วันที่ 4 มกราคม 2568
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวจุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาว อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ชมกันครับ
หลังจากที่ผมขับรถกลับลงมาจากดอยอ่างขาง ที่สามารถชมดอยหลวงเชียงดาวได้เหมือนกัน (ซึ่งจริงๆแล้วมันอยู่ไกลมากๆ เรียกได้ว่า แทบจะอยู่ที่เส้นขอบฟ้ากันเลยทีเดียว)
ผมก็พบว่า "ฮาดู่บิ" นั้น มันอยู่ในทางผ่านของเส้นทางอรุโณทัยพอดี โดยผมก็ได้ทำการเลี้ยวรถไปทางขวาอีกประมาณ 50 นาที ก็ถึงครับ โดยถนนนั้น จะเป็นถนนราดยางทั้งหมดครับ ส่วนเส้นทางนั้น ก็เป็นเส้นทางขึ้นเขาลงเขา ที่ไม่ได้โหดอะไรเลยครับ
โดยฮาดู่บินั้น จะอยู่ในอำเภอเวียงแหงครับ
มีศาลสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยครับ
ผมในฐานะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนเรศวร ก็ต้องถ่ายรูปเอาไว้นิดนึง
และในระหว่างทาง ก็จะมีจุดท่องเที่ยวอีก 1 จุดที่น่าสนใจครับ
สำหรับตรงนี้ก็คือจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า "ดอยค้ำฟ้า" ครับ
แต่เนื่องจากว่าการท่องเที่ยวที่จุดนี้นั้น จะต้องทำการเหมารถโฟร์วีลของชาวบ้านขึ้นไปครับ ส่วนผมที่มาคนเดียวนั้น จึงไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวครับ
หมายเหตุ: สำหรับดอยค้ำฟ้านั้น ก็จะเป็นจุดท่องเที่ยว ที่จะสามารถรับชมดอยหลวงเชียงดาวที่สวยงามได้อีก 1 จุดครับ
อ๊ะๆ อย่าๆลืมจอดเว่ะขอตราประทับอุทยานด้วยน๊ะครับ ที่นี่มีลายเซ็นท์นก น่ารักๆ ให้สะสมกันด้วยน๊ะครับ อิอิ
และหลังจากที่ขับรถมาอีกซักพัก ก็จะเจอกับตัวหมู่บ้านที่เป็นทางเข้าครับ
หมายเหตุ: แต่เนื่องจากว่า ถนนในหมู่บ้านแห่งนี้นั้น มันแคบมากๆ ทางหมู่บ้านนั้น จึงได้ทำการจัดเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านนั้น นั่งอยู่ที่ทางเข้าครับ และสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น ก็จะมีการเก็บค่าเข้าจำนวน 20 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการติดต่อประสานงานกับอีกฝั่งหนึ่งว่า มีรถของนักท่องเที่ยวคนอื่นนั้น กำลังขับลงสวนมาหรือไม่
เพราะอย่างที่บอกครับ ถนนมันแคบจริงๆ ดังนั้น ค่าเข้า 20 บาทนั้น ก็สมเหตุสมผลแล้วครับ
ถึงแล้วครับผม
แล้วผมก็กางเต้นท์ โดยหันหน้าเข้าหาวิวของดอยหลวงเชียงดาวเลยครับ
สำหรับเต้นท์ที่เห็น 2 แถวด้านหน้านั้น เป็นเต้นท์ของที่ลานกางเต้นท์ครับ ราคาเต้นท์ละ 600 บาท
ส่วนคนที่ต้องการกางเต้นท์เองนั้น ก็จะกางอยู่บนพื้นที่เอียงเล็กน้อย และเสียค่ากางคนละ 250 บาท
ส่วนห้องพักด้านหลังนั่น หลังละ 750 บาทครับ
หมายเหตุ: สำหรับที่ลานกางเต้นท์นี้นั้น ในเวลากลางคืนจะมีลมที่ค่อนข้างแรงพอสมควรครับ ถ้ามากัน 2 คนขึ้นไป ผมคิดว่า นอนที่บ้านพักดีกว่าครับ
แต่สำหรับบ้านพักนั้น เค้าจะมีแค่ไฟฟ้าส่องสว่างให้เท่านั้นน๊ะครับ จะไม่มีไฟฟ้าที่เอาไว้สำหรับเสียบปลั๊ก หรือชาร์จโทรศัพท์ได้ ต้องเอาไปชาร์จที่ร้านค้าอย่างเดียวครับ (และจากการที่เดินถามลานกางเต้นท์อื่นๆ ทุกที่ก็จะเหมือนกันหมดครับ)
และหลังจากที่ผมกางเต้นท์เสร็จ ก็ถึงเวลาเดินถ่ายรูปครับ
หมายเหตุ: ขออนุญาติ แต่งรูปให้รูปมันดูแข็งหน่อยน๊ะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วตอนที่ถ่ายรูปนี้ มันมีพวกหมอกขาวๆจางๆบดบังดอยหลวงเชียงดาวอยู่น่ะครับ ก็เลยต้องใช้วิธีแต่รูปเพื่อเอาหมอกขาวๆนั้นออกไป เพื่อให้เห็นรายละเอียดของดอยหลวงเชียงดาวที่เด่นชัดขึ้นครับ
และหลังจากที่เดินถ่ายรูปที่ลานกางเต้นท์นี้เสร็จแล้ว ผมก็เลยลองเดินสำรวจลานกางเต้นท์อื่นๆ เพราะว่ามันอยู่ไม่ไกลกันครับ
นี่ครับ เดินมาทางขวานิดเดียวก็เจอครับ
ตรงนี้เป็นวิวของที่นี่ครับ
อ๊ะๆ ข้างล่างมีที่พักอยู่ด้วย
แล้วผมก็เลยลองเดินลงมาครับ
วิวของที่นี่ครับ
ตรงแถวๆข้างล่าง ก็จะมีสวนดอกทานตะวันเล็กๆ ให้ถ่ายรูปเล่นได้ครับ
และแล้วก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกครับ
โดยสำหรับที่นี่นั้น จะเป็นจุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาวในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นน๊ะครับ ดังนั้นพระอาทิตย์ก็จะตกอีกฝั่งนึงเลยครับ
มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆอยู่ครับ
เต้นท์เลอะ ยิ่งแยอะประสบการณ์ครับ อิอิ
และแน่นอนว่า ในวันนี้ก็คือวันที่ 4 มกราคม ครับ
ตามข่าวที่ได้รับมานั้น ในคืนนี้ ก็จะยังสามารถรับชมฝนดาวตกได้อยู่ครับ
และผมก็โผล่หัวออกมาจากเต้นท์ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
แต่ก็ยังอับโชค ไม่สามารถถ่ายดาวตกได้ซักดวงเลยครับ T T
แต่ก็ยังได้เห็นด้วยตาเปล่าอยู่บ้างครับ
วันที่ 5 มกราคม 2568
เช้าแล้วครับ ตื่นมารอพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ
แต่ทว่า ในเช้าวันนี้นั้น กลับมีเมฆอยู่ที่เส้นขอบฟ้า และบังแนวสันเขาของดอยหลวงเชียงดาวครับ
ก็เลยทำให้รูปที่ได้นั้น จะไม่เห็นแนวสันเขาแบบชัดเจนเท่าไหร่ครับ T T
รอๆ
แต่ถึงอย่างนั้น "ดอยหลวงเชียงดาว" ก็คือ "ดอยหลวงเชียงดาว" ครับ ยังงัยก็สวยอยู่เสมอครับ ^^
แบกกล้อง
วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.02 น.