แบกเป้เที่ยวปีนัง ประเทศมาเลเซีย (เที่ยวคนเดียวแต่ไม่เปลี่ยวใจ เพราะได้เพื่อนใหม่ทุกวัน) 7-11 มกราคม 2559 ไปเอง หาข้อมูลเอง ถ่ายรูปเอง เที่ยวปีนังทั่วทั้งเกาะแบบชิลๆ และตบท้ายด้วยการเดินป่าที่ ระยะทาง 8 km. ตามประสาคนชอบเดินป่า ที่ penang national park

Penang Malaysia.This is my first time in penang.

ค่าตั๋วเครื่องบินขากลับ 980 บาท

ค่าตั๋วรถไฟไปหาดใหญ่ 850 บาท

ค่ารถไปกลับ ปีนัง 750 บาท

ค่าห้องคืนแรก 270 บาท

สองคืนสุดท้าย 600 บาท

ค่าอาหารคืนแรก 100 บาท



http://m.pantip.com/topic/34694942

รีวิวเขาสันหนอกวัว

https://www.facebook.com/BackpackerAdminJOY/

เพจคะ

“ปีนัง" นั้นเป็นหนึ่งในสิบสามรัฐของมาเลเซีย ในภาษามาเลย์จะเรียกว่า “ปูเลาปีนัง" (Pulau Penang) ซึ่งมาจากคำว่า “ปีนัง" ที่แปลว่า “ต้นหมาก" โดยในสมัยก่อนนั้นบนเกาะปีนังจะพบต้นหมากขึ้นอยู่มากมายนั่นเอง และหากพูดถึงรัฐปีนัง จะหมายรวมถึงพื้นที่บนเกาะปีนัง และ เซเบอรังเปอไร (Seberang Parai) บนแผ่นดินใหญ่



เกาะปีนังถูกค้นพบโดย กัปตันฟรานซิส ไลท์ (Captain Fransis Light) ชาวอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ.1786 กัปตันไลท์ก็ได้รับมอบเกาะปีนังจากสุลต่านแห่งรัฐเคดาห์ ในนามของบริษัทอีสต์ อินเดีย คอมพานี ด้วยการทำสัญญาว่าจะปกป้องแผ่นดินนี้จากสยามประเทศ ซึ่งเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อเกาะเสียใหม่ว่า “Prince of Wales Island" เนื่องด้วยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเกิดของเจ้าชายแห่งเวลส์


ต่อมาไม่นาน กัปตันไลท์ก็ได้ตั้ง “จอร์จทาวน์" (George Town) ขึ้นมา เพื่อให้เป็นเมืองท่าปลอดภาษี ซึ่งก็มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้จอร์จทาวน์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีการเปิดสอนภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนในสมัยนั้นคนไทยที่พอมีฐานะนิยมจะส่งลูกหลานไปเรียนที่ปีนังเพื่อให้ได้เรียนภาษาอังกฤษ

ในปัจจุบัน ปีนังถูกกล่าวขานว่าเป็นไข่มุกแห่งตะวันออก เนื่องจากมีบ้านเมืองที่สวยงามและโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะบนเกาะปีนังที่เราจะมาเที่ยวตะลอนกันในคราวนี้ และถ้าอยากจะเห็นว่าบ้านเมืองโดยรวมของเกาะปีนังเป็นอย่างไรบ้างนั้น ก็ต้องขึ้นมาที่ “ปีนังฮิลล์" (Penang Hill / Bukit Bendara) เนื่องจากเป็นจุดที่สูงที่สุดบนเกาะปีนัง

