วีไลฟ์ฮ่องกง !!!! เพลงโฆษณาการท่องเที่ยวฮ่องกง ยังวนเวียนอยู่ในหู
โอกาสเหมาะพอดีครับ กับการขอติดตามทริปไปกับน้องๆ ที่ทำงานกับการท่องเที่ยว
ฮ่องกงในแบบฉบับที่ไม่เน้นกิน แต่เน้นถ่ายภาพ ย้ำ ถ่ายภาพจริง ๆ
Location ที่พวกผมไปนั้น เเน่นอนครับหลายท่านต้องไม่เคยไปเเน่นอน ครั้งนี้ขอใช้ชื่อว่า
Backpack [ตะลุยเกาะฮ่องกง ... ลากขาล่าจุด unique ถ่ายภาพ] 4 วัน 3 คืน
การเดินทางของผมกับเพื่อนๆ เป็นช่วงอากาศดีเลยครับ ประมาณ 19-21 องศา
เดินทางจากกทม. เช้าวันที่ 4 ธันวาคม - เช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2559
เราจองตั๋วผ่านเว็บ เอ็กซ์พีเดีย โดยสายการบิน Hongkong Airline ครับค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 8000 ต้น ๆ
โดยทริปนี้เราทำการบ้านเรื่องสถานที่ถ่ายภาพมาเป็นอย่างดีครับ ไม่มีการหาร้านอร่อยๆ กิน
ไม่ได้เข้า Disneyland hongkong เเต่เรามีจุดที่สำคัญ ในการเก็บภาพสวยๆ มาฝากกันครับ
// กระทู้นี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่กำลังตามหาของกินที่ฮ่องกง ครั้งหน้าจะไปกินนะ//
Contact
instagram Me @iddekfilm Friends Trip @twwanicbut @nat_jadee
https://www.facebook.com/Isarapabc-153377218149435/
Day 1 [Ngong Ping, Tsim Sha Tsui, SOL ]
ผมออกเดินทางจากสุวรรณภูมิประมาณตี 4 ด้วย Hongkong Airline HX 774 ครับ
โดยมีกำหนดถึงฮ่องกงเวลา 07.30 น. (เวลาฮ่องกง) โดยเลือกทีนั่งโซน A ครับ น่าจะซ้ายมือของเครื่อง
เครื่องลำเล็กครับ ที่นั่งค่อนข้างอึดอัด บนเครื่องมีเสริฟอาหาร กับน้ำดื่มครับ คิดว่าเพลานั้นคงนอนมากกว่ากินครับ ^^
เนื่องจากเเสงอาทิตย์จะไม่ทำลายบรรยากาศการนอนของคุณยามเช้าครับ
โดยวันเเรกหลังจากที่ลงเครื่องเเล้วเราจะเดินทางไปยัง Ngong Ping เพื่อไปชมความงามของกระเช้า
โดยเราได้จองผ่านเว็บไซต์ Hongkong Fanclub ครับ(คิดว่าน่าจะถูกที่สุดแระ)
เเล้วเราก็เดินทางมาถึงพอดีเป๊ะ (โดยบนเครื่องจะเเจกใบเอกสารไว้สำหรับกรอกให้กับตม.ครับ)
ก็ไปรับกระเป๋า ไปตม. เเละที่สำคัญเราซื้อบัตร Octopus Cards ที่สนามบินเลยครับ
(บอกก่อนว่าตอนที่ไปเตรียมคำตอบกับตม.ไปเยอะมาก เเต่ไม่ถามป๋มซักกาคำ)
หลังจากนั้นเราก็เดินออกไปนั่งรถเมล์เพื่อเดินทางไปยังกระเช้า Ngong Ping
โดยนั่งรถสาย S1 to MTR tung chung โดยไปใช้บริการตู้ฝากกระเป๋าที่ City gate
รถเมล์ที่เรานั่งไปยัง City gate การจ่ายเงินส่วนใหญ่เราใช้ Octopus Cards สะดวกสุด ๆ เเระครับ
หลังจากนั้นเราก็ลงชั้นใต้ดินของ City gate เพื่อไปยังเครื่องฝากกระเป๋ารูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็ลุยต่อเลยครับ สำหรับ Ngong Ping ความโชคดีของพวกผมคือเรามาเช้ามากครับ
คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ ก็ทำให้เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการขึ้นกระเช้าบรรยากาศก็เป็นดังรูปเลยครับ
(ความสะดวกของการมีบัตรมาล่วงหน้าคือเราจะไม่เสียเวลาในการต่อเเถวซึ่งถ้าจังหวะคนเยอะ ๆ ผมว่าสามชั่วโมงขั้นต่ำครับ)
เพราะเราจะได้เดินไปใน privilege line
กระเช้า Ngong Ping มี 2 แบบครับ นั้นคือแบบคริสตัล และแบบปกติ
ไหน ๆ ก็ไปถ่ายรูปเเล้วก็จัดแบบกระเช้าคริสตัลกันเลยทีเดียว ลุย !!
