มาเลเซีย แอร์ไลน์ เป็นอีกสายการบินหนึ่งที่ออกโปรโมชั่นเส้นทาง กรุงเทพฯ - โตเกียว ในราคาไป-กลับไม่เกิน 10,000 บาท แม้ว่าจะต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ แต่ด้วยความที่เป็น Full Service บวกกับราคาถูก ทำให้หลายคนเลือกที่จะเดินทางกับสายการบินนี้ และช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากใครได้ตามข่าวก็คงพบกับข่าวสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เปลี่ยน Flight บินกระทันหัน ทำให้เวลารอต่อเครื่องลดน้อยลงจนถึงขั้นที่ไม่สามารถจะต่อเครื่องไปยัง ญี่ปุ่นได้ทัน หรือการเทผู้โดยสายเพราะเกิดการ Overbooking เลยทำให้หลายๆ คนที่จองสายการบินนี้และกำลังจะเดินทางเกิดความกังวลใจว่าเที่ยวบินของตัว เองจะเกิดปัญหาหรือไม่ ซึ่งทางเรามีโอกาสได้เดินทางกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ในช่วงที่กำลังมี ปัญหาพอดี เลยจะมาเล่าการเดินทางและแนะนำเบื้องต้นว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เที่ยวบินของ เราไม่เกิดปัญหา หรือโดนเทระหว่างทาง

[อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม / รีวิว / เทคนิค / ท่องเที่ยว ฝากติดตาม เพจเที่ยวคนเดียวต้องสตรอง เข้าไปพูดคุยกันได้ครับ]

จองตั๋วแล้ว เราควรจะติดตามสถานะการบินอยู่ตลอดนะจ๊ะ คือถ้าเกิดมันมีอะไรเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเวลา เราก็สามารถรู้ตัวได้ทันเวลา จะเปลี่ยนเวลาบินหรืออะไรก็จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา ส่วนใหญ่จะมีอีเมลแจ้งมา แต่บางทีก็เอ๋อๆ เบลอๆ ไปบ้างแหละ ส่งมาบ้างไม่ส่งมาบ้าง ฉะนั้น ตรวจด้วยตัวเองดีที่สุด

บางคนแบบวิตกเอามากๆ กลัวว่าแอพฯ หรือระบบจะเอ๋อๆ จะโทรไปเช็คก็ได้ครับ

พอถึงเวลาเช็คอิน ก็เข้าไปออนไลน์เช็คอินเลย มาเลเซียออนไลน์สามารถเช็คอินได้ก่อนบิน 48 ชั่วโมง ถามว่าจำเป็นไหม เอาจริงๆ ก็จำเป็นนะ เป็นการยืนยันว่าเราจะไปกับสายการบินแน่ๆ เคยอ่านหลายกระทู้จากพันทิพย์ บางท่านเคยเล่าว่า Overbooking บางทีเขาก็เลือกจากคนที่มาเช็คอินหลังๆ เหมือนกัน เพราะงั้น ไปเช็คอินก่อน ได้ที่นั่งก่อน ได้บอร์ดดิ้งพาสก่อน สบายใจก่อนเน้อ

สำหรับมาเลเซียแอร์ไลน์สามารถเช็คอินได้หลายช่องทาง ทางแรกก็ผ่านแอพฯ จะมีปุ่มขึ้นมาให้เช็คอิน ไม่ก็เข้าเว็บฯ ผ่านโมบายล์ ก็จะเป็นอีกหน้าตานึง ถ้าสะดวกจะเช็คอินกับคอมพิวเตอร์ก็เข้าหน้าเว็บไซต์ได้ สำหรับ Business class สามารถโทรไปเช็คอินได้นะจ๊ะ (อันนี้บอกตรงๆ ถ้าเช็คผ่านแอพไม่ได้ ก็ไปเช็คบนเบราว์เซอร์ดูนะ มันสลับกันได้ไม่ได้อยู่แบบนี้แหละ บางที บนมือถือไม่ได้เลย แต่เช็คอินบนคอมฯ ดันได้เฉยเลยก็มี)

