ป่าคลองนาคา เหมืองโชน โตนพันเมตร ทะลุเขื่อนเชียวหลาน 4 วัน 3 คืน

ทริปนี้ถือเป็นทริป อึด ถึก นรก ทริปหนึ่งเลยก็ว่าได้ เจอฝน เจอทาก เจอบ่อโคลนดูด น้ำป่า กับเส้นทางที่เป็นป่ารกทึบ น้อยคนนักที่จะได้เดินทางเข้าไปกับเส้นทางเดินเท้าระดับหนัก เส้นทางเดินเป็นป่าดิบชื้นผ่านเหมืองโชนซึ่งเป็นเหมืองเก่าที่ปล่อยร้างมาแล้ว 40 กว่าปี น้ำตกโตนพันเมตรที่มีความสูงลาดเอียงทอดตัวลงมาจากเขาสูงเกือบ 1000 เมตรเห็นจะได้ เราจะพักในป่ากัน 3 คืน(ต้องเดินถึกและอึดพอควร) ผู้ร่วมทริปต้องใจเต็มร้อย มีประสบการณ์เดินป่ามาบ้างและต้องดูแลตัวเองได้ ทริปนี้ไม่มีลูกหาบช่วยแบบของ ของใช้ต้องใส่เป้แบกไปเอง

ทริปเดินป่าทริปนี้ ถือว่ายากมากทีเดียว ตั้งแต่การติดต่อประสานงาน ถึงสองหน่วยงาน เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าป่าคลองนาคา จ.ระนอง และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฯ กลุ่มเราจะเริ่มเดินที่หน่วยกำพวน ของป่าคลองนาคา ไปออกที่ปากคลองแสง ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน น้อยคนนักที่จะเดินเส้นทางนี้ เพราะเป็นป่าที่อุดสมบูรณ์ สัตว์ป่ามากมาย หลากหลาย หลังจากที่ติดต่อประสานงานแล้วเหลือหาเพื่อนร่วมทริป ก็ยากอีกกกกกก กว่าจะถึงวันเดินทางจริงสมาชิกเด้วเข้าเด้วออกทำให้เราต้องประกาศหาคนเพิ่มบ่อยๆ

หัวหน้าเช (me เมยานี) พี่วุฒ พี่แก๋ม (แงซาย แรมโบ้) พี่ธง พี่โส่ย ป๋องแป๋ง น้องสีน้ำ พี่นกโกะ พี่สี ทด คิว แอม และ มด


5-8/5/59


การเดินป่าที่ จ. ระนองในครั้งนี้ ก่อนอื่นเราต้องขอขอบคุณหัวหน้าทูน (นายเลิศศักดิ์ ศรีพรหม หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สุตว์ป่าคลองนาคา )และเจ้าหน้าที่ ลุงเขียว พี่นวย พี่ไข่ พี่เจอ พี่ซิว พี่เป็ด และพี่ๆ ท่านอื่น แห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าคลองนาคา เป็นอย่างมากที่คอยให้ข้อมูลและคอยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ



ทริปนี้ถือเป็นการเดินป่าใต้ครั้งแรกของเรา ซึ่งเราเองตอนนี้เบื่อการเดินป่าที่ต้องไปเจอคนเยอะๆ ซึ่งมันค่อนข้างวุ่นวาย ราวต้นเดือนมีนาคม เลยนั่งหาข้อมูลที่เดินป่าจากแหล่งข้อมูลเก่าๆ ที่นักท่องเที่ยวไปค่อนข้างน้อย จนมาเจอป่าคลองนาคา มรกตนคร เหมืองโชน น้ำตกโตนพันเมตร ซึ่งข้อมูลใน internet มีน้อยมากเกี่ยวกับป่าที่นี่ เราเลยสนใจ หลักจากนั้นก็หาข้อมูลต่างๆ พร้อมทั้งหาสมาชิกที่จะร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ถือว่าเป็นการวางที่ค่อนข้างนานสำหรับทริปนี้

ในการเดินป่าทริปนี้ค่อนข้างพิเศษคือ นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่ 5 คน ที่เป็นคนพาคณะของเราไป ยังมีคณะของหัวหน้าทูน หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สุตว์ป่าคลองนาคา จะร่วมเดินทางไปสำรวจเส้นทางกับคณะของเราด้วยอีก 6 คน และจะใช้ทริปของเราเป็นเคสตัวอย่างในนการจัดการเพื่อเป็นแนวทางของกลุ่มเดินป่ากลุ่มอื่นๆ ที่จะเข้ามาเดินต่อไป(แต่ทางหัวหน้าทูนจะเดินถึงแค่เหมืองโชนและจะเดินทางกลับหน่วยกำพวน) ทำให้ทริปนี้มีเจ้าหน้าที่ร่วมเดินทางไปด้วย 13 คน และสมาชิกของเรา อีก 13 คน

ค่าใช้จ่ายและเบอร์ติดต่อ (ค่าใช่จ่ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพราะจากที่กล่าวไปในตอนแรกว่าเคสของเราเป็นเคสตัวอย่าง ควรโทรถามอีกครั้ง)



หัวหน้าทูน นายเลิศศักดิ์ ศรีพรหม หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สุตว์ป่าคลองนาคา 0818950897

พี่แป้น กรณีจะพักแพ แพคลองแสง (หน่วยคลองหยา) 083-6906197 ติดต่อเรือและแพพร้อมอาหาร

แพหน่วยคลองหยา 061-1869787 ติดต่อเรือและแพพร้อมอาหาร

ติดต่อเรือและแพได้ทั้งสองเบอร์แต่คนละเจ้าเลือกเอานะคะ

ประวัติความเป็นมา


• เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา มีพื้นที่อยู่ในป่าตำบลบ้านนา ตำบลเชี่ยวเหลียง ตำบลกะเปอร์ ตำบลบางหิน ตำบลนาคา ตำบลกำพวน ท้องที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง พื้นที่ด้านทิศตะวันออกติดกับเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้านทิศใต้ติดกับเขตจังหวัดพังงา เนื่องจากป่าบริเวณนี้ยังมีสภาพป่าสมบูรณ์และเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าไว้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้รักษาไว้เป็นป่าคุ้มครอง โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 78 ตอนที่ 94 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 และจังหวัด ระนอง ได้ประกาศกำหนดให้ป่าพื้นแห่งนี้เป็นป่าถาวร ตามหนังสือจังหวัดที่ 4842/2506 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2506 ต่อมาปี พ.ศ.2511 กองบำรุง กรมป่าไม้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจสภาพ ภูมิประเทศ พรรณไม้ และชนิดของสัตว์ป่า เพื่อดำเนินการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2515 คณะปฏิวัติได้มีประกาศฉบับที่ 150 กำหนดบริเวณที่ดินป่า คลองนาคาให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 89 ตอนที่ 82 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2515 ปัจจุบันมีพื้นที่ 331,456 ไร่



