Life is a Journey, not a Destination.
ลองมองย้อนไปในวันที่มีความสุข
ลองคิดทบทวนเรื่องราวที่เราเคยผ่าน
เก็บวันเวลา เก็บความทรงจำ
เก็บเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ในใจ
อ ย่ า ทำ ร้ า ย หั ว ใจ ตั ว เ อ ง ด้ ว ย ก า ร ไ ม่ ท ำ ต า ม หั ว ใจ
ทริปนี้ไปหาพี่สาวที่เชียงใหม่ เลยมีเวลาว่าง เอามอไซด์ออกไปแว้นเที่ยวแถวระแวกบ้าน เดินทางคนเดียวก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ นะ
เล่าแบบรวบรัดเลยนะ วันแรกไม่ได้ไปไหน เพราะรอน้องอีกคนที่นัดไว้ แต่นางมาไม่ได้ มาทราบข่าวเอาตอน บ่ายแก่ๆ เลยยกยอดมาเที่ยววันที่ 13 ราว 10.00 น. ออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยัง Grand Canyon Chiangmai ไม่รู้ทางหรอก รู้แต่ว่ายึดเส้นหางดงไว้ แล้วก็ถามคนข้างๆ ทาง
เราเดินทางจากแถวกาดมีโชค ขับรถไป 33 กิโลเมตร รถเยอะมาก ขับกันเร็วสุดๆ น่าจัวมากๆ
การเดินทาง
ใช้ถนนเลียบคันคลองชลประทาน (ทางเดียวกับไปพืชสวนโลกและไนท์ซาฟารี) ถึงแยกพืชสวนโลกให้ตรงไปอีก จะเจอสี่แยกไฟแดงหนองควาย ให้ตรงไปอีกประมาณ 4 กม. จะเจอสนามกอล์ฟหางดงด้านซ้ายมือ เลยจากสนามกอล์ฟประมาณ 300 เมตร จะเจอทางแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางโรงปูน PWS จะมีป้ายบอกทางประมาณ 300 เมตรก็จะถึง แกรนด์แคนยอน หางดง
มาถึงจะมีลานจอดรถไม่เสียตังแล้วเดินไปซื้อตั๋วได้เลย
ตั๋วใชเป็นส่วนลดชากาแฟ หรือเพิ่มเงินแลกน้ำสมุนไพรได้ ไม่ได้แลกอะมารู้ทีหลัง
“แกรนแคนยอน เชียงใหม่" ตามที่ชาวบ้านเรียก มันคือบ่อดินที่มีเจ้าของคือ คุณฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน ได้ขุดหน้าดินไปขายเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว จนเวลาล่วงเลยกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ความกว้างประมาณ 30 ไร่ มีคันดินสูงเกือบ 15 เมตร หรือขนาดของตึก 3 ชั้น ลักษณะเป็นหน้าผาเหมือนแกรนแคนยอน รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำตามธรรมชาติ เสน่ห์ที่มันดึงดูดใจให้คนเข้าไปชมความสวย คือการที่มันมีลักษณะเหมือนแกรนแคนยอน คือความท้าทายในการกระโดดน้ำจากหน้าผา ยังงัยก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะคะ
บรรยากาศของร้าน มีกาแฟ อาหารขาย
มีขนม มีที่นั่งชิล
ส่วนมากจะเป็นต่างชาติ จีน เกาหลี
เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ที่นี่โดยโขมยไม้เชลฟี่ไป เสียใจ
แล้วระหว่างนั้นก็เห็นป้ายบอกทางว่าอุทยานแห่งชาติออบขาน 12 กม. เอง เลยไปก็ไปวะ เปลี่ยวมากไม่เหมาะแก่การไปคนเดียวมากๆ วันนั้นทั้งอุทยานมีเช เดินอยู่คนเดียว
ตลอดเส้นทางลาดยางที่เชื่อมต่อระหว่างอำเภอหางดงยังมีทิวทัศน์ที่งดงาม อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการขับรถกินลมชมวิวเป็นอย่างมาก การขับรถเที่ยวจึงเป็นกิจกรรมเบาๆ ที่สร้างความเพลิดเพลินได้ดี เส้นทางขับรถเที่ยวมีอยู่ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแม่วาง-ดอยอินทนนท์ เริ่มต้นจากหน่วยป้องกัน รักษาป่าที่ ชม.2 (ปางเดิม) ไปตามถนนสายสันป่าตอง-บ่อแก้ว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางแยกตรงบ้านห้วยเกี๋ยง