ทริปนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ Trekking และ Camping ครั้งแรกของผม ณ ภูบักได อ.ภูเรือ จ.เลย
"High Risk High Return" ขอใช้เป็นคำเปรียบเปรยทริปนี้ของผม เพราะเป็นทริปการเดินป่าและกางเต๊นท์บนเขาทริปแรกในชีวิต เพราะปกติจะเน้นเที่ยวแบบสบายๆชิลๆตามโรงแรมหรือรีสอรืทมากกว่า ดังนั้นทริปนี้จึงเป็นการออกจากโซนสะดวกสบายในการท่องเที่ยวซึ่งตัดสินใจนานพอสมควร เพราะรีวิวที่อ่านมาเกี่ยวกับภูบักไดนั้น "ทากคลั่ง" "ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ไม่มีห้องน้ำบนภู" "ไม่มีลูกหาบ" เป็นต้นฯ แต่สุดท้ายเมื่อเรากล้าเอาชนะความกลัวและความขี้เกียจของตัวเองได้ เราก็จะได้พบกับรางวัลที่แสนประทับใจที่รอเราอยุ่ที่จุดหมายปลายทาง ผมจึงขอใช้คำว่า "High Risk High Return" สำหรับทริปนี้
ภูบักไดชื่อนี้มาได้ยังไง???? มนเสน่ห์หนึ่งอย่างเมื่อเราท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆนั้นก็น่าจะเป็นประวัติและความเป็นมาของสถานทีนั้นๆ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวคิดว่าถาม10คนอาจได้คำตอบไม่เหมือนกันสักคน โดยจากการถามพี่คนนำทางที่เป็นคนพื้นที่ ได้ความว่าในสมัยที่ประเทศไทยยังมีการรบกับพรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศไทยนั้น กองกำลังคอมมิวนิสได้ขึ้นมาตั้งฐานปฎิบัติการด้านบนภูแถวๆนั้น จนชาวบ้านไม่แน่ใจว่าภูแถวนั้นเป็นพื้นที่ของทหารรัฐบาลหรือของกองกำลังคอมมิวนิสกันแน่ พี่จ่อยคนนำทางได้กล่าวไว้
ส่วนที่ว่าใครเป็นคนค้นพบสถานที่เที่ยวแห่งนี้ไม่แน่ชัดนัก แต่พี่จ่อยเล่าคราวๆว่า แต่ก่อนแถวนี้เป็นภูเขาหัวโล้นและทางปตท.ได้เข้ามาบุกเบิกในการปลูกป่า ทำให้มีการทำทางดินขึ้นไปสำรวจยังภูเขาแถวๆนั้น เลยเป็นการเริ่มบุกเบิกจนพบภูบักไดและหินหลอกลวง ส่วนผู้ที่ริเริ่มในการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้นก็คือพ่อกำนันที่ปัจจุบันก็ยังคงขึ้นๆลงๆภูบักไดอยู่เป็นประจำ คำพูดนึงที่ทำให้ผมประทับใจมากในแนวความคิดของชาวบ้านที่นี้คือ "เราจะปลูกป่าไปพร้อมกับทำท่องเที่ยวไปด้วย" พี่จ่อยกล่าว.....
ภูบักไดตั้งอยู่ใน อ.ภูเรือ ก็จริงครับ แต่ที่ตั้งภูบักไดจริงๆแล้วเป็นพื้นเดียวกันกับเขตรักษาพันธุ์รักษาภูหลวงครับ
ปล.บางท่านอาจสงสัยว่าทริปแรกทำไมของจัดเต็มขนาดนี้ ขออกตัวก่อนว่าพวกอุปกรณ์ถ่ายภาพนั้นมาจากงานอดิเรก เครื่องแต่งกายและเป้มาจากตอนไปเที่ยวต่างประเทศ มีแต่เตีนท์กับไม้เท้าที่ซื้อเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะครับ....