การจะไปเที่ยวคนเดียวในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากนะ ใครๆ ก็ไปได้ แต่ไม่ใช่นึกว่าจะไปก็ไป เราควรวางแผนหาข้อมูลของประเทศหรือเมืองที่เราจะไปว่าจุดไหนมันอันตราย หรือมันสุ่มเสี่ยงเกินไปเราก็เลี่ยงซะ และควรศึกษาเรื่องระบบขนส่ง รกโดยสาร สายนี้ไปไหน บลาๆ มีอะไรน่าไปเที่ยวในช่วงกลางวัน - กลางคืน อาหารที่ไหนขึ้นชื่อ สถานที่เที่ยวที่ไหนน่าไป ที่พักตรงไหนราคาถูก(การเลือกที่พักของเราเราจะเน้นในอยู่ในจุดที่พีคที่สุด เพราะใกล้ร้านสะดวกซื้อ ใกล้แหล่งอาหาร ใกล้จุดเช่ารถ และป้ายรถเมล์ ในครั้งนี้เราเลือกนอนโฮสเทลแบบ mix dorm เพราะราคาไม่แพง คริ คริ เวลาเราเลือกที่พักเราจะเลือกจุดที่พีคที่สุด ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมีคนพลุกพล่านทำให้ปลอดภัยและสะดวกเวลา ออกไปหาของกิน ไปร้านสะดวกซื้อ ไปจุดที่รถบัสจอด ที่พักตอนแรกเราจองไป 2 คืน ผ่าน booking ซื่อ The frame guesthouse พร้อมอาหารเช้า ขนมปัง ชา กาแฟ ผลไม้ (เราชอบมากสวยสุดๆ สวยทุกมุม คืนละ 350 บาทมีตู้เย็ยส่วนรวมให้แช่ของคะ) และก็มานอนคิดเฮ้ยสองคืนมันไม่พอ เลยจองเพิ่มไปอีกคืน แต่ที่เดิมเต็ม เลยจองที่ old penang guesthouse ไป ก็โอเคนะ คืนละ 300 เราพยายามจ่ายเงินค่าอะไรก็แล้วแต่ไปก่อนเลย เพราะถ้าเงินหายระหว่างเดินทาง อย่างน้อยก็ยังมีที่พัก ที่ตั๋วกลับ เรื่องการเดินทางขาไปนั่งรถไฟนอนไปลงที่หาดใหญ่(อยากลองนั่งแค่นั้นไม่เคย เลยลองดู ซึ่งโอเคกว่ารถทัวร์นะ แอร์เเย็น นอนสบาย) แล้วขึ้นรถตู้ไปปีนัง ขากลับจองตั๋วของนกแอร์ไว้ ช่วง 15.00 น.ขากลับอยากกลับสบายๆ (แต่........มันมีเหตุอะดิ คอยติดตามต่อไป)

ตั๋วรถไฟขาไป

จัดการจองตั๋วเครื่องบินขากลับ

จองรถตู้ไปปีนัง ราคาไปกลับ 750 บาท จริงๆ มีเยอะหลายบริษัทมากนะแต่ทำไมคนถึงรีวิวแต่บริษัทนี้ (ซึ่งเราใช้บริการแล้วไม่ประทับใจพูดเลย)


จัดการเตรียมอุกรณ์ถ่ายภาพ ปลั้กไฟ ขาตั้งกล้องต่างๆ นาๆ กล้อง vdo

วันเดินทางเวลาประมาณ 17.00 น. ไปขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ เที่ยวที่ 37 ที่สถานีบ้านโป่ง (ตู้นอน LADY)


สมบัติบ้า ขนไปคะคนเดียวแบกไป เบาๆ สวยๆ

ขึ้นไปก็บอกให้เจ้าหน้าที่(ผู้หญิง)จัดการปูที่นอน ใครยังไม่ปูก็ได้นะ

ปิดม่านเปิดไฟ ทำอะไรก็ทำไป อ่านหนังสือ ดูวิว ทานขนม จดบันทึก นอนเล่น เดินไปคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ คนขายขนมเดินตลอดเวลาไม่ต้องกลัวอด มีขายของฝากด้วย เข้!!!!!!!! ตอนแรกที่อ่านมาบอกไม่มีของขาย ขนมาจาก 7-11 ซะสามสี่หอบ เหมือนจะใช้อยู่ในรถไฟไปตลอดชีวิต........

23.00 น.มั้งจำไม่ค่อยได้ ก็เข้านอน

ตื่นนอนประมาณ 6.00 น. ก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน รีบตื่นเร็วเพราะเบื่อที่จะต้องไปต่อคิวกับคนอื่นๆ ในตอนสาย

ไม่มีอะไรทำก็ถ่ายรูปเล่นๆ ณ.ตอนที่ถ่าย อยู่จังหวัดพัทลุงคะ จำแม่นเลย

นอนไปเหมือนจะหลับอีกรอบ 8.30 น. เจ้าหน้าที่ตะโกนบอกถึงหาดใหญ่แล้ววววว ฮื้มมมมม ทำไม่บอกกระชั้นชิดมาก ร้องเท้า เสื้อผ้า ใส่แทบไม่ทัน บอกปุ๊บ จอดปั๊บเลยยยย