• ลักษณะอากาศ

• เนื่องจากอยู่ติดกับฝั่งทะเลอันดามัน จึงได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้เป็นประจำ ทำให้มีฝนตกชุกเกือบตลอดปี ฤดูฝนจะมีฝนตกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายนต่อจากนั้นก็เป็นฤดูแล้ง ซึ่งมีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นส่วนใหญ่ ฤดูหนาวเกือบจะไม่มีเพียงแต่อากาศเย็นลงกว่าปกติเท่านั้น



หัวหน้าทูน หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา

(ในภาพ เจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์ ระบุพิกัดไปด้วย)


เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า



เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า หมายถึง พื้นที่ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย เพื่อว่าสัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าวจะได้มีโอกาสสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้สัตว์ป่าบางส่วนได้มีโอกาสกระจายจำนวนออกไปในท้องที่แหล่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับเขตรักษาพันธุ์-สัตว์ป่า



การกำหนดให้มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สืบเนื่องมาจากการที่สัตว์ป่าจะสามารถดำรงชีพและสืบเชื้อสายต่อไปได้ จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งหลบภัย ป่าไม้เป็นแหล่งกำเนิดปัจจัยดังกล่าว ซึ่งดูยิ่งจะเพิ่มความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งต่อสัตว์ป่า เมื่อป่าไม้ถูกทำลายลงสัตว์ป่าก็ต้องต่อสู้กันเพื่อแก่งแย่งแหล่งน้ำ แหล่งอาหารที่มีจำกัด ทำให้สัตว์ป่ามีสุขภาพอ่อนแอและล้มตายไปมาก ขณะเดียวกับมนุษย์มีการพัฒนาอาวุธปืนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับการล่าสัตว์ป่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เหล่านี้เป็นสาเหตุให้สัตว์ป่าถูกทำลายไปได้โดยง่าย ทำให้สัตว์ป่าบางชนิดปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว จนบางชนิดเกือบสูญพันธุ์หรือบางชนิดก็ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการพยายามสงวนและรักษาป่าไม้ไว้ เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ในรูปแบบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

เมื่อเช จัดเป้ไปเดินป่าระยะไกล #ไม่มีสิทธ์ที่จะไปห้ามให้เธอไม่ไป ของทุกอย่างมัดใส่ถุงแยกตามการใช้งาน บรรจุแบบกันฝน 100%


ทริปนี้เดินจากระนอง - ไปสิ้นสุดที่ จ. สุราษฏร์

1. รองเท้าผ้าใบ (รองเท้าแตะ ลืมเอาไปเลยเดินเท้าเปล่า)

2. Tent

3. Fly Sheet

4. เปลมุ้ง

5.ถุงนอน (สภาพปลอกหาย สายขาดใช้งานจริงก็งี้)

6. ธงชาติ 🚩🚩🚩

7. รัดท้อป, ทีรัดหัวเข่า

8. Rain covers , เสื้อกันฝน

9. ผ้าชีมัค

10. เสื้อวันเดินทาง (spandex) กางเกงแบบระบายอากาศได้ดี

11. ตุ๊กแก

12. เสื้อขนกระต่ายแขนยาว น้ำหนักเบา

13. ลองจอน (ความจริง มีลองจอนแล้วถุงนอนจะไม่เอาไปก็ได้ เพราะอุ่นแล้วใส่ติดลบยังเดินสบายๆ)

14. ชุดนอนเสื้อกล้าม เกงขาสั้น ผ้าแห้งไว ผ้าถุง ถุงเท้า เข็มขัด

15. หมวก หมวก หมวก หมวก

16. เชือกขนาดต่างๆ เข็มขัดรัดของ

17. ถุงมือ

18. เกลือแร่ ลูกอม ไฟแช้ค พลาสเตอร์ ผ้าเปียก ยา

19. ผ้าโพกหัวกันเหงือเข้าตา

20. มีด นกหวีด

21. กล้อง ที่ฟังเพลง แว่น กล้อง อุปกรณ์กล้อง

22. ถุงกันทาก

23. อาหาร ของใช้ส่วนตัวกระจุกกระจิก

24. ไฟฉาย

25. ยากันยุง

26.Cable Tie

27. ชาม ช้อน

Etc .. กะน้ำหนักไว้แบกน้ำ อาหารกลางวัน ข้าวสาร 1 กก. หมูเค็ม 1 กก. น้ำดื่ม 2 ลิตร ขนมกินเล่นๆ (เราแบกกล้วยตากไป 1 กิโล น้ำตาจิไหล

ยากันทาก สเปรย์กันแมลงไม่เคยพกและไม่ใช้ด้วย เข้าป่าควรอยู่กับป่าให้ได้ เด้วก็ชิน

เรานัดกับสมาชิกคนอื่นๆ ให้ไปเจอกันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ในเช้าวันที่ 5 พ.ค.59 ใครจะสะดวกเดินทางเวลาไหนก็ตามสะดวก


เราเองออกเดินทางในเช้าวันที่ 4 พ.ค.2559 โดยมีพี่วุฒ กับแก๋ม (สหายสายโหด) มารับที่บ้าน ช่วยกันหารค่าน้ำมันรถ มาถึงก็ขนเสบียงของกองกลางขึ้นรถและออกเดินทางไปยังจังหวัดระนอง



เรา เช เจ้าของรีวิว

Name: Monster เช

Race: กึ่งมนุษย์

Property: shadow 3

Walk speed: very fast
ฝากให้อ่าน.... “อะไรก็เกิดขึ้นได้"

การเดินป่า นอกจากกายพร้อม ใจพร้อม สัมภาระพร้อมแล้ว ยังต้องพร้อมที่จะหลงป่าด้วย เคยถามตัวเองมั้ยว่าพร้อมหรือยัง อย่างน้อยที่โพสมาคุณต้องทำได้

