ความเดิมตอนที่แล้ว ... จงเจอนี่ : ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่"เกียวโต" แล้วแวะไปกินทาโกที่"โอซาก้า" EP.01 เกียวโต https://th.readme.me/p/6509

30 พ.ย. 58
Day 5 Kyoto to Osaka
วันสุดท้ายสำหรับเกียวโต พร้อมมุ่งหน้าสู่โอซาก้า

"ที่นี่สถานีเกียวโต" ผมว่าโลกมันกว้างใหญ่เกินกว่าที่ชีวิตใครสักคนจะออกไปสำรวจมันได้ทุกพื้นที่ ทำได้เพียงออกไปเจอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าคุณจะออกเดินทางมามากเท่าไหร่ มันจะยังคงมี "ครั้งแรก" เสมอ

พอถึงโอซาก้า เข้าโรงแรม เช็คอินเสร็จเรียบร้อย อ่อ ผมพักที่โรงแรม Nest Hotel ราคาราว ๆ 10000 เยน อยู่ในย่าน Shinsaibashi อยู่ติดกับทาางลงสถานีรถไฟใต้ดินเลย โดยส่วนใหญ่หากพักในเมืองใหญ่ ผมจะเน้นโรงแรมที่ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง ของกิน และสถานีรถไฟเป็นหลัก


เก็บของเสร็จตรงดิ่งไปห้าง Daimaru สาขา Osaka sta./ Umeda (สถานีรถไฟใต้ดิน สายสีแดง) เข้าห้างกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 13 โลดเลยครับ ไปกินบุฟเฟต์ปูกัน ร้าน Chiso zanmai ราคาช่วงกลางวัน ราคา 1900 เยน ถ้าเป็นช่วงเย็น 2900 เยนครับ อาหารมีทั้งญี่ปุ่น และยุโรป ของกินเยอะประมาณนึง แต่ผมตั้งใจมากินปู และกุ้งหวาน เลย ด๊อนแคร์ อย่างอื่น โดยรวมอร่อยครับ


อิ่มแล้วก็เดินเล่นฆ่าเวลาเพื่อรอไปดู Winter Illumination ที่ Tennoji zoo โดยใช้รถไฟใต้ดินสายสีแดงจาก Umeda Sta. ไปลงที่ Tennoji Sta. ค่าเข้าคนละ 1000 เยน ครับ ใหญ่ประมาณนึง เป็นธีมสวนสัตว์ เปิดเพลงยุค 80-90 เดินกับแฟนขอบอกว่า..โรแมนติกสุด ๆ แต่ไปกับเพื่อนก็ได้น้า


ป.ล. รูปมีไม่เยอะเท่าไหร่เพราะผมไม่มีขาตั้งกล้อง รูปจึงเสียเยอะมาก คัดมาดีที่สุดที่เท่านี้ครับ


- พอเข้ามาก็เจอฝูงนกฟลาเมงโก้ -


ไฮไลท์คงเป็นคุณลุงซานต้า เด็ก ๆ ถ่ายกันสนุกเลย

ไปเรื่อย ๆ ครับ ตอนผมไปยังเป็นช่วงทดลองเปิด คนจึงค่อนข้างน้อย น้อยขนาดที่นับได้เลย ถ่ายไปเพลิน ๆ เลยไม่ต้องแย่งกัน

อุโมงค์ไฟก็มี

จริง ๆ แล้วมีรูปสัตว์เยอะแยะเลยครับ มีทั้งนกเพนวิน ม้าลาย เสือ ยีราฟ แต่ผมถ่ายมาเบลอหมดเลย หากพาเด็ก ๆ มาคงจะชอบไม่น้อย เป็นอีกที่ ๆ แนะนำครับ

จากนั้นก็ไปท่องราตรีต่อที่ ดงธนบุรี

สิ่งที่ชอบที่สุดใน ดงธนบุรี คือการนั่งกิน Kushikatsu และจิบเบียร์ท่ามกลางอากาศหนาวที่ริมคลอง Dotonburi บรรยากาศไม่ต้องพูดถึง ชิลล์สุด ๆ ปลีกวิเวกลงมาจากด้านบน จะพบหนทางสงบครับ


เดินเลียบคลองไปทางขวาเลยครับ

ร้านที่ผมนั่งอยู่ใต้สะพานตรงข้ามกับร้าน Ichiran จากจุดในภาพที่ตากล้องยืน เดินไปทางขวามืออีกนิดเดียวครับ

ถึงแล้ว เป็นร้านเล็ก ๆ เจ้าของทำคนเดียว น่ารักมาก พยายามพูดภาษาไทย และแปลเมนูเป็นภาษาไทยจากกูเกิ้ลด้วย แต่ก็กูเกิ้ลอะครับภาษาก็ตามนั้น อย่ามัวแต่พูดพร่ำ จัดหนัก ๆ ไปครับ

