ทริปนี้ก็เหมือนเดิมเขี่ย facebook ไปมาเห็นหัวหน้าต้นโพสว่าต้องการหาคนไปช่วยทำจุดชมวิวเขาหลวงนครสวรรค์และเดินสำรวจยอดเขาเขียวกันต่อ ถ้ามีเวลาเพราะทางไปเขาเขียวเป็นป่าบุ เดินลำบาก เชเองก็ช่วยโพสหาอาสาสมัครที่จะไปช่วยกันทำจุดชมวิว แต่ไม่มีใครมาด้วยเลย งานนี้จึงมีแค่ จนท. 3 คน และ เช พี่วุฒิ กุ้งกับเพื่อนของกุ้งอีก 3 คน ทริปนี้ต้องแบกเป้เอง ทำอาหารและจัดการเรื่องเสบียงกันเองเหมือนเคย ติมตามการเดินทางไปสำรวจและทำจุดชมวิวของพวกเราด้วยนะคะ

เราเดินทางโดยรถทัวร์จากกาญจนบุรี ค่ารถ 200 บาทไปถึงแยกหนองเบนก็ลงรถ ยืนรอคนมารับหน้าเซเว่น โดยจะมีเพื่อนออกมารับ (ถึงแยกหนองเบนตอนสี่ทุ่ม)



วนอุทยานเขาหลวงตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาหลวงแปลงที่ 1 จังหวัดนครสวรรค์ และแปลงที่ 2 จังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่รวมกัน 71,562 ไร่ หรือ 114.5 ตาราง -กิโลเมตร กรมป่าไม้ได้ดำเนินการจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2539

จุดเด่นที่น่าสนใจ

ยอดเขาหลวง เป็นยอดสูงสุดของเทือกเขาหลวง มีส่วนเป็นที่ราบ สามารถพักค้างแรมได้มีลมพัดคลอดเวลา อากาศเย็นสบายและยังมีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นตัวเมืองในอำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบ่อขุดทองคำขนาดใหญ่จำนวน 1 บ่อและบ่อเล็กประมาณ 20 บ่อ ซึ่งราษฎรได้เข้ามาตามลายแทงเมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว บนยอดเขายังพบบ่อน้ำซับหลายแห่งชาวบ้านเรียก “สระแก้ว" โดยมีความเชื่อว่าน้ำในบ่อสามารถรักษาโรคได้ ขึ้นไปยอดเขาจะต้องใช้เวลาเดิน 3 - 4 ชั่วโมง

ยอดเขาเขียว เป็นยอดเขาที่สูงรองจากยอดเขาหลวงอยู่ในระดับ 762 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ด้านทิศใต้ของเขาหลวง มีทางเดินเชื่อมกันตามแนวสันเขาประมาณ 4-5 กิโลเมตร บนยอดเขาจะพบ “บ่อขุดทองคำ" เชื่อมกับ “บ่อน้ำซับ" และ “ถ้ำน้ำ" ซึ่งเป็นโพรงถ้ำขนาดเล็ก มีน้ำซึมตามผนังถ้ำตลอดปี

ถ้ำบ่อยา เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือ เป็นทางวัดถ้ำบ่อยาใช้เป็นที่นั่งวิปัสสนา

ถ้ำเขาพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ด้านเหนือสุดของเทือกเขาหลวง สภาพภายในถ้ำค่อนข้างสมบูรณ์ อยู่หลังสำนักปริวาสกรรมหลวงพ่อจ้อย

ถ้ำเขาประทุน เป็นถ้ำหินปูนขนาดเล็ก ที่อยู่เหนือถ้ำบ่อยาขึ้นไป มีสภาพสมบูรณ์



สิ่งอำนวยความสะดวก

วนอุทยานเขาหลวง ไม่มีบ้านพักหรือค่ายพักแรมบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนัก ท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปพักแรมค้างคืนและพักผ่อนหย่อนใจ หรือศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติโปรดนำเต้นท์ไปกางเอง โดยทางวนอุทยานได้จัดสถานที่ไว้ให้พร้อมกับห้องสุขา ส่วนเรื่องอาหารต้องจัดเตรียมไปเอง แล้วไปติดต่อขออนุญาตใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่วนอุทยานเขาหลวงโดยตรง ราย -ละเอียดสอบถามได้ที่สำนักงานป่าไม้เขตนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โทร. (056) 221140

