หากใครทำลังอยากเที่ยวเมืองนอก แต่วันหยุดน้อย วันลาหมด ไม่เก่งภาษา ไม่ต้องการงบเยอะ ชอบเที่ยวชิวๆ ง่ายๆ สบายๆ อยากไปเที่ยวคนเดียว กะแฟน หรือกะเพื่อน ลองมาเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามดูสิครับ รับรองว่ามีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์ กับเงินไม่เกิน 5000 บาท ก็สามารถเที่ยวเมืองนอกได้ สบายๆ ชิวๆ อิ่มๆ แล้วครับ
โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) หรือ ไซ่ง่อน (Saigon) เป็นเมืองที่อยู่ทางเวียดนามตอนใต้และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม การเดินทางภายในโฮจิมินห์ ถ้าไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ แนะนำว่า เดินเที่ยวสนุกกว่านะครับ เพราะจะได้เห็นตึก เห็นผู้คน เห็นการใช้ชีวิต เห็นวัฒธรรมของชาวไซ่ง่อน แต่หากเป็นคนที่ไม่สะดวกในการเดินระยะไกลๆ จะซื้อทัวร์ One Day Trip (เที่ยวก่อนจ่ายทีหลัง) ก็ทำให้การท่องเที่ยวสะดวกขึ้นเหมือนกัน
โฮจิมินห์ ไม่มีรถไฟฟ้านะครับ (กำลังสร้างอยู่) แต่สถานที่ท่องเที่ยวไม่ได้ไกลเลยครับ ผังเมืองไม่ได้ซับซ้อน เมื่อดูแผนที่แล้วก็สามารถเดินจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รับรองว่าไม่หลงแน่ๆ ครับ มาโฮจิมินห์ไม่ต้องพกเสื้อหนาวมานะครับ ที่นี่อากาศร้อนครับ ส่วนตัวคิดว่าไม่ร้อนเท่ากรุงเทพฯ นะ เพราะ สองข้างทางจะมีต้นไม้สูงๆ ตลอดแนวเลยครับ (แต่ก็ไม่ได้มีทั้งเมืองนะ) สามารถช่วยคลายร้อนได้บ้าง เอาเป็นว่าไปดูดีกว่าว่า 2 วัน 1 คืน ที่โฮจิมินห์ สามารถเที่ยวอะไรยังไงได้บ้าง แล้วจะโดนโกงเหมือนที่เขาเล่ากันหรือเปล่า
เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองครับ การเดินทางไปโฮจิมินห์นั้น สามารถเดินทางไปได้หลายสายการบินเลยนะครับ ครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการ "นกแอร์" ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป-กลับ คือ 2,365 บาท ผมเดินทางวันเสาร์ เวลา 07.35 น. ถึง สนามบินเตินเซินเญิ้ต 09.05 น. วันนี้ไม่ดีเลย์ ออกตรงเวลา ถึงตรงเวลา
นกแอร์มีขนมกับน้ำแจกนะครับ (ชอบแพคเก็จ) แต่ไม่อิ่ม 5555+นั่งๆ หลับๆ ก็มาถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ต "ตรงเวลา" (ไม่ได้อวย ก็พูดตามความจริง)
การเข้าประเทศเวียดนาม ยื่นพาสปอตเท่านั้นครับ ไม่ต้องเขียนอะไรให้เสียเวลา ตม ที่นี้ ดูเฮฮามากครับ คือ คุยกันข้ามเคาน์เตอร์เลย คุยไป หัวเราะไป (แต่คือคาแร็กเตอร์ ตม ไง หน้าดุๆ หัวเราะก็ไม่ยิ้ม เราก็กลัวจะโดนถาม) ไม่ถามสุขภาพสักคำ ปั้มแล้วก็ปล่อยผ่านไปรับกระเป๋าเลย รับกระเป๋าแล้ว ออกมาด้านนอก ก็จะเป็นที่ขายซิมการ์ด ขายทัวร์ แลกเงิน จองรถแท็กซี่เข้าเมือง อย่างแรก ซื้อซิมก่อนครับ
ผมซื้อของ vinaphone ครับ (ซื้อตามที่อ่านรีวิวมา) พอออกจากที่รับกระเป๋า ก็เลี้ยวซ้าย ร้านจะเป็นร้านสุดท้ายเลยครับ คนจะเยอะๆ ผมซื้อแบบ 5GB ราคา 100.000 VND แปลงเป็นไทยก็ ร้อยกว่าบาท (ใครไม่เก่งภาษาไม่ต้องกลัวนะ บนเคาน์เตอร์จะมีเมนูให้เลือกว่าอยากได้กี่กิ๊ก ก็ชี้นิ้ว เขาก็จะเอาซิมมาให้แล้วถามว่าซิมของเราเป็นแบบไหน เราก็บอกไป สแตนดาร์ด/ไมโครซิม/นาโนซิม เขาก็จะแกะซิมให้เรา เราก็เอาซิมใส่เครื่อง เปิดเครื่อง แล้วใช้งานได้เลยครับ)