ไปตามถนนลูกรัง จนไปออกบริเวณใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ดอยอินทนนท์ รวมระยะทางประมาณ 41 กิโลเมตร เส้นทางที่สองคือเส้นทางสะเมิง-แม่ริม เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ อข.1 (แม่สาบ) อำเภอสะเมิง ไปตามถนนลูกรังจนถึงบ้านสบวิน อำเภอแม่วาง รวมระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร แนะนำว่า ควรเป็นรถกระบะหรือขับเคลื่อนสี่ล้อจะสะดวกกว่า
ต้องไปซื้อไม้เซลฟี่ใหม่ที่ 7 แถวนั้น เสียใจ
ทั้งสองน้ำตกนี้เหมาะสำหรับกิจกรรมเดินป่าระยะไกลที่เหมาะสำหรับนักเดินปา แต่ถ้าคุณไม่อยากเดินให้เมื่อย บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ยังมีลำน้ำที่ไหลผ่านออบขาน และออบไฮ ให้เที่ยวชมด้วย มีลักษณะคล้ายกับออบหลวงถึงแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูหนาวนั้น ป่าไม้รอบๆ จะผลัดใบเปลี่ยนสีสันอย่างงดงาม จากออบขานและออบไฮ คุณสามารถเดินไปชมวิวที่ผาอกม้า และผาตูบได้
น่ามากาง Tent มากๆ
อยู่ตรงนี้นานหน่อย เย็นๆถึงกลับ ตลอดการเดินทางฝนตกตลอด มีฟ้าเปิดบ้าง
กลับบ้านแบบงงๆ จำทางกลับไม่ได้มาเที่ยวไกลเกิน อาศัยถามทางคนแถวนั้นเอาคะ
10.00 น. ของวันที่ 13 วันนี้ป้าบีบอกว่าหลังเที่ยงจะพาไปเที่ยว (ป้าบีรู้จักกันตอนเดินป่าทริปลาว)
หาข้าวทานแถวกาดมีโชค
ซื้อของกินของตัวเองและของฝาก นี่ความหวังของหมู่บ้านเลยยยย
หาของกินเล่น
พี่บีมารับที่แมคหน้ากาดมีโชค เราจะไปผาช่อกัน
ผาช่อ ตั้งอยู่ใน อำเภอดอยหล่อ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแม่วาง เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของ ลมฝนจนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหิน กลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็น เนินเขาสูงตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกลายเวลาและถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตาคล้าย กับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือละลุในจังหวัด สระแก้ว มีลักษณะที่เตี้ยกว่า ซึ่งต่างกับ ผาช่อ ซึ่งมีลักษณะเป็นกำแพงและเสาหิน ขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา มีขนาดสูงใหญ่ราว 30 เมตร เป็นบริเวณกว้างนับร้อยเมตร และยังพบรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่ตามหน้าผา จำนวนมากสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชม
ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่แปลกตาคล้ายกับแกรนด์แคนยอน จึงทำให้ ผาช่อ ได้รับสมญานามว่า แกรนด์แคนยอนเมืองไทย สำหรับการเดินทางไปเที่ยวชมผาช่อเมื่อถึงลานจอดรถต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 500 เมตรผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติมีทั้งเดินตาม ลำธารน้ำแห้ง และเดินขึ้นดอยไปยังผาช่อ การมาเที่ยวควรเตรียมน้ำดื่มไปให้พร้อม รวมถึง เสื้อผ้า รองเท้าที่เหมาะสม เพราะทางเดินเป็น ดินลูกรัง อากาศค่อนข้างร้อน ระยะเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวชม คือ ช่วงเช้าซึ่งท้องฟ้าที่อยู่ด้านหลังประติมากรรมจะเป็นสีฟ้าในช่วงนี้จะ ไม่ย้อนแสง และอีกช่วงคือบ่ายแก่ๆซึ่งจะได้ความรู้สึกของแสงสีทองมากระทบประติมากรรมดินแต่จะย้อนแสงเพราะพระอาทิตย์จะตก ตรงฝั่งนั้นผาช่อสามารถไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่มีที่พักค้างแรมหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
