26-27 /11/2559
ทริปเดินป่าไป 9.2 กิโลเมตร กลับ 9.2 หน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระ น้ำตกลำอีซู ตัวล่าง. นอนป่ามากกว่านอนบ้าน ทุกวันนี้ขนจะงอกออกมาเป็นลิงแล้ว ลำบากแค่ไหนก็ไปถึงสวยมาก ชอบ เส้นทาง เพื่อนร่วมทาง คือ มันดีต่อใจ คิดถึงนะ คนรักษ์ป่า ขอบคุณ จนท.ทุกๆ คนมากคะ พี่สุชาติ พี่ตุ้ม แฟง ขอบคุณหัวหน้าไพฑูรย์ที่อนุญาตให้เราได้ไปชมธรรมชาตที่สวยงาม (พื้นที่นี้ต้องขออนุญาตเข้าเป็นรายๆ ไป ยังไม่ใช่สถานที่ที่จะพักแรมได้) ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้คะ
หน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่บนสุดทางทิศตะวันออกอยู่ในพื้นที่ของอำเภอบ่อ พลอย สำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าตั้งอยู่ริมห้วยอีซู มีสถานที่สวยงาม เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการ และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำอีซูตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ทริปนี้ต้องบอกก่อนว่าต้องอนุญาตทางเขตเข้าเป็นกรณีพิเศษ เส้นทางที่เราไปไม่ใช่เส้นทางศึกษาธรรมชาติเราจะเดินเข้าไปที่น้ำตกลำอีซู ทีมของเราประกอบไปด้วย เช เลขามด พี่ติ๋ว(ลุงตะหลิว) สีน้ำ ออย นนท์ คุณใหม่ และเจ้าหน้าที่นำทางอีก 4 คน
อ่านสักนิด เพราะเราคิดว่าน้อยคนมากๆ ที่จะเคยได้ยิน หรือ ได้เข้ามาสัมผัสที่นี่กับสถานที่ที่ชื่อว่าเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าสลักพระ
ป่าเมืองกาญจน์ในอดีต“จังหวัดกาญจนบุรีเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ แต่หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา(พ.ศ. 2484 - 2488) สัตว์ป่าถูกล่าจนเกือบหมดสิ้นไป การล่าสัตว์ส่วนมากไม่ได้ล่าอย่างแบบกีฬา แต่เป็นการล่าแบบล้างผลาญ เช่น การนั่งรถจี๊ปส่องไฟสปอร์ตไลท์ฉายกราดแล้วยิงไม่เลือกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์หรือไม่ แม้แต่ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ซึ่งเป็นสัตว์สวยงามประดับป่าก็ถูกยิงจนแทบไม่เหลือติดป่า กระต่ายป่าซึ่งเคยมีตามท้องทุ่งก็ถูกยิงจนแทบสูญสิ้นนกยูงอันเป็นต้นเสียงของเพลงเขมรไทรโยค ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงพระนิพนธ์ก็ถูกยิงจนแทบไม่มีเหลือ"
เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าสลักพระ เป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าแห่งแรกในประเทศไทย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี แต่เดิมชาวบ้านรู้จักกันดี เรียกว่า ทุ่งสลักพระ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม พรานป่าสมัยดั้งเดิม เช่น น้อย อินทนนท์ นพ.