สายการบินอื่นไม่ทราบว่าต้องเช็คอินกี่รอบ แต่สำหรับมาเลเซียร์แอร์ไลน์ เช็คอินสองรอบ เพราะเราต้องไปต่อเครื่องที่ KLIA ดังนั้น เราต้องมีบอร์ดดิ้งพาส 2 ใบ ถามว่าเช็ครอบเดียวได้ไหม ก็ได้นะ แต่ถ้าอยากป้องกันการโดนเท โดยเฉพาะการ Overbooking เราเช็คไปเลย 2 ครั้งจ๊ะ

อันนี้เจอกับตัวเองเลย ตอนนั้นมีข่าวว่าอยุ่ดีๆ Flight หลายคนหาย บางคนโดนเปลี่ยน Flight ให้ไปกับ Codeshare เราก็ตื่นเต้นไง เฮ้ย เช็คอินครั้งแรกไปแล้ว ทำไมเวลา Flight ต่อไปมันหายงะ หายแบบไม่ขึ้นไรเลย เอาแล้ววว โดนเทแน่ๆ สรุปสุดท้าย เป็นกันทุกคน ระบบรวน ระบบล่ม ต้องรอถึงเช้าถึงจะเช็คอิน Flight ถัดไปได้ แล้วเป็นกันทุกวัน อันนี้เป็นเรื่องราวของระบบสายการบิน เอาเป็นว่า ถ้าเจอกรณีนี้ ใจเย็นๆ รอสัก 5-6 ชั่วโมง รอตอนเช้า แล้วเข้าไปเช็คอินใหม่จ้า

สำหรับ ที่นั่ง อยากนั่งตรงไหน เลือกได้ฟรีๆ ตอนเช็คอินออนไลน์นะ คนที่จองกับทางมาเลเซียร์แอร์ไลน์บอกว่า ถ้าจองผ่านสายการบินหากจะเลือกที่นั่งตั้งแต่ตอนจอง ต้องเสียตังค์ แต่ผมจองผ่าน expedia เลือกที่นั่งได้ตั้งแต่ตอนจองเหมือนกัน เลือกแบบจะนั่งติดทางเดิน ติดหน้าต่าง ไม่ได้เลือกแบบระบุเป็นเลขนะ แล้วทาง expedia จะจัดการจองที่นั่งให้เราเอง ฟรี ไม่เสียตัง และสามารถเปลี่ยนได้ตอนเช็คอินออนไลน์เน้อ ในส่วนของอาหาร ถ้าใครอยากได้อาหารพิเศษ สามารถทำได้ครับ ไม่ได้ทำตอนเช็คอินนะ ทำก่อนเช็คอินครับ จองกับทางไหน จองผ่านทางนั้นครับ

พอถึงวันบิน รีบไปสนามบินก็ดีนะครับ เพราะ BFS ที่ทำหน้าที่ให้สายการบินนี้ ทำงานช้าเลยละ เขาให้เหตุผลว่า Flight ที่บินไป KLIA มีหลายท่านเป็น Overbooking และบางท่านอาจจะต่อเครื่องไปญี่ปุ่นไม่ทัน เนื่องจาก Flight : KUL-KIX มีการเปลี่ยนเวลาเร็วขึ้น (ถ้าใครตามพันทิพย์ช่วงนึงจะจำเรื่องราวนี้ได้) เขาเลยจำเป็นต้องจัดการและอธิบายให้หลายท่าน ทำให้การทำงานช้าลง ซึ่งช้ามากจริงๆ เอาเป็นว่า เผื่อเวลาไปต่อแถว (เอ้อ อีกอย่าง ROW M เป็นของสายการบินนี้นะ แต่นางดันไปเปิดอีก Row ไกลซะด้วย เงิบเบย)

สำหรับบอร์ดดิ้งพาส เราจะได้สองใบครับ ถ้าไม่ได้สองใบ ก็แปลว่าคงมีปัญหา ต้องไปติดต่อที่มาเลยเซียเลยครับ (ใครที่เขาจัดการให้จากที่นี้แนะนำมาได้นะ เห็นแล้วว่าส่วนใหญ่โดนให้ไปทำเรื่องต่อที่มาเลเซีย)

