หลังจากรีวิวก่อนหน้าที่ไปพิชิตดอยม่อนจอง ยังไม่ถึงเดือนเลยก็เรียกร้องหาเขาอีกแล้ว ในทริปนี้ตอนแรกตั้งใจจะจองไปเขาช้างเผือก แต่เมื่อประมาณวันที่ 11-12 ม.ค. 60 ทางอุทยานประกาศปิดเส้นทางเขาช้างเผือก เลยหันไปจองสันหนอกวัวแทน และหลังจากจองสันหนอกวัวไปแล้ว ถัดมา 2-3 วัน อุทยานประกาศเปิดเส้นทางเขาช้างเผือกอีกครั้ง อ้าวเฮ้ยย!!! ทำงี้ได้ไงงง ไหนๆก็ไหนๆล่ะ สันหนอกวัวก็ได้

ข้อมูลทั่วไปสันหนอกวัว

เขาสันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,767 เมตร โดยที่ยอดบนสุดของเขาลูกนี้มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับสันนูนบนหลังของวัว ซึ่งเราจะเรียกกันว่าโหนกหรือหนอก จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเขาสันหนอกวัว

สามารถสอบถามรายละเอียดอื่น ๆ และโทร. จองการขึ้นเขาสันหนอกวัวได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทรศัพท์ 034510431, 0892287612 หรือติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

ค่าใช้จ่ายต่อคน(5 คน)

  • ค่าที่พักบ้านเกริงกระเวีย อุทยานแห่งชาติเขาแหลม 1200 บาท คนละ 240 บาท
  • ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000 บาท คนละ 200 บาท
  • ค่าลูกหาบ 1 คน ได้ 30 กิโลกรัม 1400 บาท คนละ 280 บาท
  • ค่ารถรับ-ส่ง ปากทางขึ้นเขา 1000 บาท คนละ 200 บาท
  • ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท
  • ค่ากางเต็นท์บนเขา คนละ 30 บาท
  • ค่าเสบียง 3 มื้อ (กลางวัน/เย็น/เช้า) 240 บาท
  • ค่าน้ำมัน+แก๊ส 1200 บาท 240 บาท
  • ค่าใช้จ่ายมื้ออื่นๆ ไม่รวมกับวันขึ้น-ลงเขา 530 บาท

รวมทั้งหมด 2000 บาท เปะๆเลย


วันที่หนึ่ง

พวกเราเดินทางจากกรุงเทพมาพักที่บ้านเกริงกระเวีย อุทยานแห่งชาติเขาแหลม (จองที่พักอุทยาน http://nps.dnp.go.th/)

ห่างจากป้อมปี่และที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลมประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงบ้านพักประมาณ 5 โมงเย็น ติดต่อเจ้าหน้าที่ เก็บของเข้าที่พัก พวกเราบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าจะมาขึ้นสันหนอกวัววันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ก็เลยให้เราสั่งอาหารเช้าและอาหารเที่ยงสำหรับกินระหว่างทางเลย เขาจะเอามาส่งให้พรุ่งนี้เช้า ตอนแรกพวกเรากะไปหาซื้อที่ป้อมปี่ แต่ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่บริการสะดวกดีครับ

แต่ก่อนอื่นสวัสดีเจ้าของบ้านกันก่อน ออกมาต้อนรับอย่างดี 55+

จากนั้นก็ออกมาจัดมื้อเย็น โดยเจ้าหน้าที่แนะนำร้านครัวลุงเล็ก ซึ่งต้องขับย้อนไปทางที่ขับมาประมาณ 2 กิโลเมตร

รสชาติอาหารจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว

จากนั้นกลับบ้านพัก พักผ่อนเตรียมแรงไว้ลุยพรุ่งนี้


วันที่สอง

ตื่นมารับอากาศนอกบ้าน ไม่ถึงกับหนาวแค่เย็นๆ

เจอลูกเจ้าของบ้านตัวน้อย ซนมาก

อาบน้ำ เก็บของ ทานมื้อเช้า 7.30 เจ้าหน้าที่เอาข้าวมาส่งให้ที่บ้านพัก เติมพลังเรียบร้อย มุ่งหน้าสู่ป้อมปี่ (นักท่องเที่ยวที่จะมาขึ้นสันหนอกวัว ต้องมาลงทะเบียนที่ป้อมปี่ ไม่ต้องไปที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม)

ถึงป้อมปี่ ดำเนินการติดต่อเจ้าหน้าที่และลงทะเบียน

หอบหิ้วสัมภาระมาชั่งน้ำหนัก โดยทริปนี้พวกเราจ้างลูกหาบ 1 คน

หยิบถุงขยะกันขึ้นไปด้วยนะครับ เพราะ "ป่าไม่ใช่ถังขยะ" ต้องนำสิ่งของต่างๆลงมาทิ้งข้างล่าง

นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมมื้อเที่ยงมาก็ สามารถหาซื้อหรือเตรียมของได้ที่ป้อมปี่เลย อย่าลืมพกน้ำดื่มไปคนละขวดนะครับ

พี่ลูกหาบกำลังมัดของ ตามจริงมีเต็นท์อีกหลัง เป็นแบบโยน ขนาดค่อนข้างใหญ่ ลูกหาบจะหาบลำบากหน่อย

ได้เวลา เจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นรถพร้อมกับเจ้าหน้าที่นำทาง

ในทริปนี้พวกเราได้เจ้าหน้าที่นำทางชื่อ พี่เอกหรือครูเอก เป็นไกด์อาสา คอยดูแลพวกเราตลอด 2 วัน 1 คืน พี่เอกเป็นมากกว่าไกด์ เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทริป ดูแลพวกเราอย่างดี หลายๆคนที่เจอพี่เอกมักจะบอกว่าหน้าเหมือนพี่ตูน bodyslam 55+

ระหว่างนั่งรถไปเกือบถึงจุดเริ่มเดิน ทุกคนถามหาเต็นท์แบบโยน ไหนล่ะ อยู่ไหน? สรุปลืมไว้ที่ป้อมปี่ แล้วคืนนี้จะนอนกันยังไง? พี่เอกเลยบอกว่าเดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่เดินเอาไปให้ข้างบน พูดเหมือนง่ายมากเลย ต้องเดินกี่ชั่วโมงกว่าจะถึง พี่เอกก็เลยบอกว่าก็อาจจะให้เงินเจ้าหน้าที่เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆก็ได้ พวกเราก็ตกลงตามที่พี่เอกบอกเลยครับ เกือบจะไม่มีที่นอนซะแล้ว

และก็มาถึงจุดสตาร์ทเดินเท้า ขอชักภาพสักหน่อย

พวกเราเริ่มเดินเวลาประมาณ 9.15 ระหว่างทางเดินแรกๆ จะเดินในป่าทึบ มองไม่เห็นวิวสองข้างทางข้อดีคือไม่ร้อนนั่นเอง สำหรับสัญญาณโทรศัพท์ ถือว่าเท่าเทียมกันทุกค่าย บางจุดค่ายนี้มี บางจุดค่ายนี้ไม่มี แต่อีกค่ายมีประมาณนี้

พี่เอก บอกว่าช่วงแรกๆยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เป็นทางเดินลงสลับเดินขึ้นเล็กน้อย เดี๋ยวใกล้ถึงจุดพีคแล้วจะบอกให้เตรียมตัว

ไม่นานก็มาถึงจุดพักที่ 1

เริ่มเดินต่อ พี่เอกบอกว่า ระหว่างทางจะมีกล้องตามติดชีวิตสัตว์ป่า ถ้าเจอก็ให้เดินผ่านไปแต่พวกเราก็แอบยิ้มให้กล้องนะ ฮ่าๆ และนี้คือโฉมหน้าพี่เอก

ถึงจุดพักที่ 2 เริ่มหอบกระหายน้ำกันแล้ว พี่เอกบอกจุดพักที่ 5 เราจะกินข้าวเที่ยงที่นั่น

เดินต่อเรื่อยๆ

หลังจากผ่านจุดพักที่ 3 จะเจอต้นไม้ที่มีเถาวัลย์(รึเปล่า) พันต้นไม้แปลกดีครับ

และก็มาถึงจุดพักก่อนขึ้น เนินหมาถอย เนินนี้แหละ ที่พี่เอกบอกว่าจุดพีค พวกเราพักทำใจกันสักพักก่อน พี่เอกบอกรัดกระเป๋าอย่าให้แกว่งไปมา มันจะเป็นอุปสรรคในการเดินตรงจุดนี้

เอ้า ลุยยย แหงนหน้ามองบนหน่อยย โอ้โห ยาวจังชันด้วย ขอแนะนำครับเอาผ้าปิดปากปิดจมูกมาจะดีมาก ตรงนี้เวลาขึ้น สาวเชือก ฝุ่นตลบเลย

ผ่านเนินหมาถอยมาได้ แทบทรุด สักพักก็ถึงจุดพักกินข้าวเที่ยง พวกเราถึงจุดนี้ประมาณ 12.00 หยิบข้าวเหนียวหมูที่เตรียมมาเติมพลังกันก่อน