1. ในเป้ต้องมีอาหารแห้ง ข้าวสาร หมูรวนเค็ม เกลือ มาม่า เผื่อไว้กินในยามหลงป่า อย่างน้อย 3 คืน (แม้บางคนจะไปทริปกับทัวร์ก็เถอะ)

2. มีหม้อสำหรับหุงข้าว ต้มน้ำ อย่างน้อย 1 ใบ

3. มีทักษะในการหุงข้าว ซึ่งควรจะหัด เพราะถ้าเราเกิดหลงป่าไปคนเดียวใครจะช่วยคุณ นอกจากตัวคุณเอง

4. ในเป้ควรมี ไฟแช๊ค นกหวีด ไฟฉาย ถ่านสำรอง มีด และยา

5. มีทักษะในการก่อกองไฟแม้ยามฝนตก ถ้ามีแรงขนชุดแก้สกระป๋องก็ไม่เสียหาย แบกไปเถอะถึงเวลายามคับขันเด้วรู้เรื่อง

6. ต้องสามารถหาที่หลับนอนที่ปลอดภัยได้ ด้วยตัวเอง

7. ต้องมีความสามารถในการแบกสัมพาระของตัวเอง

การฝากสัมภาระของตัวเองไว้กับคนอื่นคือเรื่องที่เสี่ยงมาก หากคุณหลงกับกลุ่มในกรณีใดๆ ก็แล้วแต่ คุณมีแต่ตัว ก็อดตายในป่านะขอรับ

8. ทักษะในการสังเกตุสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ใช่เดินก้มหน้ามองดิน



คิดอะไรออกจะมาเพิ่มเติม

ไว้มีเวลาจะทำเป็นรีวิว ให้

ในเป้เช ไม่ได้มีแต่พร้อบ แต่ในยามคับขัน เพื่อนๆ ยังพึ่งเราได้

เราเองอยากรู้ว่าระยะทางเดินทั้งหมดกี่ กม. จากข้อมูลที่ดูใน internet บอกว่า 54 กม.ก็ไม่ค่อยแน่ชัดเลยต้องมาวัดเองจากแผนที่


จากแผนที่ในภาพระยะทางจากหน่วยกำพวน-จุดที่เรือมารับ วัดในแนวเส้นตรงจะได้ระยะทาง 60 กม.

แต่หลังจากสิ้นสุดการเดิน เจ้าหน้าวัดระยะทางได้ทั้งสิ้น 85- 90 กม. เพราะต้องเดินตัดทางข้ามห้วย

เราเดินทางมาถึงเขตรักษาพันธ์ุสัตว์คลองนาคา ราว 20.00 น. โดยมีพี่เจ้าหน้าที่มาคอยรอรับ


เจอน้องสีน้ำที่หน้าหน่วย คืนนี้เลยนอนกันที่หน่วย 4 คน


จะมีร้านค้าที่ หน้า ขรส. มีขายครบเกือบหมด เราสั่งอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ร้านนี้เลย ปกติพี่เขาไม่รับทำแต่ เขาก็มีน้ำใจ ทำให้คะเป็นข้าวหมกไก่ และข้าวไก่กระเทียม
มีหลับที่นอนให้ ไม่เสียเงินคะ แล้วแต่เราจะหยอดใส่กล่อง

6.33 น. สมาชิกเดินทางมาถึงกันครบทุกคน โดยนั่งรถทัวร์มากจาก กทม.


เช ตื่นแต่เช้า มากวนคนที่หลับ และคอยโทรตามอาหาร

จัดข้าวของทานอาหารเช้า (โดยอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ห่อไปสั่งได้ที่ร้านค้าด้านหน้าหน่วยซึ่งอยู่ห่างจากหน่วยราว 300 เมตร) และคุยถึงแผนการเดินโดยหัวหน้าทูน


ถุงกันทากที่เย็บใช้เอง


ในภาพ เช ไม่ได้เตี้ยนะ แต่ลุงเสื้อแดงสูงเกินมาตราฐานมนุษย์โลก-_-"

9.30 น. เตรียมเดินทางออกไปหน่วยกำพวน ซึ่งจะเริ่มเดินที่นั่น

ยอดเขาเบื้องหน้า คือที่ที่เราจะไป ตอนนี้รู้สึกฮึกเหิมมาก want มานาน ป่าใต้
เดินทางโดยรถของเจ้าหน้าที่ไปยังหน่วยกำพวน

ถึงหน่วยกำพวนก็จัดแจงข้าวของ ตรวจความพร้อมอีกรอบ


เมื่อถึงหน่วยกำพวน ซึ่งเป็นหน่วยย่อย เตรียมอุปกรณ์เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเริ่มออกเดิน จุดที่เริ่มเดินเรียกว่า ก.ม 6 ซึ่งเส้นทางเดินจะเป็นทางเดินตามถนนเข้าเหมืองเก่า(ดีบุก) แต่ว่าใช่จะเดินกันสบาย ๆ มีต้นไม้ขึ้นและล้มขวางทางเนื่องจากเหมืองนี้ปิดมาหลายสิบปีแล้ว ทำให้เส้นทางกลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นป่ารกทึบที่ต้นไม้ที่มีหนามเยอะมากๆ ทางเดินช่วงแรกเป็นทางราบ แต่ต้องมีการมุดกันบ้างตามเส้นทางอาจจะพบกับดอกค้างคาวดำได้ตามทาง เดินกันไปจนประมาณเที่ยง แวะกินข้าวกันที่ลำห้วยคลองแสง พักเหนื่อยกินน้ำให้ฉ่ำใจ แล้วเดินทางต่อไปพักแรมที่ ก.ม.14 เส้นทางช่วงหลังนี้จะเดินตามลำน้ำตลอด ระหว่างทางจะมีดอกไม้หายากเกือบตลอดทาง ช่วงสุดท้ายก่อนถึง ก.ม. 14 จะต้องผ่านจุดสุดท้ายเรียกว่า ครวญลาวถอย ซึ่งจะเป็นทางชันต้องมีการปีนกันบ้าง เล่นเอาเหนื่อยเลยหละ


เป้าหมายในวันแรกคือไปตั้งแคมป์ ที่ กม. 14


ระหว่างทางรกมากและเต็มไปด้วยหนามและไม้ล้ม ต้องมุดต้องลอด เอาเป็นว่าวันแรกก็ไม่หมูเสียแล้ว