บุญส่ง เลขะกุล จะรู้จักป่าสลักพระได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากบทประพันธ์ของท่านเหล่านี้จะมีเรื่องเกี่ยวกับการออกล่าสัตว์ป่าในทุ่งสลักพระ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ในป่าสลักพระมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่อยู่ในเชิงเขาล้อมรอบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าและต้นไม้ที่ออกผล เป็นอาหารของสัตว์ป่าอยู่มากมาย เช่น มะขามป้อม ไทร มะกอก สมอ ฯลฯ และยังมีโป่งดินเค็มซึ่งสัตว์ป่าต้องการลงกินเป็นจำนวนมากกว่า 100 โป่ง ทุ่งสลักพระมีพื้นที่ประมาณ 20,000 - 23,000 ไร่ และยังมีทางติดต่อกับทุ่งหญ้ากว้างอีกแห่งหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ เรียกว่า ทุ่งนามอญ ซึ่งสัตว์ป่าสามารถหนีภัยข้ามไปมาได้ในป่าทุ่งสลักพระและยังมีลำห้วยไหลผ่านและมีน้ำตลอดปี ลำห้วยที่สำคัญได้แก่ ห้วยสะด่องหรือห้วยสลักพระ ซึ่งสัตว์ป่าได้อาศัยกินนอกจากนั้นบริเวณติดต่อทุ่งสลักพระกับทุ่งนามอญ และยังมีน้ำตกที่สูงชันและสวยงามอีกด้วย สัตว์ป่าในป่าทุ่งสลักพระถูกรบกวนจากพรานอาชีพและพรานสมัครเล่นมาเป็นเวลาช้านาน สัตว์ป่าซึ่งแต่เดิมมีอยู่มากมายจึงเหลือน้อยลงไป
ต่อมาทางราชการได้จัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และประกาศในราชกิจจานุเบกษาขึ้นเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรก เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2508 มีเนื้อที่ประมาณ 963 ตารางกิโลเมตร หรือ 602,000 ไร่ นับเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2515 ได้มีการเพิกถอนพื้นที่บางส่วนเพื่อประโยชน์ในการให้สัมปทานบัตรเหมืองแร่ เหลือเนื้อที่ประมาณ 936.20 ตารางกิโลเมตร หรือ 585,125 ไร่ วันที่ 11 สิงหาคม 2520 ได้เพิกถอนพื้นที่บางส่วน เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ และใช้เป็นที่สำหรับอพยพราษฎรจากบริเวณน้ำท่วม เหลือเนื้อที่ประมาณ 858.55 ตารางกิโลเมตร หรือ 536,594 ไร่ ในปัจจุบัน
เดินทางไปถึงอุทยานตอน 11.50 น. ของวันที่ 25 พ.ย.2559 ไปถึงกางฟลายชีทนอน (ทีมาถึงช้าเพราะบางคนเดินทางมาจาก กทม. เส้นทางเหมาะสำหรับรถปิคอัพ)
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสายไหลรวมลงสู่แม่น้ำแควใหญ่ สาขาแม่น้ำแม่กลอง เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนท่าทุ่งนา
สาระน่ารู้
พ.ศ. 2500 นายแพทย์บุญส่งฯพบว่าป่าสลักพระมีสัตว์ป่าแทบทุกชนิดที่มีอยู่ในเมืองไทยและได้
เกิดความคิดว่าควรจัดตั้งป่าสลักพระเป็นอุทยานแห่งชาติ ดังปรากฏในหนังสือเรื่อง “เที่ยวป่า" ของท่านตอนหนึ่ง
ว่า “…จากเมืองกาญจน์เราก็มาถึงตำบลลาดหญ้า ซึ่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ว่าเคยเป็นสนามรบที่เราเคย
ชนะพม่า เลยตำบลลาดหญ้ามาได้ไม่นานเราก็เห็นป้ายปิดอยู่ข้างทางว่า “เขตอุทยานแห่งชาติกาญจนบุรี ห้ามล่า
สัตว์" คนขับรถก็เบารถให้ผ่อนช้าลงเพราะกำลังจะขึ้นสะพานคอนกรีตซึ่งทอดข้ามลำตะเพิน เราเห็นสถานที่
ทำงานของอุทยานแห่งชาติเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ตรงเชิงสะพานตรงฟากข้างโน้นของลำตะเพิน..."