เดินออกมานอกอาคาร จะเจอกับมวลมหาประชากรที่มารอรับญาติพี่น้องครับ (อยากรู้เป็นไงต้องไปดูเลย) ทีนี้เราจะเข้าเมืองกัน ที่สนามบินมีแท็กซี่บริการ (แพงไม่ไป) มี Shuttle Bus บริการ (ไม่ได้ถามมานะครับ) มีรสบัสเข้าเมือง หากใครจะนั่งสาย 109 ก็ได้นะ ออกมาแล้วเจอเลย รถสีเหลืองๆ แบบบ้านเรา ราคาก็ 20.000 VND แปลงเป็นไทยก็ 20-30 บาท บนรถมี Wifi ด้วยนะแอร์เย็นๆ รถใหม่ๆ นั่งชิวๆ แต่ผมยังไม่ขึ้นครับ วันนี้ผมเลือกเดินทางโดยบัสสาย 152 วิธีหารถก็ง่ายๆ ออกจากอาคารโดยสาร หันไปทางด้านขวา
เจอร้านเบอร์เกอร์คิง รถจะอยู่ถนนทางเบอร์เกอร์คิงเลยครับ รถบัสสาย 152 รถสีเขียวๆ เก่าๆ โทรมๆ หน่อย (เห็นรถบัสขาวๆ นั้นใช่ไหม สาย 152 จอดถัดไปอีกเลนนึงครับ บัสคันนี้บังเฉยเลย)
เดินขึ้นไปบนรถบอกคนขับว่ากี่คน คนขับจะดูกระเป๋าเรา ผมสะพายกระเป๋าเป้ไป เลยไม่เพิ่มค่าโดยสาร ราคาอยู่ที่ 5000 VND ครับ แต่หากใครมีกระเป๋าลากไปด้วย หรือเป็นกระเป๋าใบใหญ่ๆ เขาจะคิด 10000 VND นั่งไปประมาณ 40 นาทีได้มั้งครับ ช่วงนี้จะเห็นความวุ่นวายบนท้องถนนหน่อยๆ รถมอเตอร์ไซต์เยอะสมคำร่ำรือ และเสียงบีบแตรที่ระบมประสาทหูมาก (คือทุกคนไม่เบรก แต่ทุกคนจะบีบแตรใส่กันให้หลีก)
นั่งๆ ไป เห็นคนข้ามถนน แล้วยกมือ รถก็ไม่จอดนะ ถ้าไม่ประชิดตัวจริงๆ เอาเป็นว่า ข้ามถนนที่นี่ต้องระวังหน่อยนะครับ รถที่นี่เขาไม่ค่อยเบรกกันหรือยังไงก็ไม่รู้ ขนาดไฟแดงแล้วนะ นางยังไม่จอดเลย คนข้ามถนนเลยต้องชูมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ขอข้ามหน่อยเซ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วรถในระยะ 500 เมตร ก็จะบีบแตร แล้วก็จะไม่หยุดครับ ถ้าไม่ประชิดตัวจริงๆ 55555+
ผมลงที่ ตลาดเบนถั่น วิธีสังเกตุคือ ดูรูปตลาดไปก่อนนะ มันจะมีวงเวียนใหญ่ๆ แล้วจะมีตึกตัวตลาด รถจะวันไปฝั่งตรงข้ามกับตัวตึกของตลาด แล้วจอดครับ ถ้ากลัวไม่แน่ใจ ตรงนั้นจะเป็นป้ายรถประจำทางเยอะๆ เลยครับ คนจะลงเยอะๆ
พอลงมาปั๊บ เราก็ไม่ชินไง เลยข้ามถนนเองเลย คือน่ากลัวมาก รถไม่หยุดจริงๆ บีบแตรใส่เราเหมือนเราทำอะไรผิด เราก็มองดูไฟให้ข้ามถนนแล้วนะ แล้ว ทางม้าลายตรงนี้ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกก ถ้ากลัวจะข้ามทางตรงนี้ ผมแนะนำ ให้เดินอ้อมแล้วค่อยๆ ข้ามทีละแยกครับ
ผมวางแพลนเที่ยวสำหรับ เสาร์อาทิตย์ไว้ประมาณนี้ครับ จริงๆ ก็ยังมีที่เที่ยวอีกนะ บางที่จำเป็นต้องนั่งรถ หรือซื้อทัวร์ไปครับ ผมเลยตัดออก มาเที่ยวครั้งนี้ อยากเดินชมเมือง เลยวางแพลนไว้ว่าจะไปที่ๆ สามารถเดินไปได้ครับ
[แผนที่ผมทำขึ้นมาไม่ได้ละเอียดขนาดว่าต้องเดินซอยไหน ออกซอยไป เพราะสถานที่ต่างๆ สามารถเดินทางได้หลายทางนะครับ เพียงแค่อยากให้ทุกคนที่อ่านเข้าใจกันง่ายๆ ครับว่าแต่ละที่ไม่ได้ไกล ใครสงสัยยังไง หรืออยากตามแพลนแบบผมก็สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับผม]
นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวกันเยอะครับ ไม่ต้องกลับจะเหงา ริมทางก็ขายของกันเยอะ ไม่ต้องกลัวจะหิวด้วย ฮาๆๆๆๆๆ
