ในเมืองใหญ่ที่รองลงมาจากเมืองหลวง ความศิวิไลบัลดาลตึกระฟ้าผุดขึ้นง่ายกว่าดอกเห็ดในมหานครนี้ ว่ากันว่าในตึกหนึ่งผลาญทรัพยากรไฟฟ้ามากพอๆ กับอำเภอหนึ่งที่ค่านิยมการอุปโภคเหล่านนั้นยังเดินทางไปไม่ถึง ดาดฟ้ายกสูงขึ้นไปผู้คนก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปชื่นชมแสงดาว แต่มองกลับมองลงมาเพื่อชื่นชมความระยับตาจากแสงนีออนหลากสี ตลกดี
เมืองใหญ่ที่แทบจะไม่มีเวลาหลับใหลคงจะหาเครื่องคลายเหงาได้ไม่ยาก หากจะหาที่นั่งพักเพื่อทบทวนกับตัวเองนั้นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเก็บกระเป๋าบอกลาความศิวิไลไปซักพัก เพื่อตั้งหลักวางเรื่องรักพักเรื่องกังวลเอาไว้ก่อน ไปสูดหายใจลึกๆ ที่ไหนสักที่คงจะดี
ถือเป็นความโชคดีที่มีพี่ชายคนสนิทย้ายมาหย่อนรากลงฐานความหย่อนใจเอาไว้ทำให้แทบจะไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจในการเดินทางมาที่นี่ เพราะทั้งที่พักก็ดีแถมยังฟรีเบรกฟาสท์ ในเขตพื้นที่ที่ไฟฟ้ายังเดินทางมาไม่ถึงเมื่อตะวันลาลับเหลี่ยมเขาแรงแสงไฟตะเกียงคือแสงส่องสว่างในเวลานั้น แสงจากหิ่งห้อยกระพริบแข่งกับแสงดาวและในคราวเดียวกันดวงดาวดวงโตระยิบแสงราวกับอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม ถ้าจะมีที่ไหนที่มองเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าก็คงเป็นที่นี่กระมัง
พี่โอมเจ้าของบ้านเรียกที่นี่ว่า "บูเดอช่า" บูเดอช่าแปลว่าใกล้ชิดดวงดาวในภาษาปกากะญอ ซึ่งเป็นชาวเมืองพื้นถิ่นในเขตพื้นที่อำเภอกัลยาณิวัฒนาห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 111 กิโลเมตร ใช้เวลาลัดเลาะตามไหล่เขาบนถนนสายสะเมิง บางช่วงเป็นถนนดินลูกรังในฤดูฝนถนนช่วงนั้นจะเปลี่ยนเป็นดินโคลนหากไม่ใช่รถกระบะโฟวิลก็เสี่ยงต่อการติดหล่มโคลนซักหน่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. กว่าจะถึงที่หมาย
ระเบียงกว้างของบูเดอช่า เป็นจุดใกล้ชิดดวงดาวยามฟ้าเปลี่ยนสีเป็นทึมเทาจนมืดมิดเป็นฉากหลังขับดวงดาวให้เปล่งแสงยิ่งกว่าแรงนีออนในเมืองใหญ่ในที่ที่ฉันจากมา จิ้งหรีดเรไรกล่อมให้หลับใหลในค่ำคืน กระดิ่งไม้บนคอวัวปลุกให้ตื่นจากฝันในดึกดื่นบางคืนเจ้าของบ้านต้องลุกขึ้นมาส่งเสียง ชุ่วว ชิ้วว เพื่อผลักฝูงวัวของชาวบ้านที่เลี้ยงปล่อยออกจากเขตรั้วพื้นที่การเจริญพันธุ์ของกล้าผักที่ปลูกเอาไว้เพื่อประทังกระเพาะไม่ให้ขาตวิตามิน การปลูกผักสวนครัวที่นี่ง่ายยิ่งกว่าการไปหาแลกมาด้วยเงิน แต่ก็แลกมาด้วยการหมั่นดูแลไม่ให้ถูกรบกวนจากสรรพสัตว์ในยามออกหากินใส่ปากท้องตามธรรมชาติของมัน
รุ่งเช้าฟ้ายกตีนสางฝูงไก่ที่เจ้าบ้านเลี้ยงเอาไว้ขันบอกเวลาของการมาของแสงตะวัน บางทีมันอาจจะแค่ปลุกเจ้าบ้านมาให้อาหารในเวลาเริ่มต้นวันก็เท่านั้น หลังจากอิ่มเบรกฟาสท์ฟรีที่วัตถุดิบมาจากแปลงผักในบริเวณบ้าน หากเจ้าบ้านมีใจจะพาออกไปเปิดหูเปิดตาในฤดูทำนา นาขั้นบันไดคือสถานที่แรกที่เราจะได้ไปเยือนถ้าหากอยู่ในช่วงเดือนปลายปีก็ถึงฤดูเบ่งบานของผลไม้เมืองหนาว ไร่สตรอเบอรี่ของชาวบ้านปลูกเป็นแถวลดหลั่นตามนาวสันเขายามแสงตะวันไล้ริมใบเป็นอีกมุมหนึ่งที่น่าควักกล้องมาชักภาพเอาไว้ อากาศทำให้คร้านไม่อยากจะออกไปไหนชั้นหนังสือของเจ้าบ้านก็กวักมือหยอยหยอยเรียกให้ไปเปิดอ่าน
ในวันสุดท้ายของการมาเยือนที่นี่จะมีธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อการรำลึกถึงการมาเยือนพี่โอมเรียกมันว่า guest stuff เป็นการถ่ายภาพผู้มาเยือนโดยเจ้าของบ้านจากชั้นสองลงมายังระเบียงดาว ภาพที่แสดงถึงตัวตนของผู้มาเยือนในแนวราบดูมีชีวิตชีวาราวกับเป็นภาพเคลื่อนไหว ระเบียงร้อยเรียงเรื่องราวผู้คนที่ผ่านเข้ามาแต่ไม่เคยผ่านไป ยังแวะเวียนกลับมาเสมอเมื่อโอกาสอำนวย
ปัจจุบันถนนลาดยางได้เกริ่นนำร่องให้ต้นเสาไฟเดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน การเดินทางในครั้งต่อไปสะดวกขึ้นอาจจะย่นเวลาเดินทางได้ซักหน่อย ไฟฟ้าเดินทางมาถึงบูเดอช่าแล้วข้อดีของมันคือการมีที่เก็บถนอมอาหารได้นานขึ้น จากเคยใช้ความเย็นจากน้ำแข็งที่ซื้อขึ้นมาจากในเมืองเพียงอาทิตย์ละหนึ่งครั้งใน แต่ในบางคืนเจ้าบ้านก็ยังก่อกองไฟตาจ้องไปยังดวงดาวเช่นที่เคยเป็น และระเบียงกว้างยังคงรอคอยการมาเยือนของแสงดาวและร้อยเรื่องราวของผู้มาเยือนเสมอ
Saowarat Pontajak
วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.46 น.