แค่รอขึ้นเครื่องไปเกาหลีก็เจอโอ้ปป้าหน้าตาหล่อเหลาแล้วอะแกรรรรรรรร
ถ้าไปถึงนู่นคงฟินแน่ๆ แต่แกมาเที่ยวกับทัวร์นะ จะสนุกหรอ? น่าเบื่อหรือเปล่า? จะพาไปชะโงกทัวร์มั้ย?
อยากรู้ตามไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเล้ยยยยยยย!!!

กลับมาอีกครั้งกลับรีวิวของพวกเรา 4 สหายท่องโลก
(ที่เคยรีวิว ลาว – วังเวียง เวียงจันทน์ ทำฉันตกหลุมรัก … (ผู้ชายฝรั่ง) ไง จะใครล่ะ 555555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/34882875

แต่! แต่! แต่! คราวนี้สหายทั้ง 3 มีการมีงานต้องทำกันเนอะ เลยไม่ว่างมารวมกันตัวกันท่องโลก
(ไม่ใช่อะไร เงินในกระเป๋าไม่มีนั่นเอง 555555555) เราเลยตัดสินใจมาแอบส่องโอ้ปป้า หาแรงบันดาลใจที่เกาหลี
ซึ่งตามคอนเซ็ปต์ #เพราะโลกมันกว้างคนข้างๆจึงสำคัญ
ฉะนั้นเราจะลุยเดี่ยวให้เปลี่ยวจิตไม่ได้ เลยพาครอบครัวและญาติๆ อีก 9 ชีวิตไปด้วย

แน่นอนว่ามากับพ่อแม่พี่น้องญาติโกโหติกาเนอะ จะพามาตกระกำลำบาก
ขึ้นรถไฟ เดินดุ่มๆ เที่ยวเองก็ไม่ใช่ เพราะขาแข้ง เข่าแต่ละคนก็ไม่ค่อยดี
อายุรวมๆ กันแล้วก็มากกว่า 200 ปี เชียวนะ เราเลยซื้อทัวร์ไปตะลุยกรุงโซลเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน

พอบอกว่าไปกับทัวร์ แน่นอนว่าแต่ละคนก็คงจะคิดว่า “น่าเบื่อชัวร์ๆ" ซึ่งตอนแรก
เราก็แอบคิดอย่างนั้นเหมือนกันนะว่า “ไปกับทัวร์มันจะน่าเบื่อหรือเปล่าว้ะ" “จะพากุไปชะโงกทัวร์มั้ยเนี่ย"
“จะเพลียจิตกับลูกทัวร์คนอื่นๆ หรือเปล่า" แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็มีอะไรดีกว่าที่คิดนะ ... พร้อมรึยังล่ะ ไปกันเลยยย Go! Go! Go!

***อนุญาตใช้ภาษาวิบัติบางคำ เพื่ออรรถรสในการอ่าน***

ฝากเพจของพวกเราด้วยนะ FB : 4 สหายท่องโลก

https://www.facebook.com/4-%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-1624461511126421/?fref=ts


จะได้มีกำลังใจนำรูปผู้มาให้ดูกันอีก เอ้ย!!! จะได้มีรีวิวมาให้อ่านกันอีก 5555555555555



แพลนของเราคือ


วันแรก ถึงโซลตอน 8.30 น. แล้วก็ไปเกาะนามิ – ปั่นเรียลไบท์ – เดินทางเข้าสู่เมืองซูวอน – เข้าที่พัก

วันที่ 2 ไปเมืองยงอิน ไหว้พระที่วัดวาวูจองซา – ไปสวนสนุก Everland – ไปไร่สตรอเบอรี่ – เข้ากรุงโซลไปช้อปปิ้งที่ตลาดทงแดมุน – ชมโชว์ Drum Kat – เข้าที่พัก

วันที่ 3 ไปโรงงานสาหร่าย ทำคิมบับ ถ่ายรูปใส่ชุดฮันบก – ไปพระราชวังเคียงบ็อค – ช้อปปิ้งที่ศูนย์เครื่องสำอางดิวตี้ฟรี – คลองชองเกชอน – N Seoul Tower – ช้อปปิ้งที่ตลาดเมียงดง

วันที่ 4 Trick eye & Ice Museum – ช้อปปิ้งย่านฮงอิก – ช้อปปิ้งในซุปเปอร์ละลายเงินวอน – กลับไทย


แพลนไม่มีอะไรแปลกใหม่จากทัวร์ทั่วไป แล้วเราเชื่อว่ารีวิวเกาหลีคงมีให้อ่านเยอะแล้ว
เราเลยจะเขียนรีวิวคร่าวๆ และปิดท้ายแต่ละวันด้วยการเพิ่มบันทึกสิ่งที่เราสังเกตเห็นจากที่นี่
รวมถึงความประทับใจที่เจอมา บางอย่างก็ถือเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ทำให้รู้ว่ายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ‪#‎ความรักก็เช่นกัน‬ ‪#‎ง่อววววววววว‬‬‬‬‬‬‬‬‬‬‬
นี่เป็นการเรียกน้ำย่อย อิอิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Day 1


พอลงจากเครื่อง ผ่านตม. ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็มาขึ้นรถทัวร์ (ที่ไกด์เตรียมไว้ให้)

