“ ไปหาดใหญ่กันไม๊พี่“..เป็นคำชวนเรียบๆของน้องคนหนึ่งซึ่งเราก็ได้แต่คิดในใจว่าไปหาดใหญ่จะมีอะไรให้ดูให้เที่ยวเหรอเพราะหาดใหญ่ในความคิดของเรามีแต่ไปซื้อของไปช๊อปปิ้งแค่นั้นเอง...แต่ก็ใจง่ายตกลงใจไปกับเค้าไม่ได้ไปหาดใหญ่มาร่วม 10 ปีไปดูซักหน่อยว่าเมืองโตไปถึงไหนแล้วก็ดีเหมือนกันนะคะ



หลายๆคนมักจะนึกไปว่าหาดใหญ่คือจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยไม่ใช่ว่าเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลาเนื่องจากอำเภอหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการค้าและการคมนาคมของภาคใต้เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติแห่งสำคัญ มีตัวเมืองที่เจรญเติบโตและมีโรงแรมที่พักอยู่มากมายถึงกว่า 70 แห่ง ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวมาเลเซียซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุดจำนวนหลายล้านคนในแต่ละปีค่ะ



ส่วนอำเภอเมืองสงขลา ที่ยังคงสภาพบ้านเมืองที่เก่าแก่อันเป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์อยู่ใกล้เคียง ในระยะที่แทบจะนับได้ว่าเป็นเมืองเดียวกัน เมื่อรวมเอาทั้งหาดใหญ่และสงขลาเข้าด้วยกันแล้ว เมืองนี้จึงนับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ครบเครื่องแห่งหนึ่งเลยนะคะ



และสำหรับพัทลุงเป็นจังหวัดที่จะไปเป็นครั้งแรกในชีวิตและ เป็นจังหวัดที่กำลังดังตอนนี้ซะด้วยค่ะ



พัทลุง เมืองลุง หรือเมืองอกทะลุ เป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่อ คือ มโนห์ราและหนังตะลุง ซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้มาเนิ่นนานนอกจากนี้ยังมี แหล่งธรรมชาติสำคัญ คือทะเลน้อยที่เคยได้ยินแต่ชื่อและเห็นแต่รูปที่นี่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและเป็นทะเลสาบน้ำจืด อันเป็นแหล่งอาศัยของนกน้ำหลากหลายพันธุ์ ก็ตั้งอยู่ที่นี่ความสำคัญของทะเลน้อยคือส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ คือพรุควนขี้เสียน ได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทยไม่เพียงเท่านั้น พัทลุงยังมีสายธารน้ำตกอีกมากมายเรียงรายอยู่บนเส้นทางพัทลุง-ตรัง ซึ่งบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำลำธารในจังหวัดนี้ได้อย่างชัดเจนนะคะ



งั้นเรามาดูกันค่ะว่า4 วัน 3 คืนของทริปนี้ เราได้ไปพบเห็นอะไรกันบ้างค่ะ



ผู้สนับสนุนการเดินทางอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของพวกเราคือ นกแอร์นะคะ



นกแอร์มีเที่ยวบินไป-กลับกรุงเทพ-หาดใหญ่วันละ7 เที่ยวบินเลือกได้ตามเวลาที่เราสะดวกเลยค่ะ



ใช้เวลาเดินทางกันไม่นานกินขนมอ่านหนังสือ แป๊ปเดียวก็ถึงหาดใหญ่แล้วค่ะ



ทริปนี้จุดหมายหลักคือมางานเทศกาลบอลลูนนานาชาติที่หาดใหญ่ค่ะงานนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ เทศบาลนครหาดใหญ่ จัดเทศกาลบอลลูนนานาชาติหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 6-7 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬากลางจิระนคร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา



งานนี้มีการแสดงบอลลูนจากนานาประเทศทั้งสิ้น 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สโลวีเนีย เกาหลี เวียดนาม และไต้หวัน และมีบอลลูนทั้งหมด 12 ลูกมาร่วมแสดงในงาน



ในงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติมีการแสดงบอลลูนสีสันสดใส รูปร่างแปลกตามากมาย และยังมีการแสดงวิธีกางบอลลูนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวิธีที่จะทำให้บอลลูนลอยขึ้นสู่ฟ้า และให้ผู้คนที่มาร่วมงานสามารถเข้าไปดูได้อย่างใกล้ชิดเลยนะคะ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คน เป็นอย่างมาก



อันนี้เป็นบอลลูนจากไต้หวันที่แสดงวิธีกางบอลลูนด้วยลมเย็น

ส่วนในช่วงค่ำคืนจะเป็นการแสดงบอลลูนประกอบเพลง จะมีการส่องไฟในลูกบอลลูนทำให้ สวยงามไปอีกแบบ มีผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมากและต่างก็ให้ความสนใจในกิจกรรมต่างๆ ในงานอย่างมากมายรวมทั้งเราที่ไปร่วมงาน บอกเลยว่าไม่เคยเห็นบอลลูนใกล้ๆขนาดนี้และยังมีโอกาสได้ขึ้นไปเปิดประสบการณ์ในการขึ้นบอลลูนด้วย เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆค่ะ