(การขึ้นกระเช้าถ้าเรามากันไม่เยอะ ก็จะมีสมาชิกท่านอื่นขึ้นมากับเราด้วยครับ)
อากาศบนกระเช้าดีมากเลยครับ ถามว่าคนกลัวความสูงถ้าขึ้นจะกลัวมากไหม ผมว่ากลัวครับ 555
เพราะขนาดผมไม่กลัวยังมีหวิว ๆ เลยครับ สิ่งที่สวยงามสำหรับกกระเช้าคริสตัลคือ เราจะเห็น
บรรยากาศด้านล่างได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็นคนเดินเขา น้ำตก ฯลฯ สวย ^^
เราใช้เวลาบนกระเช้าประมาณ 30 นาทีครับ บรรยากาศข้างบนดีมากเลยครับ
โดยบรรยากาศด้านบน เราก็จะเจอทัวร์จีนเยอะเเยะไปหมด อากาศหนาวกำลังดีเลยครับ
มีร้านค้าเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ให้ซื้อของมากมาย (ขอบอกว่าค่อนข้างมีราคาครับ) 555
โดยเราใช้เวลาอยู่ข้างบนไม่นานมากครับ มีภาพบรรยากาศมาฝากกันครับ
เราใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบสองชั่วโมง ในการนั่งชิลกินกาเเฟ ถ่ายภาพ
เเละทานอาหารครับ หลังจากนั้นเราก็นั่งกระเช้ากลับ โดยขากลับนิพิเศษสุดๆ ครับ
เพราะสามารถขึ้นกระเช้าโดยมีเพียงเเค่เราได้เลย 555+ โดยเรามีเป้าหมายต่อไปคือ
Tsim Sha Tsui เพื่อเข้าโรงเเรมครับ
ขากลับนี่ฟินสุด ๆ กระเช้าของเราเลยก็ว่าได้ 5555
การเดินทางของเราจาก Ngong Ping
คือขึ้น MTR จาก tung chung ไปยัง MTR Lai King ( red line) to MTR Tsim Sha Tsui exit D1
ผมพักที่โรงแรมโกลด์ สแปโรว์ครับ สำหรับท่านที่จองห้องพักไม่ว่าจะผ่าน เอ็กซ์พีเดีย หรือ agoda
ต้องศึกษาห้องพักดูดี ๆ นะครับ เพราะที่ฮ่องกงที่พักถ้าเป็นย่าน Tsim Sha Tsui
ห้องพักจะเล็กกระทัดรัดมาก ถ้าต้องการประหยัดเเบบพวกผมที่นี้ก็โอเครครับ
โรงเเรมจะอยู่ในอาคาร Mirador Mansion ครับ โดยจะมีลิฟท์แบ่งโซน โดยในตึกจะมีโรงเเรมเยอะเเยะมากมาย
ที่สำคัญในตึกจะมีผู้พักอาศัยประจำ // อินเดีย // ฯลฯ เยอะไปหมดครับ อาทิเช่นรูปด้านล่างนี้ ตากผ้าที่ลิฟท์กันเลยทีเดียว
สำหรับวันเเรก ทริปถ่ายรูปของเราจะเป็นบริเวณย่าน Tsim Sha Tsui ครับ ก็จะมีตึก ผู้คนมากมาย
โดยที่เเรกของเราที่จะไปคือ The Royal Pacific Hotel หรือตึกทองที่หลายคนที่ตาม instragram ของตากล้องฮ่องกงก็จะเจอ
รูปภาพกันอยู่บ่อย ๆ ครับ พิกัดก็เข้าไปยัง The Royal Pacific Hotel ขึ้นบันไดเลื่อนตรงไปโซนอาหารครับ เเค่นี้ก็จะเจอพิกัดเเรก
หลังจากนั้นก็เริ่มมืดครับ เราก็มุ่งหน้าไปยัง Hong Kong cultural center เพื่อเก็บบรรยากาศโดยรอบ
เพื่อนั่งดู แสง สี เสียง "Symphony of Lights" (SOL) เวลา 20.00 น. กันครับ
เราเดินมาถึงริมทะเล เวลาประมาณ 19.00 น.ครับ เพื่อรอนั่งดู แสง สี เสียง "Symphony of Lights" (SOL)
จะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากครับ ที่มารอชม ซึ่งบรรยากาศดีมากเลยครับ มากันเป็นครอบครัวบ้าง
