ได้ตั๋วฟรี ตั๋วถูกจากแอร์เอเชีย เจ้าเดิมเจ้าประจำอีกแล้ว ไป-กลับ เชียงใหม่ 2 คนแค่ 442.80 บาทเอง ตกคนละ 221.40 บาท ถูกแบบนี้ไม่ไปก็บ้าแล้ว หุ หุ



จากสนามบินเชียงใหม่ ไปปาย คนส่วนใหญ่ ก็จะเดินทางด้วยรถตู้ เพราะมันสะดวกและง่ายดี แต่สำหรับเรามันง่ายไป อยากทำอะไรที่ไม่เคยทำสักหน่อย เลยไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์

ใช้บริการเจ้าเดิมค่ะ bikkychiangmai ตกลงเช่าก่อนเดินทาง 1 วัน ทาง line และเป็นลูกค้าเก่า ได้ลดราคาจาก 300 เหลือ 250 บาท แถมลงทะเบียนในเวป ได้ลดอีก 25 บาท ถูกและบริการดี น่ารักแบบนี้รักตายเลย



รถเช่าเชียงใหม่เยอะแยะ ราคาก็ไม่แพง ทำไมไม่เช่า ? เราเคยเช่าวันละ 200 บาทเอง แต่ว่าเค้าไม่มีบริการ รับ-ส่ง สนามบินไง ต้องนั่งรถแดงออกไปที่ร้าน และต้องเสียค่ามัดจำอีกตั้งเยอะ เลือกเจ้านี้ดีกว่าค่ะ เสียค่ารับ-ส่ง ที่สนามบิน 50/เที่ยว ถือว่าคุ้มสุด ๆ แระ แถมเงินก็ไม่ต้องมัดจำ แค่เก็บบัตรประชาชนแค่นั้นเอง ง่าย ๆ และสะดวกมาก เลยใช้ประจำ


ตรวจรับรถเสร็จก็ไปกันเลย ออกจากสนามบินจะไป อ.แม่ริม ก็งง ๆ กับเส้นทาง จอดถามพี่รถแดง ว่าไปทางไหน ใครว่ารถแดงโหดร้าย เราโชคดี เจอคนใจดี บอกเส้นทาง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ข้ามสะพาน โอ้ว เรา 2 คน งง ๆ ขับออกมาได้สักพัก พี่แก บีบแตร แล้วบอกว่าขับตามมา พอถึงจุดสิ้นสุด ที่พี่เค้าต้องไปที่อื่น ก็จอดรถบอกว่าให้ไปทางนี้ ๆ โอ้ว ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ


เคยแต่ขี่มอเตอร์ไซด์ มาแม่ริม และไปม่อนแจ่ม แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่นะเออ ครั้งนี้ไกลกว่าเยอะเลย ผ่านแม่ริม ผ่านแม่แตง แม่มาลัย ระยะทาง 133 กิโลเมตร แค่ 762 โค้งเอง ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงจิ๊บ ๆ



ขับไปเรื่อย ๆ ครั้งนี้ เรา 2 คนเตรียมตัวมาดีหน่อย มีแว่นตากันลม และผ้าปิดจมูก ปิดหน้า เสื้อแขนยาว ไว้กันลม กันแดด เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ เส้นทางนี้ รถเยอะนะ รถใหญ่ ๆ เสียด้วยสิ ขับ ๆ ให้ระวัง ๆ กันด้วยค่ะ


แต่วิว 2 ข้างทาง สวยมากนะ



โค้งก็เยอะ แต่ก็มีเสียว ๆ บ้างเป็นบางจุด แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ


เติมน้ำมันมาเต็มถัง แต่ไม่แน่ในว่า รถรุ่นเราจุ กี่ลิตร เลยต้องเติมน้ำมันหลอดกันไว้ก่อนค่ะ



ถึงอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังแล้ว เย้ ๆ ใกล้ถึงปายแล้วสิ แต่ไม่ได้ขับเข้าไป เพราะว่าเดือนธันวาคม ก็จะมาอีก เลยถ่ายแค่ป้ายพอค่ะ



