้อยไปสักหน่อย แต่ท้องฟ้าที่สดใสก็ช่วยขับให้ภาพออกมาดูมีสีสันขึ้นทดแทน...



...นักท่องเที่ยวต่างทยอยเดินทางมากราบไหว้ ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์กันไม่ขาดสาย



...ช่วงเช้าของวันอากาศไม่แรงมาก แดดอาจดูแรงจริงแต่ด้วยพื้นที่ ภูมิอากาศที่เย็นสบายของเมืองต้าหลี่แล้วยังบอกได้ว่าเดินเพลิน ๆ ...



...แม้รูปทรงจากธูปจะเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเห็นในวัดบ้านเรา



...แต่ดูแล้วความศรัทธา ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาสนา.. ไม่ได้มีที่ไหนแตกต่างกันเลย .. ศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธา 3 สิ่งนี้ยังคงสอดคล้อง และมีอยู่ในตัวผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง



...และด้วยความกว้างใหญ่ของวัดนี่เอง บวกกับช่วงเวลาเช้า ๆ สาย ๆ ที่คนยังไม่เยอะมาก ทำให้พอมีช่วงเวลาที่สามารถเดินหามุมถ่ายภาพเก็บภาพ ชื่นชมความสวยงามที่อยู่ในความเงียบสงบได้ไม่ยาก



...ความยิ่งใหญ่ และงดงามของเจดีย์ 3 องค์ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นยังคงความศรัทธา ความเลื่อมใสไม่มีวันลดลงไปฉันท์ใด ความมั่นคงของเจดีย์ก็คงยืนหยัดอยู่ต่อไปฉันท์นั้น... อย่างเมื่อครั้งที่เคยเหตุการณ์แผ่นดินไหวสร้างความเสียหายให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมาก .. แต่เจดีย์ทั้ง 3 องค์นี้ กลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ..ตรงข้ามกลับสร้างความอัศจรรย์ใจ ประหลาดใจให้ชาวจีนยิ่งศรัทธามากขึ้นไปอีก



...จะด้วยเพราะขั้นตอนการก่อสร้าง หรือวัสดุที่ใช้ หรืออะไรก็แล้วแต่ คงไม่ใช่เหตุผลสำคัญหากเทียบกับคำว่าเลื่อมใสศรัทธาที่มีอยู่ของชาวจีนทั้งที่นี่ หรือจากเมืองอื่น



...ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกับวัดฉงเซิ่ง เป็นการเดินที่สบาย ๆ ได้ภาพมาหลายภาพ .. หลายมุม .. และก็ถึงเวลาออกจากวัดเพื่อสู่จุดท่องเที่ยวลำดับต่อไป “หมู่บ้านตกปลา ซวงหลาง"



...จากวัดฉงเซิ่งเราออกเดินทางมุ่งหน้าเลาะขอบทะเลสาบเอ๋อไห่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู่ “หมู่บ้านตกปลา ซวงหลาง" ...



...เส้นทางที่ขับมาก็จะเห็นทัศนียภาพสองข้างทางที่สวยงามกว้างใหญ่มองแล้วสบายตา .. ไม่นานเท่าไหร่นักก็เดินทางมาถึงจุดพักรถด้านบนก่อนจะลงสู่ด้านล่างที่ “หมู่บ้านซวงหลาง"...



...จากด้านบนข้างถนนริมเขามองลงไปจะเห็นหลังคาเรือนนับร้อยนับพันอยู่มากมายลายตา...



...ส่วนผืนน้ำที่เห็นนั่นก็คือ “ทะเลสาบเอ๋อไห่"... แหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองต้าหลี่มาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน...



...สาเหตุที่หมู่บ้านแห่งนี้ชาวจีนมักเรียกติดปากกันว่า “หมู่บ้านตกปลา" เพราะในสมัยก่อนนั้นเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนประกอบอาชีพประมงจับปลา สัตว์น้ำ โดยมีทะเลสาบเอ๋อไห่เป็นตัวผลิตความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนน้ำแห่งนี้ ..



...จากจุดชมวิวด้านบนสามารถจอดรถได้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาก็แทบจะทั้งนั้นที่แวะพักถ่ายรูปบริเวณนี้กันก่อนที่จะลงไปยังด้านล่างของหมู่บ้าน...