มากันเป็นคู่ ๆ กอดกันให้ดูบ้าง ฯลฯ ขอทิ้งท้ายวันเเรกกับบรรยากาศ Symphony of Lights ซึ่งวันนั้นหมอกลงพอดี ><
โดย Day 2 เราจะไปกันที่ Choi Hung สำหรับ Location ทรานฟอมเมอร์ Montane Mansion, และ The peak ครับ
Day 2 [Choi Hung, Montane Mansion, The Peak ]
วันที่ 2 เริ่มขึ้นเเล้วครับ หลังจากที่เดินทางมาตั้งเเต่ตี 4 เเล้วไม่นอนอีกเลย ทำให้วันนี้เราตื่นค่อนข้างสายครับ
เริ่มเดินทางตอน 11 โมงครับ โดยอย่างที่บอกครับ บางท่านอาจจะรีบไปหาร้านอร่อย ๆ ทานเเต่เราไม่เลยครับ
มุ่งหน้าไปถ่ายรูปอย่างเดียวเลย เป้าหมายวันนี้ 3 ที่ครับ คือ Choi Hung, Montane Mansion, The Peak
สำหรับการเดินทางจาก Tsim Sha Tsui ไปยัง Choi Hung ไม่ยากครับ ก็ไปขึ้น
MTR Tsim Sha Tsui เเล้วเปลี่ยนรถที่ MTR Yau Mai Tei ( green line ) เเล้วลงที่ MTR Choi Hung exit C3
Choi Hung คือสถานที่ในปกหนังสือ aday เล่ม HongKong ฉบับเดือน พ.ย. 2559 ครับ
เราแอบเก็บยามเช้าของ Tsim Sha Tsui มาให้ชมกันครับ ถ้าใครรักในการถ่ายรูปผมคิดว่า
คงฟินมาก เหมือนผมเลยครับ เจออะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เเล้วเราก็มาถึงสถานี Choi Hung
สำหรับอาคาร Choi Hung เมื่อเราออกประตู C3 เราก็เดินตรงไปที่โรงเรียนเลยครับเเล้วทะลุตึกไป
ก็จะเจอลานจอดรถ 3 ชั้น ก็มุ่งหน้าไปชั้น 3 เลยครับเเล้วเราก็จะเจออีก 1 จุดที่เหมาะมากสำหรับ
การเก็บภาพครับแบบนี้
อีกจุดหนึ่งที่ชอบสำหรับ HongKong คือสวนสาธารณะครับ เต็มไปหมด ทำเอาฟินเลย
เราจะเจอผู้สูงอายุออกกำลังกายกันครับ (ผมถ่ายรูปประมาณ 12.00 น.) ก็ยังมีคนออกกำลังกาย
มาถึงเเล้วก็เก็บภาพกระโดดเท่ ๆ ซัก 1 รูปเเล้วกันครับ
หลังจากนั้นเราก็ไปลุยต่อจุดที่ 2 เลยครับ สำหรับ Montane Mansion ตึกที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์ทรานเฟอร์เมอร์
ที่ตั้งใจมากจริง ๆ ครับ ถ้าพร้อมเเล้วลุยกันต่อเลยครับ ผมมีรูปอีกเยอะเลยครับ รอผมหน่อยนะครับ อยากให้ทุกท่าน
ได้ร่วมเที่ยวกับผมจริง ๆ อีก 1 จุดที่ unique ไม่เเพ้กันนั้นคือ เเถว Montane Mansion กับ 1 ในฉากดังในภาพยนตร์เรื่อง Transformers: Age of Extinction - Mark Wahlberg (2014) ครับ ผมมีภาพตังอย่างมารื้อความทรงจำ
สำหรับการเดินทางจาก MTR Choi Hung เพื่อเดินทางไปยัง Montane Mansion นั้นเรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน
จาก MTR Choi Hung ไปเปลี่ยนรถ MTR Yau Tong ( purple line ) to MTR Quarry Bay ( blue line )
ลงสถานี MTR Tai Koo exit B ครับ เมื่อออกจากประตูเเล้ว ให้เลี้ยวซ้ายครับ เดินตรงไปเลยร้าน Mcdonaldครับเเล้ว