ขับต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ก็จะถึง สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย กรี๊ด เราทำได้ เพราะสะพานนี้เปรียบเสมือนประตูสู่อำเภอปาย แม้ในปัจจุบันจะมีสะพานปูน ได้สร้างอยู่เคียงข้างกัน แต่สะพานประวัติศาสตร์เก่าแก่แห่งนี้ ก็ยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่มา เยือนอำเภอปายอยู่เป็นประจำเพื่อถ่ายภาพ ถือว่าถ้าใครมาแล้วไม่ได้แวะถ่ายรูป ถือว่ามาไม่ถึงนะเธอ อิ ๆ


มาถึงตอน เที่ยง ๆ แดดแรงมาก ๆ เดินเล่นได้หน่อยเดียว ต้องรีบเข้าที่พัก เพราะคนขับ โดนหนอน ตกใส่ คอ 3-4 ตัว ระหว่างทางที่ขับรถมา ทำให้คัน และต้องซื้อยามาทาแก้คันค่ะ 555



วิว ๆ ข้าง ๆ สะพาน





ที่พัก สวย ๆ



แวะถ่ายรูปที่ coffee in love ได้นิดเดียว คนขับบอก คันมาก ขอเข้าห้องพักอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพามาใหม่ ฝากไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเย็น ๆ เจอกัน

.


ถึงที่พัก ตอน 13.00 น. เราใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่นะ มีแวะกินข้าว ถ่ายรูป เข้าห้องน้ำ รวม ๆ ก็ 4.30 ชม. แฮะ ๆ ถือว่าไม่เลวเลย เพราะแวะตลอด 555



เราเลือกชั้นบน เพราะห้องน้ำในตัว และติดแอร์ค่ะ ส่วนชั้นล่างจะเป็นเตียงรวม ส่วนมากชาวต่างชาติจะนิยมนอนชั้นล่างกัน



ห้องพัก ตกแต่งแบบวินเทจ สวย คลาดสิคดีค่ะ สะอาด ทีวีแจ่ม แอร์เย็นเฉียบ ห้องน้ำก็โอเค กว้างดีค่ะ




โดยรวมดีค่ะ ติดถนนคนเดินเลย ตอนเช้าจะมีกาแฟ และกล้วยให้ด้วยค่ะ



อาบน้ำ ทายาแก้คัน งีบหลับนิดหน่อย แล้วออกไปลุยต่อเลย ฟิ้ววว


กองทัพเดินด้วยท้อง จัดไป ผัดไทย หน้าวิน ค่ะ อร่อย จนต้องฝากท้องไว้ที่นี่ 2 มื้อเลย



จากร้านผัดไทย ไปร้าน coffee in love ไม่ถึง 10 นาที ได้ถ่ายรูปแล้ว (แต่กาแฟไม่ได้ซื้อกินนะ กลัวคืนนี้นอนไม่หลับง่ะ)




ใครลืมปิดไฟฉาย ???



และมาต่อที่ กองแลน ปายแคนยอน (ซื้อน้ำไปด้วยนะ เราพลาด) ทางเดินต้องเดินขึ้นบันไดไป หุ หุ ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่โรคประจำตัวเราคือเจ็บเข่าขวา มารบกวนอีกแล้ว T_T


กองแลนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการถูกกัดเซาะของลมและฝน จนกลายเป็นทางเส้นเล็กๆบนสันเขา ท่ามกลางภูเขาสลับซับซ้อน และบรรยากาศที่สวยงาม สามารถเดินสำรวจเส้นทางได้เป็นวงกลม ชมความสวยงามได้โดยรอบแบบ 360 องศา เป็นไฮไลท์ยอดฮิตอันดับต้นๆของคนมาเที่ยวปาย สำหรับดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกในที่เดียวกัน



วัดใจกัน ทางเดินแคบ ๆ น่ากลัว คนขับเรา เดินนำหน้าไป พอเห็นทางแคบ เดินกลับ ฝรั่งเดินตามหลังหัวเราะเลยอายจริง ผัวใครฟ๊ะ



