เวลาที่เราออกเดินทาง เรามองหาอะไร ความสวย ความสูง หรือความสุข





4-5.02.2017 ภาพจากทุกคนในทริป

รีวิวนี้ ป่าที่ไปมันอาจไม่ติดโผ ไม่ได้มีจุดชมวิวหลักล้าน อาจไม่มีอะไรน่าสนใจ ป่าที่ไปไม่ใช่ที่อันซีน แต่ไม่รู้ดิ เราว่ามันส์ดีต่อใจ มันสนุกตอนสืบค้นข้อมูล ตอนที่ต้องออกไปหาคนนำทางและฟังเรื่องเล่าจากคนพื้นที่

การไปเดินป่าสำรวจหลุมคล้ายหลุมอุกาบาตในครั้งนี้ที่อยากไปเพราะสถานที่เหมือนที่อ่านในหนังสือเพชรพระอุมา เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วให้ออกเดินทาง ทริปนี้ขอบใจแงซาย เลขามด พี่แซม พี่เต็ม ทีม แทน จินนี่ คุณป้อม อลิส เบล และที่ขาดเสียไม่ได้คือลุงนู

การไปสำรวจในครั้งนี้ต้องคนบ้าและรักการเดินป่า เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย คนนำทางเองก็ยังไม่เคยไป เราไม่ได้ต้องการไปพิชิตอะไร เราไปเพราะแค่อยากไป ไม่หวังอะไรในจุดหมาย แบกอาหารกองกลางกันเอง น้ำคนละสี่ลิตรอย่างน้อย ไปเพราะรักในการเดินป่า ไม่คาดหวังไม่ผิดหวัง

ปล.ทริปนี้ไม่เสียเปล่า ทีมเราเจองูเฉพาะถิ่น ที่ทั้งโลกมีที่จังหวัดกาญจนบุรีที่เดียว คืองูหางแฮ่มกาญจน์(Trimeresurus kanburiensis) ติดตามชมในรีวิวได้เลยคะ สำหรับเรื่องราวการเดินทางของพวกเรา ทีมงานนกขมิ้น


ทริปนี้เราไม่สามารถบอกเบอร์คนนำทางได้เช่นเคย เพราะลุงไม่ได้ทำเป็นอาชีพ กลัวจะเป็นการรบกวนแกเกินไป ที่แกพาพวกเราไปเพราะเคยเดินสำรวจป่ามาด้วยกัน เลยกลายเป็นความผูกพันธ์กันไป (ทริปแรกที่ลุงเจอพวกเราแกบอกว่ามันเดินกันไม่ไหวหรอกแต่งตัวกันแบบนี้ พอผ่านเรื่องเหล้ารอบกองไฟและการเดินทางที่ครบทุกอรรถรส ที่หัวเราะกันจนตีนกาขึ้น ยับ ย้วย ย่น ทำให้สนิทกันมากขึ้นและเกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน)ใครสนใจอยากมาเดินจะสอบถามลุงให้เป็นรายๆ ไป เพราะลุงเองก็อายุมากแล้วแถมยังเคยประสบอุบัติเหตุขาหักเมื่อง 2 ปีก่อน ไหนจะงานที่ไรของแกอีก ใครอยากมาเดินก็ใจเย็นๆ นิดหนึ่งนะ

Modterx Pata ได้พูดไว้ว่า" ไม่มีคำถาม ไม่มีคำตอบ "ในการออกเดินทางทุกครั้งหลายคนมักเลือกที่จะตั้งคำถาม "ไปทำไม เพื่ออะไร"

แต่สำหรับผม คำถามเหล่านี้กลับถูกตั้งขึ้นมาหลังจากกลับจากการเดินทางแล้วต้องมานั่งทบทวน ภาพเรื่องราวที่เจอมา ว่าเพื่ออะไร