จะเจอตึกใหญ่ ๆ ซึ่งมีร้านอาหารทะเลอยู่หน้าตึก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเดินเล็ก ๆ ไปเลยครับ เเค่นี้เราก็จะเจอ
Montane Mansion เเล้วครับโผ๋ม เอาบรรยากาศ 2 ข้างทางมาให้ดูครับ
เดินออกมาจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สิ่งเเรกที่ผมตื่นเต้นก็เป็นความคลาสสิคของรถรางนิเหละครับ
เเล้วเราก็มาถึง Montane Mansion รูปเยอะมากอย่าเบื่อกันนะครับ [สวยมากจริงๆ ครับ]
บรรยากาศในตึก จะมีลุงๆ ป้าๆ ต้อนรับด้วยความยิ้มเเย้มครับ ที่สำคัญจะมีสมาคมผู้สูงอายุ
นั่งเล่นไพ่นกกระจอก กันอย่างน่ารักครับ ก็มาถึงเเล้วขอทิ้งท้าย Montane Mansion 1 รูปนะครับ
เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ไม่นานครับ เราก็ลุยต่ออีก 1 ที่นั้นคือ The Peak พีค พีค พีค
สำหรับ จุด unique ต่อไปคือ The Peak จุดชมวิวมุมสูงของฮ่องกง ซึ่งการเดินทางของเรา
สามารถเดินทางได้หลายทางครับ เเต่จากตัวกระผมเองผมเดินทางโดย MTR Tai Koo to MTR Central exit A
เดินทางไปบริเวณ Exchange square building และขึ้นรถ Bus หมายเลข 15
เรายืนรอรถสาย 15 ไม่นานครับเราก็ขึ้นรถต่อไปยัง The Peak ครับ (โดยมีคนรอเดินทางแบบเราเยอะมากครับ)
ที่สำคัญ ที่ผมชอบจริง ๆ คือทุกคนรอต่อคิวเข้าเเถวขึ้นรถเมลกัน น่ารักครับ เอาภาพบรรยากาศบนรถมาให้ชมกันครับ
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึง The Peak ครับ อากาศดีมากกก !!! สำหรับคนที่กลัวเมารถ ถ้าขึ้นรถเมลเเล้ว
เเนะนำให้นั่งหน้านะครับ วันขึ้นไปผมนั่งหลัง ทำเอาเเทบอ้วกครับ ผมมีข้อมูล The Peak ให้นิดหน่อย
จากลุงเด้งจากเว็บไซต์
http://www.hongkongfanclub.com/ ครับ การเดินทางมีหลายวิธีนะครับ
The Peak Tram เปิดให้บริการ ทุกวัน 7.00 – 24.00 น.
ตั๋วรถราง + ชมวิวชั้นสูงสุดของ Sky Terrace 428
Peak Tram Sky Pass (The Peak Tram & Sky Pass) ไป / กลับ
ผู้ใหญ่ HK $65 /เด็ก HK$ 31 (3-11ขวบ)/ผู้ใหญ่ HK$ 31 (65ปีขึ้นไป)
ตั๋วรถราง Peak Tram Ticket ไป / กลับ
ผู้ใหญ่ HK $40/เด็ก HK$ 18 (3-11ขวบ)/ผู้ใหญ่ HK$ 18 (65ปีขึ้นไป)
ตั๋วชมวิวบน Sky Terrace 428
ผู้ใหญ่ HK $30/เด็ก HK$ 15 (3-11ขวบ)/ผู้ใหญ่ HK$ 15 (65ปีขึ้นไป)
เเต่ผมเลือกที่จะไปชมวิวแบบฟรีๆ ครับเดินไกลหน่อยเเต่ผมว่า วิวดีมากจริง ๆ ครับ
เมื่อเราไปถึงเราจะเจอ The Peak Tower ครับ ใครที่ไม่อยากเดินเเบบพวกผมก็สามารถที่จะ
จ่ายเงินขึ้นไปดาดฟ้าชมวิวได้ ในตัวตึกจะมีจำหน่ายของที่ระลึกครับ ราคาโหดเช่นกัน 555
เเต่เส้นทางที่ผมจะเดินเมื่อเราหันหน้าไปทาง The Peak Tower จะมีถนนเส้นเล็กๆ ไปทางข้างตึกครับ
โดยสังเกตุง่าย ๆ เส้นทางนี้จะมีนักวิ่ง เข้าเส้นทางนี้ตลอดเวลานะครับ ย้ำนะครับ ไปทางซ้าย เพราะถ้า