ข้ามจุดแรกมาได้ พอจะถึงจุดสอง หยุดเถอะท่าน เพราะว่ามันเสียวไป รองเท้าเราไม่ดี ลื่นด้วย ถ้าหล่นไป ใครจะช่วยหนอ ยิ่งเจ้าฮ้อน แค่เดินธรรมดา ยังสะดุดขาตัวเองล้มบ่อย ๆ ถ้าตกไปใครจะขับรถพาเรากลับ หุ หุ




จึงเดินดูรอบ ๆ และกลับค่ะ ไม่ได้รอจนถึงพระอาทิตย์ตก เพราะกลัวถนนปิด และรถจะเข้าไม่ได้ค่ะ





ถึงที่พักจอดรถ และสิ่งที่เราชอบที่สุด คือการเดินหาของอร่อย ๆ พื้นบ้าน กิน รอเวลานี้มาทั้งวันแล้ว อิ ๆ




แวะมันทุกร้าน กินมันเกือบทุกเจ้าที่เดินผ่าน แต่ว่า มองบนฟ้า ทำไม่เหมือนฝนทำท่าจะตก เอาว๊ะ เดินต่อ




ท่ารถเปรมประชา อยู่แถว ๆ ที่พักเลย ถ้าใครเดินทางด้วยรถตู้สะดวกสุด ๆ ค่ะ




และก็กิน แต่ยังกินไม่อิ่ม และเดินเที่ยวไม่เสร็จเลย ฝนเท ลงมา แง ๆ ของฝาก เสื้อผ้า ยังไม่ได้เดินดูเลย ต้องรีบวิ่งกลับเข้าที่พัก



กิน กิน กิน





รอจน 4 ทุ่ม ฝนหยุด ตอนแรกว่าจะเดินออกมาอีกรอบ แต่ง่วง จากการเดินทาง เลยนอนดีกว่า ZZZzzzz

ตื่น 6 โมงเช้า สายแล้วเรา รีบล้างหน้า แล้วขี่มอเตอร์ไซด์ รีบบึ่งไปดูทะเลหมอก จะทันไหมเนี่ย



ระหว่างทาง เห็นพระบิณฑบาตร และคนใส่บาตร จึงจอดรถถ่ายรูป และนั่งพนมมือไหว้ ส่วนอาหาร ก็ไม่ได้เตรียมมาใส่



ช่วงที่พระเดินผ่าน พระรูปสุดท้าย หยุดและมองดูเรา พร้อมกับมือล้วงไปในย่าม หยิบหนังสือ+ซีดี ธรรมมะ แล้วส่งให้เรา .....สาธุ อนุโมทามิ สงสัยเราจะบาปหนา พระเลยให้หนังสือมาขัดเกลาจิดใจ 555


ทางที่จะไปชมทะเลหมอกหยุนไหล ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสันติชล ถ้านักท่องเที่ยวขับรถมาเอง ต้องมาต่อรถของชาวบ้าน เหมารถขึ้นไป แต่เรามามอเตอร์ไซด์ เลยสามารถเข้าได้เลยค่ะ



ถึงแล้ว จะเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เอาบัตรไปแลกชามาได้ 1 เหยือกค่ะ คุ้ม สุด ๆ อ่ะ แถมมีกล้วยฟรี ให้บิดกินได้ด้วยค่ะ



เรามาช้าไป พระอาทิตย์ กลับบ้านไปแล้ว หุ หุ แต่ภาพที่เห็นก็ยังสวยงามอยู่มากค่ะ



คนน้อย ๆ อากาศเย็น ๆ สดชื่น



หมอกลอยมาปะทะ เป็นพัก ๆ


อยากเกิดเป็นแมวที่นี่จัง วิวสวย บรรยากาศดี๊ดี



ตอนแรกจะกลับ แต่หมอกมาอีกหลายลูก ก็ต้องอยู่ต่อ 555 สรุปเราใช้เวลา อยู่ที่นี่นาน 1 ชม. แบบไม่เบื่อเลยค่ะ



ลืมบอก ทางขึ้น-ลง มีอันตรายอยู่ 1 ช่วง ก่อนจะถึงจุดชมทะเลหมอกนะคะ ขับระวัง ๆ กันด้วยค่ะ