บอลลูนจากประเทศสโลวีเนีย

บอลลูนจากประเทศเนเธอร์แลนด์



บอลลูนจิ๋วนี้เป็นของจังหวัดสงขลาค่ะ



บอลลูนดาร์กเรเดอร์จากเบลเยียม



Smurfขวัญใจเด็กๆ จากเบลเยียม



Heart of Asia จากไต้หวัน



The monster จากอังกฤษ



อันนี้น่าจะเกาหลีไม๊คะอ่านไม่ออกค่ะ



ส่ง Tamkarnwelaขึ้นบอลลูน เป็นของไต้หวัน



เริ่มลอยแล้วค่ะ คนถ่ายตื่นเต้นภาพไม่ชัดเลย 555++



ลอยแล้วค่า



สวยงาม



บนนั้นจุคนได้ 4-5 คนแคบๆเลยค่ะ



โชคดีมากๆที่ได้มีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต



ลำของเราลอยแล้วข้างล่างกำลังกางบอลลูนกันอยู่ค่ะ



หาดใหญ่จากมุมสูง



มุมนี้ฟินเลย



ลำนี้ผู้ควบคุมสุดยอด บังคับบอลลูนมาแตะน้ำด้วย



ลอยกันไป ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ



บอลลูนลงแล้วค่ะ



มีทีมตามมาเก็บ



สุดยอดแห่งประสบการณ์จริงๆนะคะ...ฟินกันจนทุกวันนี้ค่ะ



หาดใหญ่ถือว่าเป็นอีก 1 เมืองที่เด่นในเรื่องอาหารการกินมื้ออาหารไม่พอชิมหน่ะค่ะ



ติ่มซำ เป็น 1 ในอาหารคู่บ้านคู่เมืองของหาดใหญ่สมัยก่อน จีน เป็นอีกประเทศที่เข้ามาผูกสัมพันธ์ไมตรีด้านการค้าทางภาคใต้ของเรา บ้างก็มาเพื่อการค้าระยะสั้น ๆ บ้างก็มาแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองไทยไปเสียเลย วัฒนธรรมต่าง ๆ ของจีน จะถูกนำมาผสมผสานกลายเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นของหลาย ๆ พื้นที่ รวมไปถึงประเพณีการรับประทานอาหาร จนอาหารบางชนิดกลายเป็นอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ หนึ่งในนั้นก็คือ 'ติ่มซำ'



'ติ่มซำ' เป็นคำภาษากวางตุ้ง อันเป็นเมืองซึ่งริเริ่มทำอาหารประเภทนี้ หรือในภาษาจีนกลางเรียกว่า 'เตี่ยนซิน' แปลว่า อาหารว่าง หากเป็นชาวภูเก็ตบ้านเราก็จะเรียกว่า 'เสี่ยวโบ๋ย' ติ่มซำเป็นอาหารคำเล็ก ๆ ที่กินได้เรื่อย ๆ ซึ่งคนทำจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำจนได้เป็นติ่มซำรูปแบบต่าง ๆ ออกมาให้เลือกมากมาย



ที่หาดใหญ่เองมีร้านติ่มซำดังๆมากมายทั้งกุ๊กชัยติ่มซำ / โชคดีแต่เตี้ยม /อาม่า ติ่มซำ ฯลฯไปครั้งนี้ได้ชิม 2 ร้านค่ะ คือกุ๊กชัย กะ โชคดีแต่เตี้ยมแต่จะมีรูปที่ร้านกุ๊กชัยนะคะบอกได้ว่าสูสีกันค่ะแล้วแต่คนชอบเลยส่วนตัวให้บักกุ๊ดเต๋โชคชัยคะแนนนำว่านิดนึง



กุ๊กชัย ติ่มซำ

ที่อยู่ : 82 ถ.ทุ่งเสา1 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110

เวลาเปิด : 06.00-13.00 น.

โทร : 074-420982,081-8977231



อยากทานอะไรสั่งและบอกเบอร์โต๊ะไว้เค้าจะไปนึ่งมาให้ทานร้อนๆค่ะ



มีบักกุ๊ดเต๋ด้วยนะคะทำใหม่ร้อนๆเช่นกัน



อย่าเดินชนคนเสิร์ฟเชียว



ร้อนๆคล่องคอมากค่ะ



เวลาสั่งของพวกนี้อย่าผลีผลามต่างคนต่างสั่งมันจะบานปลาย..55++



ที่นี่มีเมนูแนะนำอีกอย่างคือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหัวปลามาชามใหญ่เลยชอบที่เส้นกรอบๆนะคะ



ซาลาเปาอบไส้หมูแดง



ของหวานเป็นโอวหนี่แปะก๊วยค่ะอิ่มพุงแตกก็ยังต้องขอชิม....


ร้านกุ๊กชัยนอกจากลูกค้าชาวไทยแบบเราแล้วยังมีลูกค้าขาประจำชาวมาเลอีกเยอะเลยค่ะไม่แปลกใจที่โต๊ะเต็มตลอด



ไก่ทอดหาดใหญ่



หาดใหญ่เป็นเมืองแห่งไก่ทอดจริงๆจังๆค่ะไปตรงไหนก็เห็นเหนียวไก่

ความเป็นมาที่ทำให้ไก่ทอดหาดใหญ่ดังคือ เมื่อปี 2547 – 48 มาจากการที่ คุณชิต (ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา) ในสมัยนั้น ได้คิดขึ้นมาว่าจะทำยังไงให้ไก่ทอดหาดใหญ่ดังเหมือนกับหมูย่างเมืองตรัง จะทำยังไงให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น