หลุดไปทางขวาก็จะสวยเช่นกันเเต่ไม่ได้มุมสวยเท่ากับทางนี้ครับ ใช้เวลาเดินไปประมาณ 10-15 นาที
เราก็จะเจออีกมุมที่ผมมอบให้เป็น 1 จุดที่ unique เลยครับ เอาภาพบรรยากาศมาฝากกันครับ
เส้นทางจะเป็นแบบนี้นะครับ เดินไปเรื่อย ๆ เลยครับ เเล้วเราก็มาถึงจุดที่ผมบอกครับ สวยมากกก
เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จนค่ำครับ สวยมากจริง ๆ เอารูปมาฝากกันครับ
ที่เสียดายผมไม่มีเลนท์ที่จะเก็บภาพหมด บวกกับหมอกที่เยอะมากทำให้เราเก็บได้มาประมาณนี้ครับ
เเต่อยากให้ท่านได้เดินตามเส้นทางที่ผมบอก เเล้วไปดูกับตาตัวเองจริง ๆ ครับ สวยมากจริง ๆ เราใช้เวลาจนถึงสามทุ่มครับ
กับความประทับใจ เเล้วเราก็เดินทางกลับโรงเเรม โดยเลือกที่จะเก็บภาพบริเวณถนน Tsim Sha Tsui ครับ
เพราะพรุ่งนี้เราจะไปอีก 3 จุดที่ unique ไม่เเพ้กันครับ
** ทริคเล็ก ๆ ครับช่วงเวลากลับ มีคนจำนวนเยอะมากทยอยกลับทำให้เราเข้าคิวรอรถอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เเต่ข้อดีที่ผมประทับใจคือการเข้าคิวขึ้นรถ ไม่มีการเเซงคิว อันนี้ให้นานเท่าไหร่ก็รอได้ครับ **
สำหรับวันที่ 3 ห้ามพลาดครับ ผมคิดว่าไม่มีคนไทยคนไหนได้รีวิวนั้นคือ
Lion rock, MTR Admiralty, Broadway Cinematheque ครับ
ก่อนเข้าสู่การเดินทางวันที่ 3 ก็มีภาพถ่ายบริเวณ Tsim Sha Tsui มาฝากกันครับ จริงๆ ฮ่องกง
เป็นอีก 1 เมืองที่กลางคืนก็ครึกครื้นไม่เเพ้ไปกว่าเมื่ออื่น ๆ เลยนะครับ
Day 3 [Broadway Cinematheque, Lion rock, MTR Admiralty]
การเดินทางวันที่ 3 เริ่มต้นจากที่ผมนอนไม่หลับครับ หลายท่านคงคิดว่าต้องไปหาอาหารเช้าดี ๆ ทาน
ตอนแรกก็คิดแบบนี้เลยครับ เเต่ก็เลือกที่จะไปเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าบ้างดีกว่า โดยช่วงเช้าผมมี
เป้าหมายไปเก็บภาพที่ Broadway Cinematheque เป็นโรงภาพยนตร์เก่าเเก่ที่คลาสกับสกาล่าบ้านเราครับ
การเดินทาง ขึ้น MRT มาลงสถานี Yau Ma Tei ออกทางออก C แล้วเดินตามแผนที่ไปอีกนิดก็จะเจอ
เอาภาพบรรยากาศบริเวณที่พักมาให้ชมกันครับ
เมื่อเราออกจากสถานี Yau Ma Tei ออกทางออก C เราก็หาป้ายสัญลักษณ์สีชมพูเลยครับเดินตามป้ายก็เจอเเน่นอนครับ
เเล้วเราก็มาถึงโรงภาพยนตร์ Broadway Cinematheque ครับ ที่นี่มีขายดีวีดีและโปสเตอร์ภาพยนตร์
มากมายครับ เก่าก็มีใหม่ก็มี ที่สำคัญที่ดีวีดีหายากๆ มาซ้อที่นี้เลยครับ ที่สำคัญยังมี Kubrick Café
เหมือนกินกาเเฟในร้านหนังสือ เเต่ผมมาเช้าไปครับ ร้านยังไม่เปิด 555
ผมว่าด้วยบรรยากาศ และความสวยงาม อีก 1 ที่ที่ยกให้เป็น 1 จุด unique ในฮ่องกงครับ
จึงขอเก็บภาพตัวเองเท่ ๆ (ไหม) ครับ // จะบอกว่าผมกลับมายังโรงหนังอีกครั้งเวลา 3 ทุ่ม ครับเดียวเอาภาพมาฝากกัน