หินก้อนเล็ก ๆ อาจทำให้ล้มได้ ต้องระวังค่ะ




ลงจากจุดชมวิว ก็แวะเที่ยวต่อ ที่บ้านดิน ในหมู่บ้านสันติชล ต่อ วันนี้ไม่ได้โล้ชิงช้า เพราะเคยนั่งแล้ว และเจ้าฮ้อน ไม่ยอมนั่ง (สงสัยจะกลัว)




เดินเข้าไปเที่ยวข้างใน สวยดีนะ



มีกำแพงเมืองจีนจำลอง




มีร้านขายของฝากจำพวกบ๊วย สารพัดรสชาติ อร่อย ดีค่ะ



และร้านเช่าชุดจีน ไว้สำหรับถ่ายรูปค่ะ




ขากลับแวะไหว้พระที่วัดน้ำฮู้ เพื่อเป็นสิริมงคล สักหน่อย





และเข้าที่พัก กินกาแฟ ขับรถออกมากินผัดไทย อีกรอบ และทำธุระ แถว ๆ ที่พัก และเช็คเอ้าท์ค่ะ


ขากลับ ใช้เวลาไม่นาน ก็ถึงเชียงใหม่ เวลาเหลือเยอะ เพราะนัดส่งรถตอน 18.00 น. จึงแวะไปไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยคำ


คนเยอะมาก ๆ ขนาดวันจันทร์นะเนี่ย ภายในวัดมีร้านขายของเยอะแยะเลย และร้านขายสลากกินแบ่งก็เยอะเช่นเดียวกัน 55



เราก็ได้ทราบข่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทันใจ มาบ้างตามสื่อ ว่ามีคนมาขอ แล้วสมดั่งหวัง และต้องนำดอกมะลิมาถวาย


ดอกมะลิเยอะมาก ๆ แสดงว่าคนสมหวังกันเยอะ



เรากับฮ้อน ก็ขอบ้างเลย พอขอเสร็จ ก็เดินออกมาจะ ข้างนอก ตาไปเห็นแบงค์ 100 หล่นอยู่ จึงตามหาเจ้าของ แต่ก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้น จึงนำเงิน ไปใส่ซอง และร่วมทำบุญไปอีก คนละ 50 บาท เขียนชื่อเรา ฮ้อน และผู้ที่ทำเงินหล่น ให้พระสวดให้พร



เดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกมาเลย งวดนี้กรูรวยแน่ ออกมาปุ๊ป ปรี่ไปหาแผงลอตเตอรี่ ในทันที่ 555 ได้มา 1 ชุด รวยแล้ว



ใครอยากบุญหนัก ก็สามารถเดินเท้าขึ้นมาได้นะ หุ หุ



และขับไปสนามบิน ก่อนเข้าก็แวะ 7-11 ซื้ออาหาร กล่องไว้ทาน ก่อนขึ้นเครื่อง และส่งรถ 18.00 น.

กลับถึงบ้านโดยปลอดภัย แล้วเราจะกลับมาอีกนะ ปอ อา ยอ ปาย วันที่ 10-13 ธันวาคม 59 นี้อีกรอบจ๊ะ บาย


ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ (ไม่รวมของฝาก) ตกคนละ 1336.20 บาท เห็นไหมเที่ยวเมืองไทย ไม่ได้แพงอย่างที่คิด



*** ต่อเรื่องแบงค์ ที่เจอ งวดแรก 16 ตค. 59 หวยออก 98 โดนแดรกเรียบ หมดไปเยอะเลย (จริง ๆ 6 กับ 9 ตัวเดียวกัน แต่เราโง่เองนะ) พองวด 1 พย.59 ออก 86 โดนสิคะ แม้จะแทงไม่เท่างวดที่แล้ว แต่ก็ถือว่าได้ทุนคืน กราบ หลวงพ่อทันใจ ที่ยังให้โชคกับเรา แล้วหนูจะกลับไปไหว้ท่านอีกครั้ง วันที่ 13 ธันวาคม 59 ค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ***

แตงโมเนื้อทราย

 วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 10.51 น.

ความคิดเห็น