เพื่อเดินทางไปยังเกาะนามิ ถือเป็นไฮไลท์เลยใช่มั้ยล่ะ 555555555 เพราะทุกทัวร์คือต้องมา

แต่ก่อนจะลงเรือข้ามเกาะ เรามาแวะเติมพลังด้วยทัคคาลบีกันก่อนดีกว่า หน้าตาเป็นเช่นนี้แหละ

ทัคคาลบี หรือไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี เป็นอาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของเกาหลี


มาแล้วต้องกินให้ได้ ในนั้นจะมีแป้งต๊อกบ็อกกีด้วย นำมาผัดกับข้าว ผัก กินกับเครื่องเคียง

อาหารทุกมื้อที่นี่จะต้องมีกิมจิและสาหร่ายเป็นเครื่องเคียงหลักๆ แล้วกินกับผัก ไก่ หมู อะไรก็ว่าไป

เจริญอาหารไปดิ่ สาหร่ายของโปรดอยู่แล้ว! #พรุ่งนี้ค่อยลดน้ำหนักละกัน

กินเสร็จก็นั่งเรือข้ามฝากไปเกาะนามิ ซึ่งผู้ช่วยไกด์ก็จะคอยบอกว่า


ตรงไหนคือจุดไฮไลท์ให้ถ่ายรูป ตรงไหนถ่ายแล้วสวย หลังจากนั้นก็แยกย้ายฟรีสไตล์จ้า



จริงๆ แล้วในเกาะนามิมันก็ใหญ่นะ แล้วก็มีมุมสวยๆ เพียบ แต่คนก็เพียบเช่นกัน


แล้วด้วยความที่เรามัวแต่ไปเสียเวลาถ่ายรูป กอด จูบ ลูบ คลำ กับรูปปั้นเบยองจุนซะนาน

เพราะแม่ชอบและอินกับซีรี่ส์เรื่อง Winter Love Song 555555555

เลยทำให้ยังสำรวจไม่ทั่วก็หมดเวลาซะแล้ว ถึงอย่างนั้นเราก็ถ่ายมุมฮิปๆ เหมือนกันนะ



มุมนี้คือใบเมเปิ้ลสวยมากกกกก มีทั้งสีเหลือง เขียว แดง ประหนึ่งว่าอยู่ญี่ปุ่น


ยิ่งถ้าถ่ายให้ตัดกับท้องฟ้าสีสดใสด้วยแล้วละก็ งามสุดๆ



ระหว่างนี้ก็ยังไม่ลืมมิชชั่นส่องโอ้ปป้าไปพลางๆ แต่แล้วก็พบว่า ที่นี่นอกจะเป็น


เดสติเนชั่นยอดฮิตของนักท่องเที่ยวอย่างเราแล้ว ยังเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของคนเกาหลีเหมือนกันนะ

โดยเฉพาะคนมีคู่ อู้หู! มองไปทางไหนก็เห็นแต่โอ้ปป้าควงแขนสาวเกาหลีมาเที่ยวกันเป็นแถว แห้วรับประทานสิคะงานนี้

แล้วเค้าก็นิยมใส่เสื้อคู่ไปไหนมาไหนกันเยอะมากจริงๆ ไม่ใช่อะไร คืออิจฉา อยากมีคู่ให้ใส่บ้างไรบ้าง 555555555



หลังจากนั้นเราก็ไปปั่นจักยานเรียลไบท์ที่ Gangchon Rail Bike Park กันต่อ

บางคน (รวมถึงเราด้วย 5555) ก็อาจจะคิดว่า เอ๊ะ! พาชั้นมาที่นี่ทำไม? แค่ปั่นจักรยาน


ต้องมาปั่นไกลถึงเกาหลีเชียวรึ? จริงๆ แล้ว มันก็สนุกนะเว่ยยยยย

ระหว่างทางก็ปั่นสวนกับพวกแก๊งค์อาจุมม่า แกแรงดีและอารมณ์ดีมาก โบกไม้โบกมืออันยองตลอด

ไอเราก็นั่งชมนกชมไม้ไป ปั่นบ้าง อู้บ้าง (4 คน แรงเหลือเฟือ) ทักทายอาจุมม่าบ้าง

คือบรรยากาศดีจริงๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น ลมเย็น ถึงแดดจะแรงแค่ไหน แต่ก็ชิลมาก เหงื่อไม่ออกเลยสักนิด

ได้เห็นตึกรามบ้านช่อง สวนผักผลไม้ แม่น้ำลำคลอง วิถีของคนที่นี่ แต่ถ้าถามว่าให้ปั่นอีกรอบเอามั้ย

ขอเซย์โนแบบไม่ต้องคิดเลยค่าาาาาาาาา 55555555

พอเบิร์นไปแล้วก็ต้องกินชดเชยพลังงานที่สูญเยไป ไกด์เลยพามาจัดชาบูหม้อเบ้อเริ่ม


เวลากินต้องใส่เส้นมาม่าเกาหลีลงไปด้วยนะ เส้นมันเหนียวๆ กรึบๆ อร่อยดี

เสร็จแล้วก็แยกย้ายเข้าที่พักในย่านซูวอน แต่ไหนๆ ก็มาถึงเกาหลีแล้วมีหรือจะให้นอนอยู่ห้อง


