ดอย 360 องศา บ้านแม่โถ จ.เชียงใหม่

ดอยแม่โถ 360 องศา.. คิดว่าหลายๆ คนคงยังไม่รู้จัก

แน่นอนล่ะครับ.. เพราะที่นี่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสบรรยากาศได้ ไม่นานมานี้เอง!

ดอยแม่โถ 360 องศา อยู่ไม่ไกลจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ถ้าได้มาเที่ยวโครงการหลวงแม่โถ ก็คงไม่พลาดที่จะลองขึ้นไปชมวิวสวยๆ บนยอดดอย ซึ่งว่ากันว่าเป็นบรรยากาศที่สวยงามมาก มองวิวได้รอบด้าน ลมพัดเย็นสบาย อากาศสดชื่น แถมดึกๆ สามารถมองเห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าอีกด้วย!


การเดินทางมาโครงการหลวงแม่โถ

รถทุกชนิดสามารถเดินทางขึ้นมาถึงที่โครงการหลวงแม่โถได้ จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ เส้นทาง 108 ผ่าน อำเภอจอมทอง จนถึงอำเภอฮอด แล้วเลี้ยวขวา ผ่าน อช.ออบหลวง จนไปถึงโครงการหลวงแม่โถ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 160 กิโลเมตร (ไม่มีรถโดยสารผ่าน สามารถเช่ารถขับ หรือเช่ามอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองเชียงใหม่มาได้)

  • ค่าที่พักในโครงการหลวง – บ้านพัก หัวละ 150 บาท
  • ค่าเช่าเต๊นท์ – มีเต๊นท์บริการให้เช่า 150 บาท/หลัง แผ่นรองนอน 30 บาท ถุงนอน 30 บาท
  • ค่าลูกหาบ 300 บาท (กรณีมีสัมภาระเยอะ)
  • ค่าเหมารถ 4WD จากโครงการหลวงแม่โถ ไป-กลับ 1000 บาท
  • ค่าอาหารในโครงการหลวง คิดเป็นหัว = เช้า 80/กลางวัน 100/เย็น150
  • สัญญาณโทรศัพท์มีเพียงเครือข่าย AIS เท่านั้น

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ โทร.088-4344902


เตรียมตัวก่อนขึ้นดอย 360

บ่ายสามโมงเย็น เริ่มต้นการเดินทาง กันที่ โครงการหลวงแม่โถ เป็นจุดเริ่มสู่ ดอย 360 ซึ่งสามารถมาติดต่อการขึ้นดอย 360 กันได้ที่นี่เลย เราจัดการติดต่อขอ เช่าเต๊นท์ 1 หลัง (นอนได้ 3-4 คน) ในราคา 150 บาท ต่อหลัง พร้อมกับ แผ่นรองนอน (30 บาท) และ ถุงนอน (30 บาท) และที่ขาดไม่ได้ ก็คือเสบียงอาหาร ที่ควรจัดให้พร้อมก่อนขึ้นดอยด้วย

ในการเดินทางจากโครงการหลวงแม่โถ ไป ยอดดอย 360 นั้น จำเป็นจะต้องใช้ไกค์ชุมชน ในการนำทางขึ้นไป เพราะ ยังเป็นสถานที่เปิดใหม่ และการเดินขึ้นยอดดอย ต้องมีผู้ชำนาญทางในการพาเดินขึ้นไป จึงควรมีไกค์คอยมาดูแล และคอยให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งสามารถติดต่อไกค์ล่วงหน้าได้ที่โครงการหลวงเช่นกัน สำหรับถนนหนทางไปสู่ ดอย 360 นั้นค่อนข้างที่จะลำบาก ทางขรุขระ มีความชัน ลัดเลาะไปตามเขา รถที่สามารถไปได้ก็ต้องลุยๆ อย่าง 4WD เท่านั้น (สามารถติดต่อเหมารถได้ที่โครงการหลวง ราคาไป-กลับ 1000 บาท) ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราใช้มอเตอร์ไซค์เป็นหลัก จึงไม่ต้องเช่ารถ 4WD เพื่อเดินทางไปดอย 360 จะแว๊นซ์กันไปจนถึงจุดกางเต๊นท์กันเลย..