เดินกันต่อเลย หลังจุดพักกินข้าวนี้จะเป็นทางที่เดินตามไหลเขาบ้าง แดดจะร้อนหน่อย

เดินกันต่อ

ไม่นานเท่าไหร่ก็มาถึงจุดกางเต็นท์ ใช้เวลาเดินทั้งหมด 5 ชั่วโมงเปะ พอถึงจุดกางเต็นท์ พี่เอก เดินกลับไปตามหาเจ้าหน้าที่ที่ถือเต็นท์ขึ้นมาให้ต้องย้อนกลับไปเกือบถึงที่ที่พักกินข้าวเที่ยง จนนำเต็นท์มาให้พวกเราได้ ขอบคุณพี่เอกจริงๆครับ

จุดกางเต็นท์มีหลายจุด เลือกได้ตามใจ พวกเราบอกพี่เอก ขอที่ที่ลมไม่แรง กลัวจะหนาวและลมตีเต็นท์เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ พี่เอกก็จัดให้พวกเราครับ จัดการกางเต็นท์ ตั้งแคมป์เรียบร้อย

เดินไปชมบรรยากาศรอบสักหน่อย วิวสวยงามมากๆ มองเห็นเขื่อนวชิราลงกรณ์ด้วย พี่เอกบอกว่ามองเห็นสังขละบุรีด้วยเช่นกัน

ละลายหลังกันหน่อย

ภาพหมู่กันหน่อย

เขาบอกว่าบนสันหนอกวัว มีตาน้ำ ที่กินได้ เป็นน้ำสะอาดลูกหาบจะเป็นคนไปเอามาให้เรา ก็เลยตามลูกหาบไปดู ห่างจากจุดกางเต็นท์ประมาณ 500 เมตร นี้ครับ ตาน้ำที่เขาดักไว้ให้ดื่มใช้

จากนั้นก็เตรียมอาหารสำหรับมือเย็น ลูกหาบจะก่อไฟหุงข้าวให้

พวกเราก็นั่งเสียบเห็ดกับเบคอนและหมูหมักกระเทียมพริกไทย เตรียมปิ้งและทอด หลังกลับมาจากดูพระอาทิตย์ตก

ได้เวลาไปดูพระอาทิตย์ตก วันนี้เราจะดูพระอาทิตย์ที่หนอกเล็ก และพรุ่งนี้ค่อยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หนอกใหญ่ ระยะทางเดินจากเต็นท์ไปหนอกเล็กไม่ไกลๆ ชิลๆ

ถึงแล้ว

ลมแรง เย็นด้วย

เห็นป้ายว่างไม่ได้ เข้ามาๆ พวกเราเรียกพี่เอกมาถ่ายด้วย

ถ่ายเก็บบรรยากาศรอพระอาทิตย์ตกไปเรื่อย และรอแสงทไวไลท์ แต่นั่งถ่ายไปก็ตัวสั่นไปเพราะลมแรงเย็น

หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ขอเก็บแสงทไวไลท์สักหน่อย

เดินกลับที่พัก ได้เวลาเข้าครัวกันแล้วครับ

นั่งกินกันอย่างอร่อย คืออร่อยไม่อร่อยก็ต้องกินล่ะครับ 55

พี่ลูกหาบบอกว่า กินข้าวให้หมดนะ พวกเราก็กินกันเกลี้ยงจริงๆ

จากนั้นก็ไปถ่ายดาว เหมือนจะเห็นทางช้างเผือกลางๆนะ

กลับเข้าเต็นท์นอน คืนนี้รู้สึกว่าเสียงคำรามด้วย 55+


วันที่สาม

นัดกับพี่เอกไว้ 6.00 ตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี้พระอาทิตย์ขึ้นช้าครับ วันนี้ต้องเดินไปหนอกใหญ่ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง

หนอกใหญ่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลย แดดเริ่มมาแล้ว

ฝนไม่ตก ทะเลหมอกก็ไม่มี ฮ่าๆ กลับเต็นท์ต้มมาม่า ไส้กรอก ลูกชิ้น ชงกาแฟเติมพลังเตรียมเดินลง ก่อนจะลงต้องเก็บขยะลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะครับ เพื่อความสะอาด

เดินลงกันเถอะ

พี่เอก ถือเต็นท์ให้พวกเราด้วยครับ ขอบคุณจริงๆ

ขาลงพวกเราทำเวลาได้ดีมาก ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง

ดีใจน้ำตาแทบไหลล เมื่อเห็นรถกระบะจอดรอพวกเรา ได้กลับบ้านแล้วเว้ย

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและสนุกไปกับการเดินทางของพวกเราครับ ฝากไลค์ฝากแชร์ฝากแคร์กันด้วยนะครับ


ติดตามเรื่องราวของผมได้ที่ เพจ "เที่ยวออกเดิน" by Fun_O

https://www.facebook.com/TiewOkDern/

https://th.readme.me/id/funotravel

http://pantip.com/profile/2443477





Fun_O

 วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 11.00 น.

ความคิดเห็น