ทริปนี้เกิดจากที่ไปสำรวจเขาพิศดงธ์มา ก็มีความคิดที่จะสำรวจเขาต่างๆ ในระแวกบ้านเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่ว่างหาข้อมูล จนอีกอาทิตย์ได้ออกสำรวจเขาเรดาห์ เขานมนางที่ จ. สระบุรี (จะทำรีวิวหลังจากจบอันนี้) ลุงรัตตรา เต็มพลังหนังกะติ๊ก แกส่งภาพมาให้ให้บอกว่าบริเวณนี้น่าสนใจ ลุงวางแผนที่จะเข้ามานานแล้ว เราเลยไม่รอช้า ออกสำรวจพื้นที่และหาคนนำทาง ภายใน 3 วันทริปนี้ก็เกิดขึ้น

ภาพต้นเรื่อง ภาพบนจากลุงรัตตรา ภาพลล่างลุงธง สีฟ้าเป็นคนทำให้ แค่สองภาพนี้แหละที่ทำให้เกิดทริปนี้ ไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่อยากไป


หุบปริศนา ร้อนมาก รกมาก แต่หินดูแปลกตา ป่าที่อยู่ในโลกพิศวง



จริงแท้แค่ไหนมิมีใครทราบ

มีเพียงใช้ใจจินตนาการนำทาง

สู่เวิ้งว้างกว้างใหญ่กลางขุนเขา

รู้แค่เรา มีเรา และพวกเรา เท่านั้นเอง by เลขามด

เรานัดกันที่บ้านลุงนู 8.00 น. กะจะเดินออกกันแต่เช้าเพราะเจอแดดเผามา 3 ทริปติดแล้ว ยังสยองไม่หาย แต่.......... รถของพี่เต็มเกิดไปปะทะกับรถอีกคัน ทำให้การเดินทางล่าช้าไปมาก แต่ก็ไม่เป็นไร ช้านิดช้าหน่อย ยังงัยก็ไปถึง เราออกเดินกันราวเที่ยง ระหว่างนั้นก็หาอะไรทำฆ่าเวลากันไป ทริปนี้อากาศร้อน แบกน้ำกันไปคนละ 4-5 ลิตร อาหารที่เตียมไปก็มีไก่ หมู ลูกชิ้น ผักสด ข้าวสาร (ข้าวสารหมอมะลิ 1 กก. กินได้ 6-7 คน ต่อมือ) วันนี้แดดก็ร้อนแรงเช่นเดิม

ราว 11.10 น. ออกเดินทางจากบ้านลุงไปยังจุดเดิน ลุงบอกว่าให้ชี้มาอยากจะเดินตรงไหน ลุงพูดยังกับสอยมะม่วงกินเลย

อย่าถามว่าร้อนไหม ไหม้เลยคะ

ลุงนูแวะถามทางจากคนแถวนั้นอีกที่เพื่อความแน่ใจ ทริปนี้พี่แซมอยู่ฝ่ายแผนที่ แกจะคอยเช็คตลอดกับลุงนู ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว

หลังจากสอบถามก็เดินทางต่อไปยังจุดเดิน

เริ่มออกเดินทางกันราว 11.30 น. น้ำ ขนม ของกินเล่น สเบียงอาหาร เตรียมไปอย่าให้ขาด เพราะบนเขาไม่มีแหล่งน้ำ ระยะทางเดิน ประมาณ 3 กิโลเมตร

ช่วงแรกจะเป็นป่าไผ่ ซึ่งเริ่มเหลืองหมดแล้ว หลังจาหนี้คงร่วงหล่น และมีไฟป่าตามาในไม่ช้า

ช่วงแรกก็ชันเลย

ช่วงแรกจะเดินผ่านหุบแฝก

หลังจากเดินผ่านหินร้อนๆ มาถึงหุบแผกจะเป็นพื้นราบ ต้นไม้เริ่มเขียว ลมพัด อากาศ ถ่ายเทสะดวก ตรงนี้มีไก่ป่าเยอะเชียว


ในภาพล่างคือพี่แซม สายอึด ถึก ที่มาเดินทริปนี้พึ่งลงเครื่องจากอินเดียมาหมาดๆ ก็มาเดินกับเช ต่อเลย