คุณชิตเลยได้หารือกับเพื่อนของ คุณชิต ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 หรือที่เรียกกันว่าทีวี ช่อง 10 นั้นเอง เพื่อนของคุณชิตเลยได้ประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ จึงทำให้เป็นที่รู้จักไก่ทอดหาดใหญ่มากขึ้น และ คุณชิตยังได้จัดทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ไก่กอดหาดใหญ่ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ทำให้ทุกซอกทุกมุมของเมืองหาดใหญ่ ก็จะมีให้เห็นร้านขายไก่ทอดอย่างแพร่หลาย ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ของเมืองหาดใหญ่ ไม่เหมือนใคร แต่เจ้าแรก ๆ ที่เปิดขายจนได้รับความนิยมคือ ไก่ทอด เดชา แต่ก่อนขายเป็นรถเข็น ต่อมาได้รับความนิยมขายดีมาก จึงเปิดเป็นร้านขายไก่ทอดและขยายสาขาเลยทำให้ ชาวหาดใหญ่ที่เป็นทั้งชาวไทยมุสลิม และชาวไทยพุทธ ที่ทำมาหากินในหาดใหญ่ ก็เริ่มหันมาขายไก่ทอดหาดใหญ่มากยิ่งขึ้น จนมีอยู่หลายร้าน



ไก่ทอดหาดใหญ่จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คือ จะมีหอมเจียวแถมมาด้วยนั้นเอง แต่ถ้าจะให้อร่อยต้องกินกับข้าวเหนียวด้วยนะคะ



เราได้ไปชิมไก่ทอดเดชา สาขาหนึ่ง

ใกล้โรงเรียนศรีนครหาดใหญ่ ถนนชีอุทิศ ต.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ.หาดใหญ่

081-098-3751

อาหารอีสาน/ส้มตำ/ร้านอาหารทั่วไป/ลำลอง/ครอบครัว ลำลอง

เปิด. 11:00-22:00



ไก่ทอดหาดใหญ่จะมีเอกลักษณ์คือหนังกรอบเนื้อข้างในฉ่ำนุ่ม ไม่มีแป้งหนาๆทานกะหอมเจียว...



ทานกับส้มตำไทย



ส้มตำปูม้า



ตำไข่เค็มแค่นี้ก็น่าจะฟินพอแล้ว



แต่อยากจะลอง ยำวุ้นเส้น



ซุปไก่



ต้มยำกุ้ง



และกุ้งอบวุ้นเส้น



หลายๆอย่างไม่ค่อยอร่อย (คหสต. )เลยค่ะ



แต่ชาแก้วนี้



กะลูกตาลลอยแก้วนี้ อร่อยค่ะ



ข้อคิดคือ: เข้าร้านไก่ทอดควรทานไก่ทอด 555++อย่างที่ทราบกันว่าที่หาดใหญ่คนจีนเยอะร้านอาหารจีนที่ขึ้นชื่อที่นี่มีหลายร้านร้านที่ ชื่อดังร้านหนึ่งคือ ร้านกันเอง หาดใหญ่มีชื่อเสียงมาเป็นระยะเวลายาวนาน คนหาดใหญ่และนักท่องเที่ยวต่างแวะมาชิมอาหารร้านนี้อย่างมากมายบางวันอาจต้องรอคิวสักหน่อย เพราะคนแน่นเต็มร้านตลอดเลยค่ะ



ร้านกันเองมีอาหารมีทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารปักษ์ใต้พื้นเมือง หากจะถามว่าเมนูไหนอร่อย คงจะตอบได้ยาก เพราะเท่าที่ลองทาน อาหารอร่อยทุกจานจริงๆค่ะเป็นร้านที่ชอบที่สุดในทริปนี้..บอกเลยถ่ายรูปมาอาจไม่ครบทุกเมนูที่ทานเอามาเป็นตัวอย่างนิกๆหน่อยๆนะคะ



ที่ตั้ง : 50/3 ถนนกิมประดิษฐ์ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110

เวลาเปิด – ปิด : เปิดบริการทุกวัน 10.30 – 14.00 และเวลา 17.00 – 21.30 น.

เบอร์โทร : 074-232-798, 074-246-138



ยำมะม่วงเบาจานนี้ต้องสั่งนะคะอร่อยมากกกกก



ต้มยำกุ้งอร่อยจริง



กุ้งกระเทียมพริกไทย



ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา



และไข่เจียวปูค่ะ...



จริงๆอาหารที่สั่งน่าจะมากกว่านี้ค่ะ ถ่ายทันแค่นี้เองและร้านที่มีมากที่สุดในหาดใหญ่คือร้านนม ค่ะ ..ที่นี่ฮิตนั่งร้านนมกันมากในตอนกลางคืน



เราเองมีโอกาสไปนั่งร้านโรตีฟอร์ซีน จุดเด่นที่โรตีทิชชู่ค่ะ ขายโรตีและขานมด้วยร้านคนแน่นมาก ขายดีมาก ...ไม่มีรูปประกอบค่ะ



ที่ตั้ง ; ใกล้โรงเรียนอุดมพาณิชยการ ถนนธรรมนูญวิถี ต.หาดใหญ่ จ.สงขลา, อ.หาดใหญ่

โทร :074-462-122



จุดศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม



มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือเรียกสั้นๆว่า มัสยิดกลางสงขลาตั้งอยู่ที่ถนนลพบุรีราเมศวร์ตำบลคลองแห อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัด สงขลา



ที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม ในสงขลา ต้องบอกว่าที่นี่เป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมากเป็นสถานที่ที่ดูขลังเหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนาเสียดายที่ไม่มีเวลาเข้าไปชมด้านในนะคะ



