หมู่บ้านเล็กๆไกลปืนเที่ยง ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ในที่แห่งนี้เคยเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายจากในอดีต

ครั้งนึงที่เหมืองแร่เคยรุ่งเรือง และปิดตัวลงจนกลายเป็นตำนาน แล้วในวันนี้ เหมืองแร่แห่งนี้ก็มีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่ใฝ่หา อยากจะมาลองใช้ชีวิตช้าๆ เรื่อยๆ อยู่ที่นี่ 'ปิ ล็ อ ก' กลายเป็นหมู่บ้านที่ไม่ว่าผมหรือใครๆก็อิจฉาชาวบ้านที่นี่เสียจริง

ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ หรือสภาพอากาศที่ดีและบริสุทธิ์มากกกก มาแล้วรับรองว่าปอดสดชื่น อากาศเย็นสบายๆ ค่ำคืนก็เห็นดาวมากมาย แถมมีจุดชมวิวที่เเสนอลังการ รวมไปทั้งร่องรอยความเจริญที่ทิ้งไว้ให้เราดูต่างหน้า กับการเดินทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ใช้เวลาประมาณ 5 ชม.จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ อ.ทองผาภูมิ และเเล้วการเดินทางของ ค น ห ล ง ท า ง ก็เริ่มต้นขึ้น...


---------------

น้ำตกจ็อกกระดิ่น : เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปประมาณ 5 กม.นะครับ พอเข้าไปถึงก็จอดรถไว้ แล้วเดินเข้าไปนิดหน่อย 600 เมตร ผมว่าเนื่องจากที่นี่ค่อนข้างจะไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ทำให้มีบรรยากาศที่คึกคัก คนจะพลุ่กพล่านหน่อย อีกอย่างผมมาตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ที่เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว โอ้วววว อันไหนคนอันไหนน้ำแยกกันไม่ออก เยอะจนกลมกลืนกันไปหมด 5555+ (สถานที่จริงคนจะเยอะกว่าในรูปนะครับ แต่ผมหามุมและจังหวะที่คนไม่แน่นมากไป) แต่ถ้ามาช่วงอื่นคนน่าจะน้อยกำลังดี

แต่มาที่นี่ เล่นน้ำได้สบายมากครับ มีคนเล่นน้ำกันเยอะเลย ใครมาก็เตรียมชุดมาไว้เล่นน้ำกันหน่อย ชื่นใจแน่นอนครับผม


---------------

เหมืองปิล็อก : จุดเริ่มต้นของอดีตที่เคยรุ่งเรืองของหมู่บ้านแห่งนี้ มีที่มาที่ไปจากเหมืองแร่แห่งนี้นี่แหละครับ มีร่องรอยของเครื่องจักรมากมาย ทิ้งไว้ให้เราดูต่างหน้า ที่นี่เคยมั่งคั่งไปด้วยอุตสาหกรรมแร่ธาตุต่างๆ ผู้คนที่นี่ แต่ดั้งแต่เดิมล้วนแต่เคยทำงานในอาณาจักรเหมืองเเห่งนี้ ในวันวานกันทั้งนั้น จนวันนึงเหมืองไม่สามารถคงความรุ่งเรืองเอาไว้ได้เพราะพิษเศรษฐกิจ ทุกอย่างก็ต้องปิดตัวลง ทำให้ ปิล็อก กลายเป็นหมู่บ้านที่ซ่อนเงียบๆอยู่ในหุบเขา

อดีตที่เคยมีแต่เสียงระเบิดเหมือง ความสำราญต่างๆ ทุกวันนี้ ที่นี่กลับมีชีวิตชีวาในรูปแบบที่แตกต่าง กลายเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นครับ มีชีวิตที่ช้าๆ เรียบง่าย ไร้ซึ่งอุตสาหกรรม และมีแต่ความเงียบสงบ ในโลเคชั่นที่ผมต้องบอกว่าดีที่สุดอีกที่นึงในประเทศไทย ในการจะปักหลักใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งไปจนแก่ และมีความสุขแบบง่ายๆ

ใครมาที่นี่ก็มาเดินหามุมฮิ ปๆ ถ่ายรูปเล่นกันได้นะครับ บรรยากาศให้มาก...