...ทะเลสาบเอ๋อไห่มีพื้นที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงในเมืองต้าหลี่ ... มีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ราว 20 กิโลเมตร และความกว้างประมาณ 9 กิโลเมตร...เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีน รองลงมาจากทะเลสาบเตียนฉือ...หากนึกภาพถึงความสำคัญ และความหมายของทะเลสาบเอ๋อไห่ไม่ออก.. ให้ลองเปรียบเทียบกับแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรา... ที่มีความหมายถึงเส้นทาง เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชาวบ้านชาวเมือง มีเรื่องราว เป็นลำน้ำแห่งชีวิตให้แก่ชาวเมืองมาตั้งแต่สมัยอดีต .. ต่างกันแค่ของบ้านเราเป็นแม่น้ำ แต่ที่เอ๋อไห่คือทะเลสาบ



...ทุกวันนี้แม้การประมงของชาวบ้านที่นี่แทบจะเลือนหายไป แต่กลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศแก่นักเดินทางจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการที่พักริมทะเลสาบเอ๋อไห่ที่ราคาไม่สูงนัก.. พร้อมกับชาวบ้านที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมาเริ่มขายของ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลไม้ ของฝากที่ระลึก ต่าง ๆ นานา ...



...หลังจากหาที่จอดรถด้านล่างได้แล้วก็เดินลงสู่ริมทะเลสาบโดยจะผ่านร้านค้าขายของที่ระลึกต่าง ๆ ผลไม้ อาหาร ขนม เสื้อผ้า ตามในภาพบนเป็นซอยยาวประมาณ 100-200 เมตรน่าจะได้



...ก่อนจะถึงบริเวณริมน้ำดังภาพนี้ ..



...บริเวณนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านไอติม ร้านกาแฟ อื่น ๆ มากมายเรื่อยไปตามทางจนเป็นที่พัก และบ้านเรือน...



...บริเวณริมทะเลสาบจุดนี้อาจดูไม่ค่อยมีความเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแถบที่อยู่อาศัย และร้านรวงต่าง ๆ แต่ก็ได้บรรยากาศพักผ่อนอีกแบบไปแทน .. จากตำแหน่งแล้วบอกได้เลยว่าหากเป็นยามเย็นน่าจะได้ฟิวล์มากกว่านี้ เพราะดวงอาทิตย์ก็จะตกด้านหน้าทะเลสาบนี้เลย



...นักท่องเที่ยวโดยมากก็จะเดินช๊อปปิ้งกันตรงบริเวณอาคาร ตามซอยก่อนที่จะมาถึงตรงนี้



...บริเวณนี้เท่าที่สังเกตุจะเห็นคนมาเดินเล่นกันมากกว่า ยิ่งในยามเย็นและค่ำคืนก็น่าจะคึกคักและมีสีสันมากกว่ายามบ่ายอย่างนี้...



...แดดแรง แต่ลมพัดเย็น .. คนเยอะ แต่ไม่พลุกพล่านจนเกินไป ...



...เดินหามุมถ่ายภาพเล่น เดินไป เดินย้อนกลับมาถ่ายเข้าตัวร้าน ตัวริมฝั่งบ้าง.. 2 ใบนี้มองแว่บ ๆ อาจไม่เหมือนเมืองจีนสักเท่าไหร่ ..



...ท้องฟ้าที่สดใส หัวใจเบิกบาน การเดินทางในแต่ละวันค่อย ๆ หมดลงไปอย่างช้า ๆ ...



...ทิ้งไว้กับภาพหมู่บ้านตกปลาที่ 2 ใบนี้.. ก่อนจะเป็นช่วงต่อไปช่วงสุดท้ายของรีวิวต้าหลี่ชุดนี้ .. กับภาพบรรยากาศยามเช้าที่เมืองเก่าต้าหลี่... รับชมกันต่อได้เลยครับ



...เร่งเวลาหมุนนาฬิกาให้เร็วขึ้นสู่ภาพวันสุดท้ายที่เมืองโบราณต้าหลี่กับช่วงเช้าที่มีเวลาแค่ประมาณ 40 นาที .. ก่อนจะอออกเดินทางไปยัง “ลี่เจียง" .. เป้าหมายต่อไป (และจะเป็นรีวิวในอัลบั้มถัดไปนะครับ)



...เช้านี้ยังคงเหมือนเดิมคว้าเสื้อยืด เกงยีนส์ออกรับลมหนาวยามเช้า.. เป้าหมายคือถ่ายภาพชาวบ้าน ผู้คน วิถีชีวิตต่าง ๆ ที่จะสามารถพบเห็นได้ในช่วงระยะเวลาที่ยังพอมี...