มัสยิดกลางแห่งนี้โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนหากใครได้มาหาดใหญ่แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า " ทัชมาฮาลเมืองไทย "ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นค่ำแบบเราในครั้งนี้มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนักค่ะ



เวลาที่ผ่านไปในแต่ละนาที บรรยากาศที่นี่สวยงามตลอดเลยค่ะ



มาหาดใหญ่ก็หนาวได้



หาดใหญ่ไอซ์โดมที่นี่ถูกสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยเทศบาลนครหาดใหญ่เป็นเจ้าของโครงการตั้งอยู่ใน สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ที่จำลอง ความสวยงามของประติมากรรม น้ำแข็งแกะสลักจำลองสถาปัตยกรรมต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก ในบรรยากาศเมืองน้ำแข็งแห่งแรกแห่งเดียว ของประเทศไทยในอุณหภูมิติดลบ 15 องศาเซลเซียสเลยนะคะทำดีเลยทีเดียวค่ะ



สำหรับการแต่งกายเข้าชมหาดใหญ่ไอซ์โดมควรแต่งตัวให้มิดชิด ควรใส่เตรียมถุงเท้าหรือรองเท้าหุ้มส้น ไม่ควร ใส่รองเท้าแตะเพราะอากาศเย็นมาก เรื่องเสื้อกันหนาว และถุงมือ ทางโดมเข้ามีให้ยืมฟรีโดยก่อนเข้าชมปฎิมากรรมน้ำแข็ง เจ้าหน้าที่จะให้เข้าห้องปรับอุณหภูมิเพื่อปล่อยอากาศจากข้างในออกมาให้ร่างกายเตรียมพร้อมประมาณ5 นาที



มีสไลด์เดอร์ น้ำแข็งให้ลื่นเล่นกัน 2 จุด จุดแรกเป็นน้ำแข็ง



จุด 2 ก่อนทางออกเป็นแบบหิมะค่ะ



สีสันตระการตา



โลกใต้ทะเล



ขั้วโลกเหนือ



ในนี้ห้ามจับน้ำแข็งนะคะเพราะอันตรายค่ะ สนุกดีค่ะในนี้แต่หนาวเท้ามากรีบออกเลยค่ะถ้าไปควรสวมรองเท้ามิดชิดค่ะ



รายละเอียดการเข้าชมหาดใหญ่ไอซ์โดม


ให้บริการทุกวัน

จันทร์ - พฤหัส 10.00-18.00 น.

ศุกร์ - อาทิตย์ 10.00 - 20.00 น.



อัตราค่าบริการ

ชาวไทยผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก(สูงไม่เกิน150 ซ.ม.) 100 บาท

ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก(สูงไม่เกิน150 ซ.ม.) 200 บาท

ผู้พิการ ผู้ใหญ่อายุ 70ปีขึ้นไป เด็ก(สูงไม่เกิน100 ซ.ม.) เข้าชมฟรี



สงขลาบางคนอาจจะลืมว่าหาดใหญ่เป็น 1อำเภอที่อยู่ในจังหวัดสงขลาเพราะเจริญเสียเหลือเกิน



นอกจากอำเภอหาดใหญ่แล้ว ยังมีที่อื่นๆให้เที่ยวอีกนะคะจังหวัดนี้



เราแวะไปที่บ้านป๋าเปรมกันค่ะ ที่ พิพิธภัณฑ์พธำมรงค์ (พะธำมะรง) ตั้งอยู่ที่ถนนจะนะใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบ้านพักเดิมของรองอำมาตย์โทขุนวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) บิดาของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองสถานที่เกิดของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษซึ่งเป็นชาวจังหวัดสงขลา



จากคำบอกเล่าความทรงจำในอดีตสมัยที่บิดาของท่านดำรงตำแหน่งพัสดีเรือนจำสงขลา "พะทำมะรง" เป็นตำแหน่งเก่าของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีควบคู่กับตำแหน่งพัสดีปรากฎหลักฐานอยู่ในกฎหมายตราสามดวง และอัยการลักษณะต่าง ๆ ตำแหน่งพะทำมะรงได้ใช้ติดต่อกันมาตลอดจนได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ตำแหน่งพะทำมะรงจึงได้ถูกยกเลิกไปนะคะ



ที่นี่จะจำลองวิถีชีวิตในเรือนไทยสมัยก่อน



วิถีชีวิต



ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน



เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยในที่เดิม



เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของสงขลาเลยค่ะ


พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.00 น



จากตรงนี้เราขึ้นรภรางเพื่อชมเมืองสงขลากันค่ะรถรางจะพาเที่ยวทั่วตัวเมืองในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เป็นรถรางที่ทางเทศบาลนครสงขลา ได้จัดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยให้บริการฟรี



รถรางจะจอดอยูตรงกำแพงเมืองเก่า ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลาให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด วันละ 6 รอบ เวลา 09.00 , 10.00 ,11.00 ,13.00 , 14.00 , 15.00 น.นะคะ



