สวัสดีครับ เพื่อนๆนักเดินทางทุกๆท่าน ห่างหายกันไปประมาณ 6 – 8 เดือน กับการเขียนบทความท่องเที่ยวในเพจ BackpackerGraphy ในช่วง 6 – 8 เดือนที่ผ่านมาผมก็ยังคงออกเดินทางท่องเที่ยวเหมือนเดิมครับ เพียงแต่ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปไปด้วยเท่านั้นเอง เพราะอยากจะซึงซับธรรมชาติและสนุกกับการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ถือเป็นการทำให้เราได้อยู่กับตัวเองและเติมพลังให้กับตัวเองไปในตัว…

ทักทายกันพอประมาณแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาจับกล้องถ่ายรูปในรอบ 6 เดือนเลย ภาพอาจจะแปลกๆหน่อย เหมือนคนเพิ่งหัดถ่ายรูป 555+

ครั้งนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเดินขึ้น “ดอยมณฑา” กันครับ…

ดอยมณฑา หรือดอยโล้น อาจยังไม่เป็นที่คุ้นหูของนักเดินทางทั้งหลายนัก แตรับรองได้เลยว่าถ้าคุณได้มาสัมผัส คุณจะหลงรักดอยมณฑาไปแบบไม่รู้ตัว

ครั้งที่ผมไปแบบทริปหารเฉลี่ยกับ เพจ“โลกของคนเดินทาง” สมาชิก 10 คน นัดเจอกันที่ปตท.สนามเป้า คนครบล้อหมุนมุ่งหน้าสู่จังหวัดตากกันเลย

สมาชิกทีมทั้ง 10 คน ที่จะขึ้นดอยมณฑากัน


พวกเรามาถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชเวลาประมาณตี 3 เมื่อมาถึงก็ขออนุญาติจับจองเต๊นท์ของทางอุทยานที่ว่างๆอยู่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงกันเล็กน้อย เพราะประมาณตี 5 พวกเราก็ต้องตื่นเพื่อมาจัดกระเป๋า รับประทานอาหารเช้า และติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะนั่งรถไปหมู่บ้านเพื่อพบกับคนนำทางและลูกหาบ


เต๊นท์ยังสภาพดีอยู่


ภายในอุทยานมีร้านอาหารแและร้านสะดวกซื้อให้บริการนักท่องเที่ยว

อาหารมื้อแรกของวัน เอาง่ายไว้ก่อน “ข้าวผัด”

ขอพูดถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชสักหน่อย วันที่ไปเป็นช่วงหยุดยาว 3 วัน 8-9 -10 ธันวามคม 2560 นักท่องเที่ยวไม่ถึงกับหนาแน่นมากเหมือนอุทยานยอดฮิตแถวภาคอีสาน การจัดการดี ห้องน้ำสะอาด และบางส่วนเพิ่งสร้างใหม่ ภายในอุทยานบรรยายกาศร่มรื่น มีพื้นที่ให้จับจองกางเต๊นท์ได้ทั่วอุทยาน เจ้าหน้าที่สุขภาพและเป็นกันเองมาก

“ดอยมณฑา” ตั้งอยู่ใน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ใช้เวลาในการเดินจากจุดเริ่มเดินไปถึงที่ตั้งแคมป์ประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความชิลของแต่ละคน โดยช่วงแรกจะเป็นการนั่งรถอีแต๊กจากหมู่บ้านปูแป้ ข้ามลำธาร ผ่านไร่นาของชาวบ้าน เพื่อไปลงยังจุดเริ่มเดิน ที่หมู่บ้านปูแป้ เราจะพบกับพี่เจ้าหน้าที่ 1 ท่าน และ คนนำทางพร้อมลูกหาบอีก 3 ท่าน ที่จะคอยนำทางและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง


จัดกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทาง


รถอีแต๊กที่จะพาพวกเราไปยังจุดเริ่มเดิน


เส้นทางช่วงแรกจะเป็นไร่นาของชาวบ้าน

เส้นทางช่วงหลังจะเป็นการข้ามลำธาร

บางช่วงรถติดหล่มก็ต้องลงไปชวนกันดัน Cr. Sombat Srirod

บางช่วงรถติดหล่มก็ต้องลงไปชวนกันดัน


ใช้เวลานั่งชมวิว2ข้างทางประมาณ 15 นาที รถอีแต๊กก็พาพวกเรามาถึงยังจุดเริ่มเดินเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวันที่เดินลงเราก็จะลงมายังจุดเดิม เพียงแต่จะใช้เส้นทางเดินคนละเส้นกับตอนขึ้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว


สมาชิกทีมพร้อมออกลุย

สมาชิกทีมพร้อมออกลุย Cr.Sombat Srirod

ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า


ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า Cr.Sombat Srirod


จากจุดเริ่มเดินถึงที่ตั้งแคมป์จะใช้เวลาประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง ลักษณะของเส้นทาง ในช่วงแรกจะเป็นการเดินตามทางน้ำ(ถ้าช่วงหน้าฝนก็เป้นน้ำตกดีๆนี้เอง) ดังนั้นบางช่วงอาจต้องลุยน้ำ ข้ามน้ำ ปีนหิน เดินเลาะขอบหินบ้าง แต่ไม่ถึงกับยากหรืออันตรายอะไร ช่วงแรกเรียกได้ว่าเดินสบายกันเลยทีเดียว เพราะการเดินตามทางน้ำทำให้อากาศเย็นสบายตลอดเส้นทางถึงแม้จะไม่มีลมพัดเข้ามาเลยก็ตามเพราะว่าเราเดินอยู่ในหุบเขา

ช่วงแรกเดินตามทางน้ำ

ช่วงแรกเดินตามทางน้ำ

ช่วงแรกเดินตามทางน้ำ

ช่วงแรกเดินตามทางน้ำ

บางช่วงก็ต้องมีออกแรงช่วยดึงกันบ้าง

ช่วงแรกเดินตามทางน้ำ


มีเดินเลาะขอบหินกันเล็กน้อย ตกไปไม่เจ็บแค่เปียก 555

อันนี้ตกแล้วเจ็บแน่นอน ทางค่อนข้างลื่นต้องเดินระวังพอสมควร

ป่าที่นี้ยังสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก

ดินมาได้ซักพักก็เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นคือรองเท้าของน้องในทีมพื้นหลุด ตรงสาเหตุน่าจะมาจากการที่นำรองเท้ากีฬามาเดินป่า พอเดินหนักๆ ลุยน้ำหนักๆ ปีนปายหนักๆเข้า น่าจะทำให้กาวที่ยึดพื้นหลุด ซึ่งครั้งนี้แก้ปัญหาโดย หัวหน้าทีม(แอดมินเพจ) ถอดรองเท้าตัวเองให้น้องในทีมใส่เดินต่อ ส่วนเจ้าตัวใส่หูหนีบเดินต่อ


เดินมาได้สักพักประมาณ 2 ขั่วโมงกว่าๆก็จะมาถึงทางแยก ที่ต้องทางแยกนี้เราจะต้องแยกกับลูกหาบเพราะว่าลูกหาบจะขึ้นทางลัดที่ชันน้อยกว่า เดินง่ายกว่า ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถขึ้นทางนี้ได้ (แต่จะอดได้เห็นวิวสวยๆ และอดเดินขึ้นสันคมมีดนะ ต้องเลือกเอาเองว่าอยากสบาย หรืออยากเห็นวิวสวยๆ) ตรงจุดนนี้ลูกหาบจะแยกเดินขึ้นทางลัด ส่วนพี่คนนำทาง และพี่เจ้าหน้าที่ จะยังเดินไปตามทางปกติพร้อมเรา ถัดจากจุดทางแยกไปเล็กน้อยก็จะเป็นช่วงของการทดสอบกำลังขาและกำลังใจ เพราะเราจะเรื่มเดินไต่จมูกเขาเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาลูกแรก(จุดพักทานข้าวเที่ยง นั่งชมวิว)แล้ว ช่วงแรกความชันอยู่ประมาณ 45 – 60 องศา

ออกจากน้ำตกมา ก็เริ่มเดินไต่ทางชันขึ้นยอดเขาลูกแรกกันเลย


ยังไม่ถึงยอดแรกกันเลย ปลดเป้พักครึ่งแล้ว

ไปขึ้นเป้!!! ออกเดินกันต่อ เราจะไปนั่งทานข้าวเที่ยงกันบนยอด

ถึงยอดเขาลูกแรกแล้ว ที่ๆพวกเราจะนั่งทานข้าวเที่ยงพร้อมชมวิวดอยมณฑาที่ต้องมองลอดพุ่มไม้ออกไป