สภาพธรณีวิทยา
จากการที่พื้นที่บางส่วนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯมีสภาพธรณีสัณฐานลักษณะ พื้นที่แบบคาร์ส (Karst Topography) เป็นสภาพพื้นที่ที่มีหินรองรับอยู่ ตอนล่างเป็นหินปูน มีลักษณะพิเศษในการสร้างตัวของสภาพพื้นที่แบบที่เด่นชัด มีแอ่งจม (Sink hole) และถ้ำซึ่งมีการสำรวจพบเพียงบางส่วน อันเป็นระบบนิเวศที่มีลักษณะเฉพาะ เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าและอารยธรรมของมนุษย์ที่ควรมีการศึกษา และวิจัย เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนในระยะยาว จากการสำรวจพบถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากฝั่งขวาของลำน้ำแม่ละมุ่น ซึ่งรอการพิสูจน์จากนักวิชาการ ถ้ำโจร มีลักษณะเป็นถ้ำหลายห้อง ทางเข้าถ้ำต้องไต่เชือก ซึ่งเคยเป็นที่หลบหนีของผู้ก่อการร้าย
ตื่นเช้าก็ทำอาหารเช้า
ลักษณะการบริหารและการจัดการ การแบ่งเขตการจัดการพื้นที่
1. เขตหวงห้าม (Strict Nature Reserve Zone) เป็นบริเวณที่มีสังคมพืชและป่าไม้สมบูรณ์ควรค่าแก่การรักษาไว้ เพื่อเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าและแหล่งต้นน้ำลำธาร ซึ่งพื้นที่เขตนี้ไม่ยอมให้มีการใช้ประโยชน์ใดๆนอกจากปล่อยไว้ให้เป็นสภาพ ดั้งเดิม เพื่อมิให้เกิดการรบกวนสัตว์ป่าและสภาพธรรมชาติโดยรอบ พื้นที่ที่จัดอยู่ในเขตนี้ ได้แก่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บริเวณพื้นที่ภูเขาทุ่งนามอญ และทุ่งสลักพระ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
2.เขตสงวนสภาพธรรมชาติ (Primitive Zone) เป็นบริเวณที่จะต้องคุ้มครองรักษาสภาพสังคมพืชและสัตว์ป่า ตลอดจนสภาพธรรมชาติดั้งเดิมมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบเขตหวงห้าม และกำหนดให้มีการใช้ประโยชน์เฉพาะกิจกรรม เพื่อการคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติและการศึกษาวิจัยเพื่อการสงวนไว้ซึ่ง ระบบนิเวศของพื้นที่ให้ยั่งยืนสืบไป
3.พื้นที่ฟื้นฟูธรรมชาติ (Recovery Zone) เป็นบริเวณที่มีสภาพธรรมชาติถูกทำลายจนเสื่อมโทรม จำเป็นต้องฟื้นฟูให้กลับสภาพเดิม โดยการปลูกเสริมป่าทดแทนและปล่อยให้ฟื้นตัวคืนสู่สภาพธรรมชาติ พื้นที่บริเวณนี้ ได้แก่ บริเวณพื้นที่ที่ถูกราษฎรบุกรุกทำการเกษตรและบริเวณที่ทรัพยากรธรรมชาติ เสื่อมโทรมโดยธรรมชาติหรือสาเหตุอื่นๆ เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติบริเวณดังกล่าวให้สามารถรักษาความสมดุลของ ระบบนิเวศในระยะยาว
4.เขตบริการศึกษาธรรมชาติและการสื่อสารธรรมชาติ (Nature Education and Interpretation service Zone) เป็นเขตที่กำหนดขึ้นจากบริเวณพื้นที่สภาพธรรมชาติ ที่มีจุดเด่นสวยงามและคุณค่าในการศึกษาเรียนรู้ของประชาชน เพื่อการพัฒนาจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากร ธรรมชาติอย่างยั่งยืน (Sustainable Utilization) และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์อย่างแท้จริง พื้นที่ส่วนนี้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้แก่ สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ เป็นสถานีที่ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่า โดยมีกิจกรรมสื่อความหมายธรรมชาติจากเจ้าหน้าที่สื่อความหมาย และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาตินายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล เป็นหน่วยงานของกรมป่าไม้ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ เป็นสถานที่ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป
หน่วยพิทักษ์ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระที่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติศึกษาบริการ
หน่วยพิทักษ์ป่าแม่ละมุ่น เป็น หน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่ทางด้านบนของพื้นที่ ที่ตั้งของหน่วยฯสามารถมองเห็นลำห้วยแม่ละมุ่นที่มาบรรจบกับห้วยแม่ปลาสร้อย ไหลลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ ด้านหลังของสำนักงานมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่อง ตั้งอยู่บริเวณปากลำห้วยสะด่องที่ไหลลงสู่เขื่อนท่าทุ่งนา บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าสะด่องมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอยู่ 1 จุด บริเวณฝั่งตรงข้ามของลำห้วยสะด่องเป็นที่ตั้ง สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาธรรมชาติและการจัดอบรมด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญอีกแห่ง หนึ่ง