เส้นทางรถรางค่ะ



นั่งรถรางชมเมืองไปเรื่อยๆค่ะ



เข้าไปที่ย่านเมืองเก่า สงขลาค่ะ



อยากใช้เวลามากกว่านี้อยากค่อยๆเดินดูบ้านเรือนค่ะติดไว้ก่อนค่อยมาใหม่เนอะ


มีมัสยิดแถวนี้ด้วยค่ะ



พอดีวันนี้ไปกันหลายคน รถรางเลยจอดตามใจเรา



มีน้องคอยให้ความรู้ไปด้วยนะคะ



จุดที่แวะนานหน่อยจะเป็นเรื่องอาหาร กะ ขนม



ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าใต้โรงงิ้วไปชิมมาเพราะดูว่าจะดี ป้าแกขายตรงนี้มานานค่ะตอนเก็บตังค์อึ้งไปนิดนึง ก๋วยเตี๋ยวชามละ 70 บาทค่ะ 555++



ถามว่าอร่อยสมราคาไม๊บอกเลยว่าเฉยๆค่ะแกขายทำเลคือใต้ถุนโรงงิ้วและเรื่องราวความเก่าแกของร้านค่ะ


แถวนี้ฮิตของฝากเป็นขนมค่ะ



"ขนมต้ม" ที่นี่ประยุกต์ 2 วัฒนธรรมคือ ใส่ไส้เกือบ ๆ จะคล้ายใส้ "บะจ่าง"สงขลามีทั้งไทยและจีนก็ต้องทำตอบสนองทั้งสองความต้องการ ... กินแล้วเหมือนได้กิน ข้าวพร้อมกับข้าวในห่อเดียวกัน.....



ขนมน้ำดอกไม้



ขนมขี้มอด



ขนม"สัมปันนี"อันเลื่องชื่อ นุ่มละมุนมากค่ะ



ร้านนี้ดังค่ะขนมทองเอก



มีซาลาเปาในตำนานด้วยนะคะเวลามีน้อยชิมได้แค่นี้เองค่ะ



มาสงขลาต้องมาหาดสมิหลามาตั้งแต่เด็กๆ และแวะทุกครั้งที่มาสงขลาค่ะ



หาดสมิหลา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง หาดสมิหลามีโขดหินขนาดย่อมยื่นลงทะเล หาดทรายขาวละเอียดมากที่เรียกว่า "ทรายแก้ว" มีป่าสนร่มรื่น จากหาดสมิหลาสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของ เกาะหนูเกาะแมวได้



มีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงคือรูปปั้น นางเงือกทอง



นิยายนางเงือกทอง


นางเงือกทอง เป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของไทยโบราณ ซึ่งขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ ในวันดีคืนดี นางเงือกจะมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำ กระทั่งวันหนึ่ง มีชายชาวประมงเดินผ่านมาทำให้นางเงือกตกใจ รีบหนี ลงทะเล ไปโดยลืมหวีทองคำไว้ ชาวประมงเห็นดังนั้น ก็เก็บหวีทองคำไว้และเฝ้าคอยนางเงือกที่หาดนั้นเสมอ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฏ กายให้เห็นอีกเลยค่ะ



บรรยากาศชิลล์มาก



เป็นที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนของชาวสงขลาค่ะ



นาค หรือ พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่ แห่งน้ำ เป็นเทพแห่งการให้น้ำ และความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาค หรือ พญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษย์ มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งกายและใจทางเทศบาลได้สร้างขึ้นมาค่ะ



ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลหลวงหรือทะเลอ่าวไทยกับทะเลสาบสงขลา



ไม่มาตรงนี้เหมือนมาไม่ถึงสงขลานะคะแบบไปสิงค์โปรไม่เจอ Merlion ประมาณนั้น



จุดชมวิว



เขาตังกวนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลาเป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุตค่ะเราขึ้นไปโดยเคเบิ้ลคาร์



มองลงมาจะเห็นเกาะแก่ง นี่เป็นเกาะหนู



จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ



บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ในทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลานะคะ



มีทั้งกระดิ่งละกุญแจค่ะคาดว่าได้รับอิทธิพลจากเกาหลี



ถ้ามาตอนเย็นๆคงดีกว่าตอนบ่ายๆแบบนี้



มองได้กว้างเลยนะคะ



ขาลงมีไอศกรีมมะพร้าวอ่อนดักรอตรงประตูเลยไม่ซื้อไม่ได้แล้วค่า



ร้านอาหารในสงขลาที่มีโอกาสได้ชิมค่ะ



ร้านน้าขำ ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้าม Aqualium ที่อยู่ไปทางแหลมสนอ่อน หรือตรงไปทางสวนสองทะเลนะคะ.....ร้านคนเยอะมาก เป็นที่นิยมของคนแถวๆนี้ค่ะ



ร้านอาหารใต้รสชาติเข้มข้นสะตอผัดกุ้ง



แกงส้มปลากระพง



ปลาสำลีทอดยำมะม่วง



ปลากระบอกทอดขมิ้น



เนื้อปูผัดผงกระหรี่...อิ่มค่า



การท่องเที่ยวเชิงวิถีชาวบ้าน



บ้านรำแดง อยู่ที่ ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลาเราแวะมาสัมผัสวิถีชาวบ้าน ชมวิถีชีวิต โหนด นา เลการทำน้ำตาลจากน้ำตาลมะพร้าว ค่ะ ท่านนายกอบต.ให้การต้อนรับค่ะ



ที่นี่เป็นชุมชนพัฒนา



ชุมชนแห่งการเรียนรู้



ชาวบ้านยังอยู่กันแบบวิถีเดิมๆ



คุณลุงแสดงการทำน้ำตาลมะพร้าว


เฉาะตาลกันชิมสดๆ



ตาลอ่อนมากค่า



และมีการนำไปแปรรูปเป็นขนมต่างๆทำการหาตลาดส่งออกไปขายในเมืองด้วยค่ะ



ร้านอาหารแบบคนท้องถิ่นทานกัน



ร้านปากกว้าง อำเภอสิงหนครร้านนี้อยู่ริมน้ำเป็นร้านที่คนท้องถิ่นทานกันค่ะรับประกันความอร่อยค่ะ