ที่แรกที่จะไปคือ Independence Palace เป็นพิพิธภัณฑ์ มีค่าเข้าชม ราคา 30000 VND พอมาถึงยังเข้าไปในรั้วไม่ได้นะ เดินทางไปซ้ายมือ จะมีที่ขายตั๋วขายของที่ระลึก เดินเข้าไปแล้วบอก พนง ว่าต้องการกี่ใบครับ (ไม่เก่งภาษาก็ วันเพอเซิล/ทูเพอเซิล ไปนะครับ)
Independence Palace เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ตัวอาคารทันรายล้อมด้วยสวนขนาดใหญ่ ซึ่งในปี พ.ศ.2506 ทำเนียบนี้ถูกระเบิดโดยนายทหารอากาศเวียดนามใต้และได้มีการสร้างอาคารใหม่ขึ้นแทนที่โครงสร้างเก่าที่ถูกทำลาย โดยสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2509 ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2518 เมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ได้เคลื่อนขบวนรถถังเข้าชนประตูเหล็กด้านหน้าของ ทำเนียบและโค่นรัฐบาลเวียดนามใต้ลง
ภายในทำเนียบได้จัดทุกสิ่งทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้เหมือนสภาพเดิมในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2509 โดยมีห้องจัดเลี้ยง ห้องโถงใหญ่ ห้องรับรองของประธานานธิบดีตรันวันเฮือง ห้องรับรอง ทั้งยังมีห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร และห้องสวดมนต์แบบคาทอลิก
มาถึงเวียดนาม จะไม่มีห้องใต้ดินได้ยังไง เดินไปด้านล่างจะเป็นห้องประชุมลับ อยู่ชั้นใต้ดินเลยครับ
สถานที่ต่อไป เราเดินไป Notre Dame Cathedral ครับ ง่ายๆ เลย ออกมาด้านหน้าของทำเนียบ จะเห็นถนน Le Duan Boulevard ที่สองข้างทางจะเป็นสวนนะครับ เดินตรงไปสุดเลย ก็จะเจอ โบสถ์นอร์ทเธอดาม
บริเวณนี้จะมีหนุ่มสาวมานั่งกิน นั่งเที่ยวกันเยอะเลยละครับ อากาศกำลังดีเลย ได้ร่มไม้คอยบังแดดเอาไว้ แถวนี้มีร้านอาหารดังด้วยนะ แต่ไม่ได้ไปครับ มาแบบไม่ได้เน้นกิน (จริงๆ ป่วยอยู่ อารมณ์ลากสังขารไปเที่ยว)
โบสถ์นอร์ทเธอดาม ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี โบสถ์นี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะของตัวโบสถ์เป็นรูปแบบของสมัยอาณานิคม มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านบนสูง 40 เมตร ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นของพระแม่มารี ขนาดใหญ่สีขาวเด่นเป็นสง่า
แต่ก็นะ มือบอนจริงๆเลย
เดินไปไปรษณีกลางตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม (ข้ามถนนก็ถึงเลย)
ที่นี้ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 เสร็จในปี พ.ศ. 2444 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียตนาม ภายในตัวอาคารมีการประดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศโฮจิมินห์
ด้านในเป็นร้านขายของฝากครับ โปสการ์ด ของที่ระลึกต่างๆ แต่ก็ยังใช้เป็นที่ส่งไปรษณีย์อีกด้วยนะครับ ถ้าอยากจะเขียนโปสการ์ดหาใคร ซื้อแล้วส่งได้ที่นี่เลยครับ
เดินต่อเลยดีกว่า ผมจะไป Opera House ครับ ตามแผนที่เลย ไม่ไกล เดินชิวๆ