...ยิ่งเดินยิ่งเพลินอยากยืดเวลาออกไปอีกสักครึ่งชั่วโมงได้ก็ยังดี .. ด้วยสภาพพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลเกือบ 1,900 เมตร.. ทำให้การเดินกลางแดดเช้า ๆ นั้นสบายตัวมากเพราะอากาศที่เย็น บวกกับลมที่พัดมาบ้างเป็นบางจังหวะ...



...ยิ่งเดินยิ่งซึมซับไปกับพื้นที่ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่ และได้รับการทะนุถนอมดูแลอย่างดี .. จึงทำให้เมืองต้าหลี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองเก่าที่มีการดูแลรักษาดีที่สุดแห่งหนึ่งในแผ่นดินจีน ซ้ำยังติดหนึ่งในเมืองน่าอยู่บนจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย



...ยามค่ำคืนดูพลุกพล่าน วุ่นวาย แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาเดินเล่น ช๊อปปิ้ง ซื้อของ...



...แต่ยามเช้าเงียบสงบ ยังไม่มีเสียงเอะอะโวยวายอะไรสักเท่าไหร่ .. แสงแดดที่ตกลงตามหลังคาบ้าน ตามร้านรวง เป็นภาพที่มีเสน่ห์ในการมองได้เสมอ..



...เดินได้ไม่นานนักก็ถึงช่วงเจียดเวลาให้กับมื้อเช้าของวัน...



...เสี่ยวหลงเปาประมาณ 15 ลูกกับจำนวนคน 4 คน .. บอกได้คำเดียวว่า “อิ่ม" .. ที่อิ่มเพราะรสชาติ และบรรยากาศพาไป .. นั่งในร้านอุ่น ๆ กลิ่นซาลาเปาลอยตลบอบอวลอยู่ทั่วร้าน... นั่งมองคนเดินไปเดินมานอกร้าน มองรอบ ๆ ตัว และมองดูเวลา



...3 วัน 3 คืน ที่เมืองต้าหลี่... ด้วยเข็มนาฬิกาที่เดินด้วยจังหวะเดิม ๆ สม่ำเสมอ แต่รู้สึกว่าผ่านไปรวดเร็วมาก..



...ความสวยงามในการเดินทางคือการได้เห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ .. ได้พูดกับคนที่เราพูดแล้วเราไม่รู้เรื่อง .. ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น .. ได้อ่านในสิ่งที่เราอ่านไม่ออก .. ได้สัมผัสถึงเรื่องราวของวิถีชีวิตทั้งชาวเมือง และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา... เวลาที่ต้าหลี่สำหรับผมค่อย ๆ เริ่มนับถอยหลังลงทีละน้อย...



...เมื่อเวลา ณ ที่แห่งหนึ่งหมดลง กลับเป็นเวลาแห่งใหม่ที่จะเริ่มต้นขึ้น.. จุดสุดท้ายหลายครั้งก็ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทาง.. เวลาที่ต้าหลี่ในวันนี้หมดลง แต่เป็นเวลาเริ่มต้นใหม่สู่เมืองลี่เจียงที่จะถึง .. ช่วงเวลา 3 วันที่ได้กินและนอนอยู่ที่เมืองต้าหลี่ สัมผัสได้ถึงความงดงาม มนต์เสน่ห์ของเมืองโบราณที่มีอายุกว่าพันปี... ผ่านการดูแลรักษาจากรุ่นสู่รุ่น จากครอบครัวเล็ก สู่ครอบครัวใหญ่ สู่วิถีชีวิตของชาวต้าหลี่...



...ภายใต้ดินแดนตามความเชื่อของชาวต้าหลี่ที่ว่าเทวดาเป็นผู้มอบเทือกเขาชางซาน และทะเลสาบเอ๋อไห่ให้มาอยู่ร่วมกัน .. เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เทือกเขาเอื้อประโยชน์สู่ป่า ป่าสร้างลำน้ำ ลำน้ำสร้างชีวิต และชีวิตดำเนินต่อด้วยชีวิต... “น้ำแห่งหนึ่งอยู่คู่เขาชางซาน เขาชางซานโอบอุ้มเมืองโบราณ"... พบกันใหม่รีวิวหน้าไม่นานเกินรอครับ...



...ขอบคุณแอร์เอเชียสำหรับการเดินทางสู่คุนหมิง และการเดินทางที่สวยงาม... และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาชมกันนะครับ... ^^



...รีวิวหน้าพบกับ การแสดงโชว์ Impression Lijiang, มรดกโลกเมืองเก่าลี่เจียง, ภูเขาหิมะมังกรหยก .. อย่าลืมติดตามชมเร็ว ๆ นี้ครับ



Forzanu

 วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.14 น.

ความคิดเห็น