นี่แค่ 3 ทุ่มเองนะยูววววววววววววว์ เราเลยลงมาเดินเล่นแถวโรงแรม มีซุปเปอร์ให้แวะช้อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ

แอบกระซิบว่าโซจูและของอื่นๆ ที่นี่ถูกสุดแล้ว ถ้าไปซุปเปอร์ในโซลราคาก็แพงขึ้นไปอีก

เพราะงั้นแนะนำให้จัดเต็มตั้งแต่วันแรกเลยเนอะ อย่ามัวแต่คิดว่ายังมีเวลา เดี๋ยวค่อยช้อปวันอื่นก็ได้

ถ้าไม่ช้อปตอนนี้บอกเลยว่าแล้วจะเสียใจ!!!

ระหว่างทางก็มีร้านกินดื่มอีกมากมาย รวมถึงร้านขายปลาไหลย่างข้างถนน คือน่ากินสุดๆ (ไหนบอกอิ่มแล้ว


ได้ข่าวว่าเพิ่งซัดชาบูหม้อเบ้อเริ่ม 555555) เลยจัดมาชิม 1 ถาด โอเคสบายใจ กลับไปนอนได้แล้ว 555555555
บันทึกวันแรก



- เกาหลีเป็นประเทศที่อยากจะมานานแล้ว เพราะเป็นติ่งซีรี่ส์เกือบทุกเรื่อง

ดูแล้วอินทุกเรื่อง ดังนั้นการได้มาที่นี่ ได้มาสัมผัสวัฒนธรรมการเกาหลี กินอาหารเกาหลี

ส่องหนุ่มเกาหลี คือมันดีงามที่สุดแล้ว นี่สร้างแลนด์มาร์กไว้ก่อน คิดว่าต้องกลับมาซ้ำอีกแน่ๆ



- สาวเกาหลีคือผิวดีจริงอะไรจริง หน้าใสจนแทบไม่ต้องแต่งอะไร ถึงแม้บางคน

เบ้าหน้าจะกลมหรือเหลี่ยมไปนิด แต่การมีผิวขาว ผิวใส ผิวดี คือมีชัยไปกว่าครึ่ง


- ผู้ชายเกาหลีเท่าที่เห็นคือแต่งตัวดี แค่ใส่กางเกงคล้ายๆ สแลคขาลอยนิดๆ กับเสื้อเชิ้ตก็ดูดีแล้ว

แต่ทำไมไม่ค่อยเห็นประชากรชายสักเท่าไหร่ เห็นแต่ชะนีเต็มไปหมด เสียใจ!



- ไกด์บอกว่า นักท่องเที่ยวนอกจากต้องระวังพาสปอร์ต กับกระเป๋าตังค์แล้ว

ต้องระวังหัวใจด้วยนะครับ เพราะหนุ่มเกาหลีชอบมาขโมยหัวใจสาวไทย ฮิ้วววววว!



- การที่ผู้ช่วยไกด์หล่อก็ช่วยให้ทริปมีความดีงามเพิ่มขึ้นอีก 30%



- จบวันด้วยการไปเหยียบกองขี้หมา อีด_กกกกกกก (คำสร้อย) เป็นอะไรกับกองขี้หมามากป่ะ

อยู่ที่ไทยยังเหยียบบ่อยไม่พอ ต้องมาเหยียบถึงที่นี่ เพลียจิต 555555



Day 2
วันนี้เอาฤกษ์เอาชัยด้วยการไปไหว้พระที่วัดวาวูจองซา ที่นี่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีเศียรพระพุทธเจ้าสูงถึง 8 เมตร
เป็นแลนด์มาร์กให้นักท่องเที่ยวมาแชะรูปด้วย หลังจากรวมตัวถ่ายรูปหมู เอ้ย!! รูปหมู่ โดยผู้ช่วยไกด์ (สุดหล่อ) เสร็จแล้ว
ก็แยกย้ายฟรีสไตล์จ้า ใครว่าในวัดจะไม่มีมุมถ่ายรูปฮิปๆ สวยๆ นี่ตบปากแรงๆ เลยนะ ถ่ายแฟชั่นเซ็ตที่นี่ยังได้เลออออ

สถานที่เช็กอินจุดต่อไปของเราคือ สวนสนุก Everland ดินแดนมหัศจรรย์ คือของเล่นที่นี่น่าเล่นทู๊กกกกกกอย่าง


ให้เวลาวันนึงยังไม่พอเลย แล้วนี่ไกด์ให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ จะไปพอได้ยังไง แค่ต่อคิวเครื่องเล่นก็หมดเวลาแล้ว


เราจึงต้องเลือกระหว่างเดินดูรอบๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ หรือจะเล่นรถไฟเหาะกระชากวิญญาณในตำนาน

ซึ่งต้องใช้เวลารอคิว 70 นาที!!! ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก เป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร?