มีหลายๆ คนบอกว่าจะโดนโกงไหม หรือโดนอะไรไหม ขอเล่าตรงนี้ละกัน เรื่องโกงผมไม่โดนนะ ทุกอย่างปกติดี แต่ผมไปคนเดียว จะเจอคนขี่มอเตอร์ไซต์แล้วมาถามว่า แวร์ อา ยู คัม ฟอร์ม? มาคนแรก เราก็ซื่อๆ ไงตอบไปเฉย ไทยแลนด์ นางก็จอดรถลงมาเลย น่าจะมาเสนอขายทัวร์ครับ คือเขาจะขี่รถไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นาๆ ในเมืองนั้นแหละ อารมณ์พาเราเที่ยว แต่พอดี อยากเดิน เลยบอกไปแค่ โนๆๆๆๆๆๆ แล้วเดินหนีเลย ซึ่งก็มีเยอะเหมือนกันนะ ตลอดสองวันที่เดินเที่ยว จะเข้ามาสะกิดเลยก็มี แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี่มากนะครับ พอเราเดินออกไป เขาก็ไม่ตามแล้ว
ถึงแล้ววววว เดินแป๊บเดียว โรงละครโอเปร่าเฮ้าส์ สร้างในปี พ.ศ. 2402 ทุกวันนี้ก็ใช้งานเหมือนเดิม ทุกๆ สัปดาห์จะมีการแสดงครับ
ต่อเลนดีกว่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึงโฮจิมินห์สแควร์ละครับ (1ซอยเท่านั้น) แถวนี้ ร้านอาหร ห้างฯ เยอะเลยนะ สแควร์ใหญ่พอสมควร
อย่างแรกที่เป็นแลนด์มาร์กเลยก็คือ Ho Chi Minh City Hall ตึกสีเหลืองๆ นั้นแหละครับ ด้านหน้าก็จะมีอนุเสาวรีย์โฮจิมินห์ อดีตประธานาธิปดีของเวียดนามใต้
หันหลังกลับมาก็จะเป็นโฮจิมินห์สแควร์ครับ จากที่ตั้งของอนุเสาวรีย์ยาวไปจนถึงแม่น้ำเลยครับ
เดินอีกนิดครับ ไปโฮจิมินห์ซิตี้มิวเซียมกันครับผม
Ho Chi Minh City Museum หรือ Gia Long Palace เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการที่สำคัญของโฮจิมินห์ มีสิ่งของที่รวบรวมไว้เป็นภาพวาด 3000 ภาพ และโบราณวัตถุอีก 700 ชิ้น
ค่าเข้าชมอยู่ที่ 15000 VND ที่สำคัญ ถ้าเขาเห็นกล้อง DSLR, Mirrorless สะพายอยู่ เขาจะเรียกเก็บค่าถ่ายภาพอีกนะครับ (แพงกว่าค่าเข้าชมอีกนะ) หากใช้กล้องมือถือถ่ายก็ไม่เสียเงินครับ
บ่ายกว่าๆ แล้วครับ (ดูจากเวลาไม่กี่ขั่วโมง แต่เที่ยวไปเยอะแล้วนะ ก็รู้ได้เลยว่า มันใกล้กันจริงๆ) หิวละ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า มีหลายๆ คนแนะนำว่าให้ไปกิน Pho2000 สาขาเบนถั่น เป็นร้านที่อดีตประธานธิบดี บิล คลินตัน เคยมากินด้วย
ร้านอยู่ชั้น 2 นะครับ ด้านล่างจะเป็น คอฟฟี่บีน เดินเข้าไปเลย แล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ครับ (ถ้ามาหลายๆ คน ก็ขึ้นไปชั้น 3 ได้นะ) ผมเลือกนั่งติดหน้าต่างครับ (จริงๆ คนเต็ม เหลือแค่ตรงนี้) ทีนี้ เมนูเป็นเมนูภาพ มีภาษาอังกฤษด้วยนะ ใครไม่เก่ง ก็ชี้ๆ เลือกเอาว่าจะกินอะไร แต่มันมีขนาดให้เลือกนะครับ มีถ้วยเล็กกับถ้วยใหญ่ (อันนี้บอกเลยว่า สั่งถ้วยเล็กมาก็พอ ผมเห็นฝรั่งสั่งถ้วยใหญ่ คือ มันใหญ่มากกกกกกกกกกก ไม่เก่งภาษาก็ บอกว่า Small หรือ Regula นะครับ)
จานแรกมาแล้ว นั้นคือ shrimp and pork spring rolls อันนี้อร่อย ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไปแล้วต้องสั่งเลย ส่วนเฝอ ผมสั่งเฝอเนื้อมา พูดตรงๆ นะ ผมทานไม่เป็นครับ ผมเลยคิดว่ามันไม่อร่อย มันจืดๆ พยายามใส่ซอส พยายามดูคนอื่นกินแล้ว แต่ผมว่าเฉยๆ ไม่ได้ว้าววว (ผมกลับชอบเฝอที่เวียงจันทน์มากกว่าอะ)