พูดนำมามากแล้ว มาเริ่มไปภูบักไดกันเลยดีกว่า
ทริปนี้รวมทีมกันได้10คน เหมารถตู้จากจังหวัดนครราชสีมา จุดหมายปลายทางอยู่ที่ ตำบลปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย โดยแวะแวะเที่ยวรายทางบ้างประปราย
ล้อหมุนประมาณเวลา 00.30 นาฬิกา โชคดีที่ผมได้นั่งหน้าสุดคู่คนขับทำให้ได้มีโอกาสเก็บภาพตามทางที่รถวิ่งผ่านมาบ้าง พี่คนขับก็ใจดีมีหยุดรถแล้วปลุกให้ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในรถตู้อันแสนหนาวเหน็บ พวกเราก็มาถึงยังอำเภอภูเรือ จังหวัดเลยกันแล้ว
รถมาจอดพักยังปั๊มน้ำมันประมาณเวลา 06:00 น. โดยทุกคนตกลงกันว่าจะหาอะไรทานกันก่อน เพื่อนในทีมจึงเสนอมาว่าไปทานที่ตลาดสดเทศบาลภูเรือกัน โดยตลาดสดจะอยู่ติดกับทางขึ้นภูเรือเลย ใกล้ๆกันนั้นยังมีร้านสะดวกซื้ออีกด้วย ขาดเหลืออะไรก็แวะซื้อได้ก่อนขึ้นภูบักได
หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่น้ำตกปลาบ่าและน้ำตกสองคน ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ระหว่างทางก่อนถึงชมรมเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลปลาบ่า โดยน้ำตกปลาบ่าจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆหาง่าย ในGoogle Mapก็มี
หลังจากนั้นเปียกน้ำกันพอเป็นพิธีแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่โครงการเกษตรที่สูงภูเรือ ซึ่งจะอยู่เลยทางเข้าชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวโดยชุมชนฯไปอีกเล็กน้อย โดยนอกจากจะเข้าเยี่ยมชมแล้วยังสามารถพักค้างแรมที่โครงการได้ด้วย โดยทางโครงการมีลานกางเต๊นท์คอยให้บริการ
"โครงการเกษตรที่สูงภูเรือ"เดินชมดอกไม้ถ่ายรูปเล่นได้สักพัก ก็ถึงเวลาขึ้นรถตู้ไปยังจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้คือ "ภูบักได" ซึ่งเราได้นัดหมายกับทางชุมชนไว้ที่เวลาเที่ยง โดยเมื่อไปถึงที่ทำการชมรมแล้วเราจะพักทานข้าว โดยกับข้าวที่เราเตรียมมาเอง และเตรียมของเตรียมตัวกัน ก่อนที่จะเริ่มเดินทางโดยรถอีแต๊กขึ้นสู่ภูบักได
จากที่ทำการชมรมไปยังจุดเริ่มเดิน นั่งรถอีแต๊กใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงทางค่อนข้างขรุขระและสูงชันเป็นระยะๆ มีบางช่วงคนขับต้องหยุดรถเพื่อคล้องโซ่ที่ล้อเนื่องจากทางเป็นโคลน บางช่วงต้องลงมาเอาจอบตีหินให้แตกเนื่องจากรถไม่สามารถปีนข้ามไปได้ บางช่วงคนขับบอกให้คนที่นั่งหน้าลงไปคนนึงเนื่องจากรถหนักไม่สามารถปีนขึ้นทางชันได้ โดยระหว่างทางจะมีสถานีป้องกันไฟป่าและเพาะชำกล้าไม้ของปตท.ที่สร้างไว้ให้กับชาวบ้าน ซึ่งจะเป็นอีก1จุดพักสามรถลงมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากันก่อนนั่งรถอีแต๊กต่อไปยังจุดเริ่มเดิน
หลังจากล้างหน้าล้างตาและพักชมวิวที่สถานีป้องกันไฟป่ากันแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อไปยังจุดเริ่มเดิน โดยใช้เวลาซักพักรถก็มาจอดยังตีนเขาที่เราจะต้องไต่ขึ้นไป
โดยพี่คนขับจะทำหน้าที่เป็นคนนำทางและช่วยถือเสบียงและสัมภาระส่วนกลางให้เราด้วย โดยช่วงแรกต้องไต่เขาเป็นระยะทาง200เมตร ชันประมาณ60องศาขึ้นไปยังต้นไปด้านบนซ้าย ทางค่อนข้างลื่นและแคบมีบางช่วงต้องไต่หินขึ้นไป และ ณ จุดจุดนี้น้องๆทากจะเริ่มาตอนรับเรากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อเดินถึงด้านบนสุดจะเป็นลานกว้างให้แวะพัก ก่อนออกเดินทางราบต่ออีกประมาณ3กิโลเมตร โดยรวมเวลาทั้งหมดตั้งแต่ไต่เขาจนถึงเดินทางราบจะใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงจะถึงลานกางเต๊นท์