ภาพนี้คือด้านหน้าสถานีรถไฟ ลงมาตั้งสติดีๆ จะมีคนมารุมเราถามว่า Where are you going? Hey you ต่างนานา ไม่ต้องสนใจคะ บริษัททัวร์ ส่วนมากจะตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟ เดินไปตรงจะเจอเลยคะ ซอยแรก หัวมุมก็มี ในซอยก็มี ค่อยเลือก แต่ด้วยความเราจองมาแล้ว ก็เดินไปรับตั๋วและรอรถคะ

ด้านหน้าของบ.รถตู้ มีชา กาแฟ โจ๊กขายคะ

อ่านกฏหน่อย

จัดการแลกเงินค่ะบ.รถตู้มีให้แลก เรท 8.40/1rm

หยิบ Brochure มาอ่าน


พอเลยผ่าน immigration มาขับมาซักพักจะเจอด่านคะ ก็ตรวจปกติ ทหารหลายคนคะ (และก็ขับรถออกมา ขับไปได้ประมาณ 3 นาที่ได้ มีรถตำรวจท่องเที่ยวเรียกให้หยุด ขอดูเอกสารรถตู้ คนขับก็มีหมดอะ แต่ จนท.ไม่ให้ไป เขาของเินคนขับ 10 RM แล้วจึงปล่อยให้ไปต่อ) เลววววว

เราขอข้ามขั้นตอนที่ immigration นะ เพราะไม่ยุ่งยากอะไร แต่งตัวให้เรียบร้อยคะ (แต่ช่วงในเขตนี้มันจะมีกลิ่นแบบชายทะเลอะ เราไม่ชอบมันเหม็น)ตั้งแต่ออกจากฝั่งไทยมา

รถออกจากหาดใหญ่ประมาณ 9.30 น. ขับมาไกลมากกกกกกกก คราวหน้าขอนั่งเฝ้าโปร มาลงปีนังเลยนะเบื่อมากกก ประมาณบ่ายโมงครึ่งเริ่มเห็นทะเลและข้ามสะพานปีนัง ยอมรับว่าสวยคะ สวยสะพรึง

รถตู้มาส่งที่พักคืนแรกคะ คนดูแลเป็นคนินเดีย พูดอังกฤษฟังยากอะ


ไปถึง

me: Hello I'd like to check in.

reception : Do you have a reservation?

me: Yes, I booked the hostel onlin is the document.

reception : May I have your passport?

Here is it

และก็ให้กุญแจห้องมา ต้องถอดรองเท้าไว้ข้างล่างคะ แล้วก็พาไปดูห้องน้ำ ห้องทานอาหาร เวลาอาหารเช้า ทานแล้วล้างจานเองนะ ที่โฮสเทลนี้จะปิดเที่ยงคืนคะ มีล้อคเกอร์นะแต่ต้องเตรียมแม่กุญแจไปเอง ลูกเล็กอะ เพราะรู้ที่ใส่มันเล็กมาก เราเดินไปดูในเซเว่นหน้าบ้านลูกละ 300 ไม่ Lock แพงอะ ไม่เอาลlol

บรรยากาศทั่วไป


ห้องน้ำสะอาดคะ ดีงาม

ชันดีจริงๆ ใครดื่มหนังพาร่างกลับห้องให้ได้นะคะ

โซนนั่งเล่นคะ

มองราคาเบียร์แล้วเพลียหนักมากกกกก

ถึงที่พักไม่เกิน 10 นาที เราท้ิงข้าวของออกไปเที่ยวเลยคะ เดินออกจากที่พัก เดินไปท้ายซอยจนสุดคะ แล้วเลี่ยวขวา จะเจอสถานี่ตำรวจ ที่รอรถประจำทางจะอยู่ตรงข้ามสถานีคะ ไม่จำเป็นเลยยยยขอย้ำ ไม่ต้องไปคอมต้าให้เสียเวลา รอที่ป้ายรถเมล์คะรถผ่านหมด

วางแผนมาแล้ว ถึงปีนังต้องไปที่นี่ก่อน The Kek Lok Si Temple is a Buddhist temple situated in Air Itam in Penang and is one of the best known temples on the island.