อิ่มแล้ว ไปเช็คอินแล้วพักสักแปบดีว่า ผมจองโรงแรมผ่าน Agoda ไว้ครับ คืนละ 1000.31 บาท จองคืนเดียว เพราะผมเที่ยว 2 วัน 1 คืน โรงแรมชื่อว่า Zoolut Stay 278 อยู่ใกล้ตลาดเบนถั่นเลยครับ พอถึงโรงแรม ก็ยื่นพาสปอต พร้อมบอกว่า เช็กอิน พนักงานก็จะถามว่าจองไว้ไหม เอายื่นไปพร้อมใบจองจากอโกด้าเลยก็ได้ครับ พนง ก็จะถ่ายเอกสารพาสปอตพร้อมกับหาแสตมป์ที่เราผ่านเข้าเมืองมาครับ เราก็จะได้ คีย์การ์ด รหัสWiFi และคูปองทานอาหารเช้า (อาหารเช้าจะต้องไปทานอีกตึก ก็คือ Zoolut Stay 271 อยู่ตรงข้ามกันครับ) ไม่มีค่ามัดจำอะไรทั้งสิ้นนะ
ผมพักชั้นที่ 4 ครับ บอกก่อนเลย ทีนี้จะเป็นห้องเล็กๆ ไม่กี่ตาราวานะครับ เอาไว้นอนอย่างเดียว โรงแรมจะแต่งด้วยโทนสีส้มครับ ในห้องไม่มีตู้เย็นนะครับ หากดื่มน้ำในห้องหมด สามารถมากดด้านนอกได้ครับ บริการฟรี
เข้ามาแล้ว ผมชอบนะ เพราะผมชอบโรงแรมเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ไม่ต้องมีระเบียงก็ได้ ห้องนี้เล็กๆ ครับ (แต่ใหญ่กว่าโรงแรมที่ฮ่องกงที่ผม ไปพักอีกนะ) มีทุกอย่างครบครับ มีน้ำให้สองขวด (ไม่คิดตังค์แน่นอน) มีรองเท้าแตะให้สองคู่ (ห้ามนำกลับบ้านนะ อันนี้ใส่ได้ แต่ห้ามหาย) ทีวี ผ้าเช้ดตัว ผ้าเช้ดหน้า ถุงใส่เสื้อผ้า ตู้เซฟ ปลั๊กไฟที่นี้ เป็นแบบยูนิเวอร์เซิลครับ มีแบบเสียบยูเอสบีด้วย (เก๋มาก) ทีสำคัญห้องสะอาดมากๆ
ห้องน้ำ แคบครับ ส้วมนั่งแล้วเข่าเกือบติดแหนะ (ผมตัวเล็กครับ) ถ้าคนขายาวๆ คงต้องอ้าขานั่งเลย น้ำมีทั้งเย็นและร้อนครับ เป็นระบบผสมเอง มีแชมพู สบู่เหลวให้ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมวกอาบน้ำ คอตตอลบัด มีให้ครบครับ (ผมหยิบกลับบ้านเผื่อทริปหน้าเลย) WiFi ดีเลยครับ ไม่หลุดเลย รวมๆ ผมว่าโรงแรมนี้โอเคมากๆ ครับ ไม่ได้อวยนะ ถ้าใครไม่ติดเรื่องห้องเล็ก ผมแนะนำที่นี้เลยครับ
ต่อไปผมจะไปที่ Mong Bridge หรือ สะพายเขียว จริงๆ เปิด Google Map แล้วมันขึ้นว่าตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูป เลยแวะมาซะหน่อย
ตรงๆ เลยนะ ก็ไม่ได้มีอะไร ด้านบนสะพานสกปรกๆ ขยะเกลื่อนๆ (งงว่ามันเป็นจุดถ่ายรูปยังไง)
ต่อไปผมจะไปอนุเสาวรีย์ Tran Hung Dao ก็เดินริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ ครับ
ผ่าน Bitexco Financial Tower ด้านในจะมีห้างอยู่ ชั้น 4 มีฟู้ดคอร์ดนะครับ (เผื่อหิวๆ) แล้วก็ฝั่งเป็นออฟฟิศ ส่วนใครอยากขึ้นไปทานอาหารด้านในตึกสูงก็ไปได้ หรือจะไปชมวิวก็ได้ มีค่าเข้าชมนะครับ ประมาณ 3 ร้อยกว่าบาท ตอนแรกผมก็คิดว่าจะขึ้นไป แต่ไม่ขึ้นดีกว่า
เดินริมน้ำไปเรื่อยๆ ชิวๆ อากาศก็ไม่ค่อยร้อนนะ (ทำไมผมไม่รู้สึกอบอ้าวววว)
แล้วก็เดินมาถึง ปัญหาที่ผมเจอคือ ตรงนี้ผมไม่สามารถข้ามถนนได้ (เรามีความกล้าจริงๆ) ทุกคนไม่หยุดให้เค้าเลย เลยรอจังหวะคนเดินข้าม แอบเดินข้ามไปด้วย (ฮาาๆ)
พอเย็นๆ เลยเดินกลับมาที่สแควร์ครับ ชอบตึกนี้ เพราะ ร้านอาหารเยอะ อยากกินอะไร เดินขึ้นไปเลย (แต่ผมอด เพราะ ป่วย งดอาหารแปลกๆ เสียใจ)
พอฟ้ามืด ก็มาถ่ายรูปโอเปร่าเฮ้าตอนกลางคืน นักท่องเที่ยวถ่ายกันเยอะ ไม่ต้องกลัวเหงาเลยครับบบ
ประมาณสองทุ่ม (น่าจะประมาณนั้นนะ) จะมีการแสดงน้ำพุหน้าอนุเสาวรีย์ครับ คนเพียบบบบบ
เด็กๆ ลงไปเล่นน้ำกันใหญ่เลย
ค่ำๆ ก็เดินเล่น รับลม ไปเรื่อยๆ (ทำไมต้องทำสโลว์ไลฟ์ฮ๊ะ)