ชีสทอด นี่เทพสุด ๆ พิมพ์ไปน้ำลายก็สอไป

กินคู่กับสาเก เย็น ๆ ไม่ต้องพูดถึงความฟิน สาเกนี่เวลากินแก้วแรกมันกระเดือกลงคอยากจริง ๆ แต่พอผ่านแก้วสองเท่านั้นแหละ ไหลไปหลายขวดครับ

กรึ่มพอได้ที่ ไปแดนซ์กันหน่อย ผับเดินไปทางซ้ายมือจากร้านราเมงข้อสอบ (Ichiran) มีอยู่2-3ร้านครับผมเข้าร้านด้านซ้ายมือ (เดินเลยไปจากในภาพอีกหน่อย)

ผับคล้ายสไตล์ยุโรป มีฟลอร์สำหรับเต้น ผู้หญิงเข้าฟรี ผู้ชายจ่ายประมาณ 2500 เยน (ไม่แน่ใจว่าเบียร์กำหนดแก้ว หรือให้กินบุฟเฟต์ครับ) เพราะผมกินไปสองสามแก้วก็ออกคนเยอะพื้นที่น้อยเบียดมากครับ มาให้รู้ไว้ก็เพียงพอแล้ว ก็เลยไปหาร้านนั่งกินต่อ

" Takotakoking " อยู่ในย่าน shinsaibashi แต่ผมเมาแล้วเลยจำตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้ เป็นร้านที่เล็กมาก เก้าอี้ทุกตัวนั่งจะติดกับโต๊ะอื่น ๆ แต่ไม่รู้สึกอึกอัดเลยสักนิดเดียว เพราะพนักงานทุกคนเฮฮาและน่ารักมาก ๆ พยายามเล่นกับลูกค้าตลอดยิ่งเป็นคนต่างถิ่นด้วยก็จะเทคแคร์อย่างดี และที่สำคัญอาหารอร่อยสุด ๆ ครับ ทั้งทาโกะยากิ พิซซ่าญี่ปุ่น โดยเฉพาะยากิโซบะ เป็นยากิโซบะที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินมาเลยจริง ๆ ครับ

จากนั้นก็คลานกับโรงแรมครับ Nightlife ที่โอซาก้าสุดเหวี่ยงไปเลยจริง ๆ



1 ธ.ค. 58
Day 6 Rokkosan National Park

วันนี้ถือว่าหลุดไปจากแผนที่แพลนเอาไว้มากทีเดียว ครั้งแรกกะไปเดินเล่นชิค ๆ อยู่ในตัวเมืองโกเบ ไปดูอ่าวโกเบอันเลื่องชื่อ แต่ปรากฎว่าไปเจอแผ่นพับแนะนำการท่องเที่ยว mt.rokko ที่ Lobby ของโรงแรม พออ่านปุ๊บก็เปลี่ยนใจปั๊บ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบภูเขามาก อีกเหตุผลคือสถานีรถไฟที่ต้องลงนั้นอยู่ก่อนถึงโกเบนิดนึง กะว่าถ้าไม่โอเครก็ไปเที่ยวในเมืองโกเบต่อ

พอถึงสถานี Rokkomichi เดินออกมาจะเจอที่จอดรถบัส และห้างฯ ขนาดกลาง ๆ ให้ขึ้นรถบัสสาย 16 เพื่อมาลงสถานีสุดท้ายคือ Rokkoropeway


หน้าตาสถานี แทบไร้ผู้คน เนื่องจากพอหน้าหนาว สถานที่ด้านบนส่วนใหญ่จะปิดทำการ มีเพียงสวนพฤกศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ร้านอาหารสองสามร้านที่เปิด แต่เท่านั้นก็เพียงพอทำให้ผมรักสถานที่แห่งนี้แล้ว

ป.ล. ในช่วงหิมะตก ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับเล่นสกีด้วยนะครับ ลองหาข้อมูลดูพอดีในแผนที่ผมเห็นว่ามีลานสกี

ซื้อตั๋วกันก่อน ราคา 1350 เยน เป็นค่ารถรางไป-กลับ + 1 Day Pass สำหรับนั่งรถบัสด้านบน

วันนี้เรามากันสามคน แฟนผมขอแยกไปเดินช็อปที่ชินไซฯ ให้หายจุใจ เลยขอบายครับ ระหว่างทางที่นั่งรถรางไม่ควรสนใจอย่างอื่นนอกจากข้างทางทั้งซ้ายและขวา

- คู่ชีวิต -


ของจริงสวยสุด ๆ

พอถึงสถานีด้านบนเดินออกมาเลี้ยวซ้ายจะเป็นจุดขึ้นรถบัส สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ สถานีรถบัส และแผนที่ต่าง ๆ ได้บนนั้นเลยครับมีพร้อม แต่สำหรับหน้าหนาวอย่างที่บอกมีเพียงร้านอาหาร สวนพฤกษศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีเท่านั้นที่เปิดทำการ