รอยต้นไผ่ที่โดนช้างบุก
นั่งพักบ้างอะไรบ้าง


การมาเดินป่า ที่รกชัน และต้องมุดๆรอดๆ อีก ยิ่งเป้ที่หนักด้วยแล้ว ทำให้เสียพลังงานไปเยอะทีเดียว และยังมีหนามหวายนี่เป็นตัวดึงแรงเราไปเยอะทีเดียว เพราะเราจะไปข้างหน้า มันกับเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้ไม่ไห้ไป ทำให้ต้องยื้อกันอยู่นาน เสียแรงไปอีก

พักทานอาหารลางวันกันคะ โดยที่ต่างคนต่างก็หามุมเงียบๆ นั่งกินกัน เรากินไปนั่งดูปลา ดูลูกกบในน้ำไป


เวลาที่เราเข้าป่า เราไม่เคยขี้เกียจหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเลย เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปอีกครั้งมั้ยด้วยโอกาสและหลายๆ อย่าง


ณ. ตอนนั้นควรใช้เวลาให้คุ้มค่า ดื่มด่ำกับสิ่งรอบตัว อย่ามัวแต่รีบเดินจนมองไม่เห็นอะไรสองข้างทาง



แก๋ม(ในกลุ่มเรียกแงซาย แรมโบ้)


เดินไปได้ครึ่งทางของวันแรก พี่โส่ยเริ่มเดินไม่ไหว ยังไม่ชินกับทางที่เดี๋ยวข้ามห้วย เดียวปีนทางชัน เดี๋ยวเดินบนก้อนหิน แก๋มเลยช่วยแบกเป้ ของพี่โส่ยไปจนถึงแค้มป ที่พักในคืนแรก

สุดยอดดดเลย แงซาย พลังคูโบต้าจริงๆ เราบอกเลยนะว่าการที่จะแบกของเพิ่มสักโลในป่า นี่ลำบากมาก แก๋มเป็นคนที่เรานับถือในน้ำใจของเขามากๆ คนหนึ่งเลย เป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ไม่เคยห่วงเลยว่าตัวเองจะลำบากมั้ย ใจแก๋มหล่อมาก

ทางจะแบบว่าถ้ารกก็ตัดลงห้วย


จนท. พี่ไข่คลานไปกินน้ำเลยคะ

เดินมาเหนื่อยๆ อากาศก็นะ ร้อนอบอ้าว ลมไม่พัดเลย การเล่นน้ำทำให้เรารู้สึกดี คนที่เดินป่าใหม่ๆ วันแรกๆจะไม่ยอมลงน้ำ กลัวรองเท้าเปื้อน กลัวเสื้อเปียก แต่พอวันสุดท้ายเห็นวิ่งลงน้ำทุกรายสิเออ
มีโชว์คนแก่ลอยน้ำ

น้องทากเจอตั้งแต่วันแรกคะ ฟินไปสิเดินไปพักไป รอคนที่เดินไม่ไหว มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน


ส่วนเช ไม่ต้องห่วง ให้แบกควายสองตัวก็ยังไหววว

ภาพเยอะหน้อยนะ ก็มันสวยทุกรูป

บุกป่าฝ่าดงหนาม นี่แหละถิ่น hipster


เฮ้ยยย มันใช่เหรอว๊าาาา



ชอบถ่ายรูป ชอบเก็บภาพระหว่างการเดินทาง ถ่ายสวยบ้างไม่สวยบ้าง รูปเยอะหน่อยขออภัย ต่อให้เดินจนขาลาก หรือเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ มือก็ต้องควักกล้องอะไรสักอย่างมาถ่าย


18.00 น. 5 พ.ค. 2559


เช แงซาย พี่วุฒิ ถึงแค้มป์ช้ากว่าคนอื่นเพราะเป้ที่รับมาแบกเพิ่มขึ้นอีกใบทำให้การเดินไม่สะดวกนัก และมีเดินหลงทิศ หลงทางเป็นบางช่วงเพราะป่ามันดิบรอยต่างๆ ก็เลือนลางไปตามกาลเวลา และก็ถือโอกาสถ่ายรูปใบไม้ใบหญ้าไปเรื่อย ทุกคนงง กันหมดว่ากลุ่มเราเดินไปอ้อมเอฟเวอร์เรสมารึเปล่ามาถึงเกือบค่ำมืด

มาถึงคนอื่นๆ กางเปล กันหมดแล้ว บ้างก็ทำอาหารโดยพี่ จนท.


ลักษณะของบริเวณที่พักเดินลงหุบไปทางค่อนข้างชัน กางเปลกันใกล้ลำห้วยที่มีน้ำพอให้ดื่มกินและใช้สอยแต่ไม่มาก ทางลงลักษณะลาดชัน
ในภาพคือพี่ธง มาเดินป่าด้วยกันครั้งแรกคะ สายนักอนุรักษ์ นักดูนก ชายหนุ่มจากเมืองเพชร

หุงหาอาหาร เห็นหม้อสนามแบบนี้ หม้อหนึ่งทานได้หลายคนเชียวหละ


นั่งล้อมวงทานข้าว เรื่องเล่ารอบกองไฟ เอาน้ำลูบหน้าลูบตัว แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน บางคนก็นอนปลาทู แต่ส่วนมาผูกเปล


ภาพกลางคืนไม่ได้ถ่ายคะ ^^


เช้ามาตื่นกันแต่เช้าคะ ทานอาหารแล้วออกเดินต่อคะ วันนี้จุดหมายคือเหมืองโชน

เดินจากจุดที่ตั้งแค้มป์ ข้างล่างหุบขึ้นมาลิ้นห้อยแต่เช้าคะ


มาตั้งขบวนกันข้างบน

เริ่มเดินไปได้แพรบเดียวจะหยิงกล้องมาถ่าย vdo หาไม่เจอ ค้นๆ นึกได้ว่าเมื่อวานก่อนจะถึงแคมป์ ทำน้ำหกในกระเป๋ากันน้ำเลยเทของออกมาตรงทางชัน(ประมาณ 10 นาที ก่อนจะถึงที่ตั้งแค้มป์เป็นเป็นทางชันมากก ต้องใช้มือ ใช้เท้ากันเลยก็ว่าได้ บางช่วงใช้เถาวัลย์และรากไม้ช่วย) เราดันลืมกล้องไว้ แม่เจ้า เช พี่วุฒิ และพี่ธง เลยเดินกึ่งวิ่งมาหากัน แต่พี่ จนท.ยังแอบห่วงวิ่งตามมาอีกคน สรุปเจอกล้องคะ อยู่ก้นเหวข้างล่างเลย ปีนขึ้นปีนลงเนินนี้กันสองรอบ รวมเมื่อวาน น้ำตาจิไหล หมดแรงเลย