ร้านค้ามีอาหารและขนมขาย
การเดินทาง
หากเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ จากในเมืองเข้าอำเภอสันป่าตอง เข้าสู่อำเภอดอยหล่อ จากนั้นจะเห็นป้าย ข้างทางเขียนว่า แหล่งท่องเที่ยวผาช่อ ให้ขับไปตามเส้นทางนั้น เส้นทางเข้าผาช่อช่วงสุดท้าย ประมาณ 7 กม. เป็นเส้นทางดินลูกรัง ถนนไม่ค่อยดีต้องขับด้วยความระมัดระวัง แต่รถทุกชนิดเข้าถึง หากมาทางอำเภอฮอดจะถึงอำเภอจอมทองก่อน จากนั้นเข้าสู่อำเภอ ดอยหล่อจะเห็นป้ายเขียนว่าผาช่ออยู่ในระหว่างเส้นทาง ผาช่อไม่ได้ตั้งอยู่ตรงที่ทำการอุทยานตามที่เข้าใจกันน่ะค่ะ แต่เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่อยู่รอบนอกเขตอุทยาน
จากลานจอดรถเดินไปอีกหน่อยก็เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยมีจุดชมวิวอยู่ใกล้ๆที่เมื่อมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ของผืนป่าแม่วางอันกว้างไกล ซึ่งในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจเราสามารถมองเห็นวิวคาบเกี่ยวได้ถึง 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง โดยจากซ้ายไปขวา จะมองเห็นจุดสำคัญๆ อาทิ วิวใน จ.ลำปาง แหล่งท่องเที่ยวผาแดง อช.แม่วาง วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ดอยหัวช้าง จ.ลำพูน วัดพระธาตุดอยโมคคัลลาน์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น อ้อ!?! แต่นี่เป็นการมองเห็นกันแบบไกลลิบตา ซึ่งใครอยากรู้ว่าจุดไหนเป็นจุดไหนแบบชัวร์ๆก็ให้ดูภาพที่ทางอุทยานฯเขาทำไว้ประกอบการชมวิวได้ด้านซ้ายของจุดชมวิวจะมีทางเดินลงผ่านเส้นทางป่าโปร่งแล้วจากนั้นก็เป็นเส้นทางเดินไปตามทางน้ำเก่า ซึ่งระหว่างนี้จะผ่านป้ายสื่อความหมาย ไล่ไปจากหนึ่งไปถึงสิบ ได้แก่ 1.มะม่วงหัวแมงวัน ไม้มีพิษ 2.เหมือดคน 3.ชะมวง พืชอาหารและยา 4.ปรงป่าพืชบำรุงดิน 5.แก้มขาว ใบต่างดอก 6.เถาว์มะหนัง 7.คำมอกหลวง 8.ปอเต่าให้ 9.เสาโรมัน และ 10.ผาช่อ
เดินไปเจอ จนท.พอดี แกอธิบายละเอียดมากกกก
บริเวณจุดหินแม่น้ำ
ในจุดสื่อความหมาย 10 สถานีนี้ เท่าที่ผมสังเกตเห็น ตั้งแต่สถานีที่ 1 ไปถึง สถานี 8 มีคนสนใจอ่านป้ายหรือหยุดพิจารณาข้อมูลมองดูสภาพพื้นที่กันน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่จุดไฮไลท์ สถานีที่ 9 และ10 เลย ขณะที่บริเวณจุด“หินแม่น้ำ" ที่อยู่ระหว่างสถานี 4 กับ 5 นั้น ก็ถือเป็นดังพระรองที่มีความน่าสนใจอยู่ในระดับพอตัว(แต่คนมักจะเดินผ่านไป)
วันที่ไปอากาศไม่ร้อนไม่หนาว
ปีนี้ จนท.บอกว่าแล้งมากดอกมไ้ ใบหญ้า ที่ควรออกก็ไม่ออก