นั่งพักกันหน่อย พร้อมกับดูพิกัดว่ามาถูกทางมั้ย

ได้ใช้มีดตั้งแต่เริ่มเดินมาถึงหุบแฝก

นี่ขนาดไม่รู้จุดหมายยังเฮฮากันได้ขนาดนี้ ขอพูดถึงพี่แซมบ้าง พี่แซมเป็นขาเที่ยวตัวยงคนหนึ่งเลย เจอกันครั้งแรกทริปสำรวจเขาหลวงนครสวรรค์ พี่แซมเก่งเรื่องพรรณไม้ ถามอะไร ตอบได้ เดินเก่ง คุยสนุก

รอยเคยมีการมาตัดไม้ด้วย แต่ลุงบอกว่า 30-40 ปีแล้วแหละ


ภาพล่าง น้องทีมร้อนมากถึงชั้นเอาแป้งเย็นมาชโลมตัว และยังมีน้ำยามหัศจรรย์ของแงซายซึ่งเชื่อว่าทุกคนในทริปนี้ คงได้สัมผัสกันถ้วนหน้า เพราะพ่อแงซายเล่นพ่นใส่ตัวให้ทุกคน ตลอดเวลา เข้าหน้าเข้าตา เข้าปาก เย็นไปถึงตับอ่อน ไปถึงไส้ติ่งกันเลยดีเดียว

เลยจากหุบแฝกมาก็คลำทางลงหุบไร้นาม เดินตามร่องเขา ที่มีแต่ดงหมามุ่ย เล่นเอาลุงนู บ่นอุบ ว่ารกแท้


ระหว่างนั่งคุยกันแทนก็ถามว่าพี่เชๆ คืนนี้เราจะนอนในหลุมกันใช่เปล่า ......................hm..........เสียงสูง คีย์ 2 คือทะๆ มั้ย

เลขามดจัดการบุกเบิกทาง ส่วนแงซายเมื่อมือไปละ ไปซนอะไรอยู่ท้ายแถวบ้างก็ไม่รู้

เลขามดหมดแรงคะ ร้อนมากกกกก



ส่วนภาพล่างมูลของเลียงผาคะ ป่าที่นี่เป็นป่าของสมเด็จย่าชาวบ้านจึงไม่มีใครกล้ามาล่าสัตว์ มีแต่หาเห็ด หาผักหวาน กินเป็นอาหาร

หินปูที่นี่คมมาก ขูดตามแขนและขา ส่วนหนามและตำแยแทบไม่ต้องพูดถึงเดินบุกกันไปเหมือนเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์

ระหว่างทางมีฌฑรงถ้ำ เป็นที่อาศัยพอหลบฝนได้

ภายในถ้ำ พออยู่ได้สำหรับสองคน นั่งหลบฝน

เราเดินตรงตามแผนที่เปะ ลุงนูเก่งมาก พี่แซมคอยจับตาดูแผนที่ตลอด

หลังจากจุดนี้ไปเราเริ่มเดินลงไปที่ก้นหลุมกันแล้วคะ ตลอดทางทางพูดว่าถ้าหลงก็หลงด้วยกันนะ

หลุมหรือหุบไร้นามนี้ ปม้แต่ชาวบ้านเองยังไม่เคยลงไป เราถามลุงนูว่าทำไม่ไม่ลงไป แกบอกว่ามาคนเดียวใครจะกล้าลงไป


ทางเข้าหุบนี้มีเพียงทางเดียง เพราะหุบถูกล้อมรอบด้วยเขาหินปูน ที่มีต้นจันทร์ผา และต้นไม้รูปร่างแปลงตาเยอะมาก

ก้นหลุมลึกประมาณ 500 เมตร ในทางชัน เดินลงที่หนึ่งก็แวะส่องไลน์ ทีหนึ่ง ไหนจะต้องคอยถางทาง ไหนจะหินลอยที่ไม่มั้นคง ทางเดินเป็นหินซะส่วนมาก แล้วจากการที่ใบไม้ทับถมถ้าเหยียบพลาดไปลงร่องหินก็มีหัวแตกแน่นอน แอนตาซินคงไม่ตามมาแจกแน่ๆ