ช่วงสุดท้ายก่อนถึง ก.ม. 14 จะต้องผ่านจุดสุดท้ายเรียกว่า ครวญลาวถอย ซึ่งจะเป็นทางชันต้องมีการปีนกันบ้างงงงง ชันมากกกไปป่าววววเว้นที่ไว้ ให้ vdo

ทางเดินวันที่ 2 ก็โหด พอสมควรคะ เป็นทางรถของเหมืองเก่า บางที่ก็ตัดทาง ซึ่งชันมาก

ระหว่างทางจะมีไม้ล้มตลอดทางคะ หนามก็เยอะ


บางช่วงก็ตัดทาง ชันเอาเรื่อง

ตัดทางออกมาเจอทางถนน เรื่องแอคติ้ง ไม่มีพลาดนะคะ เราต้องดูดีตลอดเวลา เพราะรู้แหละว่าทุกทริปจะมีภาพหลุดๆ มาให้นั่งหัวเราะกันท้องคับ ท้องแข็ง

บางช่วงก็ต้อง ออกแรง เส้นทางลัดก่อนถึง กม. 16 บางช่วงเราก็ไม่เอาทางลัดนะ ขอเดินทางปกติ ขี้เกียจปีน ยอมเสียเวลา แต่ประหยัดแรง


ก่อนถึง กม. 16 จะมีต้นไม้ล้ม ต้นใหญ่มว๊ากกก


ทีมงานคุณภาพ สั่งได้ทุกแอคชั่น

ยืนคุยกันอยู่ดี โดดถีบซะงั้น


เช จะไม่ทน มาตบกันมั้ย



คือบางครั้งการเดินทางจุดหมายไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนะ เราเน้น Story และ Drama

เดินไปเรื่อยๆ จะเป็นป่าตระกูลปาล์ม

ต้นมหาสดำ


เฟินในสกุล Cyathea นี้เป็นเฟินดิน ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ กระจายอยู่ตามเขตภูเขาในป่าเขตร้อนทั่วโลก และมีบ้างที่อาศัยอยู่ในเขตหนาว เฟินในสกุลนี้ ในธรรมชาติ มักพบได้ในป่าดิบ ที่มีความชุ่มชื้นสูง และสภาพอากาศไม่ร้อนมาก

มีรายงาน พบเฟินในสกุลนี้มากถึง 700 ชนิด ที่พบในบ้านเราค้นพบแล้ว 8 ชนิด ส่วนในมาเลเซียมีถึง 17 ชนิด ในฟิลิปปินส์มีถึง 37 ชนิด
เห็ดหูหนู

เจ้าของบ้านไม่อยู่ ทิ้งไข่ไว้ เจอรังนกในป่า ลุงธงบอกว่าห้ามจับ เพราะนกจะผิดกลิ่น

กลุ่มเราเดินรั้งท้ายเช่นเคย เพราะเผื่อมีใครบาดเจ็บ หรือเดินไม่ไหว จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที


ระหว่างทางก็จะมีการหยอกล้อกันพอสนุก (ใครมาทำไว้น้อ)
ผลงานของแงซายคะ เดินมาถึงก่อนนานพอสมควร ได้หลับไปพักใหญ่ๆ

เดินไปสนทนากันไป ไม่รีบเร่งอะไรคะ เพราะรูู้จุดหมายที่พักคืนนี้แล้ว คือที่เหมืองโชน


เช ไรด์เดอร์


เอาใบไม้มาปิดหน้า แล้วก็มองไม่เห็น เดือดร้อนคนอื่นอีกกก



ตรงนี้มีสัณญานมือถือ up face กันมันส์เลย

เดินไปซักพักราวหกโมง ก็ออกมาถึงเหมืองโชน


เหมืองโซน เป็นชื่อของเหมืองแร่ร้าง มีอายุกว่าร้อยปี เพราะบริเวณนี้มีเฟิร์นโซนขึ้นอยู่มาก จึงเรียกชื่อว่า เหมืองโซน มีการทำเหมืองแร่มาก่อนปี ๒๔๕๙ ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเมื่อกว่า ๖๐ กว่าปีมาแล้ว ได้ฉายาว่า มรกตนคร เหมืองโซนนี้อยู่ในป่าลึกเขต ๓ จังหวัดติดต่อกัน คือ ด้านแถบทิศตะวันออก เป็นจังหวัดสุราษฏร์ธานี ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจังหวัดระนอง ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นจังหวัดพังงา



การเดินทางไปเหมืองโซน เริ่มจากหน่วยพิทักษ์ป่ากำพวน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นเส้นทางเข้า – ออกเหมืองโซนในอดีต ใช้เวลาเดินเท้าเกือบสองวัน



แต่สำหรับเส้นทางที่ใช้เดินทางในครั้งนี้ เป็นการเดินทางแบบท่องเที่ยวไปในป่า โดยเริ่มต้นจากตัวอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นการเดินทางจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ ไปสิ้นสุดที่เขตอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ผ่านพื้นที่อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง และอำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฏร์ธานี ทั้งนี้ได้รับความสะดวกจากนายสถานีขนส่ง บ.ข.ส. อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ที่ให้ข้อมูลในการเดินทาง พร้อมทั้งหาผู้พาไปส่งยังจุดเดินทาง โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณชูศักดิ์ ถิ่นพังงา สมาชิกสภาเทศบาลคุระบุรี พามาส่งที่บ้านของคุณลุง สหัส ประกอบแสง ซึ่งเป็นผู้ชำนาญในป่าแถบนี้ คุณลุงสหัสนี้อายุ ๖๗ ปี อาชีพทำสวนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ติดกับป่าเชิงเขา คุณลุงนำพวกเรามาส่งปากทางเข้าป่าซึ่งอยู่หลังบ้านท้ายสวน มีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านตลอดทั้งปี เส้นทางเดินเป็นทางชักลากไม้มาก่อน