วัด Kek Lok Si เดินทางไปวัด Kek Lok Si โดยนั่งรถเมล์สาย 204 ค่าตั๋วรถเมล์ 2 RM ลงป้ายรถเมล์ แล้วเดินเลี้ยวซ้ายตรงเข้าซอกตึกซึ่งมีร้านค้ามากมายวัด Kek Lok Si ปีนัง เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย พระภิกษุที่สร้างวัดนี้คือพระเปียว เหลียน พระจีนจากมณฑลฟูเจี้ยน เมื่อปี พ.ศ. 2430 ท่านเลือกชัยภูมิบนเชิงเขาเอเยอร์ อิตัมแห่งนี้เป็นทำเลในการตั้งวัด การก่อสร้างผสมผสานสามแบบคือ ฐานแบบจีน ส่วนกลางตามงานศิลป์แบบไทย และส่วนยอดแบบพม่า

วัด Kek Lok Si นี้โดดเด่นด้วยมหาเจดีย์แห่งพระพุทธรูปหนึ่งหมื่นองค์ (Pagoda of Ten Thousand Buddhas) ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 20 ปี มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2473

ช่วงที่ไปวัดลำลังอยู่ในช่วงการก่อสร้างปรับปรุงนะ

งัดขาตั้งกล้อง แล้วกดรีโมทรัว คนมองอย่าได้แคร์ คะ ไม่มีผลกับชีวิตเรา

มุมสวยๆ เยอะคะ


มุมสวยๆเยอะคะ แต่ร้อนอบอ้าว ร้อนมากกกกก

เดินเล่นไปทั่วคะ

มีหลายเจดีย์ หลายโซนคะ เรียกไม่ถูกอะ


สวยคะ นักท่องเที่ยวจีนนิยมมาวัดนี้กัน


หาทางออกยากมากกกก เนื่องจากตอนเย้นประตูเริ่มปิด เดินไปทางไหนก็ปิด เดินจนขาลากกว่าจะหาทางออกเจอ วัดนี้ขอทานเยอะคะ

เดินออกมาจากวัด หิวมากจัดไปสามชิ้น ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย ทาตไข่ กับไอ้ที่ชี้อะ เดินไปทางขวามือ ตรงที่มีชิงช้าคือป้ายรถประจำทางคะ สาย 204 เท่านั้น นะคะ

นั่งรถรถเมล์ กับ เพื่อนชาวต่างชาติคะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปคะ มัวแต่ถ่ายตัวเองOn Penang Hill you can escape the heat of tropical Georgetown. The hill, also known as Bukit Bendera, is 830 meter high (2,750 foot) and it's much cooler than in the city below. It's about 3 degrees cooler than the places near the coast. It is a popular by the locals as well as tourists.


จากวัดเต่ามา Penang Hill 2.00RM

วิวรอบๆ

ที่ขายตั๋ว อยู่ด้านซ้ายมือคะ เขาจะมีที่กั้นให้เดินวนไปวนมา

ซื้อ card 300 บาทไทยคะ ไปกลับ

ขาขึ้นไม่ได้ถ่ายรูปคะคนเยอะและแน่นมากกก ขึ้นถึงข้างบนด้วยความเร็วแสงคะ เร็วมากกกกกกก ทางชันมากคะ ไม่น่าเชื่อรถจะเร็วขนาดนี้


ได้เพื่อนชะนีมาหลาย คน ตอนนี้ถ้าย้อนเวลาได้ จะซื้อโรออนมาฝากพวกนาง

จุดชมวิวยอดนิยม กว่าจะได้รูปเดี่ยว รอแล้วรออีก Before


after


Mission complete

ถามว่าแคร์สังคมรอบข้างมั้ย ก็ไม่นะ

ลมแรงผมเสียทรงตลอดเวลาคะ

ชอบกำแพงหินอันี้นะ กะว่าจะถ่ายรูปเต็มตัว แต่ได้มาแค่นี้ ก็ OK

เทวสถานฮินดูบน ปีนังฮิลล์ (Penang Hill)

เทวสถานฮินดูบน ปีนังฮิลล์ (Penang Hill)

มัสยิดบน ปีนังฮิลล์ (Penang Hill)

ระหว่างรอให้มืด ก็เจอเพื่อนแต่ไม่ระบุสัญชาตินะ


กล้องสามตัวงัดออกมา ยืยกินที่คนอื่นมากกก ขอบอก

Mission complete

พลังงานเริ่มจะหมด เยินคะ

มืด ลมแรง ฝนจะตก ฟ้าแลบน่ากลัว กลับบ้านรถเที่ยวสุดท้ายคะ

ขากลับไม่ต้องห่วงเรื่องรถคะ จะมีรถมาจอดด้านหน้ารอรับนักท่องเที่ยวกลับคะ สายเดิมเลย 204 จอดถึงหน้าบ้านคะ ตรง 753 Love Lane, George Town, Penang Island 10200, Malaysia