มีปีนป่ายบ้าง พอได้มันส์

ลักษณะของหินที่นี่มันแปลกมาก คือเป็นเศษหินขนาดต่างๆ กันไป อาจเป็นเพราะหินปูน เลยสึกกร่อนตามกาลเวลา

ทางชันพอได้ เดินไม่ดีก็หัวทิ่ม เลือดอาบแน่นอน เพราะหินคมมาก


พูดถึงน้องเบลบ้าง มาร่วมทริปด้วยกันทริปแรก เบลค่อนข้างนิ่ง และมีวินัยมาก ถ่ายภาพสวย เวลานอนแยกจากกลุ่ม ไม่รู้ว่าคอยระวังภัยหรือ รำคาญพวกเรา KKK

ทำความเร็วมากไม่ได้ ตอนนี้นั่งรอแงซายกับลุงปรับปรุงพื้นที่ ช่วงนี้เดินเป็นโพรงกันไปเลย พอพ้นรก ก็มาเจอหินคมๆ อีก

ก้นหุบ ความรู้สึกแรกที่มาถึงคือ เงียบ และ เงียบ


เดินป่ามากลายที่ไม่บ่อยครั้งนักที่จะรู้สึกเงียบได้แบบนี้ ด้วยความเป็นหุบเขา และรกมาก สิ่งแปลกปลอมไม่ได้เข้าเยือนเลย ผมเองรู้สึกได้เลยว่าพวกเราคือสิ่งแปลกปลอมของที่นี่โดยแท้จริง เป็นผู้มาเยือนอย่างอย่างตั้งใจ



เดินถึงก้นหุบประมาณ 16.20 น. มีจุดนี้ที่เดียวที่เป็นที่โล่ง แต่ไม่เหมาะกับการพักแรม จึงแยกย้ายกันออกไปหาที่พักแรมกัน เช มด พี่เต็ม แก๋ม ไปด้วยกัน อีกทางลุงนูไปกับเบล ที่เหลือเฝ้าสัมภาระ (จะเฝ้าทำไม ใครจะมาโขมย) ช้างหรือกระรอก



ขอพูดถึงเลขามดบ้าง คนนี้เดินป่าตามอารมณ์ ไม่ชอบไปป่าที่คนไปเยอะๆ มดไม่เคยบ่นเวลาแบกของ มีอะไรก็หยิบๆ ใส่เป้ ทั้งแบกทั้งฟันทาง บางทริปถ้าอารมณ์ดี ก็ทำอาหาร ไม่เคยแสดงนิสัยเห็นแก่ตัวออกมาเลย ของกองกลางอะไรวางทิ้งไว้ก็เก็บลงเป้หมด ไม่รู้มันงกหรือว่ามีน้ำใจ

พอได้ที่เหมาะ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ด้านขวามือเป็นผนังหิน ด้านหน้าเป็นดงกอไผ่หนาม ด้านหลังเป็นทางที่เราเดินลงมา หากเกิดอะไรขึ้นเช่นไฟป่าได้หนีทัน



ขอพูดถึงแทนบ้าง คนที่นั่งบนเปลอะ แทนมันนอนได้ทุกที่ นั่งก็หลับ พักตรงไหนก็หลับ พอตื่นก็กิน เป็นคนที่กินเก่งมากกกกก มีอะไรขวางหน้าแทนฟาดเรียบ เจอกันมาสองทริปละ ตั้งแต่เขาพิศดงธ์ แทนใช้งานง่าย ช่วยเหลืองานในครัวได้ ต่อไปจะสอนให้หุงหม้อสนาม ต่อไปคิดว่าคงเก่งแน่ๆ เดินไม่เคยบ่น จะร้อน จะหนาว จะชัน จะคัน มีอารมณ์เดียวคือหิว แต่ทริปนี้แทนทำความดีความชอบถ่ายภาพงูที่สำคัญมากมาได้