สมาชิกทั้งหกคน เช พี่วุฒิ คุณกุ้ง พี่เต็ม พี่โอ พี่แซม ตื่นเช้า ก็เตรียมตัวแพคของ


เส้นทาง : ที่พักสงฆ์น้ำลืม - วัดเขาหลวง - ป่าบุ - ยอดเขาเขียว - น้ำตกโกรกเสลา - น้ำตกโกรกซ่า

ห้องน้ำสะอาด ตถอดรองเท้าก่อนเข้าไปใช้นะคะ

บริเวณโดยรอบ

ขนสัมภาระขึ้นรถ จับจองที่นั่งเตรียมออกเดินทาง

เราออกจากวนอุทยานไปจุดที่จะเริ่มเดิน เส้นทางเป็นทางลูกรัง วิ่งผ่านไร่ สวน อ่างเก็บน้ำ ไกลพอสมควรกว่าจะถึง

เราจะเริ่มเดินขึ้นกันทางบ้านลืม

แวะทานข้าวและชื้อเสบียง ซื้อมาแล้วก็ซื้ออีกเพื่อออออ

จุดเริ่มเดินคทอสำนักสงฆ์บ้านลืม


ขนของลงจากรถคะ

ของที่ซื้อมาเพิ่มมะเขือ 1 กิโล แหนมปลาห่อใหญ่ แหนมหมูสำหรับย่าง กะปิ มะนาว กระเจี๊ยบ ถามว่าใครแบก ใครซื้อมาก็แบกเอง ก้มหน้ารับชะตากรรม ไสย ไสย คะ

เจ้าหน้าที่นำทางของพวกเรา หัวหน้าต้น พี่ตุ่น และแหลม


ภายภาพก่อนออกเดินทาง

เริ่มออกเดิน เวลา 10.30 น. ทางช่วงแรกเป็นทางเดินราบ ไม่ชัน เป็นป่าไผ่


เราจะพบ ป่าเต็งรัง พบบริเวณเชิงเขา ก่อนจะเข้าป่าเบญจพรรณ ที่มีจุดเด่นคือ ต้นไผ่มากกว่า 10 ชนิด ( ประเทศไทย มีชนิดไม้ไผ่จำนวน 50 ชนิด )

ในช่วงหน้าน้ำ เขาหลวงจะมีน้ำตกหินดาดทางด้านวังม้า อ.ลาดยาว และน้ำตกเขาหลวงทางด้าน ต.บางประมุง อ.โกรกพระ

ค่อยๆ เริ่มชัน


สังคมพืชในวนอุทยานเขาหลวง แบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท ประกอบด้วย

ป่าเต็งรัง พบบริเวณเชิงเขาที่ไม่สูงมากนัก มีพืชพรรณขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ พันธุ์ไม้ที่พบ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง ประดู่ป่า มะค่าแต้ ไผ่ป่า และปรงป่า

ป่าเบญจพรรณ เป็นป่าโปร่งผสมไม้ผลัดใบ มีไม้ขนาดเล็กไปถึงขนาดกลาง มีไผ่ขึ้นหนาแน่น พันธุ์ ไม้ที่พบได้แก่ มะกอก งิ้ว ตะแบก มะค่าแต้ ประดู่ แดง ชิงชัน หว้า ผักหวาน จันทร์ผา พยอม แคทราย ไผ่ซาง ไผ่เงก ไผ่ป่า ไผ่นวล เป็นต้น

ป่าดิบแล้ง พบ เฉพาะบนยอดเขาหลวง ประกอบด้วยไม้พุ่ม เถาวัลย์ หวาย กล้วยไม้ พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ตะเคียนทอง ยางขาว มะไฟป่า ตีนเป็ด สมพง เสลา และยมหิน

