มาเที่ยวเชียงใหม่รอบนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน วันแรกไปพัก บ้านระเบียงดาว วันที่สองมาพักที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก และวันสุดท้ายพักในเมืองเชียงใหม่ ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่เราแวะที่ พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง)

หลังจากตื่นตาตื่นใจกับที่พักเมื่อวานไปแล้ว วันนี้พวกเราก็มาตะลุยกันต่อที่ดอยชื่อเก๋ ๆ ฟ้าห่มปก หรือ ผ้าห่มปก

"ดอยผ้าห่มปก" เป็นยอดดอยที่มีความสูงเป็นอันดับสองของประเทศไทยด้วยความสูง 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2549 อุทยานแห่งชาติแม่ฝางได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก" เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของ "ดอยผ้าห่มปก" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญและโดดเด่นของอุทยานฯ และเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2551 ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก" จนถึงปัจจุบัน (Cr. สำนักอุทยานแห่งชาติ)

อย่าช้าค่ะ! บ่ายแก่แล้ว เราได้เหมารถรอบสุดท้ายหารเฉลี่ยกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่เพิ่งมาถึงพอดี จริง ๆ พวกเราก็ขับรถกระบะกันมาเองนะคะ แต่เพื่อความปลอดภัยเจ้าหน้าที่แนะนำให้เหมารถที่มีผู้ชำนาญการขับขึ้นไปให้ดีกว่า


ผ่านทุ่งหญ้าสีทอง สวยมาก ๆ


รถกระบะที่เราเหมากันขึ้นไปค่ะ


ภาพแรกจาก ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,924 เมตร


บรรยากาศที่นอนคืนนี้ ดีมากกกกกกกก ก ไก่ล้านตัว

จัดแจงเข้าเอาของเต็นท์เสร็จก็รีบอาบน้ำ กินข้าว อาหารค่ำคืนนี้ของเราเป็นอาหารตามสั่งง่าย ๆ กินเสร็จก็ไปนั่งเขียนโปสการ์ด มองดูดาวสักพัก ดาวเต็มฟ้า แต่ยังสวยไม่เท่าคืนก่อน

คืนนี้เรารีบเข้านอนแต่หัวค่ำค่ะ เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง! นัดเจ้าหน้าที่เดินป่าขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยค่ะ

เอิ่ม...ก่อนมา นัดแนะกับเพื่อนสาวนะว่า ทริปนี้จะเป็นทริปชิลล์ ๆ ชมบรรยากาศ นี่เราพลิกแผนกัน ตื่นเช้ากว่าไปทำงานอีก



เช้าวันต่อมา...ตี 3 ครึ่ง

พวกเราปาดขี้ตาตื่นด้วยความงัวเงีย แล้วก็พากันออกเดินทางทันที อากาศตอนเช้ามืด หนาวมากเลขตัวเดียว แต่ระหว่างทางเดินขึ้นนี่ต้องถอดเสื้อกันหนาวออก เหลือแค่เสื้อแขนสั้นตัวเดียว

ระยะทางที่พวกเราต้องเดินทั้งหมด 3.5 กิโลเมตร ดูเหมือนไม่ไกลมาก แต่เมื่อรวมว่าเป็นระยะทางที่ต้องเดินขึ้นเขาในความมืดด้วยแล้ว ไม่ใช่ง่ายเลย ยิ่งเราไม่สบายเป็นหวัดพอดี ระหว่างทางเดินไปต้องคอยบอกให้เพื่อน ๆ หยุดรอ เพราะขอเวลาพักสั่งขี้มูกแพร่บ ดังนั้นจึงไม่มีรูประหว่างทางเดินขึ้นมานะคะ แค่เอามือปาดขี้มูกก็จะแย่แล้ว

จนในที่สุดก็มาถึงยอดดอยเร็วกว่าที่คาดไว้ ฟ้ายังมืดเลย รออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะสว่าง

พอหยุดเดินปุ๊บ หนาว หนาวจนไปถึงหัวใจเลยทีเดียว


ดูแล้วคล้าย ๆ เป็นเกล็ดน้ำแข็งเกาะเลย


นั่งรอกันไปยาว ๆ ขออภัยที่ภาพไม่ชัดค่ะ ทั้งไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป ทั้งหนาวจนตัวสั่นไปหมด


พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว อ้าว! ไม่ใช่นี่


ชมต้นไม้ใบหญ้ารอ


ดอกเล็กดอกน้อย ก็ดูสวยไปหมด เจ้าพวกนี้แข็งแรงกันมาก ๆ ยืนต้นต่อสู้กับอากาศหนาวได้


ออกมาแล้ว จริง ๆ วันนี้พระอาทิตย์ออกมาทำงานนานแล้ว แต่ว่าเมฆเยอะไปหน่อย เลยไม่รู้ว่าเค้าออกมาตั้งแต่เมื่อไร


ในเมื่อพระอาทิตย์ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ชมวิวมุมอื่นกันบ้างดีกว่า มันสวยมาก


"ฟ้าห่มปก" คงจะหมายความได้ว่าขึ้นมาบนนี้ จะเหมือนมีท้องฟ้ามาห่มโอบล้อมตัวเราไว้เป็นแน่


สวยจนอยากกระโดดลงไปกลิ้ง ๆ บนพรมสีเขียวที่อยู่ข้างหน้า


ความลำบากที่ตื่นมาแต่เช้ามืด เดินดุ่ม ๆ มาในความมืด เพิ่งจะเปิดเผยตัวให้เห็นความสวยงามก็ตอนเราเดินลงนี่เอง


ใบไม้หนาวจนขาวเชียว


ส่วน "ผ้าห่มปก" นั้น คงจะหมายถึง ความเขียวชอุ่มของผืนป่าที่เปรียบเสมือนผ้าห่มสีเขียวผืนโตห่มคลุมไปทั่วดอย


ต้นไม้ยังเขียวทั้งต้นเลย


ระหว่างทางเดินลงจะเพลินมาก เพราะวิวระหว่างทางสวย ดูเพลิน






ดูทางเดินแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเราเดินขึ้นมาตอนมืด ๆ ได้ ห้ามเดินขึ้นมากันเองนะคะ ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางมาด้วย ไม่งั้นหลงแน่ ๆ


เดินมาถึงลานกางเต็นท์ รีบตรงไปหาของกินก่อนเลย อาหารธรรมดา แต่อร่อยมากกว่าปกติหลายเท่าตัว


เก็บของเตรียมกลับจ้า


ขาลงมีแวะจุดชมวิวระหว่างทาง


ก่อนกลับแวะแช่น้ำแร่คลายเมื่อยกันซะหน่อย

รู้สึกแข็งแรงขึ้นทันที หลังจากทั้งได้ออกกำลัง และแช่น้ำแร่คลายเมื่อย

ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

ความคิดเห็น