ถึงบ้านละ ข้างบ้านมีบาร์ และขาย พิชซ่า ซึ่งมาคนเดียวทานไม่หมด อดกินคะ

ถนนในซอย Love Lane, George Town ที่พัก ปากทางคือ 7-11 ซึ่งมีของเหมือนที่ไทยเลยคะ แต่ราคาจะสูงกว่าเท่าตัว

ด้านหน้าปากซอยคือที่เช่าจักรยาน ไปคุยไว้ก่อนเช้ามาโดนแน่ วันละ 150 มีมัดจำด้วน จำไม่ได้ละเท่าไร แต่ไม่เกิน 300 บาทไทย

ตลาดของกินก็อยู่หน้าปากซอยเยื้องไปทางซ้ายของ 7-11

รูปไม่ค่อยชัดเท่าไรนะ

Laksa ชามนี้ 35 บาทไทย

เบียร์ช้างน่าจะจ้างเราไปเป็นฟรีเซนเตอร์นะ เราคิดไม่แพง ถูกกว่าโดมอีก

คนๆๆๆ

CHAR KOAY TEOW DANANG Malaysia (ผัดไทย)เกาะปีนัง ใส่กุ้งกับหอยลาย 40บาทไทย อร่อยมากกก


นั่งอยู่ดีๆ คนขายน้ำก็บอกว่า ถ้าไม่สั่งน้ำห้ามนั่ง จบบบบ บอกเลยจะไม่มาทานอีก สั่งมาแต่ไม่ทาน 20 บาท

เดินโต้วเต๋สักพัก ก็เข้าบ้านเจอเพื่อนร่วมห้องนั่งเหงา เราก็ให้เบียนางไป 1 ป๋อง แล้วเม้ามอยกัน เที่ยงคืนก็ไปนอน


เจ็ดโมงตื่นมาทานอาหารเช้าไปเช่าจักรยาน แล้วออกไปเก็บ RC กะว่าเที่ยงๆ จะมาเช็คเอ้าท์

ตามเก็บภาพ


ภาพนี้ถ่ายยากหามุมไม่ได้นั่งปล่ำอยู่นานไม่เอาละเบื่ออออ

ตึกสวยๆเยอะ แต่มีรถจอดเต็มไปหมด

ติดกับภาพนี้เป็นร้านขายอาอาแบบดั้งเดิมคะ

สั่งข้าวราดพริกแกงปลามาทาน กับชาเย็น ข้าว 10 บาทไทย ชา 15 บาท ไทย อร่อยคะ มีไข่ต้มด้วยแต่เราอิ่ม

ตบด้วยผลไม้ 20 บาทไทย สับปะรดกรอบๆ แต่ไม่มีรสชาติอะไรเลย

ปั่นมาย่านนี้จะมีของขายเยอะคะ


ภาพนี้รถเยอะมากกก กว่าจะถ่ายได้ ว่าจะไม่ช้อป โดนค่าหมวกไปละ 180 บาทไทย

จวนจะเที่ยง คือเบื่ออะร้อนด้วย ไม่อยากปั่นแล้ว คืนจักรยาน ไม่สนละ ปั่นไม่เต็มวันก็ช่างมัน กลับที่พักค่ะ เตรียมย้ายบ้าน

The Frame Guesthouse


168, Lebuh Chulia, 10200 George Town, Malaysia ก็ไม่ไกลจากที่เดิมคะ ออกปากซอยมาเจอ 7-11 เลี่ยวซ้าย เดินไปนิดหนึ่งก็ถึงละ

ที่นี่ดีมากก เราปลื้มคะ


เรานอนแบบ mix drom ไปถึงมีคนนอนหมดแล้ว มีฝรั่ง 1 คู่ และผู้ชายคนไต้หวันครึ่งไทย แต่ไปเรียนที่สิงค์โปร์คะ (พึ่งรู้ว่าพูดไทยได้วันสุดท้าย speak ใส่กันมาตั้งนาน )เราได้เตียงล่างคะ ไปถึงก็สร้างแลนด์มาร์คคะ


มีที่ล้อคให้คะดีงาม เก็บของคะเราไปเช็คอินเที่ยง แต่บ่ายสองถึงเข้าพักได้ ไม่สนคะ ไปเที่ยวทะเลชิวๆ ตามมาเที่ยวกันคะ ชายหาดบาตู เฟอร์ริงงี (Batu Ferringhi)


นั่งสาย 101 คะเดินมารอฝั่งตรงข้าม 7-11 คะ

รถเมล์จะจอดตรงหน้าโรงแรมคะ เราสามารถเดินไปชายหาดได้คะ โดยจะมีร้ายขายของพวกเสื้อผ้าชายทะเล ของที่นี่จะถูกกว่าในปีนังคะ