หน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่บนสุดทางทิศตะวันออกอยู่ในพื้นที่ของอำเภอบ่อ พลอย สำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าตั้งอยู่ริมห้วยอีซู มีสถานที่สวยงาม เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการ และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำอีซูตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
5.เขตบริการ (Intensive Use Zone) เขตนี้จัดไว้เพื่อรองรับสิ่งก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่ การบริการประชาชนด้านการศึกษาธรรมชาติและการสื่อความหมายธรรมชาติ พื้นที่เขตนี้ ได้แก่ ที่ทำการและหน่วยพิทักษ์ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสถานีพัฒนาและส่งเสริม การอนุรักษ์สัตว์ป่า และศูนย์ควบคุมไฟป่าภาคกลาง
6.เขตกิจกรรมพิเศษ (Special Use Zone) เป็นเขตกำหนดขึ้นระยะแผนนี้ เพื่อหยุดยั้งการบุกรุกพื้นที่ของราษฎร โดยมีการกำหนดมาตรการที่ชัดเจนและแผนการใช้ที่ดินที่เหมาะสมตามทิศทางและแนว นโยบายแห่งรัฐ พื้นที่ในเขตนี้ ได้แก่ บริเวณพื้นที่บุกรุกของราษฎรรอบๆเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ
7.เขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) เป็นพื้นที่บริเวณรอบนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการและพื้นที่ถือครองของราษฎร จัดเป็นเขตพื้นที่ควบคุมและส่งเสริมการใช้ประโยชน์ โดยมีแผนการใช้ที่ดินที่เหมาะสม อำนวยประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบและภัยคุกคามต่อสภาพธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ
หลังจากทานข้าวแล้วก็จัดเสบียงสำหรับมื้อกลาววัน และจัดกองกลางไว้ 7 กอง สำหรับแบ่งกันแบก
สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระและหน่วยพิทักษ์ป่า
1. ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ/หน่วยพิทักษ์ป่าหนองหอย
2. หน่วยพิทักษ์ป่าแม่ละมุ่น
3. หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ปลาสร้อย
4. หน่วยพิทักษ์ป่าหม่องกระแทะ
5. หน่วยพิทักษ์ป่าแก่งแคบ
6. หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่อง
7. หน่วยพิทักษ์ป่าท่าทุ่งนา
8. หน่วยพิทักษ์ป่าช่องหล่า
9. หน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระ
10. หน่วยพิทักษ์ป่าผาลาด
11. หน่วยพิทักษ์ป่าสลอบ
12. หน่วยพิทักษ์ป่าเขาช่องประตู
13. หน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี
บริเวณรอบๆ หน่วย ด้านข้างจะเป็นธารน้ำ ไม่แน่ใจว่ามีน้ำตลอดทั้งปีหรือไม่ มีห้องน้ำสะอาดสะอาด มีชาวบ้านและคนแถวนั้นมาเล่นน้ำช่วงวันหยุด แต่ยังไม่อนุญาตให้ค้างแรม
ลักษณะป่าไม้ในตำบลหนองรี มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งป่าไม้เบญจพรรณ และป่าไม้ผลัดใบเสื่อมโทรม โดยมีพื้นที่ป่ าทั้งหมดจำนวน 63,993 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 59.92 ของพื้นที่ทั้งหมด
เก็บบริเวณที่พักให้สะอาดแบ่งเสบียงกองกลาง ไม่มีลูกหาบของทุกอย่างต้องช่วยกันแบก อาหารต้องช่วยกันทำ รวมตัวกันพร้อมกับฟังหัวหน้าสุชาติอธิบายถึงเส้นทางและวางแผนการเดินทาง เอาเป้ขึ้นหลังเตรียมออกเดินทาง
กลุ่มของพวกเรา เกิดจากคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง เดินป่า ชอบธรรมชาติ มารวมตัวกัน เราแต่ละคนแทบไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่ละคนมีสไตล์เปนของตัวเอง บางคนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางคนเดินเร็ว บางคนเดินช้า บางคนสายตำจอก บางคนถึงเวลาติสแตกก็ปล่อยไปถึงเวลาเด้วยานแม่คายออกมาเอง และหลายๆ อย่าง ซึ่งพอมารวมๆ กันแล้วมันพอดี จะบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเราเป็น Limited editions
หน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่บนสุดทางทิศตะวันออกอยู่ในพื้นที่ของอำเภอบ่อพลอย สำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าตั้งอยู่
ริมห้วยอีซู มีสถานที่สวยงาม เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการ และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำอีซูตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ แต่ตัวน้ำตกยังไม่เปิดให้เดินไปเพราะมีระยะทางที่ไกล และเส้นทางเปราะบางต่อระบบนิเวศ อีกทั้งอันตรายจากสัตว์ป่า ไหนจะงานของเจ้าหน้าที่ที่มีจนล้นมือ
สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของตำบลหนองรี มีลักษณะเป็นที่ราบลูกฟูกหรือเป็นที่ราบเชิงเขา และที่ราบลุ่มลาดเอียงสลับภูเขาเป็นบางส่วน มีลำห้วยสายสำคัญไหลผ่าน 2 สายหลัก คือ ลำห้วยลำตะเพิน ซึ่งไหลมาจากอำเภอหนองปรือผ่านตำบลหนองรี และไหลผ่านตำบลอื่นๆ ทางทิศใต้ไหลมาบรรจบที่บ้านท่าเสา ต.ลาดหญ้า อ.เมือง และลำห้วยลำอีซูไหลมาจากต้นน้ำทิศตะวันตกของตำบลลงมาอ่างเก็บน้ำลำอีซูและไหลมาบรรจบกับลำห้วยลำ
ตะเพินในตำบลหนองรี
เริ่มออกเดินทางราว 8.30 น.