ดึกแล้ว ไปไหนต่อดี ผมมีปัญหาเรื่องที่ว่า ผมยังงดอาหารอยู่ เพราะป่วย เลยจำเป็นต้องงดไปฟามงูหลาววววว (อดดื่มเบียร์ นั่งชิวๆ เลยยย) เลยไปตลาดกลางคืนครับ ตลาดอยู่ตรงเบนถั่นนั้นแหละ แต่ไม่ได้อยู่ในตัวตลาด จะอยู่ตรงถนนรอบตลาดแทนครับ
อารมณ์ตลาดเปิดท้าย มีของขาย (ของปลอมก็มีเยอะเลย) อาหารก็มี ราคาแล้วแต่ตกลง เห็นเขาต่อกันครึ่งต่อครึ่งเลย ไม่ชอบก็เดินออก เดี๋ยวแม่ค้าง้อเอง (เอ๊ะ มุขนี้ได้ทุกประเทศ) วันนี้เลยพอแค่นี้ก่อน ดึกแล้ว สรุป ไม่ได้กินอาหารแถวนี้ มีแต่ของแสลง จำเป็นต้องไปกินแมคโดนัล กับ เบอร์เกอร์คิง แทน
ตื่นเช้ามาพร้อมกับการลืมกินอาการเช้าของโรงแรม (รีบไปหน่อย) วันนี้ผมไป War Remnants Museum เดินออกจากโรงแรมตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้า กะว่าจะเดินเล่นๆ เรื่อยๆ เผื่อมีอะไรน่าสนใจ
เจอวัดจีนอยุ่หลังโรงแรมเลย
เดินไปเรื่องๆ เจอสวนสาธารณะ ร่มรื่นมาครับ คือ ต้นไม้ใหญ่มากอะ สูงใหญ่แบบอลังอยู่นะ คนมาออกกำลังกายเยอะมาก เด็กๆ วัยรุ่นก็เยอะมากกกกกก
เดินไปเรื่อยๆ แปบเดียว
ถึงแล้ว ตึกแบบนี้ใช่แน่นอน ซื้อตั๋วก่อนเข้านะครับ ราคา 15000 VND ผมว่าราคาเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่เวียดนามก็ไม่แพงเลย แต่จริงๆ ผมว่า มันก็ซ้ำๆ กันนะ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมา ยืนพื้นก็คงเป็นเรื่องของสงคราม รองลงมาก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้นำกับวัฒธรรมของเวียดนามครับ
วันนี้ทัวร์ลงครับ ยึดไปหลายห้องเลย โดยภายในอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือการรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในสมัยสงครามเวียดนาม มีห้องแสดงภาพถ่ายที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่เกี่ยวกับการปกป้องประเทศ การเสียสละเลือดเนื้อของชาวเวียดนามครับ
หิวละครับ บวกกับลืมไปว่าโรงแรมมีอาหารเช้า เลยไปหาร้านอาหารกิน ทริปนี้บอกเลยบอก ผมลากสังขารป่วยๆ มา ทำให้ไม่สามารถกินอะไรได้มาก เมื่อวานรู้สึกเฝอไม่ค่อยถูกปาก (ตัวเอง) วันนี้เลยขอเปลี่ยนร้านแล้วลองใหม่ เผื่อจะถูกใจกว่า เลยเลือกร้าน PHO24 ครับ ทีนี้มีเป็นเซ็ทเมนูให้เลือกเลย เซ็ตที่ผมเลือกราคา 79000 VND ครับ มีเฝอเนื้อ, Fresh Spring Rolls (ชื่อภาษาไทยคืออะไรงะ ปอเปี๊ยะสดหรือเปล่า), พุดดิ้ง และ น้ำมะนาว
ผมสั่ง เฝอเนื้อ ร้านจะมีผักสดมาให้ด้วยนะครับ ด้วยความหิวมาก เลยโซ้ยเลยยย และขอยืนยันคำเดิมครับว่า เฝอที่ลาวอร่อยกว่าเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ส่วนที่เป็นโรลๆแป้งเหนียวๆ ข้างในเป็นเนื้อลวก ต้นหอม ถั่วงอก โรลมา เหนียวมาก น้ำจิ๋มอะผมชอบนะ แต่ไอตัวโรล ไม่ค่อยอร่อยงะ
หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม เช็คเอ้า แล้วก็ไปเดินห้างครับ ผมเป็นคนชอบเดินเที่ยวห้างครับ ไม่ว่าจะห้างในไทยหรือต่างประเทศ ไปต่างจังหวัดก็หาห้างเดินครับ (ไม่รู้ทำไม) ที่เวียดนามก็ไม่ได้มีห้างเยอะมากนะ แต่ละห้างก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากเท่าไร