ในบริเวณเดียวกันยังมีอีก 1 สถานที่ที่เหมาะเเก่การถ่ายรูปเช่นกันนั้นคือ Tin Hau Temple - Yau Ma Tei
ซึ่งเมื่อผมไปถึงเราก็จะเจอเจ้าหน้าที่เตือนห้ามถ่ายภาพ >< อดเลย เเต่ก็เเอบเก็บบรรยากาศมาให้ชมกันครับ
ผมใช้เวลานั่งอยู่หน้าวัดประมาณ 30 นาทีครับ สิ่งที่ผมเจอคือจะมีชาวฮ่องกงเเวะเวียนมาไหว้
เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทำงานเสมอ รู้สึกดีครับ เเละก็เอาภาพบรรยากาศรอบๆ ก่อนที่เราจะไป Lion rock ครับ
สถานีต่อไป Lion rock ครับ สำหรับ Lion rock จะเป็นอีก 1 ที่ที่หารีวิวยากมากครับ
โดยที่น้องๆ ในทริปเตรียมข้อมูลจากเว็บต่างประเทศทั้งนั้นครับ สำหรับ Lion rock ให้ท่านจินตนาการ
ยอดภูเขาสูงๆ ที่เป็นรูปสิงโต โดยที่ถ้าเราขึ้นไปตรงนั้น ก็จะเห็นตึกจากมุมสูง ครับ
ถ้าเเนะนำคือ ต้องใส่ชุดปีนเขา หรือชุดลำลองที่เหมาะเเก่การปีนเขา ซึ่งเราก็เพิ่งรู้ครับ 555
วันที่เดินทางไปเนี้ย เเต่งยังกับไปเดิน hollywood Road กันเลยทีเดียว การเดินทางนะครับ
เริ่มจากที่พัก MTR Tsim Sha Tsui to MTR Yau Mai Tei ( green line ) แล้วลงที่ MTR Wong Tai Sin exit B3
เมื่อเราออกมาเเล้วซ้ายมือของเราก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าดังรูปเลยครับ
เดินมาเราก็จะเจอวัด ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวครับ เราเดินต่อไปเลยเพื่อไปยัง Chuk Yuen Rd
เมื่อเราเดินเจอรถโดยสารให้เราเลี้ยวซ้ายครับ เพื่อที่จะไปยังถนน Chuk Yuen Rd
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าทางเดินจะเป็นลักษณะขึ้นเนินนะครับ ใช้พลังงานค่อยข้างเยอะเลย
เดินมาซักพักเราก็จะเจอโรงเรียนอยู่ขวามือครับ เราก็เดินตรงขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ เลยครับ
ระยะทางในการเดินต้องใช้เวลาครับ เ้วนความชันของถนน 171 Shatin Pass Rd
เราเดินไปโดยปลายทางของเราคือวัดที่อยู่ทางด้านซ้ายมือครับ (ไม่เเน่ใจชื่อวัดเพราะเขียนเป็นภาษาจีน)
เมื่อเราเดินสุดตัววัดจะมีบรรไดให้ขึ้นทางซ้ายครับ เราก็เดินตามเส้นทางเลยครับ
เนื่องจากบรรไดดังกล่าวจะเป็นการเดินทางไปยังเสาไฟฟ้าเเรงสูงนะครับ ให้สังเกตุซ้ายไว้ครับ
จะมีช่องทางเดินป่า ให้เราเดินเส้นทางดังกล่าวครับโดยทางเดินที่เราไปครั้งนี้จะเป็นเส้นทางวิ่งเทรล ลุยกันเลย
ก่อนอื่นบอกก่อนเลยครับ ว่าการเดินทางต้องปีน ต้องขึ้นเขาเพราะฉนั้น เตรียมตัวให้พร้อมครับ
ที่สำคัญการเดินทาง ตลอดเส้นทางจะมีริบบิ้นสีขาว หรือที่โขดหินจะมีสัญลักษณ์บอกเราตลอดทางตามไปก็เจอเเน่นอนครับ ดูบรรยากาศการเดินทางกันครับ
สัญลักษณ์ตลอดเส้นทางที่บอกครับ
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ เเล้วเราก็มาถึงจุดถ่ายภาพครับ ผมยกให้เป็นจุด unique อีก 1 จุดเลยครับ