ทางช่วงแรกจะเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นทางสวยมาร่มรื่น
จำได้ว่าเดินมาราวสามนาทีเศษ เช ก็ถ่ายรูปตอนเดินทางเพลินๆ ได้ยินเสียงตู้มมมม หันไปเลขามด ลื่นไถล ลงไปในห้วยละ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร อยากอาบน้ำ หรือทำอะไร ผมหละขำ อะครึ อะครึ สนน.
ทางเดินช่วงแรกเป็นป่าไผ่ เดินไม่ลำบาก อากาศสบายๆ
เริ่มเข้าสู่ทางชัน ตอนแรกถามลุงธงสีฟ้าว่า สภาพเส้นทางเป็นไงบ้างลุง ลงุธงแกตอบว่าผ่าไผ่ เดินสบาย (เราว่าเราต้องเียกลุงธงมาเคลียแล้วหละ)
เดินไปสักพักเริ่มแบ่งพรรค แบ่งพวก หายใจกันฝืดฟาด
หลังจากเดินกันงุดๆ ก็แวะพักที่ริมห้วย คุณใหม่ไม่รอช้าวักน้ำขึ้นใส่ปาก
พี่สุชาติ กับ แฟ (ภาพบน) พี่คอยให้ความรู้และเล่าเรื่องราวต่างๆให้พวกเราฟังตลอดทาง
หลังจากพักหายใจหายคอก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างมางพี่สุชาติก็ยังบรรยายถึงสิ่งต่างๆ เวลาที่เราเดินผ่าน
ภาพบน
สมุนไพรกระไดลิง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะลืมคำ (เชียงใหม่), กระไดลิง (ราชบุรี), กระไดวอก โชกนุ้ย (ชาวบน-ชัยภูมิ), เครือเสี้ยว (ไทใหญ่), กระไดวอก มะลืมดำ (ภาคเหนือ), บันไดลิง, ลางลิง
ลักษณะของกระไดลิง
ต้นกระไดลิง จัดเป็นพรรณไม้เถาเนื้อแข็งผลัดใบขนาดใหญ่ มีมือเกาะ มักขึ้นพาดพันตามเรือนยอดของต้นไม้อื่นไปได้ไกล เถาแก่มีลักษณะแข็ง เหนียว แบน โค้งไปมาเป็นลอนสม่ำเสมอ ลักษณะเป็นขั้น ๆ ดูคล้ายบันได จึงเรียกชื่อพรรณไม้ชนิดนี้ว่า “กระไดลิง" ตามกิ่งอ่อนจะมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยงไม่มีขน มีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดีย ภูมิภาคอินโดจีน และอินโดนีเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วภาคของประเทศ ยกเว้นภาคใต้ เช่น จังหวัดเลย, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, อยุธยา, กาญจนบุรี, สระบุรี, จันทบุรี, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ตราด, ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ โดยมักขึ้นตามป่าดิบแล้งและตามป่าเบญจพรรณชื้น
เถาวัลย์ เป็นไม้เลื้อย ที่ไม่มีเนื้อไม้ ไม่มีลำต้น อาศัยเลื้อยเกาะพันเกี่ยวไปตามต้นไม้ใหญ่หรือหน้าผา เพื่อรับแสงแดดนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงและปรุงอาหาร
ในขณะเดียวกัน ต้นไม้ต้นใดไม่มีความแข็งแรงพอก็จะถูกเถาวัลย์โอบรัดเกาะเกี่ยวและพายุฝนลมแรงรั้งดึงให้ล้มลงไปได้ก็ ถือเป็นการคัดเลือกทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เถาวัลย์เป็นเครื่องบอกทิศได้โดยให้สังเกตรอบแรกของเถาวัลย์ ถ้าพันไปทางไหนหมายความว่าทิศนั้นเป็นทิศตะวันออก
ประโยชน์ของเถาวัลย์ยังเป็นระบบคมนาคมของฝูงลิงนานาชนิด ได้อาศัยเถาวัลย์เป็นเครื่องโหนตัวไปด้านโน้นด้านนี้ อีกด้วย
ตรงนี้เป็นหน้าผา แต่วิวเปิด มองเห็นลำห้วยด้านล่าง แต่ไม่ได้ถ่ายภาพ
เส้นทางสวยงาม
เดินป่าประมาทไม่ได้ สติเป็นสิ่งสำคัญ ต้องสังเกตุทุกอย่างรอบๆ ตัว
แวะเล่นน้ำกันที่จุดแรก กำลังร้อนเลย
เล่นฟองสบู่กัน
มีคนอยากเล่นหละ ชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟเลย สนน.