ข้อมูลฉบับเต็ม

http://www.geocities.ws/tongpa/data003/2muangkhon.htm
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเป็นตำนาน ที่ลึกลับ และมีอยู่จริง นั่นคือเหมืองโชนและน้ำตกที่มีความสูงถึง 1,000 เมตร เชื่อว่าจะมีอยู่เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย ที่มีความสูงมากขนาดนี้ และบริเวณใกล้เคียง ยังมีการทำเหมืองแร่ดีบุก ซึ่งในตำนานระบุว่าเป็นแหล่งแร่ดีบุกที่สมบูรณ์ที่สุดในภาคใต้ และการขนอุปกรณ์เข้าไปทำเหมือง ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี เพราะความยากลำบากในเส้นทางที่เป็นป่าเขาที่สูงชัน

ถึงเหมืองโชนก็ยังไม่ไป camp เพราราะพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า เลยแวะถ่ายรูปและสำรวจบริเวณรอบๆ ให้เสร้จตั้งแต่วันนี้


เหมืองโชนเมื่อตรวจพิกัดแล้วปรากฎว่าอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา รอยต่อระหว่างเทือกเขาแดนและเทือกเขาพระหมีด้าน จ.สุราษฎร์ธานี และก็เป็นพื้นที่ 3 เส้า รอยต่อกับจังหวัดพังงา ตรงเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสุราษฎร์ธานี ก็นอนพักที่บริเวณริมคลองที่เหมืองโชน คืนหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ได้ทราบว่าเป็นเขตแดน เห็นว่ามีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เมื่อมองจากยอดเขาแดน เมื่อไปตรวจสอบเขาแดนในวันรุ่งขึ้นนั้นปรากฏว่าเขาแดนเป็นเทือกเขา สันเขาแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดระนอง สามารถมองเห็นภูมิทัศน์ทางด้านทะเลฝั่งตะวันตกอันดามันได้อย่างดี และก็ความสูงของภูเขาสูงพันสามร้อยกว่าเมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดในย่านนี้ ก็สามารถมองเห็นภูมิทัศน์รอบพื้นที่ได้สวยงามมาก



มีร่องรอยข้าวของเครื่องใช้มากมาย รองเท้าเก่าๆ เครื่องครัว ขวดเบีย ของใช้ต่างๆ


รอยเท้าเจ้าของพื้นที่

อของเหมืองโชน มาจากเฟิร์นชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเรียก "ต้นโชน" ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณเหมือง


3 คู่ 6 ใบ คือลักษณะองต้นโชน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Osbeckia stellata Ham.


ชื่อสามัญ Indian Rhododendron , Malabar Melastome

วงศ์ MELASTOMATACEAE

ชื่ออื่น โคลงเคลง เหมร(ใต้) พญารากขาว(กลาง) หญ้าพลองขน(ชุมพร) อ้าน้อย(เชียงใหม่) เอนอ้าน้อย(อุบลราชธานี) เอนอ้าขน
ดอก เป็นยาระงับประสาทและห้ามเลือดในคนที่เป็นริดสีดวงทวาร ราก เป็นยาดับพิษไข้ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร บำรุงตับไตและดี

เดินดูแล้วก็มานั่งคิดว่าเมื่อก่อนเคยมีผู้คนมาใช้ชิวิตอยู่บนนี้ มากเท่าไร



เที่ยวกับเรา ลำบากหน่อยนะ

เราชอบนอนเต๊นท์ นอนเปล เราชอบกินข้าวจากหม้อสนาม เราชอบเดินตากฝน เราชอบสีเขียวๆและกลิ่นของป่า เราชอบนั่งมองแสงไฟฟืน .........



‪#‎ได้แต่มองเธอข้างหลัง‬ ‪#‎ยิ้มให้เธอเพียงข้างหลัง‬

เดินไปชมฝายกั้นน้ำ


พบเครื่องมือขุดแร่ที่ใช้แรงงานคนที่เป็นเสียม และที่เป็นเครื่องจักร พบซากรถยนต์ รถตีนตะขาบ มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ มีกระท่อมร้างบ้านพักคนงาน มีท่อส่งน้ำที่ใช้ฉีดแร่ มีฝายเก่าซึ่งพังแล้ว แต่ร่องรอยของฝาย ที่เป็นฝายกั้นน้ำ มีถ้ำ ถ้ำนั้นขณะนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกค้างคาว มีถ้ำใหญ่ ๆ อยู่ 2 ถ้ำ

การเดินทางให้อะไรเรามากกว่าที่คุณคิด
มรกตนคร

หลังจากเดินฟรุ้งฟริ้งถ่ายภาพเล่นจนหนำใจ ก็กลับมาที่แคมป์ และก็อีกเช่นเคยทุกคนกางเปล อาบน้ำ นอนคุยกันสบายใจไปหมดแล้วเหลือกลุ่มเด็กหลังห้องเดิน งุดๆ พึ่งจะมาถึง เราไม่เน้นความเร็วในการพิชิตจุดหมาย แต่เราเน้นดินดื่มด่ำ และชื่นชมสิ่งรอบข้างเวลาเดินทาง


นั่งล้อมวงทานอาหารและนอนฟังเรื่องราวจากทุคน มันช่างมีความสุข พรุ่งนี้เช้านัดกันตี5 ตื่นนอนและเดินไปเขาสันแดน เพื่อชมวิวทะเลระนอง เตรียมของสัมภาระให้พร้อมเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยเช้ามาจะได้ลุกไปเลย


คืนนี้ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ แต่เช นอนปลาทูคะ ขี้เกียจกางเปล หละแฮร่ๆๆๆ
วางแผนการเดินทางในพรุ่งนี้ ที่ต้องประชุมกันเพราะพรุ่งนี้จะเป็นการเดินทางเส้นสีแดง เป็นทางด่านช้าง และสัตว์ป่าอื่นๆ จึงต้องระวังตัวกันก่อน

พรุ่งนี้ เวลา 5.00 น. คณะของหัวหน้าทูนจะเดินกลับหน่วยกำพวนจะแยกกับคณะของเราตรงนี้ เดินรวดเดียวถึงหน่วยเลย และก็มีสมาชิกบางคนกลับด้วยเนื่องจากมีภารกิจถ้าเดินจนจบทริปจะไปทำงานไม่ทัน

บรรยากาศโครตดีเช้าราวตี 5. เอาไฟฉายสวมหัว น้ำ 1 ขวด มาม่า โอวัลติน ขนม ใส่ถุงกันน้ำ แล้วออกเดินทางไปเขาแดนกัน