ถ้าเกิดการเดินทางของเรามีปัญหา มีการเปลี่ยนเวลา เกิด overbooking ผมแนะนำว่า ให้ BFS จัดการให้ตั้งแต่ที่นี้จะดีที่สุด ถ้าเขาบอกว่าจะเปลี่ยน Flight ให้ แต่ต้องไปออกบอร์ดดิ้งพาสที่นู้น ขอเป็นเอกสารอะไรก็ได้เพื่อยืนยันว่าเราได้รับคำตอบแบบนี้มาจากที่ สุวรรณภูมิ (ผมเจอคนไทยที่โดนแบบนี้ ที่นู้น เขาบอกว่า ไทยแจ้งมาทางมาเลเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงมาเลทุกคนงง บอกอะไร บางท่านถึงกับโดนหาว่า ไม่ยอมเช็คอินมาจากไทย แล้วจะออกบอร์ดดิ้งพาสได้ยังไง อันนี้เค้าแค่ถามๆ จากคนที่เจอปัญหามานะ ไม่ได้เจอด้วยตัวเอง)

ที่นั่ง bkk-kul ลำเล็กไปหน่อย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็ถึง KLIA

เนื่องจากเป็น Full Service หลายอย่างเลยมาครบหน่อย อาหารมีแน่นอนครับ เครื่องดื่มก็มีครับ หนังใหม่ก็มีให้ดูนะตัวเธอ แต่เกมส์ไม่มีให้เล่นนะ (แอบเซ็งนิดนึง)

พอถึง KLIA ออกมาแล้วเดินตามป้ายไปเลยครับ ถ้าไม่เจอป้าย transfers ก็ดูป้าย Train หรือป้ายบอก Gate C นะครับ เพราะ Flight ไปนาริตะ ส่วนใหญ่ออก Gate C จ้าาา (ไม่ต้องผ่าน ตม ไม่ต้องเขียนหรือกรอกใบอะไรทั้งนั้น มีด่านตรวจกระเป๋าหน้า Gate นะครับ)

สำหรับใครที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาสขาไปญี่ปุ่น มีปัญหา overbooking หรือปัญหาการต่อเครื่องต่างๆ นาๆ ติดต่อ transfer counter ได้นะครับ แต่มาเลเซียร์แอร์ไลน์มีเคาน์เตอร์ให้ติดต่อด้วย ซึ่งอยู่ที่ Satellite Terminal (ก็คือ Gate C นั้นแหละ ต้องนั่งรถไฟมา) ออกจากรถไฟ วันขวามานิดนึง จะเห็นเคาน์เตอร์ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ใครมีปัญหา ติดต่อตรงนี้ได้เลยครับ ทางสายการบินจะจัดการให้ (จะดีหรือไม่ดี พอใจหรือไม่พอใจ อยู่ที่ดวงและความพึงพอใจส่วนตัวนะฮ๊ะ) สำหรับใครที่ไม่มีปัญหา ช้อปปิ้ง Duty Free ได้เลย แล้วหมั่นเช็ค Gate บ่อยๆ เช็คเวลาบ่อยๆ (ตอนผมไป แอบมีดีเลย์ไปชั่วโมงนึง มีคนไทยที่ไป Flight เดียวกัน แต่ปลายทางเขาคือโอซาก้า นางโดยเปลี่ยนทั้ง Gate เปลี่ยนทั้งเวลา เดินกันวุ่นเลยฮ๊ะ)

เครื่องลำใหญ่ขึ้นครับ ที่นั่งสบายๆ มีผ้าห่ม มีหมอนให้ นั่งยาวๆ ไป 7 ชั่วโมง

อาหารมื้อดึกจะแจกเป็นอาหารว่างๆ รองท้อง พวกขนมปังแซนวิส เบาๆ แล้วให้นอนพักผ่อน ใกล้ๆ แลนด์ดิ้งจะแจกอาหารเช้าให้ทาน ใครอยากดื่มแอลกอฮอร์ขอได้ครับมีให้บริการ (แม้จะไม่มากก็ตาม)

ช่วงเช้าก่อนจะแลนดิ้งที่นาริตะ ใครนั่งฝั่งซ้ายของเครื่องบิน อย่างลืมเปิดหน้าต่างทักทายภูเขาไฟฟูจิเน้อ

สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ คงพอจะทราบกันคร่าวๆ แล้วนะครับว่าเป็นอย่างไร เดินทางยังไง และควรเตรียมตัวยังไงดี ใครที่เดินทางกับสายการบินนี้ จะเจอหรือไม่เจอปัญหาก็สามารถแนะนำกันได้นะครับ

ติดตามรีวิวท่องเที่ยวและพูดคุยกันได้ที่ : Fanpage เที่ยวคนเดียวต้องสตรองบ