( 2 รูปบนนี้หามาจากใน internet ค่ะ เผื่อใครอยากได้ข้อมูล )



จานแรกชื่ออะไรจำไม่ได้ค่ะประมาณพล่ากุ้งอร่อยมากแต่จานเล็กเกิ้น สั่งเพิ่มด่วน อาหารที่นี่ค่อนข้างช้านะคะ



กุ้งทอดซอสมะขาม อาหารแนะนำ กุ้งตัวใหญ่มาก และอร่อยมากด้วยค่ะ



ทานอาหารใต้รสจัดต้องมีตัวช่วยเป็นไข่เจียวทุกมื้อเลยช่วยได้เยอะนะคะ



ปลาทอดขมิ้น



แกงส้มปลา หรอยแรงค่า



ถ่ายมาได้แค่นี้ค่ะ 555++ หิวมากกกกก



วัดพะโคะ (เดิมชื่อ วัดหลวง) ปัจจุบันชื่อ วัดราชประดิษฐาน ตั้งอยู่บริเวณเขาพัทธสิงค์ หมู่ที่ 6 ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ อยู่ห่างจากสงขลา 48 กิโลเมตรเป็นวัดจำพรรษาของสมเด็จพะโคะหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งประชาชนให้ความนับถือเป็นอันมากนะคะ ต้องมาค่ะๆ



มีเรื่องเล่ากันว่าวันหนึ่งมีโจรสลัดแล่นเรือเลียบมาตามฝั่งเห็นสมเด็จพะโคะเดินอยู่มีลักษณะแปลกกว่าคนทั้งหลายจึงใคร่จะลองดีโจรสลัดจอดเรือและจับสมเด็จพะโคะไปเมื่อเรือแล่นมาได้สักครู่เกิดเหตุเรือแล่นต่อไปไม่ได้ต้องจอดอยู่หลายวันจนในที่สุดน้ำจืดหมดลงโจรสลัดเดือดร้อนสมเด็จพะโคะสงสารจึงเอาเท้าซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเลเกิดเป็นประกายโชติช่วงน้ำทะเลกลายเป็นน้ำจืดโจรสลัดเกิดความเลื่อมใสศรัทธากราบไหว้ขอขมาและนำสมเด็จพะโคะขึ้นฝั่งตั้งแต่นั้นมาประชาชนจึงพากันไปกราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก



ภายในวัดมีโบราณสถานสำคัญคือพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธไสยาสน์หรือพระโคตมะพระพุทธรูปปั้นสีทองปางปรินิพพานยาว 18 เมตรสูง 2.5 เมตรฝีมือช่างปั้นท้องถิ่นรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปยอดเขา ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงพ่อทวดนั่นเองค่ะ



การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 407 ทางสะพานติณสูลานนท์ผ่านเกาะยอแล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 408 (สงขลา-ระโนด) หลักกิโลเมตรที่ 110 ทางซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดพะโคะนะคะ



สงขลาก็มีตลาดน้ำนะเออ...



ไปเที่ยวตลาดน้ำคลองแดนกันค่ะ“..ซ้ายสงขลา ขวานครฯ.."ตลาดน้ำ 2 จังหวัดเป็นตลาดน้ำที่ก่อตั้งขึ้นมาเพราะความสำนึกรักในบ้านเกิด ในเขตชุมชน ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา เชื่อมต่อกับ ต.รามแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตรงบริเวณทางแยกของลำคลองสามสายที่ไหลมาบรรจบกัน คือ คลองระโนด คลองชะอวด และคลองปากพนังค่ะ



ทุกๆวันเสาร์ที่นี่จะมีพ่อค้า แม่ค้ามาขายของกัน โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งคนท้องถิ่นเองคนต่างถิ่นและชาวกรุงเทพอย่างเราแวะมาชิม ช๊อบ ชม อย่างมากมาย



เราอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีพื้นเมืองที่บรรเลงอย่างต่อเนื่องและมีการแสดงโนราห์ของเด็กๆ



วัดคลองแดน ซึ่งเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนอย่างแท้จริง



ที่นี่มีพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสของชาวคลองแดน ซึ่งเดิมทีองค์พระถูกเคลือบพรางด้วยสีดำทาปากแดง ประดิษฐานในกุฏิเก่ามาเป็นระยะเวลานาน ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2545 ได้มีการปรับรื้อกุฏิ พบว่าองค์พระมีน้ำหนักมากต้องช่วยกันยกหลายคนจึงจะเคลื่อนย้ายได้ และเมื่อช่วยกันขัดทำความสะอาดก็ปรากฏเป็นองค์พระเนื้อทอง ซึ่งมีลักษณะงดงามมาก จึงเป็นที่มาของการจัดสร้างกุฏิใหม่ให้เหมาะสมกับการประดิษฐานองค์พระทอง และเปิดให้ประชาชนได้เข้าสักการะค่ะ



เดินเล่นชมขนม



มันคืออะไรคะ



อันนี้เป็นข้าวเหนียวปิ้งค่ะ



เบือทอดเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของ กุ้ง และหญ้าช้อง (สันตะวาใบข้าว) ... ที่ผสมเครื่องเทศ นำกุ้งโรยหน้า แล้วนำไปทอด รับประทาน กับน้ำจิ้มรสหวาน และเผ็ดเล็กน้อย