ระหว่างรอรถ .. ข้างล่างนั่นคือเมืองโกเบครับ

ถึงแล้ว Rokko Garden Terrace รถมาจอดให้ที่นี่เลย เนื่องจากที่อื่นปิดหมด เป็น Cafe มีทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม ที่ต่อให้นั่งแช่ทั้งวันผมก็ไม่เบื่อ


แม่ลูกบ้าง

อากาศด้านบนหนาวสุด ๆ หนาวกว่าด้านล่างเยอะ อาจจะเพราะลมด้วย เดินเข้ามาจิบชา ดื่มกาแฟดีกว่า

พาโนรามาเลย

เที่ยวสบาย ๆ เก็บบรรยากาศให้มากที่สุด ที่ ๆ ผมชอบผมก็มักจะอยู่เป็นวัน ๆ เลย

แม่ผมไม่ค่อยชอบเดิน วันไหนมีแพลนนั่งแบบนี้ นางมักจะอารมณ์ดี

ได้เวลากลับแล้ว แต่ความทรงจำ...มันจะคงอยู่กลับเราตลอดไป

ที่สถานีรถราง อย่างที่ผมบอกตอนแรกถ้าเดินออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะเป็นป้ายรถบัส แต่หากเดินออกมาแล้วเลี้ยวมาทางขวาจะมีร้านอาหารครับ อร่อยด้วยแหละ แล้วก็มีวิวเทพเหมือนร้านแรกเลย มีทั้งโซนในร่ม และตากอากาศ

แต่วันนั้นหนาวเกินไป เรานั่งกันไม่ไหวน่าจะต่ำกว่า 0 องศา

โคโรเกะ และข้าวแกงกะหรี่ ราคาค่อนข้างแรงครับ ประมาณ 2000 เยน


Man Talk คนนี้แหละเป็นอาจารย์สอนวิชาท่องเที่ยวด้วยตนเองกับผม ตอนไปฮ่องกงครั้งแรก เดินตามแก ต็อกต๋อย แต่เด๋ยวนี้ผมพาทัวร์ได้สบายมาก


ฟ้ารั่วที่ร็อคโคะซัง บรรยากาศก่อนลง


See You na Rokkosan


พอมาถึง Osaka ก็ออกท่องราตรีเช่นเดียวกับเมื่อคืน บรรยากาศถนนแถว Shinsaibashi จริง ๆ นอกจากใบไม้เปลี่ยนสีแล้วมันยังใกล้ช่วงคริสมาสต์ด้วย ถนนหนทางก็จะตกแต่งไฟสวยงามไปหมด มาแล้วมีความสุขมากจริง ๆ Good Night World See Ya Tomorrow...



2 ธ.ค. 58
Day 7 วันสุดท้ายของการเดินทาง
สำหรับผมการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวไม่เคยเป็นเรื่องง่ายแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะญี่ปุ่น ประเทศที่ไม่เคยทำให้ผมนึกถึงผัดกระเพรา หรือส้มตำเลย แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา กลับไปหาเงินเพื่อเที่ยวใหม่อีกครั้ง ชีวิตที่ไม่มีตั๋วเครื่องบินรออยู่...มันช่างสิ้นหวังเหลือเกิน


เช้านี้นอนให้เต็มอิ่มเพราะคืนนี้ต้องเดินทางไฟลท์ดึก ไม่ค่อยดีต่อใจสักเท่าไหร่ ผมแพลนว่าจะออกพร้อมกับเช็คเอ้าเลยเพื่อสามารถฝากกระเป๋าที่โรงแรมแล้วออกไปเตร็ดเตร่อย่างสบายตัว และสบายใจ ไม่ต้องกังวล


: โปรแกรมเช้านี้ไปหาของกิน และทัวร์ตลาด Kurumon ซึ่งเป็นตลาดสด อยู่ไม่ไกลจาก Dotonbori ไม่เท่าไหร่นัก นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Nippombashi แต่ผมเดินมาเรื่อย ๆ จากโรงแรม ตลาดมีทางเข้า-ออกหลายทางเลยครับ เป็นตลาดเล็ก ๆ

ผมมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า เวลามาต่างถิ่น คือ ถ้าไม่ได้มาหาของกินในตลาดสด แล้วรู้สึกราวกับมาไม่ถึงที่นั่น ตลาดสด เป็นเหมือนกับพิพิธภัณฑ์อาหารที่มีชีวิตโดยไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น อาหารมันคือตัวตนที่แท้จริงของท้องถิ่นนั้น ๆ นั่นแหละผมถึงชอบที่จะไปเดินตลาดสด