---------------

ตลาดอีต่อง : มาที่นี่ต้องพลาดไม่ได้ที่จะมาเดินเล่นที่ตลาดนี้ครับ มาหาของกิน ของเก๋ๆ ช้อปเบาๆพอเป็นพิธี ที่ตลาดอีต่องนี้จะมีโรงหนังเก่าอยู่ด้วยนะครับ แต่บังเอิญผมไม่ได้เดินเข้าไป คนค่อนข้างเยอะทีเดียว

ตลาดเปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนสามทุ่มนะครับ


---------------

บรรยากาศยามค่ำคืน : ช่วงกลางคืนที่นี่ก็ให้อารมณ์อบอุ่นๆไปอีกแบบครับ ออกมาเดินเล่นนั่งชิลกันได้ตามสบาย

สำหรับบ้านพักโฮมสเตย์ที่นี่ก็มีเยอะนะครับ แต่ที่นี่จะมีกติกาอย่างนึงคือ ช่วง 6.00-4 ทุ่มนี่ ห้ามอาบน้ำนะครับผม แหม...ถามว่าผมจะลักไก่ไม่อาบน้ำหรอ ? เปล่าสิครับ เห็นผมอย่างนี้ผมก็สะอาดนะ 5555+

สาเหตุที่ห้ามอาบน้ำช่วงนั้นเป็นเพราะเรื่องของ ไฟฟ้า ครับ ชาวบ้านที่นี่เค้ากลัวว่าไฟฟ้าจะไม่เพียงพอ ถ้าบ้านพักไหนมีเครื่องทำน้ำอุ่น เฉพาะแบบไฟฟ้า เท่านั้นนะครับ ให้อาบตั้งแต่ หลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไป มิฉะนั้นไฟอาจดับทั้งเมืองปิล็อกได้

ลองนึกภาพสิครับ ถ้าเราอาบน้ำอุ่นอยู่ดีๆ แล้วเครื่องที่เราอาบมันตัดไฟมืดสนิทไปทั้งเมือง โอ้วววว....รู้สึกผิดยันชาติหน้าครับ 5555+ แต่ถ้าที่พักไหนเป็นเครื่องทำน้ำอุ่นแบบเเก๊ส อันนี้สบายครับ อาบได้ตามกาลเวลาที่ท่านต้องการ ของผมโชคดีที่ที่พักเป็นแบบแก๊ส 2 ทุ่มก็เลยลุกไปอาบน้ำ เวลากำลังพอเหมาะพอดีเชียว


ต่อไปจะเป็นบรรยากาศในเหมืองแร่ตอนกลางคืนนะครับ เข้ามาเดินถ่ายดาว จากปกติที่จะเดินเล่นแต่ตอนกลางวัน

แอบวิเวกวังเวงเล็กน้อยครับ เงียบบบบสงัด มืดๆหน่อย มีเสียงเพียงเสียงเดียวคือ เสียงพระสวด ครับ พอดีวันที่ผมไปวัดแถวนั้นมีงานศพ ใครว่าอยู่ใกล้พระเเล้วจะจรรโลงใจไร้ความกลัว แต่นี่เสียงสวดงานศพลอยมา หืมมม...คิดดูเอาครับอุ่นใจแค่ไหน 5555+



ร้านอาหารเเละโฮมสเตย์เล็กที่น่ารักและอบอุ่นยามค่ำคืน จะออกมานั่งเล่นมองฟ้า มองน้ำกันเพลินๆก็ได้ครับ


---------------

จุดชมวิวเนินช้างศึก : เรียกว่าเป็นจุดไฮไลต์สำคัญของการมาเยือนที่เมืองปิล็อกแห่งนี้จริงๆครับ ตรงจุดนี้สามารถเห็นได้แบบ 360 องศาทั้งฝั่งไทยและพม่าเลยนะครับ ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นเลิศเลยครับ สวยงามและเต็มตามากกกก