ห่อนี้ขายดีมากๆคนเข้าคิวซื้อกันทีละหลายสิบห่อ



แม่ค้าปลื้ม



สิ่งนี้คือข้าวยำค่ะ ห่อละ 20 บาท



ปลาหมึกย่าง จองแถวบน



ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ



บรรยากาศดีนะคะ



ผู้คนมากมายน่าชื่นใจค่ะ



ทุกท่านมาเพื่อจับจ่ายใช้สอย



วิถีชีวิตริมคลอง



บ้านไม้เก่าๆ



บรรยากาศชวนนึกถึงอัมพวาค่ะ



แต่ที่นี่ยังดิบๆกว่าอัมพวาเยอะ



ชอบที่นี่นะคะสารภาพว่าก่อนมาไม่เคยรู้จักที่นี่มาก่อนเลยค่ะพอมาแล้วประทับใจ



อยากกลับไปอีกเลยค่ะ



เข้าเขตพัทลุงแล้วค่ะ



ร้านสามกั๊กทะเลน้อย



แกงเหลือง.



ผักแกล้ม



ทอดมันกุ้ง



เมี่ยงปลาทอด( จำไม่ได้ค่า )



ใบเหลียงผัดไข่จานแรกอร่อย สั่งซ้ำผัดแฉะมาซะงั้น555++



ผัดลูกเหรียงกะกุ้ง จัดจ้านหรอยแรงค่า



ทริปนี้อยากมาที่สุดสูสีกะขึ้นบอลลูนก็จุดนี้ค่ะ“คลองปากประ"เคยเห็นแต่ในรูปวันนี้ขอมาชมของจริงค่ะ



คลองปากประเป็นคลองที่สำคัญของพัทลุงเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของอำเภอควนขนุนที่ไหลรวมมาจากลำน้ำสายต่างๆมาบรรจบกันเป็นคลองปากประ แล้วไหลออกสู่ทะเลสาบสงขลา คลองปากประจึงเปรียบเสมือนเป็นประตูเชื่อมสำคัญของสายน้ำที่ไว้ใช้ทางการเกษตรและให้ปลาต่างๆได้ว่ายเข้าออกนะคะ



ทำให้บริเวณคลองปากประแห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของปลาและกลายเป็นแหล่งจับปลาที่สำคัญโดยมีชาวบ้านได้ตั้งยอดักจับปลาเป็นจำนวนมาก



ในช่วงฤดูน้ำจะได้เห็นวิถีชีวิตการยกยอยักษ์และดักจับสัตว์น้ำของชาวบ้านบริเวณนี้



เราไปรอแสงกันแต่เช้าตรู่แต่น่าเสียดายที่วันนั้นพระอาทิตย์ไม่มาทำงานค่ะ



แต่ก็ได้ภาพแปลกตา



ภาพยอของชาวบ้าน สวยงามมากจริงๆถ้าได้ลงเรือไปถ่ายคงฟินกว่านี้นะคะ



ธรรมชาติช่างงดงาม



แสงค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆชาวบ้านเริ่มออกไปยกยอกันค่ะ



สวยงามจริงๆร้านอาหารศรีปากประมีทั้งที่พักและร้านอาหารนะคะ



จุดนี้เรามาพยายามถ่ายยอกันอีกที่หนึ่ง



ได้อีกบรรยากาศนึงนะคะ



ถ้ามาพักที่นี่ตื่นเช้ามาคงสวยค่ะต้องกลับมาซ่อมเนอะ



ที่นี่เป็นร้านอาหารที่ใหญ่พอสมควรเลยค่ะอาหารรสชาติดีค่ะ



เดี๋ยวมาต่อค่าทะเลน้อยเราเคยได้ยินแต่ชื่อมานานวันนี้ได้มาเห็นของจริงซักทีค่ะ



ทะเลน้อย ตั้งอยู่ใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นส่วนหนึ่งของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ พัทลุง สงขลา และ นครศรีธรรมราช ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นพื้นดิน ทุ่งหญ้า ป่าเสม็ด ป่าพรุ นาข้าว ป่าดิบชื้น และพื้นน้ำที่มีประมาณ 17,500 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 281,250 ไร่ใหญ่มากกกกกกกก



บรรยากาศแถวนี้ดี๊ดีนะคะนายแบบหล่อ



ทะเลน้อยเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ทั้งระบบนิเวศ สัตว์ป่า สัตว์น้ำ พรรณพืช โดยเฉพาะนกที่มีอยู่เป็นจำนวนมากค่ะ



วิถีชีวิตการออกหาปลาแต่เช้า


สวย สงบ



พื้นที่กว้างใหญ่จริงๆ



พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น



เป็นแหล่งอาศัยของน้องควายน้ำ



ชาวบ้านทะเลน้อยนำควายมาเลี้ยงในพื้นที่นานกว่า 100 ปีมาแล้ว เป็นการปล่อยออกไปกินหญ้าเองตามทุ่งหญ้าขนาดใหญ่เหมือนชาวบ้านในพื้นที่อื่น แต่ด้วยของทะเลน้อย ทำให้ในช่วงฤดูน้ำหลาก ทุ่งหญ้าต้องจมอยู่ใต้ผืนน้ำเป็นเวลา 5 เดือนใน 1 ปี ทำให้น้องควายต้องปรับตัวอาศัยหากิน ด้วยการว่ายน้ำเป็นระยะทางไกล เพื่อดำน้ำลงไปกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำ บางตัวสามารถดำน้ำได้นานจะมุดหัวลงน้ำ เท้าหลังชี้ขึ้นฟ้ากินหญ้าน้ำได้คราวละ หลายนาที ส่วนลูกควายตัวเล็กจะดำน้ำลงไปทั้งตัว เป็นภาพที่ชาวทะเลน้อยเห็นชินตา จนเรียกขานควายในทะเลน้อยว่า "ควายน้ำ" ตามลักษณะการหากิน



ประชากรควายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีวิถีชีวิตคล้ายควายป่าโดยควายน้ำแต่ละฝูงจะมีขนาดเล็กใหญ่ตั้งแต่ ฝูงละ 5 - 6 ตัว ไปจนถึงฝูงใหญ่เกือบ 100 ตัว มีจ่าฝูงคอยควบคุมพาฝูงออกจากคอกไปหากินในทุกเช้า และกลับเข้าคอกเองในช่วงเย็น บางฝูงอาศัยนอนตามโคกเนิน หรือเกาะแก่งกลางน้ำ



มีนกหลายๆชนิด



คอยหากินแถวๆนี้



เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากๆค่ะสะพานด้านหลังคือถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550



เป็นถนนหรือสะพานที่ข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทยค่ะ


ของเด่นในทะเลน้อยอีกอย่างหนึ่งคือดอกบัวบาน



ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของทุกปี คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ดอกบัวแดงในทะเลน้อยบานสะพรั่งอวดโฉมในยามเช้า



นั่งเรือชมบัว



มีสีขาวแอบแซม



แนะนำว่าให้ลงเรือกันแต่เช้าค่ะสายๆอากาศจะร้อนซักนิด



OTOP เมืองพัทลุง



สละสวนลุงถัน



ที่นี่เคยปลูกยางพารามาก่อนแต่ลองถูกลองผิดมาจนประสบความสำเร็จที่ปลูกสละ



ที่นี่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมและเรียนรู้ค่ะ



แสดงการผสมพันธ์สละ



ผลผลิต



สละลอยแก้วชื่นใจ



สวนที่นี่สะอาดและบริหารได้ดีจริงๆค่ะรายได้ก็ดีด้วย ใครสนใจจัดทริปดูงานด่วน



บ้านขนมหวานป้ากี้ ใครไปพัทลุงของให้แวะ



ที่อยู่ : 247 ถนนควนขนุน-ปากคลอง ตำบลควนขนุน อำเภอควนขนุน พัทลุง....



ที่นี่มีขนมหวานหลายสิ่ง



จุดเด่นของร้านนี้ คือการนำ สาคู มาจากต้นสาคู แล้วทำเป็นสาคูเปียก ซึ่งเป็นเมนูที่หาทานได้ยาก



และยังมีอย่างอื่นๆอีกมากมายขนมราคาถ้วยละ 10 บาทค่าดีงาม



ปิดทริปที่ร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางจากพัทลุงกลับไปหาดใหญ่ค่ะร้านหลานตาชู



ที่อยู่ร้านตั้งอยู่บนนถนนสายเอเชีย (เพชรเกษม) เลขที่ 221 หมู่ที่ 9 ตำบลตะโหนดด้วน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง 93110



โทรศัพท์ 0-7468-1658



ร้านดังประจำจังหวัดพัทลุง



อาหารหลากหลายมามายเหลือเกินทั้งไทย จีน ญี่ปุ่นฝรั่ง ใครอยากทานอะไรมีหมดนะคะ



ส้มตำหลอดอาหารประยุกต์จี้ดจ้าด


ซี่โครงหมู



เสต๊กหมู


ปลาหมึกย่าง


Roll ญี่ปุ่น



Sashimi



ไส้กรอกรวม



ทีโบนค่า



อิ่มอร่อยหลากหลายมากจริงๆค่ะปิดทริป.....Let's go South ตอน: ไปเที่ยวหาดใหญ่ เลยต่อไปพัทลุง มุ่งสู่ปากประชมทุ่งดอกบัว ...อย่างสวยงามเป็นทริปที่ก่อนไปไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักแต่กลับเป็นทริปที่ไปแล้วได้พบได้เห็นอะไรที่น่าสนใจมากมายเลยค่ะหากมีโอกาสไปแถวนั้นลองหาโอกาสไปเที่ยว ไป ชม ไปชิม กันนะคะ..เที่ยวเมืองไทยเที่ยวได้ทั้งปีเลยค่ะ



ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งส่วนกลางและสำนักงานหาดใหญ่มากๆที่อำนวยความสะดวกสำหรับทริปนี้



ขอบคุณสายการบินนกแอร์ที่สนับสนุนการเดินทางค่ะ



ขอบคุณตามกาลเวลาที่ไปมาด้วยกันทุกที่



ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่น่ารักที่สุด



ขอบคุณ Pantip.com ที่มีพื้นที่ดีดีแบบนี้ให้แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ



และสุดท้าย



ขอบคุณทุกท่านที่คลิ้กเข้ามาอ่านรีวิวนี้ค่ะทุกคอมเมนท์ กิ๊ฟโหวตล้วนเป็นกำลังใจแก่ผู้รีวิวทั้งสิ้น



หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะคะ



รักคนอ่านรีวิวค่ะ



Tamkarnwela



Tamkarnwela

 วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.57 น.

ความคิดเห็น