สำหรับจุดที่เราไปจริง ๆ เเล้วยังไม่ถึง Lion Rock นะครับ เพราะเรามีเวลาไม่มาก เเต่เเค่นี้ก็พอเเระครับ ^^
ก็ทิ้งท้ายรูปเท่ ๆ ไว้ 1 รูปนะครับ ใครงงก้บการเดินทางก็ IM มาถามเราได้เลยนะครับผม
สถานีต่อไป hollywood Road กับมุมชิคๆ และ MTR Admiralty
กว่าจะลงจาก Lion Rock ใช้เวลานานเลยครับ สำหรับใครต้องการจะเดินทางเส้นทางนี้ก็สามารถที่สอบถามได้นะครับ
หลังจากที่เราลงมาจาก Lion Rock ก็เดินทางต่อไปยัง hollywood Road เค้าว่ากันว่าถนนเส้นนี้มีตรอก
ซอยที่สวยงามมากครับ
การเดินทางเราเดินทางด้วย MTR ลงสถานี Sheung Wan ออกประตู E1 เเล้วเดินทางมาเรื่อย ๆ เลยครับ
ก็จะนำภาพบรรยากาศ 2 ข้างทางมาให้ชมกันนะครับ สำหรับเสน่ห์ของ hollywood Road สำหรับผมเเล้วจะมีร้าน
กาเเฟ ร้านอาหารเล็กๆ เยอะไปหมดเลยครับ ที่สำคัญผู้คนในโซนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นยุโรป ซึ่งจะได้บรรยากาศไปอีกเเบบครับ
ช่วงเวลาที่ผมไป ในโซน hollywood Road ก็จะมีซอกเล็กๆ ที่เป็น Christmas Market
บรรยากาศครึกครื้นเลยครับ เก็บภาพบรรยากาศมาฝากกัน สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปผมว่า ถนนเส้นนี้
เป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรเเวะมาเก็บภาพ ที่สำคัญ ยังมีงานศิลปะที่ขายเรียงรายอยู่ทั้งเส้นครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปยัง MTR Admiralty Station ครับ เพื่อจะไปเก็บบรรยากาศ ถนนตรงทางเชื่อม
เพื่อเก็บภาพรถวิ่งเวลากลางคืน ซึ่งจุดที่เราไปนั้นจะเป็นช่วงทางเชื่อมของตึกเพื่อข้ามไปยัง Tamar Park
โดยจาก Tamar Park เราสามารถมองเห็นตึกกับทะเลครับ การเดินทางก็นั่ง MTR ลงสถานี Admiralty Station
สำหรับ Tamar Park เหมาะมากครับสำหรับการวิ่งในเวลากลางคืน หลังจากนั้นเราใช้เวลาไม่นานครับ เราก็เดินทาง
ไปยัง Broadway Cinematheque ทีเเรกกะจะเเวะไปซื้อ DVD หายากซักแผ่นเเล้วก็ลุยย่าน Mongkok เพื่อเก็บ
ป้ายไฟ สวยๆ และคลาสสิค และที่สุดท้ายของวันนี้คือ Temple Street
เรามาถึง Broadway Cinematheque ช่วงค่ำ มีงานครบรอบ 20 ปีน่าจะเป็นของผู้กำกับใครซักคนพอดีครับ
ก็มีศิลปินกับผู้กำกับมาร่วมงานกันเยอะเลย (เเต่เราไม่รู้จัก 555) เก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมกันครับ
มี DVD หายากเยอะมากครับ สำหรับใครที่เป็นคนชอบดูหนัง ชอบสะสม DVD ผมว่าไม่ควรพลาดครับ เราใช้เวลาอยู่ไม่นาน
ก็เดินทางไปยังย่าน Mongkok เพื่อเก็บบรรยากาศไฟมาให้ดูกันครับ ย่านคึกคักมากครับ คนชอบช็อปปิ้งก็มาที่นี้กัน
ของกินสตรีทฟู้ดส์เยอะมาก
สวยงามครับ โดยเฉพาะป้ายไฟคลาสสิค หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยัง Temple Street