เดินไป Bitexco เดินไปมั่วๆ เจอตลาดซะงั้น เลยเดินเล่นๆ ดูหน่อย อารมณ์ตลาดกิมหยง ที่หาดใหญ่อะครับ แต่ที่กิมหยงจะอยู่ในตัวตึก แต่ที่นี้จะเปิดริมถนน มาถึง Bitexco ไม่มีรูปนะครับ อยากมาดูห้างเฉยๆ ก็ไม่มีอะไรครับ มี 4 ชั้น ชั้น 4 เป็นฟู้ดคอร์ด
แต่ย่านๆ นี้ร้านชิคๆ เยอะเลยครับ ก็อยากเข้าไปนะ แต่คนเยอะ ขี้เกียจรอ แถวๆ นี้ก็คือระแวก Ho Chi Minh Square นั้นแหละครับ
เดินมา Saigon Centre ครับ ห้างใหญ่พอสมควร ด้านบนสุดมีร้านอาหาร ล่างสุดก็ร้านอาหารครับ แล้วก็เป็นโซนห้างสรรพสินค้าทั่วๆ ไป ถามว่าช้อปปิ้งอะไรไหม ก็ไม่นะ 555+
ผมเป็นคนชอบทานซูชิ ครับ มาเจอร้านขายซูชิแบบนี้ก็ไม่ไหวจะเคลีย ต้องซื้อกินให้ไห้ ราคาแปลงเป็นไทยแล้วก็ ร้อยนิดๆ ครับ พวกปลาไหล สองร้อยบาทเองง
แต่ดันมากินซูชิสายพานแทน ทีนี้อยู่ชั้นใต้ดิน ชื่อร้านคือ Ryoshi Sushi Ikeikemaru ทุกจานราคาเดียวคือ 25000 VND (40บาท) ความอร่อยก็ตามราคาครับ สดไหม ก็ไม่ได้แย่นะ มีปลาน้ำเข้าจากญี่ปุ่นก็เยอะนะครับ เมนูก็หลากหลายดี มีเมนูสเปเชียลด้วย กินเสร็จ เรียกพนักงาน (ใครไม่เก่งภาษาก็พูดว่า เช็กพลีส หรือ บิลพลีส ก็ได้นะครับ) พนง จะนับจานเรา แล้วจะเอาบิลมาให้ เราก็เอาไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ทางออกครับ
###### สำหรับห้างฯ ที่ไปเดินมา ######
- Saigon Centre ร้านอาหารเยอะ ร้านค้าเยอะ อารมณ์เซ็นทรัลลาดพร้าว มีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ใต้ดินด้วย
- Vincom Center เดินเข้าดีๆ มีประตู ออฟฟิศ/อพาร์ตเม้น/ห้าง ห้างใหญ่พอสมควรเลย อาหารอยู่ชั้นใต้ดินเพียบบบบ มีซุปเปอร์มาเก็ตชั้นใต้ดิน
- Bitexco มี 4 ชั้น ร้านค้าน้อย คนเงียบๆ ฟู้ดคอร์ดอยู่ชั้น 4
- Parkson ข้ามถนนมาจาก Vincom ก็ถึงเลย ห้างเก่าๆ คนไม่ค่อยมาก มีฟู้ดคอร์ดอยู่ด้านบน มีซุปเปอร์มาเก็ตของอิออนด้วย
- Lucky Plaza อารมณ์แบบเจเจมอล แต่คนและร้านน้อยกว่านั้น มีซุปเปอร์มาเก็ตด้านบน
- Saigon Square เดินเลยมาจากSaigon Centre เป็นร้านรวงหลายๆ ร้านอยู่ในนั้นครับ (ลองนึกภาพตะวันนาดูก็ได้)
- Daimond Plaza มีฟู้ดคอร์ดด้านบนครับ มีซุปเปอร์มาเก็ตของเกาหลีด้วย ห้างไม่ใหญ่มากครับ ใกล้โบสถ์นอร์ทเทอร์ดาม
สี่โมงแล้ว กลับดีกว่า
เดินมาป้ายรถเมล์ที่เราลงรถขามา แล้วข้ามไปอีกฝั่ง ตรงนี้จะเป็นศูนย์รวมป้ายรถเมล์หลายๆ สายนะครับ ดังนี้น มันเลยมีสองเลน เลนนึงคือ เลยมาถึง อีกเลน คือ เลนออกไป (งงไหม 555+) ถ้างง เอางี้ ป้ายรถเมลสาย 152 ที่จะไปมันอยู่หน้าตึกตรงตรงนี้ครับ
พอมาถึงป้ายถึงเมล์ หันหน้าออกไปต้องเป็นภาพนี้นะ แล้วดูตรงหัวมุมหลังคาด้วย ว่า 152 แน่ๆ แนะนำนะครับ อย่าไปขี้งกเงินค่ารถเลย สาย 152 บางทีมาสายครับ สาย 109 จะมาก่อน (สาย 109 จะมาจอดทางด้านหลังของป้าย 152 ครับ ถ้า 109 มาก่อนก็ขึ้นไปเลย จะได้ไม่ต้องรอรถนานเกินไป (อากาศร้อนนนน)
แน่นอน สาย 109 มาก่อน ผมเลยเลือกสายนี้ครับ รถก็เหมือนรถเมลบ้านเรานั้นแหละครับ มี WiFi ให้ใช้ด้วย มาจอดที่ Terminal ระหว่างประเทศเลยครับ