แน่นอนว่าสายบู๊บ้าพลังอย่างเราเลือกรถไฟเหาะ T-Express จ้า รถไฟเหาะนี้ถือเป็นรถไฟเหาะรางไม้แห่งแรกในเอเชีย


มีความสูงกว่า 56 เมตร ถือว่าสูงที่สุดในโลกเชียวนะ ระหว่างรอก็ไม่มีอะไรทำนอกจากมองนู่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็พบว่า

วัยรุ่นเกาหลีมักจะพาแฟนมาเดทกันที่สวนสนุก คือมานี่จะเห็นแต่คนเดินกันเป็นคู่ ต่อคิวเล่นเครื่องเล่นเป็นคู่

แน่นอนว่าต้องใส่เสื้อคู่ ใช้เคสโทรศัพท์มือถือคู่ ใส่แว่นกันแดดคู่ด้วย ไม่ว่าอะไรก็เป็นคู่ไปหมดจนรู้สึกว่ากุผิดมากกกกที่มาเป็นคี่

และใช้อะไรเป็นคี่อยู่คนเดียว 55555555 เท่านั้นยังไม่พอ ยังหนุงหนิงกันมาก ต่อคิวไปเซลฟี่กันไป จับแก้ม จับเอว

อ้อนกันอยู่นั่นแหละกก! (คำสร้อย) ใจเย็นๆ เนอะ ไม่อิจฉาเนอะ!



ในที่สุดก็ได้เล่นสักที ต่อคิว 70 นาที เล่นจริง 3 นาที แต่มันส์โคตร คือแบบหัวใจจะวาย ดิ่งลงเกือบ 90 องศา

คอจะหัก กรี๊ดจนเจ็บคอ แต่ใจไม่กล้าพอที่จะลืมตาตอนเล่น ได้แต่หลับตาปี๋ รู้สึกตัวอีกที อ้าว! เล่นเสร็จซะแล้ว

ส่วนน้องชายของเราที่นั่งข้างๆ ตอนแรกก็ถามมันนะว่าถ้าให้เล่นคนเดียว นั่งคนเดียวกล้ามั้ย มันบอก โอ้ย! สบายมากเจ๊

แต่พอตอนเล่นเท่านั้นแหละ มันเอามือมาจิกขากางเกงอิชั้นแล้วร้องแหกปากลั่น โธ่! ไหนตอนแรกทำปากดี 555555555



พอเล่นรถไฟเหาะเสร็จก็หมดเวลาพอดี แอบเสียใจที่ยังเดินดู+เล่นของเล่นอื่นๆ ไม่ทั่วเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้ม


และสนุกมากกกกกกก อะดรีนาลีนหลั่ง แหกปากลั่นจนแทบเสียสติ ใครไปสวนสนุก Everland ต้องลองจริงๆ นะ พีคมากกกกก



สถานที่ถัดไปที่เราจะมุ่งหน้าไปก็คือไร่สตรอเบอรี่ แต่! แต่! แต่! นี่มันกำลังจะเข้าฤดูร้อนจ้า เพราะงั้นไม่มี

สตรอเบอรี่ลูกใหญ่เบิ้มรออยู่หรอกนะ ไกด์เลยพามาไร่มะเขือเทศแทน (มันทดแทนกันได้มั้ยเนี่ยยยยย ร้องไห้แพร้พพพพ)

แน่นอนว่าได้กินมะเขือเทศสดๆ จากไร่เลย ซึ่งหลายคนบอกว่าอร่อยกว่ามะเขือเทศที่ไทยตั้งเยอะ

แต่เราในฐานะคนไม่ชอบกินมะเขือเทศ แค่กัดไปคำแรกก็อยากจะคายทิ้ง มะเขือเทศยังไงก็คือมะเขือเทศ

จะเป็นมะเขือเทศไทยหรือเกาหลีก็เหมือนกันหมดแหละ จริงมะ? เพราะงั้นขอบายยยยยยยยยยยค่ะ

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอย นั่นก็คือไปเข้ากรุงโซลไปช้อปปิ้งที่ตลาดทงแดมุนกันจ้า ใครจะช้อป


เครื่องสำอาง Skinfood Etude คือต้องที่นี่เลยนะ พนักงานน่ารัก คนไทยมาเยอะเลยแถมให้เยอะมาก

เรียกว่าถ้ามาแบบไม่มีสติ ก็อาจจะเสียสตางค์จนหมดตัวได้ 55555555555

มาที่ย่านนี้เจอซงจุงกิโอ้ปป้าด้วย ว๊ายยยยย กรี๊ดดดดดด!!! … แต่เป็นสแตนดี้หรือไม่ก็ป้ายบิลบอร์ดติดอยู่ตามห้าง


ตามร้านเครื่องสำอางนะ 5555555555555 เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว แช้ะภาพมาเชยชมให้ชื่นใจสักหน่อย อิอิ

พอช้อปเสร็จเราก็ไปกินไก่ตุ๋นโสม เมนูขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาหลี วิธีกินคือให้แหวกไก่ออกมา ในนั้นจะมีข้าว โสม


และเครื่องต่างๆ ยัดไส้ไว้ ให้เอาโซจู 1 ถ้วยเล็กที่เค้าให้มา เทใส่ลงไป เพื่อเพิ่มอรรถรส แต่ทำไมเรารู้สึกว่า

มันไม่ค่อยอรรถรสเลยว้ะ! ยังจืดอยู่ดี โดยรวมแล้วเมนูนี้ไม่ค่อยถูกปาก เดี้ยนไม่ให้ผ่านค่ะ!!!