วิวจากยอดเขาสันแดน ระนอง ความสูง 1,345 เมตรจากระดับน้ำทะเล กั้น 3 จังหวัด ระนอง สุราษฎ พังงา

มีรายงานข่าวพบหมีขาว บนเขาสันแดน

บัวแฉกในธรรมชาติ พบขึ้นอยู่กับดินค่อนข้างหนียว มีอินทรีย์วัตถุทับถม ตามลาดเนินเขา หรือขอบชายป่าดงดิบ ใบบริเวณที่ได้รับแสงแดดจัดจ้าเต็มวัน ที่ระดับความสูงมากกว่า 1000 ม. ขึ้นไป กระจายพันธุ์อยู่ใน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ โพลีนีเฃียน ออสเตเลีย ในบ้านเรา พบที่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และยะลา



ภาพใบอ่อนของเฟินบัวแฉกเหล่านี้ เป็นภาพที่ถ่ายจาก ยอดเขาสันแดน

รองเท้านารี
จุดที่เครื่องบินชนกับหน้าผาบนเขาสันแดน


เห็นว่าเป็นเครื่องบินของนักบินฝึกหัดของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ แล้วก็มาขับชนกับภูเขา และก็ได้มีการกู้เอาศพไป พบซากเครื่องบินนั้นตรงยอดเขาแดน ยังมีซากปรักหักพังของเครื่องบินอยู่ มีให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่ (ข้อเท็จจริงของเครื่องบินเป็นเครื่องบินฝึกบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ลายน์ ชนิด 2 ที่นั่ง ฝึกบินจากสิงคโปร์ แวะพักภูเก็ต จากนั้นเครื่องบินบินขึ้นจะไประนอง ทัศนวิสัยไม่ดี พุ่งชนภูเขา ทำให้ครูและลูกศิษย์นักบินเสียชีวิตทั้งสองคน เหตุเกิด พ.ศ. 2540)

ทางเดินบนยอดเขาสันแดน จะเดินเลาะริมเหว ชายเขา ทางแคบคะ ขากลับเราวิ่งลงมาถึงแคมป์เป็นคนแรก ตอนเดินขึ้นใช้เวลานาน ตอนลง warp ลงมา

ราว 10.00 น. เดินทางมาถึงที่พัก ทานอาหาร เก็บของ และออกเดินทางทันที

ทานข้าวเก็บข้าวของและออกเดินทางกันต่อเลยคะ

เส้นทางนี้พี่อำนวยสั่งให้เดินติดๆ กันอย่าทิ้งระยะกัน

วันนี้เราจะไปน้ำตกโตน


ทางจะขึ้นเขาลงห้วยตลอดทางคะ เดินผ่านด่านช้าง ด่านหมู ก็เส้นทางรก มีทากเยอะ เป็นป่าที่รกมาก

ให้ภาพบรรยายคะ

รองเท้าน้องสีน้ำขาด ลุงเขียวใจดีซ่อมให้


แต่สุดท้ายก็แยกร่าง ลุงเขียวเลยให้เอารองเท้าแกมาใส่แทน

น้อยหน่าเครือ

อุโมงค์เหมืองแร่เก่า ตอนนี้ถล่มลงมา

เจอน้ำตกเล็กน้ำตกน้อย ตลอดทางก็แวะเล่นกันตลอดนะ

เจอแต่ของแปลกๆ ลูกใหญ่กว่าหัวเช อีกจ้า


ลูกช้างแหก ข้างในมีขนถ้าโดนจะคันมาก ถ้าหล่นใส่หัวมีตายคะ

หลังจากเดินงุดๆ เราก็มาถึงยอดของน้ำตกโตนล้ว


สิ่งที่ประทับใจมากจากการไปสำรวจน้ำตกก็คือ เพราะว่าน้ำตกเป็นหินสีขาวสะอาด เป็นน้ำตกสูงมาก และเห็นภูมิทัศน์รอบข้างสวยงาม อุดมสมบูรณ์ เห็นแล้วชื่นใจ

เดินไปตามลำคลอง ลำห้วยที่ไหลมาจากเทือกเขาแดน แล้วก็เดินไปจนถึงจุดที่เป็นยอดของน้ำตก วัดพิกัดได้ 1,200 เมตรเศษ จากระดับน้ำทะเล น้ำตกขณะที่ไปเป็นหน้าแล้ง แต่มีน้ำตกไหลพอประมาณ เยอะพอสมควร สิ่งที่อัศจรรย์ใจที่สุดของน้ำตกพันเมตรก็คือ หินผาที่เป็นน้ำตกมันเป็นหินสีขาวหมดเลย ไม่ใช่หินสีดำ มันเป็นหินสีขาวทั้งหมด ที่หน้าผาแล้วก็น้ำตก ตกรวดจนถึงพื้นล่าง ทำมุมเป็นแนวดิ่งประมาณ 15 องศา ตกยาวลงไปเลย ไม่มีชั้น หมายความว่าตกยาวไปเลยนะ ทำมุมกับแนวดิ่งประมาณ 15 องศา และก็ไปตามลาดเขา ผมได้ไต่ลงไปข้างล่างไปวัดระดับที่ข้างล่าง ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นไม่มีการบันทึกไว้ แต่ว่ามีการสูญหายของข้อมูล จะกลับไปสำรวจใหม่ แต่ว่า ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นความสูงที่ใต้น้ำตกวัดได้ประมาณ 300 กว่าเมตร ความจริงน้ำตกสูงประมาณ 900 เมตรเท่านั้นเอง แต่อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,200 กว่าเมตร ก็เลยถึงว่าเป็นน้ำตกที่สูงมาก สวยงาม น้ำที่ไหลจากน้ำตกจะไหลลงคลองแสง เมื่อนั่งอยู่บนยอดน้ำตกก็จะมองเห็นคลองแสง เพราะฉะนั้นตรงจุดน้ำตกเป็นจุดรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านาคากับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง แต่น้ำเมื่อตกแล้วจะเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ไม่ได้อยู่ในจังหวัดพังงา



http://narongthai.com/deebooc1.html

และฝนก็ตก เดินป่าที่นี่ต้องทำใจเรื่องสภาพอากาศนะ



ร้องเพลงสิ

อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง

เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ

นั่งทานข้าวกัน ทำอะไรทานกันง่ายๆ แต่โครต อร่อย ไม่อร่อยได้งัย วิวดีขนาดนี้ แต่ขอบอกว่าลื่นนนนนมาก โปรด ระวัง