Tan Son Nhat International Airport มี 2 เทอมินัล ครับ คือ ในประเทศ และ ระหว่างประเทศ แล้วก็ไม่ต้องกลัวจะหลงนะ เพราะ สนามบินไม่ใหญ่ครับ ก่อนเข้า ตม ก็มีแค่โถงอาคารเดียว ผ่าน ตม เข้าไป ก็มีแค่ ซ้ายกับขวา เท่านั้น ไม่มีแยกออกไปไหนครับ แต่สนามบินใหม่ครับ ที่นั่งพัก นั่งรอ ส่วนใหญ่อยู่ด้านนอกอาคารครับ ด้านในก็มีนะ แต่น้อย
ร้านอาหารอยู่ด้านนอก ที่นั่งอยู่ด้านนอก ตารางบินด้านนอกก็มีครับ ด้านในชั้น 3 ก็มีร้านอาหารนะครับ
ภายในก็เหมือนสนามบินทั่วๆ ไม่ใหญ่มาก
ก่อนไปถึงด่าน ตม ก็ต้องผ่านด่านสแกน อย่าลืม ถอดแจ็คเก็ต ถอดแว่นกันแดด รองเท้าบูทก็ถอด เข็มขัดด้วยนะ (ผมเห็นหลายคนไม่ค่อยถอด จนท เลยต้องให้ถอดแล้วผ่านสแกนใหม่อีกรอบ จนทำให้สแกนเกิดความล่าช้าเลยครับ) ในส่วนของ ตม ไม่ได้ทำงานช้านะครับ ความเร็วปกติ แต่คนเยอะพอสมควรครับ (Fast Track Lane ไม่ได้แบ่งอย่างชัดเจน ใครสามารถใช้ช่องนี้ก็ต้องดูดีๆ นะครับ)
ผ่านตมแล้ว หากยังเหลือเวลาอีกนาน แล้วอยากเอนตัว หามุมสงบๆ หันเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ตรงไปสุดเลยครับ จะมีเก้างี้แบบนอนเอนได้ หรือใครอยากนอนเลย แบบไฟร์ทอีกนาน ก็สามารถใช้บริการห้องนอนได้ (เสียตังนะ) ส่วน Duty Free และร้านอาหาร สามารถใช้เงิน USD ได้ครับ แล้วไม่แสดงราคา VND ด้วย ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลย คำนวนแล้วแพ๊งแพงงงงงง
นี้คือ A350 ใช่ไหม สักวันเราต้องได้นั่งเนอะๆๆๆๆๆๆ
วันนี้ไฟร์ท 20.45 แต่ 2 ทุ่มแล้ว ยังไม่เห็นน้องนกเลยครับ แน่นอนว่าดีเลย์ ไฟร์ทนี้แจกมาม่อน อร่อยดีครับบบ กลับถึง ดอนเมือง สี่ทุ่มครึ่ง (จากเดิม สี่ทุ่มสิบห้า ตามกำหนดการ) ดีเลย์นิดหน่อย ให้อภัยได้ครับ (ก่อนที่เราจะบ่นเรื่องการดีเลย์ ต้องคำนึงถึงอะไรหลายๆ อย่าง เช่น สภาพอากาศของสนามบินต้นทางหรือปลายทาง ความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศ บลาๆ 15 นาที ถือว่าพอหยวนๆ ถ้าดีเลย์ช่วยโมงกว่ารับรองผมบ่นแน่ๆ ฮาๆๆๆๆ)
จริงๆ บอกเลยว่า ยังมีที่เที่ยวในโฮจิมินห์อีกนะครับ ที่ผมเที่ยวเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เป็นจุดหลักๆ ที่สามารถเดินเที่ยวแบบง่ายๆ สบายๆ ได้ แต่ก็ยังเหลือจุดอื่นๆ ที่น่าเที่ยว เช่น อุโมงค์กู๋จี วัดกาวได๋ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำมังกรทอง เป็นต้น (ไว้คราวหน้าละกัน)
จบทริปไซง่อนแบบสมบูรณ์ครับ มีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์ ก็เที่ยวได้ง่ายๆ
งบประมาณ
ค่าตั๋ว
2,365 บาท
ค่าโรงแรม 1000.31 บาท
ค่ารถ 152 / 5000 VND (8 บาท)
ค่าซิม 100000 VND (159 บาท)
ค่าตั๋ว independence palace 30000 VND (48 บาท)
ค่าตั๋ว Ho Chi Minh City Museum 15000 VND (24 บาท)
ค่าตั๋ว war remnants museum 15000 VND (24 บาท)
Pho2000 / 70000+70000 VND (111+111 บาท)
Pho24 / 79000 VND (125 บาท)
ซูชิ 275000 VND (437 บาท)
อาหารและน้ำอื่นๆ 150000 VND (238 บาท)
รถ 109 / 20000 VND (32 บาท)
รวมทั้งสิ้น 4682.31 บาท
งบประมาณ 5000 บาท
เงินเหลือ 317.69 บาท
ติดตามรีวิวท่องเที่ยวและพูดคุยกันได้ที่ : Fanpage เที่ยวคนเดียวต้องสตรอง
เที่ยวคนเดียวต้องสตรอง
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.58 น.