ปิดจ็อบที่สุดท้ายของวันด้วยการชมโชว์ Drum Kat เป็นการแสดงตีกลองจากสาวสวยสุดเซ็กซี่ มันก็สนุกดี


แต่สำหรับชะนีอย่างเราไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าเป็นหนุ่มล่ำๆ มาโชว์ก็อาจจะตื่นตาตื่นใจกว่านี้ 5555555

ไหนจะเพิ่งกินอิ่มๆ มา บวกกับใช้พลังมาทั้งวัน หนังตาเลยจะปิดตามแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นอันจบวันแบบหมดสภาพ

ไม่เหลือแรงออกไปตระเวนราตรีเหมือนเมื่อวาน

บันทึกวันที่ 2


- สวนสนุก Everland เป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ บริษัทซัมซุงเป็นเจ้าของ



- บริษัทซัมซุงนอกจะขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นเจ้าของสวนสนุกแล้ว ยังเป็นเจ้าของ

โรงพยาบาลซัมซุงซึ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเกาหลีอีกด้วยนะ รองลงมาคือโรงพยาบาลฮุนได



- ผู้หญิงเกาหลีนี่ต้องใช้ Tint ทาปากแดงทุกคน สงสัยเทรนด์นี้กำลังฮิต ตอนเย็นไปช้อปปิ้งที่ทงแดมุน

เลยไปสอย Tint จาก Etude มาแท่งนึง ก่อนซื้อถามพนักงานเกาหลีว่าสีไหนฮิตสุด นั่นแหละเลยได้สีนั้นมา 5555555



- ส่วนผู้ชายเกาหลีมักทำผมทรงหัวเห็ด หรือไม่ก็แสกกลาง บางทีก็อยากจะบอกเค้าว่าทำผมดูหน้าตัวเองบ้าง

แต่นั่นแหละ ได้แต่บอกตัวเองว่า ... หัวเค้า ไม่เผือกสักเรื่องดิ่ 5555555



- ตามถนนจะไม่ค่อยมีถังขยะ เพราะที่นี่ถือว่าถังขยะอยู่ที่ไหน ความสกปรกอยู่ที่นั่น เลยไม่ต้องทิ้งแม_ร่งงงงงงง

เอากลับมาทิ้งที่บ้าน เป็นไงล่ะ เจ๋งเนอะ แล้วทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันทิ้งขยะ ทุกคนเลยจะรีบเอาขยะมาไว้หน้าบ้าน

ตั้งแต่คืนวันเสาร์ แต่กุศโลบายนี้เอามาใช้กับที่เมืองไทยไม่ได้นะ 555555



- ถ้าไม่พอใจรัฐบาลเรื่องอะไร ที่นี่สามารถประท้วงได้นะ มีลานกลางเมืองในโซลจัดให้เป็นที่เป็นทางเลย

ไม่ก่อความเดือดร้อนใครแน่นอน แต่ก่อนประท้วงแต่ต้องขออนุญาตจากทางการก่อนนะ ถ้าทางการไม่อนุญาตก็ห้ามประท้วง จบนะ!!!



- สาวๆ และหนุ่มๆ เกาหลีคงชอบเต้นคัฟเวอร์มาก แล้วด้วยความที่วันนี้เป็นวันเสาร์ เดินไปทางไหนก็มีแต่เวทีให้เต้น

ซึ่งก็มีคนมุงเยอะมากทุกเวที ถึงแม้หุ่นหรือหน้าบางคนจะไม่ให้ แต่ใจรัก ไม่หนักหัวใครก็เต้นวนไปสิคะ



- จบวันแบบสวยๆ (หราาาา?) ไม่เหยียบขี้หมานะคะ 555555

Day 3
เช้านี้เรามาใส่ชุดฮันบกถ่ายรูปกันก่อนที่จะไปทำคิมบับ ดีเลย! เครื่องสำอางที่อุตส่าห์แต่งมาอย่างดิบดี
จะได้ไม่พร่อง แถมยังมีหลายชุดให้เลือกหลายหลาย คือดีงามพระรามเก้า เบ้าหน้าก็ให้ เหมาะเป็นสะใภ้เกาหลีสุดๆ 5555555
ใส่แล้วได้ฟีลลิ่งเป็นทงอีจอมนางแห่งวังหลวง พร้อมถวายตัวและหัวใจแล้วพะยะค่ะ อุ๊ปส์! พูดอัลไลออกไป!
นี่ยังคิดอยู่เลยว่าน่าจะให้ใส่ไปเที่ยวทั้งวัน คงสนุกน่าดู หลังจากรัวชัตเตอร์ไปร้อยช็อต ผู้ช่วยไกด์ (สุดหล่อ) ต้องมาตาม
ไปเปลี่ยนชุด จะได้ไปทำข้าวปั้นกันสักที เพราะลูกทัวร์คนอื่นๆ รออยู่!! ทำไปกินไป อร่อยมั้ยถามใจเธอดูวววววว์

แลนมาร์กต่อไปคือ พระราชวังเคียงบ็อค เป็นพระราชวังไม้โบราณที่เก่าแก่ที่สุด เป็นวังที่มีคุณค่า