ระยะทางจากโครงการหลวงแม่โถไปสู่จุดกางเต็นท์ ประมาณ 9 กิโลเมตร เส้นทางจะเป็นทางลูกรัง ขรุขระ เลียบไปตามเขา จึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าหลุดโค้งไปก็ได้ไหลตกเขากันเลยทีเดียว

Advertisementshopee

ไกค์ของเรา แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์นำทางลัดเลาะตามเขา เดินทางมาได้ประมาณ 4 กิโลเมตร มาถึงจุดแรก จุดนี้คือ ทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และดอกหญ้า สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบด้าน มาหยุดพักรถ พักก้นกันที่นี่.. เพราะทางขรุขระ ระบมก้นซะเหลือเกิน..

บรรยากาศบริเวณ ทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นพื้นที่เปิดโล่ง มองเห็นบรรยากาศได้รอบด้าน แม้จะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แต่ไม่รู้สึกร้อน และสัมผัสได้ถึงอากาศสดชื่น

เราแว๊นซ์ลุยกันต่อไป ผ่านโค้ง ผ่านเนิน ต่างๆ อีก 3.6 กิโลเมตร ก็มาถึง จุดกางเต็นท์ ซึ่งถ้าใครจะขึ้นยอดดอย 360 ก็สามารถมากางเต็นท์ได้ที่ตรงจุดนี้ แล้วเดินเท้าจากจุดกางเต็นท์นี้ขึ้นยอดดอย อีก 2.3 กิโลเมตร โดยจะเดินขึ้นตอนเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือเดินขึ้นช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตก ก็แล้วแต่ความสะดวกครับ..

บริเวณรอบๆ ลานกางเต๊นท์ จะมีพื้นที่ก่อไฟไว้ประกอบอาหารด้วย

Advertisement

ที่มองเห็นไกลๆ สีเขียวๆ เหมือนเป็นผ้าใบกั้นนั้นก็เป็น ห้องน้ำแบบง่ายๆ ซึ่งบริเวณนี้มีอยู่แค่นี้จริงๆ แบบลุยๆ กันสักหน่อยนะ


ได้เวลาไต่ดอย 360 องศา!

เวลาไม่คอยท่า.. เราจอดมอเตอร์ไซค์แล้วเดินเท้าลุยกันต่อตามทางที่ไกค์นำไป ซึ่งต้องทำเวลาพอสมควรเพราะ ต้องการขึ้นไปให้ทันชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตก ซึ่งระหว่างทางที่เดินไปนั้นก็ค่อนข้างชัน ต้องเตรียมร่างกายมาให้พร้อม และอย่าลืมติดน้ำเปล่าไว้ไปดื่มระหว่างทางด้วย

สภาพทางที่เดินไปมีทั้งทางชัน ทางราบ และทางแคบๆ ที่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา เป็นทางลาดลงไปเหมือนเดินอยู่บนสันหลังมังกร

เดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ บรรยากาศรอบด้านก็สวยงามจนต้องแวะหยุดเก็บภาพเป็นระยะๆ

เกือบ 45 นาที ภาพข้างหน้าก็เห็นเป็นเงาของดอยสูงที่ไร้ซึ่งไม้ยืนต้น เหมือนเป็นเงาของขอบพีระมิดในมุม 45 องศา มาถึงตรงจุดนี้ก็เกือบขึ้นสุดยอดดอยแล้ว

บนยอดดอยมีธงชาติไทยปักอยู่ พัดปลิวไสวมองเห็นมาแต่ไกล ซึ่ง ณ ขณะนี้ เราก็เดินขึ้นมาทันดูพระอาทิตย์ตกพอดี

ยอดดอยบรรยากาศดีมาก สามารถชมวิวได้ 360 องศา มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนได้ไกลสุดลูกตาเลย

เดินขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ก็พักหายใจหายคอกันสักหน่อย มองย้อนกลับไปด้านหลังกับทางที่เพิ่งเดินไต่กันขึ้นมา

แม้จะได้เสียเหงือระหว่างทางที่เดินมาบ้าง แต่ภาพที่ได้เห็นรอบด้านก็ทำให้หายเหนื่อยได้อย่างรวดเร็ว

ก่อนดวงตะวันจะลาลับไป.. ช่วงนี้ คือ ช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ บรรยากาศทิวเขาสลับซับซ้อน กวาดสายตามองได้โดยรอบ ทุกอย่างบนนี้ดูเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงของลมหนาวที่พัดมาปะทะกับผิวกายเท่านั้น