ใครอยากเล่นไลน์ ROV มี 3G ครบทั้ง3ค่าย เกือบตลอดทั้งทาง

โชมหน้าแอดมิน ผู้ใส่รองเท้าหูหนีบขึ้นดอยมณฑา

ถัดจากจุดพักทานข้างเที่ยงเพียงเล็กน้อย ก็จะถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของดอยมณฑากันแล้ว คือสันคมมีดน้อย อาจจะไม่ได้เป็นสันคมเท่าเขาช้างเผือก แต่รับรองว่าชันและเดินยากไม่แพ้กัน เพราะว่าคุณจะต้องแบกกระเป๋าหนักๆของคุณขึ้นสันคมมีดด้วยนะสิ!!! ลักษณะทางกายภาพของสันคมมีดที่ดอยมณฑามีความชันที่ประมาณ 60 – 80 องศา พื้นเป็นดินแห้งผสมก้อนกรวด ทำให้ลื่นพอสมควร

เดินต่อไปนิดหน่อยจะถึงจุดที่เราสามารถถ่ายรูปคู่กับสันคมมีดน้อยได้

จุดถ่ายรูปก่อนเดินขึ้นสันคมมีดน้อย Cr.โลกของคนเดินทาง

นี้คือทางเดินที่เราต้องแบกเดินไต่ทางชั้นเพื่อไปยังยอดเขาลูกที่สองโน้น…

เมื่อผ่านสันคมมีดน้อยมาได้แล้ว เราก็จะได้เดินทางราบสบายๆแต่เสียวหน่อยๆเพราะต้องเดินเลาะสันเขาไป บางช่วงทางค่อนข้างแคบ เดินได้แค่คนเดียวสวนไม่ได้ บางช่วงทางขาดเล็กหน่อย ดินหายต้องก้าวยาวๆหน่อย


ทางเดินช่วงสุดท้าย เลาะสันเขาไปเรื่อยๆ ก็จะถึงแคมป์ละ Cr.Sombat Srirod

ช่วงก่อนถึงแคมป์ก็ยังมีจุดให้เก็บภาพเป็นที่ระลึกเช่นกัน เป็นหินก้อนเล็กๆยื่นออกไปจากสันเขา
Cr.โลกของคนเดินทาง

ช่วงก่อนถึงแคมป์ก็ยังมีจุดให้เก็บภาพเป็นที่ระลึกเช่นกัน เป็นหินก้อนเล็กๆยื่นออกไปจากสันเขา

ประมาณ 4 โมงเย็นพวกเราทั้งหมดก็เดินมาถึงแคมป์ช่วยกันกลางแคมป์กลาง กางเต๊นท์ นั่งเล่น นอนพักผ่อนรอชมช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกบนดอยมณฑา

"ขอพูดถึงจุดกางเต๊นท์บนดอยมณฑาสักเล็กน้อย ลานกางเต๊นท์บนดอยสามารถจุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 30 คน (อช.ตากสินมหาราชก็จำกัดจำนวน นทท.ไว้เพียง 30คน/วันเช่นกัน) ไม่มีห้องน้ำ แต่มีน้ำจากน้ำตกให้นทท.ได้อุปโภคและบริโภค(ลูกหาบลงไปตักมาให้)"


แคมป์กลางของพวกเรา “โลกของคนเดินทาง”

แคมป์กลางของพวกเรา “โลกของคนเดินทาง”

แคมป์ของเพื่อนๆบนดอย

บรรยายกาศของลานกางเต๊นท์บนดอยมณฑานั้นสงบเงียบ และไม่วุ่นวาย เพราะการจำกัดนักท่องเที่ยวเพียง 30คน/วัน ช่วยให้เหลือพื้นที่ในการเดินเล่น ไม่แออัดเบียดเสียดกัน เรียกได้ว่ามีพื้นที่ให้วื่งเล่น นั่งชมวิวกันได้แบบชิลๆเลยทีเดียว

บรรยายกาศยามเย็นบนดอยมณฑา

บรรยายกาศยามเย็นบนดอยมณฑา
(จุดนี้เป้นจุดที่ผมชอบมากที่สุด นั่งชิลปล่อยอารมณ์ไปกับภาพทิวทัศตรงหน้าได้เป็นชั่วโมง)

บรรยายกาศยามเย็นบนดอยมณฑา
(จุดนี้เป้นจุดที่ผมชอบมากที่สุด นั่งชิลปล่อยอารมณ์ไปกับภาพทิวทัศตรงหน้าได้เป็นชั่วโมง)