เสาโรมันเป็นจุดสื่อความหมายสถานีที่ 9 มีลักษณะเป็นเสาดินสูงประมาณ 30 เมตร บนแท่งเสาดินมีลวดลายที่เกิดจากการทับถมกันเป็นชั้นๆของตะกอนในช่วงปลายยุคเทอร์เชียรี่(ยุคที่แผ่นทวีปเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งปัจจุบันแล้ว) ต่อมาเกิดการแปรสัณฐานของธรณีวิทยา บริเวณนี้ถูกยกตัวขึ้น แล้วถูกกัดเซาะโดยน้ำ โดยลม
สวยงามอลังการมากคะ
กลุ่มเสาดิน
จากจุดชมวิวเสาโรมัน ผมเดินต่อไปตามเส้นทางที่นำลงสู่เบื้องล่างเมื่อไปถึงยังบริเวณนี้ที่เป็นจุดไฮไลท์ ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ามันช่างชวนตื่นตะลึงน่าตื่นตาตื่นใจดีเหลือเกิน
สำหรับบริเวณนี้เป็นสถานีที่ 10 มีนามว่า “ผาช่อ" เป็นจุดไฮไลท์สำคัญประจำทริป
ผาช่อ เกิดจากตะกอนที่สะสมบริเวณขอบแอ่งและเชิงเขาของแนวเทือกเขาถนนธงชัยกลาง ตั้งแต่ปลายยุคเทอร์เชียรี่(ประมาณ 5 ล้านปีก่อน) ซึ่งสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นเส้นทางไหลของแม่น้ำมาก่อน(สังเกตได้จากก้อนกรวดก้อนหินที่มีลักษณะกลมมนคล้ายหินแม่น้ำที่กระจัดกระจายอยู่ตามเนื้อดิน)
ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสัณฐานธรณี บริเวณนี้ถูกดันตัวขึ้นกลายเป็นพื้นที่เนินเขาและที่ลาดลอนชัน ซึ่งในข้อมูล(จากป้าย)ได้ระบุว่า เนื่องจากตะกอนในยุคเทอร์เชียรี่มีอายุไม่มากนัก จึงยังไม่เปลี่ยนสภาพเป็นหินแข็ง ขณะที่ชั้นตะกอนของหินกรวดและหินทรายที่วางตัวเป็นชั้นสลับกัน มีคุณสมบัติคงทนต่อการสึกกร่อนต่างกัน
หลังจากั้นก็เดินทางไปต่อ ที่ อ. แม่ว่างคะ ไปถึงจะเจอแคมป์ช้าง
เส้นทางที่1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-ฮอด ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงสามแยกอำเภอสันป่าตองแล้ว เลี้ยวขวาไปทางอำเภอแม่วาง (ถนน1013) ผ่านโรงพยาบาลแม่วางไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร จะพบร้านอาหารริมน้ำตั้งอยู่เรียงรายหลายแห่งค่อยให้บริการอาหารเครื่องดื่ม และส่วนใหญ่ให้บริการล่องแพไม้ไผ่อีกด้วย
เส้นทางที่2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางคลองชลประทาน (ฝั่งตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่) ขับขี่เลียบคลองชลประทานไปทางทิศใต้ ผ่านอำเภอหางดง เข้าสู่อำเภอสันป่าตอง ขับตามถนนตลอดเส้นไม่ต้องแยกไปไหนครับ จนกระทั้งเห็นป้ายเลี้ยวขวาไปอำเภอแม่วาง ก็เลี้ยวขวาไปต่ออีกประมาณ 15 กิโลเมตร จะพบที่เล่นน้ำนี้แน่นอน
ค่าบริการนั่งซุ้มตามร้านอาหาร ซุ้มละ 100-200 บาท และจะต้องจอดรถตามซุ้มที่เราเลือกด้วยบเพราะพื้นที่จอดจำกัด หากต้องการล่องแพก็ติดต่อร้านอาหารที่เราเลือกจอดได้เลยครับ 250 บาท สำหรับ หนึ่งแพ ไม่เกิน 5 คน
หากคุณชอบชีวิตกลางแจ้งและการผจญภัย ขณะเดียวกันก็ชอบนั่งดื่มเครื่องดื่มเบาๆ สบายๆ แล้วนั่งปล่อยตัวปล่อยใจไปกับวิวริมน้ำสอง ข้างทางทิวทัศน์ที่สวยงาม หรืออยากทานส้มตำไก่ยาง ที่นี้คุณจะพบทุกอย่างทุกอย่างที่ผมกล่าวไปกับร้านอาหารริมน้ำแม่วาง กว่า 50 ร้าน แต่ละร้านเป็นเพิงไม้ไผ่มุงหลังคาตองตึง นั้งอยู่ริมน้ำเย็นๆ
และนอกจากล่องแพแล้วใกล้ๆ กันแนวร้านเหล่านี้ยังมีปางช้างแม่วาง น้ำตกแม่วาง และอุทยานแห่งชาติแม่วาง ให้เที่ยวกันต่ออีกด้วย
ที่พักแถวสะพานแขวน สวยคะ น่าพักมากๆ
I'm Che
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.