ใครว่าเรากอดวัดไม่ได้ ลุงวีกอดมาแล้ว (เกือบหอมด้วย)


ก่อนหน้านี้เห็นมีโฆษณาจาก ททท.บอกให้เราเที่ยวกอดโน่นกอดนี่ในประเทศ

ลุงยังคิดว่าเขาพูดอะไรแปลก ๆ

แค่จะเอาเท่เข้าว่าเท่านั้นละมั้ง!

แต่พอได้ไปเยือนวัดร่องขุ่นเข้าจริง ๆ ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองละเข้าใจเลย



ก่อนหน้านี้เคยเห็นภาพวัดนี้ทั้งในเว็บและในทีวี

ทราบและยอมรับว่าเป็นวัดที่สวยงาม

จนคนจากทั้งโลกต้องพากันหลั่งไหลมาเยี่ยมชม



ต่อเมื่อได้เห็นด้วยตาตนเองจึงตระหนัก (ด้วยขนที่ลุกชันครั้งแล้วครั้งเล่า) ว่า

ไม่ใช่สวยธรรมดาเสียแล้ว

วัดนี้ถึงขนาดสรวงสวรรค์ เทียบได้กับปิรามิดของอียิปต์ (ก็ลุงรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ นี่ ใครจะว่าเวอร์ก็ยอมละ)

หรือจะให้เอาไปเทียบกับภาพโมนาลิซ่าก็ย่อมได้

ไม่ได้การแล้ว เราต้องขอกอดเจ้าของผลงานนี้ให้ได้ ถึงตายก็ยอมละ


ไวเท่าความคิด ปากเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่แถวนั้นว่าวันนี้อาจารย์มาไหม

ได้ความว่า "อาจารย์น่าจะอยู่ข้างหลังวัด แต่นั่งวีลแชร์อยู่ เพราะวิ่งออกกำลังแล้วเท้าแพลง"

พอรู้ทิศของเป้าหมายแล้วลุงก็เริ่มออกตามหา

แต่ก็ถูกป้าเรียกให้รีบ เพราะจะไปที่อื่นกันต่อแล้ว

คนอื่นในทีมก็เริ่มวนไปยังทางออกกันแล้ว


แต่ลุงไม่ยอมแพ้ ชวนป้าว่า "ไปกอดอาจารย์เฉลิมชัยกัน"

ป้าได้ยินเข้าก็ใจอ่อน ยอมตามลุงไปแต่โดยดี (ป้าย่อมจะต้องใจอ่อนกับลุงอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเป็นป้าได้ไงชิมิ)


ป้าคนสวยของลุงกำลังเซลฟี่อยู่กับเพื่อน


ไปเดินหากันจนทั่วก็ไม่เห็นมี

เดินไปจนถึงท้ายวัดก็แล้ว ท่าทางจะไม่เจอแน่แล้ว

แต่แล้วลุงก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วมาเข้าหู เสียงคุ้น ๆ อย่างที่เคยได้ยินทางทีวี

ลุงเพ่งมองไปทางซ้าย ยังลานจอดรถข้างหลัง


ก็เห็นลิบ ๆ ว่ามีรถวีลแชร์จอดอยู่

แล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยกับคนบนรถวีลแชร์

คนบนรถวีลแชร์นั้นสวมหมวกด้วยทำให้มองไกล ๆ แล้วไม่เหมือนอาจารย์ที่ลุงเคยเห็น

แต่เสียงแจ้ว ๆ ที่แว่วมา มันบ่งบอกว่าต้องใช่ท่านแน่


ลุงจึงตรงเข้าไปขอกอดท่านให้หนำใจ

บอกท่านด้วยว่า "คนที่ทำได้อย่างนี้ต้องไม่ใช่คน (เอาแล้ว ถ้าพูดต่อไม่ดีมีโดนถีบทั้งที่เท้าเจ็บแน่) แต่ต้องเป็นเทพอะไรสักอย่าง (รอดตัวไป)"


แล้วก็แปลกนะที่ท่านไม่ยักปฏิเสธ ท่านรับเฉยเลย ทำนอง "อืม..." หรือ "เออ..." หรืออะไรทำนองนั้น

(จำไม่ได้ว่าท่านพูดอย่างไรแน่ จำได้แต่ว่าท่านรับ)

หรือท่านจะรู้ตัวว่าท่านเป็นเทพจริง ๆ (อันนี้ไม่มีเฉลย ต้องเก็บไปคิดกันเอาเอง)

แต่ท่านก็ไม่น่าจะเป็นมนุษย์หรอก มนุษย์ทำอะไรอย่างนี้ได้ที่ไหน จริงมิ

ไม่เชื่อคุณต้องไปดูวัดร่องขุ่นของจริงด้วยตาตนเอง (ลุงขอท้า)


ไม่แต่เท่านั้น ลุงยังฮึกเหิมถึงขนาดขอหอมแก้มท่าน ยื่นหน้าเข้าไปแล้ว ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป...

ทำไมมันไม่ถึงสักทีวะ


"เฮ้ย...ไม่เอา เดี๋ยวคนเขาหาว่ากูเป็นตุ๊ด ไอ้ห่าเอ๊ย" (ไม่โกรธ เพราะมันเป็นสร้อยที่ท่านติดปาก แม้แต่ตอนออกทีวี)

ไม่หอมก็ไม่หอม...

แต่ก็ได้กอดสมใจปรารถนาแล้ว


ชื่นมื่นกันปาย...


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

อันคนเรานั้น หากมีความปรารถนาเพียงพอ (ดุจไฟที่ลุกโชนแล้ว)

ต้องการอะไรก็ย่อมได้ (ดุจดังที่ลุงได้กอดอาจารย์เฉลิมชัยไอดอลของชีวิตคนนี้จนหนำใจ)


แต่ถ้าเรามีความอยากเพียงน้อยนิด

เหมือนได้ก็ดี มันก็จะไม่อาจช่วยให้ประสบความสำเร็จได้

(ก็มันเป็นเหมือนแค่เปลวเทียนที่ริบหรี่ใกล้จะดับแหล่มิดับแหล่ออกอย่างนั้น)


เพราะฉะนั้น หลังจากตั้งเป้าอะไรแล้ว

เราต้องใส่ความปรารถนาที่คุโชนรุนแรงดุจไฟบัลลัยกัลป์เข้าไปด้วย

แล้วสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็ย่อมจะต้องลอยมาอยู่ในกำมือของท่านทุกคนได้ทั้งหมดทั้งสิ้น

ลุงวีขอยืนยัน... (นั่งยัน นอนยัน ยันมันได้ทุกท่า)


อ้อ...ต้องมี ปล.หน่อย: ใครไปเที่ยววัดร่องขุ่น อย่าไปเที่ยวไล่ปล้ำกอดอาจารย์เฉลิมชัยนะ ขืนไปกอดกันหลาย ๆ คน ท่านจะเฉามือเอา เก็บท่านไว้เป็นสุดยอดปูชนียบุคคลด้านศิลปะรัตนโกสินทร์นาน ๆ ดีกว่าครับ ให้ลุงวีกอดคนเดียวพอแล้ว (นอกเหนือไปจากคนในครอบครัวของท่าน 555) พร้อมกันนี้ก็กราบขออภัยอาจารย์เฉลิมชัยด้วยที่บังอาจนำภาพของอาจารย์มาลงโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนครับ


--------------------------------

ความคิดเห็น