พระอาทิตย์ตกแล้ว

พระอาทิตย์ตกแล้ว

พระอาทิตย์ตกแล้ว

พระอาทิตย์ตกแล้ว

ถึงเวลาทานอาหารค่ำกันแล้ว ข้อดีของการมาทริปแบบหารเฉลี่ยคือการได้เพื่อนใหม่ๆ แถมมีคนทำกับข้าวให้ทานด้วย กินดีกว่าตอนอยู่ในเมืองอีกอะ

วงข้าวและวงสุรา Cr.โลกของคนเดินทาง

หลังจากอิ่มเอมกับมื้ออาหารค่ำที่แอดมินเพจโลกของคนเดินทางจัดเต็มกันให้ทุกคนได้รับประทานกันแล้ว ก็ถึงเวลาของการถ่ายดาว บนดอยมณฑาเพียงแค่เดินออกมาจากแคมป์ 5 – 10 เมตร ก็จะมีพื้นที่โล่งๆให้เรายืนถ่ายรูปกับดวงดาวยามค่ำคืนได้อย่างเต็มอิ่ม (ด้านหลังตากล้องเป็นหน้าผา เดินกลางคืนต้องระวังพอสมควร)


ดาวเยอะดีจริงๆ


มีพกของเล่นขึ้นมาถ่ายรูปกันด้วย

ถึงเวลาเข้านอนแล้ว ช่วงที่พวกเราไปประมาณต้นเดือนธันวาคม อากาศไม่หนาวมากนัก ลมไม่แรง นอนในเต๊นท์แบบไม่ต้องใช้ถุงนอนได้สบายๆ อากาศกำลังดีเลยครับ ไม่หนาวไปไม่ร้อนไป ลมก็ไม่แรงมาก

ช่วงเช้าเราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อที่จะเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้น วึ่งต้องเดินย้อนกลับไปทางที่เราเข้ามาประมาณ 5 นาที ข้างทางเป็นหน้าผาควรมีไฟฉายประกอบการเดินด้วย

จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจะเห้นแนวสันเขาที่เราเดินผ่านมาเมื่อวาน

ยามเช้าบนดอยมณฑา

ยามเช้าบนดอยมณฑา

ก่อนกลับก็ขอเก็บภาพหมู เอ้ยยยย!!! หมู่กันเล็กน้อย

ดอยมณฑายามเช้า


ภาพหมู เอ้ยยย!!! หมู่ Cr.Sombat Srirod


ภาพหมู เอ้ยยย!!! หมู่ Cr.Sombat Srirod

หลังจากชักภาพหมู่เป็นที่ระลึกเรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินลงแล้ว ซึ่งขาลงจนท.จะพาเราลงทางลัดที่ลูกหาบใช้ขึ้นมาบนดอย เนื่องจากถ้าพากลับทางเดิมซึ่งสูง ชันและแคบอาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้ เนื่องจากไม่ได้เดินตัวเปล่า แต่มีกระเป่าสัมภาระแบกลงกันด้วย ขาลงจะเดินง่ายและเร็วกว่าขาขึ้นพอสมควร เนื่องจากเป็นการเดินตัดเขาลงมาเรื่อยๆจนถึงน้ำตก


เริ่มเดินลงกันแล้ว


ขาลงมีเพียงจุดเดียวที่สามารถมองเห็นวิวได้ นอกนั้นตลอดทางเป็นป่าทั้งหมด

ไม่รู้มันจะแบกอะไรขึ้นไปนักหน้า Cr.Sombat Srirod


บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)

บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)

บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)

บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)

บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)

บรรยายกาศทางขาลง (ทางลัดขาขึ้น)


ข้อมูลในการติดต่อและจองคิวเพื่อขึ้น ดอยมณฑา

อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช โทร: 055-511-429
ดอยมณฑาเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินศึกษาธรรมชาติและข้างแรม เฉพาะเดือน พ.ย. – ธ.ค. ของทุกปี
ค่าเข้าอุทยานคนละ 30 บาท
ค่าเจ้าหน้าที่ 1,200 บาท
ค่าคนนำทาง 1,200 บาท
ลูกหาบวันละ 500 บาท (เตรียมอาหารให้ลูกหาบด้วย)

อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จำกัดนักท่องเที่ยวขึ้นดอยมณฑา 30 คน/วัน

เครดิต
โลกของคนเดินทาง
พี่ Sombat Srirod


ติดตามเรื่องราวและบันทึกการเดินทางอีกมากมายได้ที่

https://www.facebook.com/Backpackergraphy/

https://backpackergraphy.com/












Backpackergraphy

 วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.42 น.

ความคิดเห็น