การเดินทางก็ไป MTR สถานี Jordan ย่านนี้ของกินเยอะมากครับ ของฝากก็เยอะ ที่สำคัญ
ของที่ระลึกส่วนใหญ่จะเป้นของละเมิดลิขสิทธิ์ เดินไปในโซนลึกๆ อาจจะเจอ Sextoys ก็มีนะครับ 555
สำหรับวันที่ 3 ถือว่าคุ้มค่าเเละเหนื่อยมากครับ เเต่ก็ได้รูปมาอย่างประทับใจ เเนะนำสำหรับการเดินทางนะครับ
ถ้ามี Map ถือไว้ก็จะดีมากครับ 55 ขนาดเราใช้ google map เรายังหลงเลย สำหรับวันที่ 4 ของเราก็จะกลับไปซื้อ
รองเท้าที่ย่าน Fa Yuen Street ครับ เเละก็มีเก็บภาพตลาด Tung Choi Street และก็เตรียมเดินทางกลับไทยครับผม
Day 4 [Fa Yuen Street, Tung Choi Street, Hongkong Airport]
สำหรับวันสุดท้าย ก็เป็นช่วงเวลาของการซื้อของกันบ้างครับ โดยเราจะไปซื้อของย่าน Fa Yuen Street
เพื่อซื้อรองเท้าครับ เเละมีโอกาสได้ไปเก็บภาพที่ตึกทอง The Royal Pacific Hotel เเละไปซื้อของฝากที่ City gate
โดยเป้าหมายเเรกคือ เช็คเอาท์โรงเเรมเพื่อไปฝากกระเป๋าที่ City gate ครับ เเล้วนั่งรถไฟย้อนกลับไปยัง Fa Yuen Street
(จริงๆ วางเป้าหมายไว้ว่าจะออกมาเช้าเเล้วไปช็อปก่อน เเต่คาดว่าคงใช้เวลานานเลยเปลี่ยนแผนนิดหน่อยครับ)
ใช้เวลาอยู่นานมากครับ สำหรับย่าน Fa Yuen Street เพราะรองเท้าเยอะจริงๆ สำหรับใครที่ชอบ
ผมว่าควรเตรียมเงินมาประมาณ 1 เลยเพราะมีให้เลือกหลากหลายจริง ๆ ครับ หลังจากนั้นก็มีโอกาส
ได้เเวะไปอีกที่นั้นคือย่าน Tung Choi Street ว่ากันว่าเป็นตลาดขายปลาทอง และเก็บบรรยากาศตลาดขายของสด
Fa Yuen Street Market and Cooked Food Centre ก่อนที่จะไปยัง The Royal Pacific Hotel ครับ
ก็เดินจาก Fa Yuen Street ไม่นานก็มายังย่าน Tung Choi Street จะเห็นสัญลักษณ์ปลาทองเด่นๆ เลยครับ
เเนะนำครับ ถ่ายรูปได้ อย่าซื้อกลับมาเลย มีหวังจะเป็นการฆาตกรรมเเน่นอนครับ 555 หลังจากนั้นในโซนเดียวกัน
ก็มีตลาดขายของสดที่ชื่อ Fa Yuen Street Market and Cooked Food Centre ก็เอาภาพมาชมกันครับ
เราใช้เวลาที่เหลือกันอย่างคุ้มค่าครับ สำหรับใครที่ต้องการซื้อของฝากผมคิดว่า ให้วางเเผน อาจจะไปซื้อที่ City gate
เหมือนเราก็ได้ครับ เพราะที่นั้นก็มี Supermarket ที่มีขนมฝากอยู่ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยครับจนมาถึง
สนามบิน ปิดทริป 4 วัน 3 คืนที่ ฮ่องกง กับการตะลุยถ่ายภาพ เเน่นอนครับ เราจะกลับไปอีกเเน่นอน 555 เพราะครั้งนี้
มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก เราเดินทางกลับไฟท์ ตี 3 เราก็ไปถึงสนามบินก่อนเวลาครับ
ทริปนี้ต้องขอบคุณ น้อง ๆ ที่มาด้วยกันเเละภาพถ่ายบางภาพในกระทู้ครับ
Thank : Nat Natjadee & Wanicbut Wattanamatiphot
ขอบคุณทุกท่านครับ
Isarapab Chumruksa
วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.44 น.