ชายหาดบาตู เฟอร์ริงงี (Batu Ferringhi)


ชายหาดบาตู เฟอร์ริงงี (Batu Ferringhi)


ชายหาดบาตู เฟอร์ริงงี (Batu Ferringhi)


ชายหาดจะมีทั้งคนต่างชาติ และคนในพื้นที่คะ
ซื้อชุดนี้มาจากตลาดตอนปั่นจักรยาน เสื้อ 150 บาท กางเกง 250 บาท แต่ราคาที่ชายหาดถูกกว่าเยอะมากกก วิ่งไปร้องให้ในทะเลเลย

เดินไปเดินมาหิวข้าว เลือกร้านตรงกลางคะ เพราะคนเยอะที่สุดน่าจะอร่อยhttps://youtu.be/-ItFQeQxn4w



อาหารที่สั่งมา 60 บาทอร่อยคะ ควันโขมงโฉงเฉงมาเลย น้ำมงน้ำมันกระเด็นใส่แขนเจ็บมากกกน้ำตาไหล แสบตาคะควันเยอะ lol

ประมาณ 14.30 น.ก็เดินไปรอรถประจำทางตรงที่เดิมคะ นั่งรถกลับแต่เราไปลงตรงอู่แถวชายทะเลคะ จะนั่งรถเมลฟรีชมรอบเมืองคะอันนี้เรียก The cenotaph & esplanade ถ้าเดินย่านนี้จะเก็บภาพอาคารและสิ่งปลูกสร้างเกือบหมด แต่เราไม่เดินแล้ววว เหนื่อย


นั่งรถมาลงตรงถนน Lebuh light ตรงหน้า High Court ทำไม่เรื่องเรียนไม่จำแม่นแบบนี้นะ

เป็นทะเลที่ไม่สวยอะ แต่คนพื้นที่จะมานั่งเล่นกันไม่มีหาด เหมือนเป็นท่าเรือน้ำลึก


ตรงนี้จะอยู่ใกล้ penang time tunnel 3D เดินไปได้คะ

เดินกลับมาขึ้นรถเมล์ที่เดิม นั่งรถเมล์ฟรีมาลงที่ clan jetty along weld quay จะเป็นหมู่บ้านริมทะเลคะ ไม่มีอะไรน่าสนใจ


ตรงนี้หมู่บ้านริมทะเลคือจุดที่เขียนว่า Tan jetty เราเดินย้อนขึ้นไปที่ถนน Lebuh Chulia เพื่อไปเก็บภาพต่อ

และก็ได้สองภาพนี้มาในตอน 17.00 น. ถามคนแถวนั้นคะเพราะอยู่ในซอก พ่อหนุ่มคนที่บอกเรา เขาก็ถามว่าคนจีนใช่มั้ย เราบอกคนไทย และพอดีบ้านเขากำลังไหว้เจ้าเขาชวนเราทานมื้อเย็นด้วยกัน คือหิวนะ แต่ใครจะกล้ากินหละ

เดินไปเก็บภาพนี้อีกที่ตอนแรกไม่รู้ว่าต้องถ่ายจักรยานด้วยkkk


เดินเล่นไปเรื่อยๆ กะจะเดินให้ถึงที่พัก


ตอนเย็นมีถนนคนเดินด้วย haha มีการแสดงดนตรีสด

มีของน่ารักๆขาย

และก็เดินไปเจอรูปนี้ หลังจากนั้นก็กลับเข้าที่พักคะ ไปนอนพักคะ ประมาณ 1 ทุ่มก็ออกหากิน

คิดไว้เลยว่าต้องมาร้านนี้ เพราะชอบอาหารอินเดียมาก เดินจากบ้านมา 1 แยกไฟแดงคะ รอสัญญานให้คนเดินด้วยนะ และก็เดินตรงมาเลยคะเด้วก็เจอ ร้านนี้เปิด 24 ชม.