สภาพอากาศแดดออก ฝนตก แดดออกรอชมคลิปตอนฝนตก

บรรยากาศหลังฝนตก ไปยืนบ้า บอๆ ริมเหว

หลังจากทานอาหารและนั่งพัก ราวบ่ายโมงก็ออกเดินทางต่อ

ระหว่างทางเจอเห็นต้นใหญ่มากกก

เดินมาเจอกระดูกของกระทิง กองโต

เส้นทางถ้าทางรกมากๆ จะเดินริมห้วย ซึ่งหินลื่นมาก


ฝนมาแล้วรีบเดินไปแค้มป์กันระหว่างทางฝนตก มาถึงแคมป์รีบจัดการกางเต้นท์หลัก และเต้นท์ตัวเอง ระหว่างนี้บางส่วนก็ไปกรอกน้ำตุนเอาไว้ เพราะถ้าน้ำป่ามาน้ำจะขุ่นจนกินไม่ได้


ฝนตกเลยถ่ายแต่ คลิปมา มื้อเย็นทานกันง่ายๆ มีอะรไก็จับลงท้องให้หมด


เฝ้าดูสถานการณ์น้ำป่า

เพื่อรักในป่าใหญ่

เช้านี้ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เพราะวันนี้ต้องเดินหนักหน่วงมากกว่าทุกวัน เพราะถ้าถึงจุดที่เรือมารับมืดเกินไป เรือจะเข้ามารับไม่ได้

ทานข้าวเสร็จเก็บข้าวเก็บของ แล้วเดินทางคะ อย่ารี รอคะ ถ้าฝนมาหรือตกหนักๆ การเดินข้ามห้วยจะลำบากมีหวังได้นอนกันอีกคืนสองคืน ตกงานกันหมดแน่ๆ

เดี๋ยวลงน้ำเดี๋ยวเข้าป่าเข้าดงหนาม ทากนี่เยอะเป็นปกติตลอดการเดินทาง


เดินในน้ำหินก็ลื่นเดินในป่าก็มีหนาม ตลอดทางเจอแต่ด่านสัตว์


วันนี้เดินแทบไม่ได้พักคะ

ตลอดทางจะมีน้ำตกแบบนี้ให้เล่นคะ
ตลอดสองข้างทางสวยงามคะ ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ต่ออีกสักสองสามคืน


ทานอาหารกลางวันกันคะ ง่ายๆตามระเบียบ

ทริปนี้เดินไม่หนักเลยยยย

เจอต้นไม้ ต้นใหญ่มาก

แวะพักร่าง เงยหน้าขึ้นไปเจอน้องเหลือมแลบลิ้นแฟรบๆ


ต้อนอะไรไม่รู้ ต้องพาโนอย่างเดียวเท่านั้น


เริ่มเจอที่โล่งละ ในใจคิดว่าคงใกล้จะถึงและแหละ

เดินมาเจอทุ่งโล่งๆ ลมเย็นๆ ถ้ามีเวลาอีกคืนน่าตั้งแคมป์มาก เดินผ่านมาเจอหลายจุดที่น่าตั้งแคมป์ บางที่เป็นวังน้ำลึกมีปลาพลวงมากมาย


ปกติเรือจะมารับตรงที่เรานอนพัก แต่ปีนี้น้ำน้อย เลยต้องเดินออกไปหาเรือไกลพอสมควร

เราออกเดินำหน้า เสียงพี่ไข่ตะโกนมาว่า เฮ้ยๆๆ ระวังแถวนี้มันมีโคลนดูด เอ็งอย่าเดิน ให้คนที่นำทางไปก่อน เราก็ออๆ ได้ ตามนั้นๆ เดินไปได้พักเดียว ตกบกบ่อโคลนกันสามคน จมเกือบถึงเอว ขึ้งขยับยิ่งจม ต้องปลดเป้ และสัมภาระออก จึงค่อยๆ ออกมาได้ ส่วนพี่ไข่หมดแรง ต้องเอาไม้ส่งให้แกดึง


ความจริงแรงก็จะหมดอยู่แล้ว ไปตกบ่อโคลนเสียพลังงานไปหลายแคล แล้วยังต้องเดินต่อไปหาเรืออีกกก หมดสภาพเลยจ้า

คนอื่นถ่ายรูนฟินเลยยย


เรือนั่งได้ 20 คน เราออกจากป่ามาถึงเรือราว 18.30 น. ถือว่าเย็นเกือบไม่ทันแหนะ

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดข้าวกันตุ้ยๆ

เวลานั่งเรือถึงจะว่ายน้ำเป็นก็ต้องใส่ชูชีพ และปลดรองเท้าให้หลวม เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

มาถึงด่านทางน้ำคะ


นั่งเรือกันยาวนานค 3 ชม.ท้องน้ำมือมิดมีเพียงแต่แสงไฟ จากเรือของเราที่พุ่งไปข้างหน้า ตัดกับท้องน้ำสีดำทมึน


มาถึงท่าเรื่อ ประมาณ 20.30 น. คนอื่นไม่มีใครจับกล้องกันแล้ว แต่เช ยังมีหน้าที่ต้องทำรีวิว เลยห้ามละทิ้งหน้าที่

แวะคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ที่หน่วยคลอหยา ล้างเนื้อตัว แล้วนั่งรถ กลับ ขรส.คลองนาคา ถึงประมาณ 24.00 น.



คลิปทั้งหมด

"มัน ดี แค่ ไหน กัน ที่ เรา ได้ ร่วม ทาง"

This is my life.

คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่

คนเราจะมีลมหายใจอีกกี่ครั้ง ยังไม่รู้เลย

ให้คิดที่ทำตามใคร ก็รู้ว่าคงดีแน่

แต่เกิดมาทั้งที ต้องทำที่ใจอยาก

ชีวิตที่เป็นตัวเอง ก็รู้ว่ามันแย่

แต่มันต้องขอลองสักครั้ง



ชีวิตจะเป็นแบบไหน คงต้องเลือกเอา

ก็ตัวของเราก็ใจของใครของมัน

ชีวิตที่เป็นแบบนี้ คงไม่ว่ากัน

ก็ชีวิตมันเป็นของเรา

ความคิดเห็น