ไปดูว่าเค้าอะไร ราคาเป็นอย่างไร


วันสุดท้ายผมถังแตกได้แต่มองกุ้ง ปู ตาปริบ ๆ


ซูชิละลานตา แต่ผมว่าแบบแช่เย็นข้าวมันจะออกแข็ง ๆ สู้ปั้นสด ๆ ไม่ได้


ปลาสดดี แต่ข้าวแช่เย็นมันไม่นุ่มนวล


อุนางิก็เช่นกัน


มาถึงโอซาก้า ยังไม่โดนหอยนางรมเผา มันจะเสียเที่ยวเอานะ


ตอนรอพี่ย่าง มันกระชากอารมณ์ผมเสียเหลือเกิน


มาแล้ว โด๊ปเลย...ผมว่ามันอร่อยมากกกกกกกกกกกก


อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็...เห้ยมาโอซาก้าเราจะไม่ไปปราสาทโอซาก้ากันหน่อยเหรอ อะปายยยยบริเวณรอบ ๆ ปราสาทโอซาก้าจะมีสวน Osaka Castle Park พอดูสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีได้บ้างพอกรุบกริบ อย่างต้นแป๊ะก๊วยผมว่าที่ Showakinen koen มันสุด ๆ ละ ที่นี่เลยดูธรรมดาไปครับ แต่ถ้าเวลาจำกัดก็จัดไปโลดครับ

ส่วนต้นเมเปิ้ล ผมว่าเพิ่งปลูกได้ไม่นานยังเป็นลูกเจี๊ยบอยู่รออีกสักหน่อย ที่นี่คงเป็นที่ดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่เลว


อ่อนแอ ก็แพ้ไป


ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดดเดียวมากเท่านั้น


ผมเดินมาไกลเท่านี้พอ แค่เห็นไกล ๆ ก็ถือว่ามาแล้วเน๊อะ


โปรแกรมสุดท้ายของทริป ผมตั้งใจทิ้งทวนความพีคส่งท้ายทริปนี้ด้วย ราเมงข้อสอบ (Ichiran ramen) อันเลื่องชื่อก่อนกลับ ปรากฎว่าไม่น่าทำอย่างนั้น เพราะแม่งเป็นราเมงที่โคตรของโคตรอร่อยเลยครับสำหรับผมนะ

เรียกได้ว่ากินจนน้ำซุปหยดสุดท้าย คือคว่ำถ้วยมาน้ำนี่ไม่หยดลงพื้นสักหยด...ไม่ได้โม้ จริง ๆ ห้ามพลาดนะทุกวันนี้จึงอยากกลับไปซ้ำจริง ๆ คือถ้ากินวันแรก ๆ ก็จะได้กินอีกหลาย ๆ ที

ผมกินช่วงประมาณ 4 โมงเย็น ไม่มีคิวเลยครับ แต่หลังจากนั้นไม่นานคิวก็ยาวมากผมเห็นยาวทุกวันตั้งแต่ประมาณ 6 โมง ไปจนถึง 4-5 ทุ่มนุน

วิธีสั่งก็ใช้วิธีกดตู้ครับ ไม่ให้เพิ่ม Topping เยอะมากมายก็กด ๆ ไป ราคาประมาณ 1000 เยน จุก พอเข้าไปถึงให้เลือกพวกความสุกของเส้น ความเผ็ดของน้ำราว ๆ นี้ก็ติ๊กแล้วส่งให้คนในครัวครับ รอมาเสริฟก็กินเงียบ ๆ คนเดียวระลึกถึงความอร่อยของมัน

อะเนี่ย จริง ๆ ผมไม่ได้โม้


พอกินเสร็จ ผมกับแฟนก็มีความข้องใจในทาโกยากิร้านข้าง Ichiran (จากรูปถัดไปอีก 1 ร้านนะครับตึกขวาสุด)ที่มีคนต่อคิวเยอะพอ ๆ กัน จัดซะหน่อยให้หายสงสัย จริง ๆ ทริปนี้ผมกินทาโกยากิเยอะมาก ๆ เพราะร้านขายทาโกยากิ นี่เยอะจริง ๆ รสชาติไม่ได้หนีกันเท่าไหร่แต่ร้านนี้อร่อยมาก สองร้านนี้มาต้องโดนครับคอนเฟิร์ม


.
.
เป็นอันว่าจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบในฉบับของ
จงเจอนี่ - Jongjourney
ญี่ปุ่นนี่เที่ยวอร่อยจริง ๆ


ไปพูดคุยกับ จงเจอนี่ต่อได้ที่

FB : จงเจอนี่ - Jongjourney https://www.facebook.com/Jongjourney

IG : JONGKONG_JONGJOURNEY

Jongjourney - จงเจอนี่

 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 13.07 น.

ความคิดเห็น