ตาคนนี้มองเราอย่างจริงจังมากกก ตามสบายคะ มองได้เลยไม่คิดเงิน

เมนูก็เยอะจนตาลาย เลยถามพนักงานว่า อะไรที่คนนิยมทานมากที่สุดเขาบอกว่าเด้วจัดให้ ดีงามอีกละ


ค่าเสียหาย 120 บาทไทย เราทานไม่หมดมันเยอะมาก อิ่มมากเลยสั่งห่อกลับบ้าน และก็ชาเย็น 15 บาท น้ำมะนาว 20 บาท น้ำมะนาวหวานขึ้นตาเลย

เดินกลับทางเก่าจะกลับบ้าน มองซ้ายมองขวาก่อนข้ามถนนนะคะ กะว่าจะกลับบ้าน แต่....ก็เดินเลนที้พักไป อีกละ ทำไมเป็นคนแบบนี้ เดินไปตรงตลาดแถว 7-11 ก็คึกคักเหมือนเดิม แต่วันนี้มีร้านนี้มา เมื่อวานไม่ขาย เลยชิมเล่นๆ ไปนิดหน่อยค่าเสียหาย 45 บาท

อร่อยดี อากาศร้อนๆ กินของร้อน

มีราคาบอกคะ


ที่นี่ก็ปิดเที่ยงคืนคะ วันนี้กลับมานั่งเล่นที่บ้านเพราะบรรยากาศดี เราเดินขึ้นไปหยิบของ เจอเพื่อนเอเชียที่ตอนแรกบอกว่าต่างคนต่างไม่รู่ว่าเป็นคนไทย เราหยิบเบียมา นางถามเราเป็นภาษาอังกฤษว่า ซื้อมาจากไหน เราบอกว่าจากบ้านเรา เราหิ้วมาเอง เขาเลยรู้ว่าเราเป็นคนไทย เรานั่งคุยกันยาววว เขามาเที่ยวและทำงานอยู่สิงค์โปร์ เป็นคนไทยครึ่งใต้หวัน เขามาเที่ยวแต่เที่ยวแค่ตามสตีทอาท ไม่ได้ไปไหน เขาเห็นเราออกไปทั้งวันเลยถามว่าไปไหนมาบ้าง พอเราบอกเขาก็ตาเหลือก บอกมาคนเดียวทำไมกล้าออกไปไหนต่อ และก็ขอติดตามในเฟสเราแต่เราไม่ได้ให้ไปอะ บอกไม่ได้เปิดให้ติดตาม เป็นเฟสส่วนตัว -_-" ไม่น่าเลย

ตรงนี้เขาจะมีให้เขียนสมุดเยี่ยมอะ เราก็เขียนความในใจของเราลงไป ใครอยากรู้ว่าเขียนอะไร ตามไปอ่านนะ

เที่ยงคืนก็ไปนอน เช้ามา 6.00 น. ก็ตื่นทำธุระส่วนตัว ทานอาหาร เดินไปขึ้นรถตรงข้ามหน้า 7-11 ที่เดิม ไม่ได้ร่ำลาเพื่อนเลยเขาจะกลับวันนี้เที่ยงๆ เขาบอกจะไปวัดงูก่อน แต่เราจะไป penang national park นั่งรถไปสุดสาย 40 บาท ตอนแรกว่าจะไป escap แต่มาคนเดียวคงไม่สนุก

Penang National Park (Taman Negara Pulau Pinang), ถึงแล้วก็เดินไปลงทะเบียนคะ

จะได้ใบนี้มา ก็เดินออกใบซื้อน้ำที่ร้านขายอุปกรณ์เดินป่าข้างหน้าอุทยาน

แวะเก็บภาพด้านข้างหน่อย

ระหว่างที่เดินไปซื้อน้ำ คุณลุงคุณป้าชาวอินเดียก็ชวนคุยถามว่ามาจากจีนหรือเกาหลี เราก็บอกว่ามาจากไทยคะ เขาก็บอกสยามและพูดสวัสดี เขาถามเราจะไปไหนเราบอกจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ประภาคาร เขาถามเราว่ามากะใคร เราบอกมาคนเดียว เขาบอกว่าไม่ได้มันอันตรายเพราะมืดมาก และไกลมาก เขาบอกว่าเราควรกลับมาก่อน 17.00 น. และเขาบอกว่าถ้าออกมาแล้วให้เดินไปบอกเขาที่ร้านด้วย เขาจะได้รู้ว่าเราออกมาจากป่าแล้ว