ทางประวัติศาสตร์มาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลก ใครมานี่แล้วอยากเข้าฟรี ไม่เสียตังค์

ต้องแต่งชุดฮันบกมานะจ๊ะ เพราะเค้าอยากรักษาวัฒนธรรมเอาไว้ เลยจะเห็นหนุ่มๆ สาวๆ

ใส่ชุดฮันบกมาเป็นคู่ เป็นแก๊งค์เต็มเลย น่ารักดีอะ

พระราชาในสมัยก่อนอายุสั้น 20-35 ปีก็ตายแล้ว เพราะทำงานหนัก กินข้าววันละ 4-5 มื้อ แถมยังไม่ค่อย


ได้ออกกำลังกาย ตกกลางคืนก็ต้องทำการบ้านหนักหน่วง เพราะสนมเยอะเหลือเกิน ใครว่ามีเมียเยอะแล้วดี

ให้โอกาสคิดใหม่อีกทีนะ 5555555555 แล้วในวังไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ ถ้าพระราชาจะขรี้ก็เรียกนางสนม เอากระโถนมาให้

ขรี้เสร็จก็ต้องเอาไปให้หมอหลวงตรวจดูว่าสุขภาพดีมั้ย เอิ่มมมมม แค่คิดว่าจะต้องมานั่งตรวจขรี้เกือบทุกวันแล้วล่ะก็ .... บัยยยยยส์

หลังจากแฝงตัวเป็นจอมนางแห่งวังหลวง เข้าไปถวายตัวในวังเสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้ง


ที่ศูนย์เครื่องสำอางดิวตี้ฟรีกันต่อ แต่เราไม่อยากช้อปเลยไปเดินเล่นฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นคลองชองเกชอนนั่นเอง

ถึงจะดูเป็นคลองธรรมดา แต่คนก็มานั่งเล่น เอาเท้าแช่น้ำเพียบนะจ๊ะ น้ำเย็นสดชื่นจริงๆ แต่อย่าลืมตัว

กวักน้ำมาล้างหน้านะ 555555555555 แถมที่นี่ยังมีดนตรีสดให้ฟังกันเพลินๆ อีกด้วย แฮปปี้ ดี๊ดีย์อะ

แต่ถ้าอยากจะเดินเล่นถ่ายรูปก็มีมุมสวยๆ ฮิปๆ อยู่เหมือนกันนะ เรียกว่ามีรูปโปรไฟล์เปลี่ยนไม่ซ้ำกันสักวันเลยแหละ

และแล้วก็ถึงไฮไลท์ของวันนั่นก็คือ หอคอย N Seuol Tower ที่นี่เป็น 1 ใน 17 หอคอยที่สูงที่สุดในโลกเชียว


แต่ถ้าจะขึ้นไปถึงจุดเสียวสุดยอด เอ้ย! จุดสูงสุดก็ต้องเสียตังค์ เลยถ่ายรูปอยู่ข้าวล่างดีกว่า สวยเหมือนกัน 5555555

และแน่นอนว่ามาถึง N Seuol Tower คู่รักทั้งหลายก็จะมาคล้องพวงกุญแจ เพื่อให้ความรักยั่งยืน แต่ไกด์ชาวเกาหลี

ของเราเล่าประสบการณ์ตรงว่า มีแฟน 4 คน พามาคล้องกุญแจทุกคน ปรากฎว่าเลิกหมดเลยว่ะแกรรรรรรรร 5555555555

ปิดท้ายวันด้วยการช้อปกระจายที่ตลาดเมียงดง ไม่งั้นจะครั่นเนื้อครั่นตัวนอนไม่หลับ 5555555555


ใครจะซื้อรองเท้า Nike Adidas ต้องย่านนี้เลย หรือใครจะเก็บตกเครื่องสำอางก็มีเช่นกัน จัดไปให้สบายตัว อิอิ

บันทึกวันที่ 3


- ทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีเรียกบลูเฮ้าส์ เพราะหลังคาสีฟ้า คล้ายๆ กับไวท์เฮ้าส์ที่อเมริกานั่นแหละ

บอกเลยว่าที่นี่ฮวงจุ้ยดีสุด เพราะด้านหน้าเป็นแม่น้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา และในแต่ละคืนประธานาธิบดี

จะนอนไม่ซ้ำห้องกันเลยนะจ๊ะ คงเพราะกลัวโดนลอบยิงมั้ง



- คนเกาหลีฆ่าตัวตายเยอะมาก ทั้งดารา นักเรียน นักการเมือง เพราะเครียด จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า

ไม่มีที่พึ่งทางจิตใจ ไม่มีโบสถ์ วัด 40% ของคนเกาหลีไม่มีศาสนา



- ยิ่งนักเรียนจะฆ่าตัวตายเยอะ เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ใครบอกว่าเด็กไทยเรียนเยอะ

มาดูเกาหลีเรียนเยอะกว่า เรียน 6 โมงเช้า เลิกแล้วไปกวดวิชาต่อ กว่าจะกลับบ้านตีสอง ซึ่งพ่อแม่เกาหลี

ก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเชื่อว่าถ้าลูกนอนมากกว่า 4 ชั่วโมง จะสอนเข้ามหาลัยไม่ติด โหดเกิ้นนนน