สัตว์ป่ามีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่หลายชนิดที่อาศัยอยู่ในวนอุทยานแห่งนี้ ได้แก่ หมี เลียงผา เก้ง กระจง ลิง หมูป่า เม่น ตะกวด นิ่มหรือลิ่น อีเห็น พังพอน กระรอก กระแต กระต่ายป่า ค้างคาว หนู ตุ่น บ่าง ไก่ป่า ไก้ฟ้า นกกะรางหัวหงอก นกกะรางหัวขวาน นกแสก และงูนานาชนิด

บรรยากาศระหว่างเดิน ยุงเยอะ แล้วก็ระวังหมามุ้ยด้วยคะ เพียบเลย

เตรียมพร้อมจริงๆ

ฟังหัวหน้าเล่าเรื่องวัดและเหมืองทอง

ไม่มีแล้วคำว่าทางราบบ ลาก่อยย

เดินกันแค่สองวัน แบกของเหมือจะย้านบ้านไปดาวอังคารกันเลยอะ ขนอะไรกันมานะ

มีรูบึ้งแบบนี้เยอะมาก และรูกใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย

พักโฆษณา เฮ้ยไม่ใช่ แวะพักเหนื่อย หัวหน้าผ่าแตงไทยใบโตให้ทานคะ พี่ตูนเป็นคนแบกขึ้นมา

ทางหลงง่าย ขนาดมีสัญญาลักษณ์ ยังมีเดินหลุด



ภาพล่าง

หมามุ่ย หรือ หมามุ้ย จัดเป็นพืชเถา ผลเป็นฝักยาว คล้ายถั่วลันเตา มีขนสีน้ำตาลอมทองหรือแดงปกคลุมที่ฝัก หลุดร่วงง่าย ปลิวตามลมและเป็นพิษ เพราะขนหมามุ่ยเต็มไปด้วยสารเซโรโทนิน (Serotonin) เมื่อสัมผัสผิวจะทำให้เกิดอาการคัน แพ้ระคายเคืองอย่างรุนแรง ซึ่งฝักจะออกมาในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูแล้ง

เมล็ดหมามุ่ย มีสารแอลโดปา (L-Dopa) ซึ่งเป็นสารที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบสืบพันธุ์ และยังเป็นสารสื่อประสาทซึ่งมีส่วนช่วยรักษาโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย แต่ต้องใช้ในรูปแบบที่ผ่านการสกัดมาเป็นยาเม็ดเรียบร้อยแล้ว เพราะร่างกายไม่สามารถรับสารในรูปของเมล็ดสดหรือแปรรูปได้

หมอยาแผนโบราณมีการนำหมามุ่ยมาใช้อย่างหลากหลาย โดยนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ ราก ใบ ฝัก เมล็ด โดนเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเมล็ดที่ถือว่าเป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ !

เจอเห็ดโคนด้วยแหละ ลาบปาก โยนของสดที่เตรียมมาทิ้งให้หมด (เด้วๆๆๆ นะ เก็บไว้ก่อน)

แวะทานกาแฟ ย่างเห็ด

มีจอมปลวกทรงแปลกตลอดทางเลย เสียงปลวกร้องดังมาก เหมือนงูหางกระดิ่ง


ทำใจเรื่องความชัน ลืมๆ มันไป

ระหว่างทางเจองูปากจิ้งจก ไม่ต้องเข้าไปถ่ายใกล้ๆ หรอกยืนถ่ายตรงนี้ก็ได้


เมื่อใกล้ถึงยอดเขาหลวง ป่าที่อยู่รายรอบตัวกลับเป็นป่าดงดิบแล้ง ที่มีทั้งไม้พุ่ม เถาวัลย์ ไม้ใหญ่จำนวนมากหลากหลาย แต่ที่ไม่ควรมองข้ามจากทรัพยากรผืนป่าแห่งนี้ นั่นคือ ตัวยาสมุนไพรหายาก ที่ป่าแห่งนี้มีอยู่อย่างชุกชุม อย่างกลิ้งกลางดง มีให้เห็นเยอะมากๆ

เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดเขามีกุฏิเก่าๆ เดิมเป็นสำนักสงฆ์หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ วัดศรีอุทุมพร (วัดวังเดื่อ) ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ท่านเคยธุดงค์ ขึ้นมาปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานบนยอดเขา



หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ แห่งวัดศรีอุทุมพร ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่ชาวนครสวรรค์นับถือเป็นอย่างมาก

เกิด 8 เมษายน พ.ศ. 2456

มรณภาพ 16 เมษายน พ.ศ. 2550

อายุ 94 ปี

อุปสมบท 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2476



ท่านเป็นนักบุญแห่งเขาหลวงนครสวรรค์ สมัยก่อนท่านจาริก ธุดงค์ขึ้นไปบนยอดเขาหลวงเพื่อปฏิบัติธรรมกรรมฐาน



โครงการที่สำคัญของหลวงพ่อจ้อยคือ การสร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมโครงการในการจัดสร้างดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพฯยังทรงเสด็จทรงงานร่วมกับหลวงพ่อจ้อยในการสร้างอ่างเก็บน้ำ

บนยอดเขาหลวงมีการขุดทอง จนเป็นบ่อขนาดใหญ่ พร้อมกันนี้ยังมีแหล่งน้ำซับที่น้ำใสราวแผ่นกระจกอยู่ไม่ห่างจากบ่อทอง ชาวบ้านเรียกว่าบ่อน้ำซับนี้ว่า “สระแก้ว"


บนยอดเขาหลวงนครสวรรค์ มีบ่อขุดทองคำ คาดว่าเป็นแหล่งขุดแร่ทองคำตั้งแต่สมัยปลายอยุธยา สภาพทางธรณีวิทยา ยอดเขาหลวงนครสวรรค์เป็นสายแร่ทองคำ ปัจจุบัน เหลือแต่บ่อร้าง ไม่มีการขุดแร่ทองคำอีก บ่อนี้เป็นบ่อขนาดใหญ่และลึกมาก แต่ปัจจุบันตื้นเขินไปมากเนื่องจากดินและใบไม้ทับถมลงไป

หลักจากการเปล เลือกที่พักคืนนี้กันแล้ว ก็มานั่งช่วยพี่ๆ เขาทำเห็ดโคน ด้านบนไม่มีแหล่งน้ำ มีเพียงน้ำฝนที่รองไว้

หลังจากทำเห็ดเสร็จ ให้พี่ตูนเฝ้าที่พัก ส่วนที่เหลือไปทำจุดชมวิวกัน โดยที่ยังไม่มีใครทานอาหารกลางวัน

ทั้งมุด ทั้งรอด หนามหวายก็เยอะ ป๋มมาทำอะไรที่นี่ ฮรี้ๆๆๆ


ใครทราบมั้ยว่าไผ่อะไร ปล้องยาวมาก เคยเห็นที่ป่าได้ แล้วล่าสุดก็มาเจอที่นี่

ว่านกลิ้งกลางดง หรือเฒ่าหนังหยาบ หรือ ตะลุมปุ่มเป้า


สรรพคุณ

เป็นยาทางด้านแก้อาการฟกช้ำ ดำเขียว ที่เกิดจากอาการช้ำภายใน แก้อาการปวดเข่าปวดเอว ปวดขา

ด้านอิทธิฤทธิ์ โบราณใช้ผสมกับพระเครื่องโบราณเป็นพระว่าน ใช้ในทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด

ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่ เถาวัลย์ รอยหมูป่าเพียบเลย ไก่บินไปต่อหน้าต่อตาก็มี

เจอสิ่งแปลกปลอม

เมื่อเดินมาถึงบริจุดชมวิว ก็ลงมือเลยคับ หน่วยใช้แรงงาน ส่วนป๋มยืนเชียสวยๆ ยังโดนแตนต่อยไป 1 ดอก เสียใจ

ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะด้านหน้าเป็นเหวลึก

ทำแนวกั้น

หมูย่างเกลือ โดย แหลม


แหนมปลาทอด เช

กำลังทอกแหนมปลาเพลิน เหลือบไปเห็นแสงสีส้ม รีบชวนกันไปถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน ตรงจุดชมวิว มีเราไปกับคุณกุ้ง และหัวหน้าต้น

เกือบไม่ทันเดินกึ่งวิ่งกันมาเลย

เมนูอาหาร ทำกันคนละสองสามเมนู เชทำแหนมปลาทอก กับน้ำพริกกะปิ

บรรยากาศยามเช้า

ตื่นเช้าฝ่ายหุงข้าวก็หุง ทำกับข้าวก็ทำ ดูและวางแผนการเดินไปเขาเขียวก็ต้องทำ

แหลมหุงข้าว พี่เต็มทำราดหน้า ข้าวผัด ผัดมักโรนี

แหลมทำน้ำพริกหนุ่ม ส่วนเช ถ่ายรูปเล่น

ทานข้าวเช้า

ถ่ายภาพหมู่แล้วเตรียมออกเดินทาง

เริ่มออกเดินกันราว 10.00 น.

ทั้งมุดทั้งรอด สายย่อ ย่อจนปวดเข่า

เช็คทิศทาง หาทางตัดขึ้นสันเขาให้ได้ แต่ทางจะต้องลงหุบที่เป็นป่าบุ แง

เดินไป เช็คเส้นทางไป

ทางต้องฟัน แคบ เป็นอุโมงค์รอดแค่พอตัว กว่าจะผ่านไปได้แต่ละเมตร หืดขึ้นคอ

ไม่มีทางเดินเลย ทางมีแต่หนามกับเถาวัลย์

ต้องคอยเช็ค กันหลงทิศ

บางช่วงเป็นป่าไผ่ หลังจากบุกป่า ผ่าดง กันจนหมดแรงก็ทานข้าวกลาววัน กินไม่ลงเลยเหนื่อย

มีต้นไม้ทรงแปลกๆ เยอะเลย

ภาพบนคือหญ้าลิเภา


ชื่ออื่นๆ : กูดเครือ กูดก้อง กูดงอดแงด กูดแพะ กูดย่อง ผักตีน ต๊กโต (เหนือ); ยายชี(สท);



ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง เลื้อยพาดพันต้นไม้อื่นยาวหลายเมตร

ลำต้นเป็นเหง้าสั้น มีขนสีน้ำตาลเข้มหนาแน่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-6 มิลลิเมตร ไม่มีเกล็ด ลำต้นเมื่อแก่มีสีดำเป็นมัน



ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น แกนกลางมีลักษณะเป็นเถาเลื้อย แกนกลางใบประกอบชั้นที่หนึ่งชัดเจน โคนก้านใบสีน้ำตาล ส่วนบนสีเหลืองน้ำตาล มีขนสีน้ำตาล มีปีกแผ่ยื่นออกมาไม่ชัดเจนหรือไม่มี ใบย่อยเรียงแบบสลับบนแกนกลางของใบ ใบย่อยที่ไม่สร้างสปอร์ ก้านใบย่อยยาว 2-4 มิลลิเมตร แผ่นใบย่อยรูปหอก ยาว 4-7 เซนติเมตร กว้าง 1-2 เซนติเมตร ฐานใบรูปหัวใจ ปลายใบมนหรือแหลม ขอบใบหยักเว้าเป็นฟันปลา ผิวใบมีขนใส แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนประปรายตามเส้นใบ ใบย่อยที่สร้างสปอร์อยู่กลางเถาขึ้นไป แอนนูลัสประกอบด้วยเซลล์เพียงแถวเดียว เรียงตัวในแนวขวาง และอยู่ตรงยอดของอับสปอร์ เยื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์เทียม มีลักษณะ เป็นถุงเรียงซ้อนกัน และมีขนใส กลุ่มสปอร์เกิดที่ขอบใบย่อย ยาวได้ถึง 1 เซนติเมตร กว้าง 1.5 มิลลิเมตร พบตามป่าเขาทั่วๆไป ป่าผลัดใบ หรือป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าผลัดใบผสมทุกภาคของประเทศ ใบอ่อนละยอดอ่อนใช้ประกอบอาหาร เช่นแกง ผัด หรือต้ม ต้นใช้ทำเชือก สานทำกระเป๋า ตะกร้า