ถึงเวลาทำอาหาร พี่เต็มจัดการหุงข้าว ข้าวสวยขึ้นหม้อ อร่อยเลย



ก้นหุบเป็นป่าค่อนข้างสมบูรณ์ มีไผ่ขนาดใหญ่ มีต้นไม้ขนาดใหญ่คนสองคนโอบ จับดินมาดูมีความชื้นมาก มีมูลสัตว์พวกเลียงผาให้เห็นใหม่ๆ มีไม้หลายชนิด แสดงถึงความสมบูรณ์และหลากหลาย ต่างจากด้านบนที่ส่วนใหญ่จะเป็นไผ่เล็กๆและแล้ง

แงซายทำแกงป่ากับย่างไก่ แงซายทำอาหารเก่งมากและอร่อยด้วย ทำได้ทั้งคืน ทำกับข้าวกับแกล้ม สารพัด คอยเฝ้ายาม คอนเติมไฟ คอยระวังภัย กลางคืนไม่หลับไม่นอน เดินตรวจตรารอบๆ บริเวณที่พัก

ทริปนี้มีเมนูไก่ย่าง หมูย่างจิ้มแจ่ว สามชั้นย่างไฟเบาๆ จนหนังกรอบ ผัดผักคะน้า แกงป่า ต้มยำ ลูกชิ้นย่าง ไส้กรอกทอด

ทริปนี้ได้จินนี่ แทน ทิม คุณป้อม ช่วยเหลืองานครัว

น่ากินปะ

กินข้าว นั่งคุย โดยมีคนคอยระวังภัย หันไปที่ไร เฮ้ยย ไรวะ สะดุ้งทุกที น่ากล้ว



ภาพล่างย่างหมูแล้วกันส่วนหนึ่งไว้กินในตอนเช้า

เช้าจัดการหุงหาอาหาร แงซายให้เวลาไว้ที่ 8.00 น. ออกเดินทาง ด้านหลังที่เรานอนพบรอยมูลเรียงผาสองกอง และด้านหลังก็เป็นห้องน้ำด้วย เดินไปเข้าห้องน้ำแต่ละที ออกมาเลือดอาบ เพราะหนามเกียว เกี่ยวแขน เกียวขา เกี่ยวพุง เกี่ยวตูด ไปสองสามรอบ ออกมาตัวลายเป็นเสือ และก็นั้นแหละ แอนตาซินก็คงไม่ถ่อลงมาแจกอีกเช่นเคย (บางทีก็สงสัยว่าทำการตลาดให้แอนตาซินหรือเปล่า)

เช้านี้พ่อท่านไม่รู้ผิดสำแดงอะไร ลุกขึ้นมาใส่สูท ก่อไฟ สงสัยมี ประชุมบอร์ดกับกระทรวงทรัพย์

ชมภาพสวยๆ กันบ้าง วิวยามเช้าที่ก้นหุบ ก็ดีต่อใจนะ แปลกดี ตื่นมาชมวิวก้นหุบ

ภาพชุดก้นหุบ จากเบล

ในตอนเช้าของวันนี้ เราทำเวลาดีมากเสร็จก่อน 8.00 น. ซึ่งปกติรึ เลทเป็นชั่วโมง ก่อนออกเดินทางก็หยุดถ่ายแฟ่ชั่น ชุดตะลุยดงหุบ ดงหนามกันก่อน

ถ่ายรูปกันอยู่ดีๆ ไม่รู้องค์อะไรลง เพื่อนร่วมทีมนี่ตะลึง กันหมด เอาให้สุดเลยพ่ออออ

ความจริงเรื่องราวทั้งหมดควรจตั้งแต่ตรงนี้ แต่ดันไปฟังลุงเล่าถึงเรื่องถ้ำ ถ้ำหนึ่งที่มีนัำ เราเลยบอกลุงว่าอยากไปดู แต่ลุงก็บอกว่าพวกเอ็งเดินกันไม่ทันหรอก แต่ผิดคาดเช้านี้พวกเราตื่นมากันหน้าสลอน พร้อมมากคะลุง ไปกันเถอะ ไปมุดถ้ำกัน