เราชมธรรมชาติรอบด้านกันได้สักพัก ก็ได้เวลาพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า…

พื้นที่ด้านบนค่อนข้างมีจำกัด จึงต้องระมัดระวังในการยืน และ หามุมในการถ่ายรูปสวยๆ มาเป็นที่ระลึก

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ความมืดมิดก็ย่างกรายเข้ามาปกคลุมอย่างรวดเร็ว พร้อมหอบเอาความหนาวเหน็บเข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย

พอฟ้าเริ่มมืด ก็เริ่มมองเห็น หมู่ดาว และ พระจันทร์ที่ยิ้มแฉ่งให้จากฟากฟ้า




กางเต็นท์ ดูดาว ปาร์ตี้รอบกองไฟ


เวลาหกโมงเย็น ก่อนจะค่ำมืดดึกดื่นไปมากกว่านี้.. ไกด์ก็พาเดินลงกลับจากยอดดอย ซึ่งบรรยากาศรอบด้านนั้นมืดมากๆ มองแทบไม่เห็นทาง มีเพียงไฟฉายสองกระบอกเล็กๆ ที่ส่องแสงนำทางให้เราเดินเรียงเดี่ยวลงมาเท่านั้น ตอนนี้เริ่มรับรู้ได้ว่าถ้ามากันเอง คงหาทางลงเองไม่ได้แน่ๆ เพราะป่ารอบด้านมันก็เหมือนๆ กันหมด ยิ่งมืด ยิ่งหลงทิศกว่าเดิม นี่คือ..ความจำเป็นที่จะต้องมีไกค์มาด้วยครับ ซึ่งไกค์จะชำนาญทาง และ แนะนำอะไรต่างๆ ระหว่างทางให้เราได้มากมายเลย ครับ ช่วงขาลงนี้ เราเดินกันได้เร็วมาก ทำเวลาได้ดี มีล้ม มีลื่นกันบ้าง เพราะทางชัน และมืด ต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ ในบางจุดนี่ชันถึงขั้นตกเขาได้เลย ซึ่งพอเดินกลับมาถึงจุดกางเต็นท์ก็จัดการกางเต็นท์กันครับ

กางเต็นท์เสร็จก็รื้อฟื้นวิชาลูกเสือ กันต่อด้วยการก่อไฟ เตรียมประกอบอาหาร ซึ่งก็มีไกด์ คอยจัดการดูแลทุกอย่างให้อย่างดีเลยครับ

เมนูรอบกองไฟคืนนี้ก็ง่ายๆ ครับ มี มาม่าคัพ ไข่ต้ม และ หมูย่าง พอได้อิ่มสบายท้องในมื้อนี้

ไกด์ของเราจัดการนำหมูที่หมักกันเองแบบง่ายๆ มาเสียบ กับ กิ่งไม้แห้งที่หาได้ในบริเวณนั้น

นำมาย่างบนไฟอ่อนๆ ส่งกลิ่นหอม เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว..

ท่ามกลางบรรยากาศการกางเต็นท์ที่มีเพียงพวกเราเพียงกลุ่มเดียว รู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัวมากๆ ได้ซึมซับบรรยากาศรอบด้านที่เงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดเท่านั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นนี้ก็เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายระยิบระยับเต็มฟ้า เห็นได้อย่างชัดเจน เพราะไร้แสงไฟมารบกวน เราจัดการอาหารมื้อค่ำนี้กันอย่างเอร็ดอร่อย ได้มีเวลาพูดคุยกันมากขึ้น สนทนารอบกองไฟกันอย่างออกรส.. เมื่อได้เวลาอันพอสมควรก็เข้านอน เป็นประสบการณ์ที่ดีอีก 1 วัน ของการเดินทาง!


ปล. การเดินทางทริปนี้ต้อง ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่โครงการหลวงแม่โถ พี่ชาติ น้องกิ่ง และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่คอยให้คำแนะนำในการเดินทางต่างๆ และ ขอบคุณ น้องโก้ ไกค์ของเราที่ได้พาไปผจญภัยนำทางพาขึ้นไปบนยอดดอย 360 องศา พร้อม ทำอาหารมื้อสุดวิเศษให้ได้ลองชิม กันในครั้งนี้ครับ!



การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

Instagram : CHAILAIBACKPACKER

Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9

ความคิดเห็น