ป้ายต่างๆนาๆhttps://youtu.be/rJ4yIzvaoYw



คลิปที่เราไปเดินป่า

ก่อนจะออกเดินทางเราก็ไปถามกลุ่มนี้ว่าจะไปไหนกันเขาบอกว่าจะไปอีกหาดหนึ่งซึ่งคนละทางกับหาด monkey beach ที่เราจะไป เราถามว่าทำไมไปหาดนั้นหละ เขาบอกจะไปดูเต่า และทพเลก็สวยกว่า หาด monkey beach เราบอกไปว่า ในรีวิวมีแต่คนบอกให้ไปที่นี่อะ พวกเขาก็บอกว่า เชื่อเราเหอะว่ามันไม่สวย เราก็เลยขอตามเขาไปดูเต่าด้วย แต่ในใจก็อยากไปดูหาด monkey beach นะว่าสวยมั้ย แต่เชื่อคนพื้นที่ดีกว่าแถมมีเพื่อนเดินด้วย

คิดว่าจะเป็นการเดินชมธรรมชาติเลยซื้อรองเท้าจากร้านคุณลุงที่ไปคุยมาใส่ น้ำตาจิไหล เดินไป 8 กม. ไต่เขาแล้วดูเพื่อน มาเต็มมาก ผ้าใบ

แผนที่ที่เดินทางทั้งหมด ไปดูเต่าแล้วดูหาดที่เพื่อนๆ ว่าสวยแล้ว เพื่อนๆคงรู้ว่าเราอยากไปอีกหาด เลยหาเรือมาให้และเช่า warb ไป หาดมังกี้บีช ในราคาคนละ 60 บาทไทย และหาดก็ไม่สวยจริงๆอะ

หลังจากเดินป่ามาก็จะมาทะลุชายหาดที่เพื่อนๆบอกว่าสวยและก็สวยจริงๆ

เพื่อนบอกว่าจะอยู่ตรงนี้ครึ่งชั่วโมงให้เราไปเดินเล่นได้ แต่ห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด เพราะมีคนตายที่นี่บ่อยมาก และพึ่งตายไปสามคน เนื่องจากเขาไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลทั่วถึงและเกาะมันกว้างมาก บางคนมาตั้งแคมป์ตกปลากัน บางคนค้างคืน เลยทำให้มีอุบัติเหตุบ่อยๆ

เรารีบวิ่งไปถ่ายรูป รัวๆ คนเดียว

สวยอะ และแดดแรงมากกก ทรายร้อน เรารู้สึกเหมือนเกาลัดที่โดนคั่วในเตาเลย

ถ่ายรูปอย่าบ้าคลั่งและตัวก็ดำแดดสิทีนี้


แล้วเพื่อนก็พาเดินไปดูเต่าที่ศูนย์
น่ารักจริมๆๆ

แลเพื่อนจะชอบที่นี่มาก เขาฟังเจ้าหน้าที่พูดนานพอสมควร


เราเลยหลบไปนอนเล่น และบอกว่าให้ไปตามด้วยถ้าจะกลับ

อุทยานที่นี่ดีมากฟรีทุกอย่างไม่เสียค่าอะไรเลยตั้งแต่ทางเข้าแล้ว

เพื่อนหาเรือมาให้และพากันนั่งอ้อมไปหาด monkey beach

ถึงหาดราวเที่ยง เพื่อนบอกว่าจะอยู่ที่นี่ถึง 15.00 น. เราจะไปทำอะไรก็ได้

หิวขอหาอะไรทานก่อน

60 บาทอร่อยนะ

ฝรั่งก็งง เราทำอะไร เอาไม่เขียนทราย และวิ่งไปวิ่งมาถ่ายรูป พอเราถ่ายเสร็จ นางก็ให้แฟนนางมาถ่ายบ้าง โขมยไอเดียกันเห็น อิอิ


คราวหลังชวนใครอีกคนมาดีกว่า คิดถึง

ถ่ายมุมซับซ้อนบ้าง

นอนเอาแรงขากลับต้องลุยป่ากลับอีก 2 ชม.

หยิบไอพอดมาเปิดเพลงฟัง โอ้ยยยฟินดิ

นอนถึงบ่ายสาม ก็เดินทางกลับไปอุทยานคะ เหนื่อยที่เดียว พอถึงอุทยานราวๆ 18.00 น.ที่ช้าเพราะแวะเล่นน้ำคะ ถึงอุทยานก็ไปร้านคุณลุงคุณป้า รายงานตัวและร่ำลาเพื่อนกลับที้พักคะ เดินมารอรถที่เดิมคะ ขากลับลงรถหน้า 7-11 ไม่จำเป็นเล้ยยยอย่างที่บอกว่าจะต้องไปเริ่มไปจบที่คอมต้าหรือเจทตี้ เรารถวิ่งและมาทุกๆ15 นาทียังม่ายยยจบ

I'm Che

 วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.00 น.

ความคิดเห็น