ปีนกันแต่เช้า

ไปคะเดินไปเขาอีกลูก ไปสำรวจถ้ำกันว่าจะมีจริงหรือไม่ลูงนูเองแกเล่าว่าแกเคยไปมานะ แต่ไม่กล้าลง แล้วแกก็บอกพวกเราว่า พาไปได้นะ แต่ยังงัยก็ไม่ลงแน่นอน!!

ได้เหงื่อแต่เช้า

ภาพสิ่งมีชีวิตที่เจอมาโดยน้องแทน และภาพต้นไม่จากเช


ภาพงูตอนแรกก็คิดว่างูกะปะ จนต่อเมื่อได้โพสภาพลงไปในกลุ่มจุดกางเต๊นท์ มีคนหนึ่ง text เข้ามาบอกว่า



ข้อมูลจากคุณ nick chomngam

ทริปนี้ไม่เสียเปล่า ทีมเราเจองูเฉพาะถิ่น ทั้งโลกมีที่จังหวัดกาญจนบุรีที่เดียว

กลุ่มนกขมิ้น

แต่ขอทายว่าจุดที่ถ่ายภาพอยู่ในจ.กาญจนบุรี เพราะงูตัวนั้นคือ งูหางแฮ่มกาญจน์ครับ (Trimeresurus kanburiensis)

เป็นงูพิษที่ไม่มีอันตรายมาก หากถูกกัดอาจทำให้ปวดบวม ไม่ทราบว่าถ่ายจากตรงไหนครับ ทั้งโลกมีที่จังหวัดกาญจนบุรีที่เดียว ตามเขาหินปูน แต่ด้วยมันมีที่กาญจนบุรีที่เดียวในโลก จึงมีความจำเป็นที่ต้องอนุรักษ์ไว้อย่างมากครับ ถือว่าโชคดีมาก เพราะปกติออกหากินตอนกลางคืนแบบดึกมาก wow

การเดินทางไปยังถ้ำ สามารถเดินเท้าจากหุบไปเลย หรือจะเดินกลับทางเก่าไปที่จุดจอดรถ พวกเราเลือกเดินไปที่รถ แล้วขับไปยังตีนเขา ทิ้งสัมภาระไว้ที่รถ เอาเฉพาะ น้ำไปฉาย มีด ติดมือไปเท่านั้นเพื่อความคล่องตัว

สภาพป่าเหมือนกับวันแรกเลยคะ

ลุงบอกกับพวกเราว่าไม่ลงไปด้วยนะ ให้ลงกันไปดีๆ ลุงจัดแจงตัดไม้มาให้เผื่อเจองู

เบลเข้าไปคนแรก ตามด้วยเช เลาขามด และพี่เต็ม ในถ้ำไม่กว่างมากนัก อากาศอบอ้าว ต้องแบ่งชุดกันเข้าไป

ในถ้ำมีน้ำ และไม่รู้ว่าจะเป็นโพรรงทะลุไปถึงไหน นั่งวัดระดับน้ำแพรบเดียวได้ยินเสียงลุงนูคลานเข้ามาถามว่าเจอน้ำมั้ยๆ แล้วแกก็มาดู แกคงอยากลงมาดูให้หายลงัยเหมือนกัน แกเองได้ยินได้รู้ได้เห็นมา แต่ยังไม่เคยลงมาสักที วันนี้คงหายคาใจกันไป

เจ้าของบ้านเว้ยเฮ้ย

เรื่องราวการเดินทางของพวกเราก็จบเพียงเท่านี้ เดินครบตามเป้าหมายที่คาดไว้ ยังมีอีกหลายจุดของเทือกเขานี้ที่จะเข้าไปสำรวจต่อ รอติดตามการเดินทางของพวกเราได้นะคะ ขอบคุณทุกคนคะ

ความคิดเห็น