ออกเดินทางต่อ
ต้นไม้มีหนาม
อีกจุดที่แวะ ตรงนี้เป็นทางลาด ยาวๆ ถ้าช่วงหน้าฝน พี่ชาติบอกว่าสวยมาก
เส้นทางสวยงามมาก แทบทุกจุดแวะได้ตลอดทาง
เก็บภาพสมาชิก
หมดเวลาสนุกแล้วออกเดินกันต่อ
เดินดูนั่น ดูนี่ไปเรื่อย
เดินกันต่อไป เส้นทางนี้สวยทุกจุดจริงๆ
แวะพักทานข้าวกันตรงนี้
ความสุขมันมีแค่นี้จริงๆ เรียบง่าย
คุณใหม่เป็นตระคริว พี่ต้นช่วยได้เยอะคะ แกเตะบอลเลยรู้วิธีการ ปฐมพยาบาล
ก่อนที่จะทานอาหารมีเหตุการเกิดขึ้น พี่ต้นที่กำลังล้างหน้าเกิดลื่นตกลงไปในร่องน้ำตก สูงมากด้วย ดีที่หัวไม่ไปฟาดกับหินแตก ตอนแรกคิดว่าแกเล่นสไลด์เดอร์ แต่พอดูชัดๆ แกค่อยไถลลื่นลงไป ใจหายหมดเลย
หลังจานทานข้าวกลางวันก็ออกเดินต่อ ทางช่วงนี้ต้องฟันทางตลออดเพราะป่ารก บางช่วงเป็นร่องน้ำลึก ต้องช่วยกันเวลาข้าม
ทางบางช่วงเดินริมผาทางชัน เดินลงหุบ เดินเลาะตามห้วย
เดินเลาะห้วยไปเรื่อยๆ
เส้นทางสวยจริงๆ
เดินมนจนถึงบริเวณที่ตั้งแค้มป์ จัดการฝูกเปล ตั้งแค้มป์กองกลาง เสร็จแล้วจะเดินไปตัวน้ำตกลำอีซูต่อ
ทางเดินไปยังตัวน้ำตก
น้ำตกลำอีซูตัวล่าง
พี่บอกว่า นี่เป็นน้ำตกตัวล่างถ้าไปจะตัวบนต้องใช้เวลานานกว่านี้ รอบหน้าเราจะไปให้ถึงนำตกตัวบนเลย
หลังจากเล่นน้ำตกแล้ว ก็กลับที่พัก หุงหาอาหาร
เมนูก็บ้านๆ
บรรยากาศตอนเช้า
ทานอาหารเช้า ห่อข้าวสำหรับมื้อกลางวัน วันนี้ไม่เร่งรีบเท่าไร
ถ่ายภาพหมู่ เก็บข้าวเก็บของเตรียมเดินทางกลับ
กลับเส้นทางเดิม คะ
ขากลับสี้น้ำเดินเฉี่ยวรังแตน แค่ไม่กี่เซน ดีไม่แตกฮือมาทั้งรัง ไม่งั้นมีหวังวิ่งกันป่าราบ
กลับออกมาจากป่าก็ อาบน้ำ กินข้าว และสวัสดีพี่เจ้าหน้าที่นำทางทุกคนคคุยและร่ำลากัน แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
ทริปนี้เป็นทริปที่สวยงามมาก ป่าของเรายังสมบูรณ์ดี ขอบคุณทุกท่านที่อ่านรีวิว จนจบนะคะ ภาพน้ำตกอาจไม่สวยขออภัยมานะที่นี้ด้วย
I'm Che
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.40 น.