สภาพป่าสมบูรณ์ ยุงเยอะมากกก ไม่เคยเดินป่าที่ไหนแล้วยุงเยอะแบบนี้

ตรงนี้เดินยากมาก เดินบนกอไผ่ผุๆ ที่ล้มทับกันไปมา เดินที่เสียงไม่ไผ่ลั่น บางคนเหยียบพลาด ขาก็ตกลงไปในรู

ผ่านป่าบุมาได้ทุกคนดีใจมาก เพราะหายใจ หายคอโล่งขึ้น ไม่อึดอัดแล้ว เราพักตรงนี้ วางสัมภาระทิ้งไว้ เตรียมขึ้นยอดเขาเขียว ที่ไม่เอาสัมภาระไปเพราะทางชันมาก จะทำให้เสียเวลา

ทางชันตั้งแต่เริ่มเดิน

เงิยหน้ามองกันเลย

แวะถ่ายรูปกันหน่อย

จุดชมวิวบนเขาเขียวมีมุมเดียวที่เปิด ถ้าจะพัฒนาให้เปิด แบบ 360 องศาจะสวยมาก ตอนกลางคืนคงมองเห็นดาวบนดินล้อมรอบตัว

ณ จุดสูงสุดของเขาเขียว 755 เมตร ภาพDanet Bamrungtanakit

หลังจากเดินถ่ายรูปแล้วก็เตรียมเดินทางกลับเพราะบ่ายแก่ๆ แล้ว หัวหน้าบอกจัเดินทางตัดหุบจะได้ถึงบ้านกันเร็วๆ เราดีใจมากที่ทางเดินใกล้ลง


แต่ท่ไหนได้ทางชันมากเลย หัวแทบพุ่งลงไปก่อนขาอีกตลอดทางเป็นทางดิ่งลงเขา แถมเป็นหินกรวด เดินยาก น้ำก็หมดหิวน้ำมากๆ เลย

ได้ยินเสียงน้ำตก ผมนี่รีบเลยหิวน้ำ

ภาพ Danet Bamrungtanakit


รีบมากไปหน่อยพุ่งหลาวลงมาเลย

กินน้ำสิครับจะรออะไร

กินน้ำอาบน้ำ ทาแป้ง(น้องแหลม ) ถ่ายรูปหมู่

สักพักก็เดินทางกันต่อ ทางเดินตามธารน้ำตกไปเลยคะ

เดินมาเจอฝายก็อุ่นใจใกล้จะถึงแล้ว

สวยออกมาเลย

นั่งรอรถมารับ กลับหน่วย ไปถึงหน่วยอาบน้ำ กลุ่มคุณกุ้งหลังจากอาบน้ำก็ขอตัวกลับเลยเพราะต้องเดินทางอีกไกล ส่วนเราอยูทานข้าวต่อกับหัวหน้าต้นและอีกสองสามคน เราต้มมาม่าทาน และแฟนพี่เจ้าหน้าที่ทำตำถัวฝักยาว และต้ำส้มตำปลาร้ามาให้ทานแซบมาก


ทริปนี้ขอขอบคุณทุกคนมากๆ เลย ที่เราได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ถือเป็นความทรงจำที่ดีมากเลย ป่าให้ชีวิต



เราจะคิดถึง คนที่สำคัญ เมื่อต้องจากกันไป

เราจะคิดถึง วันที่สวยงาม เมื่อเวลาผ่านไป

จะคิดถึงเวลาที่เรามีกัน เมื่อเธอต้องไป

และตอนนี้รู้ไหม ว่าฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน

ความคิดเห็น