หากมาถูกเวลาถูกฤดูกาล รับรองคุณจะได้เห็นทะเลหมอกสมใจ ของผมมาวันนี้อาจจะยังไม่หนาแน่นฟูฟ่องเท่าไหร่ แต่ก็มีให้เห็นกันแบบพอชื่นใจ หมอกยังเยอะไม่เท่าคนที่มาดูเลยครับ 55555+ คนยวบยั่บไปหมด มากันคึกคัก ทำเอาตรงลานกางเต๊นท์คือเต็มจริงๆ

ตอนแรกผมเองก็ลังเลอยากนอนเต๊นท์เหมือนกัน แต่มาแล้วเต็มแน่นไปหมด เลยยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าไปนอนบ้านพักจะมีว่างมั้ย เดชะบุญครับที่มีว่าง เลยได้ที่นอน สงสัยคนจะชอบนอนเต๊นท์มากกว่าแน่ๆเลย


---------------

ตักบาตรยามเช้า : ผมรู้ว่าการตักบาตรไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ หรือน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด แต่เชื่อมั้ยครับว่า สิ่งธรรมดาๆเหล่านี้ เราแทบไม่เคยได้แตะต้องมัน หรือลงมือทำในชีวิตจริงของเราเลยด้วยซ้ำ

การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในเมืองหลวง เชื่อเถอะครับ ไม่มีใครมีเวล่ำเวลาจะมานั่งใส่บาตรกันอยู่อีกแล้ว ลำพังแค่ไปทำงานให้ทันในแต่ละวันก็ยากมากแล้ว ไหนจะรถติด ไหนจะต้องรีบเดินทาง ไหนจะอะไร เราหาโอกาสทำสิ่งเหล่านี้แทบไม่ได้เลยจริงๆ

ลองดูครับ...มาที่นี่ลองกลับไปใช้ชีวิตช้าๆ มีเวลาเหลือๆ พอให้ทำอะไรที่เป็นเรื่องธรรมดาๆที่เราไม่เคยลงมือทำ ได้นั่งใส่บาตรอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ถือโอกาสมาแล้วก็ได้ทำอะไรที่ดีต่อใจกลับไปมันก็ไม่เสียหายอะไรใช่มั้ยครับ

กับอีก 1 ทริปง่ายๆ 2 วัน 1 คืน ที่ผมไม่ต้องลำบากลำบนเดินกันให้เหงื่อท่วมตัว เหมือนเช่นที่ผ่านมา 5555+

หลายคนอาจจะคิดว่า ผมชอบแต่เดินป่า ชอบแต่ไปลำบากๆเหรอ ? เปล่าครับ...เปล่า อย่าเข้าใจผมผิด เที่ยวได้ตามใจสลับกันไปครับ บางทีชีวิตเราก็ต้องลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง

การเดินทางมาที่ ปิล็อก นี้ หากคุณคาดหวังว่าที่นี่จะมีสิ่งต่างๆมากมาย มีความสำเริงสำราญ หวือหวา และสีสันที่ชัดเจน ดังเช่น ปาย หรือเชียงคาน ซึ่งให้อารมณ์ที่คล้ายๆกัน ผมว่าที่นี่อาจจะยังไม่เหมาะสำหรับคุณ

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหนื่อย จนอยากพักใจให้นิ่งๆ เปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนที่นอน มาใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆช้าๆ เช่นเดียวกับจังหวะชีวิตของชาวบ้านที่นี่ และอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่อบอุ่น ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องมากไป ที่คุณจะไม่สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้จากที่ไหน ผมว่าที่นี่คือที่ ที่ใช่ สำหรับคุณครับ

ติดตามการเดินทางของ คนหลงทาง ได้ใหม่ในทริปหน้า แล้วคอยลุ้นกันนะครับว่า ผมจะพาไปลำบากหรือพาไปสบาย 5555+...ขอบคุณที่ติดตามครับ (:


พูดคุยการเดินทางเพิ่มเติมกันได้ที่ : https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together

ค น ห ล ง ท า ง

 วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.41 น.

ความคิดเห็น