"บ้านระเบียงดาว" ชื่อนี้เป็นชื่อที่เพื่อนสาวชาวเชียงใหม่พูดถึงอยู่บ่อยมาก บอกว่า สวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย จนเราอดรนทนไม่ได้ต้องขอลองไปสัมผัสกับบรรยากาศที่นี่หน่อยแล้วว่าสมดังคำเล่าลือของคุณเพื่อนไหม

ควบรถกะบะปุเลง ๆ กันสามสาวจากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่บ้านระเบียงดาวกัน

ระยะทางจากเชียงใหม่ถึงบ้านระเบียงดาวใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงได้ แต่แวะระหว่างทางซะเยอะ กว่าจะถึงเลยบ่ายแก่ ๆ เกือบเย็นแล้ว

และนี่คือภาพแรกที่เราได้ยืนชื่นชมแบบเต็ม ๆ ตาจากหน้าบ้านพักในคืนนี้ วิวข้างหน้าเป็นดอยหลวงเชียงดาว


ลองเข้าไปดูห้องนอนกันบ้าง

ธรรมชาติผุด ๆ แอบสงสัยว่าบ้านไม้ไผ่เป็นซี่ ๆ แบบนี้ คืนนี้จะหนาวจนนอนไม่หลับไหมนี่


ห้องน้ำก็อยู่ใกล้ตัวบ้านพักนี่หล่ะ สะดวกสบายมาก กลัวอยู่อย่างเดียวคือ น้ำหนาวววววว เออ ไม่ต้องกลัว มันหนาวจริง


มาทริปกับ GoNeverStop ต้องไม่พลาดรูปของกิน แวะซื้อมาจากตลาดข้างล่าง เนื่องจากคุณเพื่อนละเมอว่า ที่พักไม่มีอาหารมื้อเย็นให้ ที่ไหนได้ มีมื้อเย็นให้ด้วยจ้า ดูที่ซื้อกันมาสิ ข้าวเหนียวทั้งนั้น ใบถุงซ้ายมือถุงเบ้อเร่อ กระบอกข้าวหลาม และที่วางอยู่นอกภาพอีก อร่อยและแน่นมาก สามสาว หรือชายฉกรรจ์นับสิบกินกันคะ


กินเสร็จก็รีบออกเดินย่อยชมวิวรอบ ๆ เดี๋ยวต้องมีกินมื้อค่ำที่ทางบ้านระเบียงดาวจัดไว้ให้อีก


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก มื้อค่ำมาเสิร์ฟถึงหน้าระเบียงห้องค่ะ มีไข่เจียวฟู ๆ อีกนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา นี่บอกเค้าว่าขอน้อย ๆ แล้ว อร่อยทุกอย่างเลย โดยเฉพาะน้ำพริกทำเองของที่นี่


ยามค่ำคืนไม่มีทีวีให้ดู ไม่มีเน็ตให้เล่น ก็นอนอ่านหนังสือเล่น ได้ยินเสียงธรรมชาติรอบ ๆ ตัวชัดมาก พวกเสียงแมลง สัตว์กลางคืน ลมพัด อ่านหนังสือไปได้ไม่เท่าไร ก็ได้เวลาตัดไฟแล้ว ก็พากันนอนแล้วกัน ยังหัวค่ำอยู่เลย


พอดับไฟปุ๊บ ตกใจมาก เนื่องจากความมืดของที่นี่เป็นความมืดชนิดแบบที่ไม่เจอในบ้านเรา เรียกได้ว่ามืดสนิทขนาดที่ว่า ยกมือตัวเองขึ้นมามอง ยังมองไม่เห็น ราวกับว่าเราไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้แล้ว หลอน หลอน ก่อนนอน


Zzzzzzzzz

นอนไปได้สักสามชั่วโมงก็นอนไม่หลับ มีความรู้สึกเหมือนกับว่าหลับสนิทมากจนพอแล้ว พลิกตัวไปมาสักพักก็ออกไปเข้าห้องน้ำดีกว่า กลั้นใจเดินออกไปเลย แอบหลอนตรงที่มีเสียงเดินอยู่ตรงระเบียงตลอดเวลา (คงเป็นหมาน้อยที่เห็นเมื่อเย็นน่ะหล่ะ)

เข้าห้องน้ำเสร็จก็ออกมายืนมองจากระเบียงบ้านไปบนท้องฟ้า


และภาพที่เห็นก็ทำให้เราตะลึง!

รอบตัวเรามีแต่ความมืด มืดสนิท แล้วก็มีดาวระยิบระยับ นับล้านดวงอยู่บนฟ้า โอบล้อมอยู่รอบตัวเรา

ถ้าเปรียบเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของต่างประเทศต่าง ๆ ที่เคยไปเที่ยวมา

แล้วทำให้เรารู้สึกเป็นคนตัวเล็ก เล็ก

ที่ระเบียงดาวนี้ ยิ่งทำให้เรารู้สึกตัวเล็กยิ่งกว่า

บรรยากาศ ณ เวลานั้น ราวกับว่าเราได้ออกไปยืนอยู่ในห้วงจักรวาลที่มีดาวรายรอบ

แต่แปลกที่ว่าเรายังหายใจได้อยู่เป็นปกติ


เออ ถ้าเราไม่ตื่นมาตอนกลางคืนแบบนี้ คงพลาดจุดพีคที่สุดของวันนี้ไป

ปล. ไม่มีภาพดาวมาฝากนะ อยากดูต้องไปสัมผัสเอง ถ่ายยังไงก็ไม่สวย เพราะมันเป็นวิวล้อมรอบตัวเราเลย


เช้าวันต่อมา...


นอกจากที่นี่จะได้ชื่อว่าบ้านระเบียงดาวสมชื่อแล้ว เช้า ๆ ยังมีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งมาอวดโฉมโชว์นักท่องเที่ยวเป็นประจำ



จิบชาร้อน ตามด้วยข้าวต้ม อุ่น ๆ ฟินมาก



รอคุณพระอาทิตย์ออกมาทำงาน


มาแล้วจ้า


น้ำพริกแสนอร่อยมีให้ซื้อกลับไปกินด้วยนะ


ภายในห้องไม่มีปลั๊กไฟ เวลาชาร์ตต้องมาชาร์ตที่ส่วนกลาง


ต้นไม้ ดอกไม้เขียวชอุ่ม ชุ่มชื่นจริง ๆ


บ้านที่เราพัก มีต้นจันทน์ผาหน้าบ้าน


จอมซนที่แวะมาเล่นด้วยด้วย


พยายามดมหาของกิน เมื่อคืนกินข้าวหกไว้บนเสื่อ


นอนตากแดดฆ่าเชื้อ เพราะเช้านี้จะไม่อาบน้ำ 555 ว่าจะลงไปอาบข้างล่าง เห็นแดดแรงขนาดนี้ แต่หนาวมาก ไม่ไหวจริง ๆ

ในที่สุดก็ถึงเวลาจากลาบ้านระเบียงดาวเสียที


เพิ่งรู้เมื่อคืนนี้นี่เองว่าเราสามารถเสมือนเดินทางออกไปยังจักรวาลอันไกลโพ้นได้โดยเสียตังค์แค่ไม่กี่ร้อยเอง แล้วพบกันใหม่ <บ้านระเบียงดาว>


ติดตามการเดินทางต่อไปของทริปนี้ได้ที่ บันทึกวันที่ "ฟ้าห่มปก" และ ที่พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) มีอะไร?

ความคิดเห็น