ถึงชื่อจะบอกว่าเป้นทางราบระยะ3กิโลเมตรก็จริง แต่ๆขึ้นชื่อว่าป่าเขายังไงก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ตลอดเวลา3กิโลเมตรนั้นทางเดินค่อนข้างลำบากเพราะเป็นทางที่วัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ใช้เดิน เป็นโคลนสลับกับลานหญ้าและเนินหญ้า เนินหินเป็นช่วงๆ ช่วงลานหญ้าก็สามารถหยุดพักถ่ายรูปเล่นได้ แต่ก็หยุดได้ไม่นานเพราะว่าตรงหญ้านั้นแหละดงน้องทากเลย ยืนถ่ายรูปแปบเดียว ขึ้นมาข้างละ4-5ตัว ตัวใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น ถ้าจะหยุดพักให้พักบนเนินที่เป็นหิน
เลยเนินหญ้าจากรูปด้านบนไปก็จะเป็นลานกางเต๊นท์และจุดชมวิว ซึ่งหลังจากนี้ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะต้องรีบกางเตีนท์แล้วรีบเดินไปยังจุดชมวิวรอถ่ายพระอาทิตย์ลับสันเขา
หลังจากเก็บรูปทะเลหมอกเสร็จแล้ว เพื่อนก็เดินมาตามให้ไปเก็บเต๊นท์และทานข้าวเช้า ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ยังลีลาอยู่ถ่ายรูปเล่นอยู่อีกสักพัก ทำให้ลงไปเก็บเต๊นท์เสร้จก็ทานข้าวไม่ทัน เลยต้องอาศัยขนมปังที่พักขึ้นมาด้วยทานเพิ่มพลังเพื่อเดินลงแทนข้าวเช้า ขาลงแวะผ่านหินหลอกหลวง(ผาหลอกลวง/ผาห้อยขา)ซึ่งเป็นไฮไลท์ของภูบักได เลยแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อยโดยยืนกล้องให้เพื่อนช่วยถ่ายให้
หลังจากนั้นก็เดินลงภูไปยังจุดจอดรถอีแต๊กกันซึ่งขาลงจะใช้เวลานานกว่าขาขึ้น ต้องตอนเดินลง และนั่งรถลง
เราเริ่มเดินจากลานกางเต๊นท์ลงมายังลานจอดรถอีแต๊กท์ตั้งแต่ 08:00 น. ถึงที่ทำการชมรมฯประมาณ 11:30น. ทุกคนก็จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำ เก็บของ ทานข้าว แล้วเราก็ต้องโบกมือลาภูบักไดเพื่อนเดินทางกลับบ้านกัน
สรุปข้อมูลคราวๆครับ
- แหล่งท่องเที่ยวภูบักได บริหารและจัดการโดยชุมชน ต้องโทรจองและแจ้งจำนวนคนก่อนขึ้นไป โดยจำกัดจำนวนคนอยู่ที่ไม่เกิน 40คนต่อวัน แต่พื้นที่จริงๆรับได้มากกว่านั้น
- จากชุมชนขึ้นรถอีแต๊กผ่านทางขรุขระทุรกันดารไปยังจุดเริ่มเดิน ทางน้องๆoff roadใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง(วิวสวยไม่มีเบื่อ)
- ไต่ขึ้นทางชันประมาณ 200เมตร และเดินทางราบ(มีเนินชัน เนินหินเป็นพักๆ) ประมาณ3กิโลเมตร จะถึงลานกางเต๊นท์ ใช้เวลาเดินประมาณ1ชั่วโมง (ทางราบก็ไม่ได้เดินสะดวกเท่าไหร่ เพราะใช้ทางวัวทางควายเดิน ส่วนใหญ่เป็นโคลน ลื่นกันมาหลายคนแล้ว)
- ทากเยอะตามคำเล่าลือครับ ช่วงนี้มีทะเลหมอกแล้ว อากาศตอนเช้ากำลังดี แต่ตรงใกล้ๆจุดชมวิวไม่แนะนำให้กางเต๊นท์เพราะลมแรงมาก คนนำทางบอกว่าขนาดวางกระเป๋าไว้ในเต๊นท์ เต๊นท์ยังขยับถ้าไม่ปักสมอบก
- ข้างบนภูไม่มีห้องน้ำ ไฟฟ้า หรือประปา ขาลุยน่าจะชอบ แต่ใช้บริการห้องน้ำได้ที่ที่ทำการชมรมทั้งก่อนและหลังขึ้น (มีห้องน้ำ2ห้อง ห้องอาบน้ำ2ห้อง)
- เต๊นท์ แผ่นรองนอน ถุงนอนมีให้เช่า แต่สภาพก็ตามการใช้งานครับ ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ นำไปเองได้โดยคนนำทางจะช่วยแบกพวกเต๊นท์และเสบียง
- มีถุงกันทากขายที่ที่ทำการชมรม คู่ละ25บาท (เหมือนถุงน่องมากกว่า)
พิกัดชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลปลาบ่า
https://goo.gl/maps/Ji4zyp3BA172
พิกัดลานกางเต๊นท์ภูบักได(อันนี้ยังไม่คอนเฟริมร์นะครับ แต่ผมMarkไว้ก่อน ถ้าใครมีข้อมูลมาช่วยยืนยันจะเป็นพระคุณมากครับ)
https://goo.gl/maps/ERwAv5mpK2L2
ข้อมูลการติดต่อเพื่อจองคิวขึ้นภูบักไดอยู่ในรูปด้านบนครับ โทร:087-8662648 / 095-7013139
อ่านบันทึกและเรื่องราวการท่องเที่ยวและเดินทางอื่นๆได้ที่
facebook
https://www.facebook.com/Backpackergraphy/
Website
https://backpackergraphy.com/
ขอบคุณครับ
Backpackergraphy
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.25 น.