- แอบบอกว่าหลังเที่ยงคืนช่องเคเบิ้ลมีหนังผู้ใหญ่ให้ดูด้วยนะ เป็นการกระตุ้นให้ชาวเกาหลีมีทายาท

เพราะเดี๋ยวนี้คนเกาหลีมีลูกน้อยลง ที่รู้ไม่ใช่เปิดดูหรืออะไร ไกด์บอกต่างหาก 5555555555

Day 4
วันสุดท้ายแล้ว ไม่อยากแยกจากผู้ช่วยไกด์สุดหล่อ เอ้ย!! ไม่อยากกลับเลยยยยยยยย
วันนี้เรามา Trick eye & Ice Museum ที่นี่มีหลายชั้น ชั้นล่างจะมีภาพวาดสามมิติให้เราถ่ายรูปกันเล่นเพลินๆ
ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ เมืองไทยก็มีไง 555555 อีกโซนนึงจะเป็น Ice Museum
หรือโซนน้ำแข็งแกะสลัก อุณหภูมิข้างใน -4 องศา คือมันจะอยู่ได้นานขึ้นนิดนึงถ้าใส่กางเกงยีนขายาวมา
แต่อินี่ใส่ขาสั้นมาเลยจ้า 5555555555 (ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่) ในนี้มีสไลด์เดอร์น้ำแข็งด้วยนะ เล่นสิคะ รออะไร!

ส่วนชั้นบนก็จะมีภาพวาดสามมิติเหมือนกัน เรียกว่า Love Museum เป็นโซนติดเรท 20+


แต่ละรูปนี่ไม่กล้าถ่ายเลยทีเดียว

โพสต์แค่นี้ละกันเนอะ เดี๋ยวกระทู้โดนอุ้ม 5555555555



โซนนี้ไม่เหมาะกับเด็กใสใส (เอ๊ะ! หรือไสยไสยชักไม่แน่ใจ 555555) อย่างเรา

รีบออกไปช้อปปิ้งที่ย่านฮงแด-ฮงอิก ดีกว่า ย่านนี้ใกล้มหาวิทยาลัยฮงอิก เลยมีทั้งร้านอาหาร ค๊อฟฟี่ช็อป

ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายเครื่องสำอางราคาย่อมเยา ถือเป็นศูนย์รวมวัยรุ่นเด็กแนวเกาหลีเลยนะ

คือช้อปย่านนี้ฟินสุด บอกเลยยยยยยยย เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีถูกๆ ทั้งนั้น แถมโอ้ปป้าก็ดีงาม เพราะมีแต่วัยรุ่นไง

เดินมาเป็นกลุ่มงี้ แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาประกอบ เพราะมากับท่านพ่อท่านแม่ ทางเลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ 5555555555



ถ้ายังไม่หนำใจก็มาช้อปปิ้งต่อในซุปเปอร์ละลายเงินวอน ที่นี่เหมือนเป็นซุปเปอร์ที่พาทัวร์มาลง

ของก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าซื้อ เพราะซื้อไปหมดแล้ว หมดตัวแล้ว ไม่มีเงินวอนให้ละลายแล้ว จบนะ!!! 55555555555



มาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกเจ็บเท้า เพราะไปเล่นสไลด์เดอร์น้ำแข็งใน Ice museum แล้วมันลื่นมากจนตอนลง

เท้าไปกระแทกน้ำแข็งอย่างจัง พังเลยทีนี้ จบทริปด้วยการเท้าแพลง เดินกะเผลกไปขึ้นเครื่อง #ร้องไห้หนักมาก

บันทึกวันสุดท้าย


- มาถึงเกาหลีไม่พูดเรื่องศัลยกรรมไม่ได้ ผู้หญิงที่นี่พอโตขึ้นเป็นสาว สิ่งแรกที่ทำคือศัลยกรรมตา 2 ชั้น

อย่างต่อมาคือจมูก ซึ่งการทำจมูกของที่นี่จะไม่ใช้สิริโคน เพราะถ้าหน้าหนาวซิลิโคนจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

(ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน ไกด์บอกมา) แถมเวลาผ่านไป 15 ปี ก็ต้องไปทำใหม่อีก แต่ถ้าจะให้เลิศกว่านั้น

เค้าจะใช้ไขมันที่ต้นขาและสะโพกฉีดเข้าไปที่จมูกแทน แต่วิธีก็ไม่ใช่ถูกๆ นะจ๊ะ สนนราคาอยู่ที่ 2 แสนบาทเชียวววววว



- สำหรับที่นี่ เงินเดือน 1 แสนบาท ไม่ถือว่าเยอะนะ กำลังกลางๆ แต่อาชีพที่ได้เงินเดือนน้อยสุด

คือพวกงานบริการอย่างพนักงานเซเว่น เด็กเสิร์ฟ แม่บ้าน ได้ 6 หมื่นบาทต่อเดือน OMG!!!

มาเป็นต่างด้าวที่นี่น่าจะรุ่งกว่า 555555555



- แล้วส่วนใหญ่ผู้ชายก็มักจะไม่ทำงานบริการ เด็กเสิร์ฟผู้ชายยิ่งน้อย

เพราะเค้าถือว่าผู้ชายมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ก้มหัวรับใช้ใคร



- ที่นี่จำนวนผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงนะ มี 52% ส่วนผู้หญิง 48% เพราะสมัยก่อน

คนเกาหลีชอบลูกชาย แต่ทำไมไม่ค่อยเห็นโอ้ปป้าเลออออออ เสียใจ!



- และเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว คนเกาหลีนิยมมีลูกแฝด โดยจะฉีดสเปิร์มเข้าผู้หญิง จนกลายเป็น

เทรนด์ลูกแฝดเลยแหละ พูดแล้วอยากมีบ้างไรบ้าง แต่ยังหาพ่อของลูกไม่ได้เลย เศร้าแพร้พพพพพ



- ผู้ชายเกาหลีจะแต่งงานได้ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองก่อน แต่ไม่ต้องให้สินสอดใดๆ ทั้งสิ้น

แค่เตรียมบ้านให้พร้อมอย่างเดียวพอ! แต่ราคาบ้านที่นี่แพงมาก 100 ตร.ม. 15 ล้านบาท!!!

ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ซื้อของใช้ในบ้านทั้งหมด เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า

ซึ่งถ้าเป็นยี่ห้อซัมซุงยิ่งถูก



- โทนี่ จา หรือจา พนมโด่งดังที่นี่มากนะจ๊ะ ตอนมาโปรโมทหนังเรื่ององค์บากคนเกาหลีแห่มารับเพียบ

แต่มีแต่ผู้ชายนะ ซึ่งคนพวกนั้นก็จะเป็นนักมวยและนักกีฬานี่แหละ ส่วนหนังอีกเรื่องที่ดังไม่แพ้กัน

คือจันดารา อื้อหือ อ้าหากันเลยทีเดียว

ฮั่นแน่! อยากมาเกาหลีแล้วล่ะสิ่ มาที่นี่ไม่ต้องขอวีซ่าก็อยู่ได้ถึง 3 เดือน
เพราะคนไทยเคยช่วยเกาหลีรบในสงครามเกาหลี ดีงามตรงนี้

ถึงแม้การมากับทัวร์จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาไปบ้าง คือต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าเพื่อไปฟังขายของ ซึ่งมีทั้งขายโสม
ขายครีม ขายสาหร่าย ขายเพชรพลอย แถมยังมีเวลาในแต่ละสถานที่ไม่มาก อยากอยู่ยาวๆ ก็ไม่ได้ อยากปลีกตัวก็ไม่ได้
แต่ก็มีข้อดีคือสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องรถ หรือวางแผนเรื่องการเดินทาง เรียกว่ารถมาส่งเกยถึงหน้าบันไดโรงแรม
หน้าพระราชวัง หน้าร้านอาหาร กันเลยทีเดียว ขึ้นรถเหนื่อยก็หลับ ตื่นมาก็ได้เวลากินและช้อปปิ้ง แสนดีแค่ไหนถามใจเธอดู

ที่สำคัญเลยคือได้ข้อมูล ได้ความรู้จากไกด์ชาวเกาหลีแท้ๆ ซึ่งข้อมูลหลายอย่าง เราคิดว่าถ้ามาแบ็คแพ็กเองกับเพื่อนๆ
คงไม่ได้รู้อะไรแบบนี้แน่ๆ แค่มาถ่ายรูปๆๆๆๆ แล้วก็กลับ ไม่ได้ซึมซับเรื่องราวของสถานที่นั้นๆ อย่างแน่นอน
ซึ่งไกด์คนนี้ดีมาก คุยสนุก ให้ความรู้ดีจนตลอดเวลาที่นั่งบนรถ เราแทบจะไม่หลับเลย (ผิดปกวิสัยที่ขึ้นรถเมื่อไหร่ก็จะหลับเมื่อนั้น 55555)

ที่สำคัญกว่านั้นคือผู้ช่วยไกด์ดีงาม 55555555
ล้อเล่นๆ มันเป็นเพียงแค่ปัจจัยนึงเท่านั้นที่ทำให้ทริปนี้ผ่านไปด้วยดี
ส่วนผู้ร่วมทริปคนอื่นๆ ก็มาเที่ยวกันแบบแฟมิลี่ คือมีทั้งบ้าน 9 คน บ้าน 12 คน เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ฟินกับการส่องโอ้ปป้า ไม่รั่ว บ้า ตลกโปกฮา หรือสร้างวีรกรรมก๋ากั่น เหมือนมากับแก๊งค์เพื่อน
ไม่มีวีรกรรมถูกเจ้าถิ่นโกงมาเล่าสู่กันฟัง แต่มันก็คือความทรงจำดีๆ ร่วมกับคนในครอบครัวนะ #เพราะโลกมันกว้างคนข้างๆจึงสำคัญ

ปิดท้ายด้วยรูปผู้ช่วยไกด์ รู้นะว่าอยากเห็น!!!


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปล.มาเที่ยวเกาหลี กินอะไรดี??? เรามีลิสต์ของดี 7 อย่าง พร้อมภาพประกอบให้ดูกันด้วยนะ


ตามไปดูได้ที่เพจ 4 สหายท่องโลกกันได้เลย

https://www.facebook.com/4-%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-1624461511126421/?fref=ts

ความคิดเห็น