สวัสดีคะทุกคน อาทิตย์นี้เรากะไปพักผ่อน นอนทะเล ตกปลา แต่ไง มาไง ไม่รู้ถึงได้กลายเป็นทริปขาลากไปได้ 3 เขา 4 หาด 1 น้ำตก ตกปลาทะเลทั้งกลางวันกลางคืน เที่ยวชมหมู่บ้านประมง สำหรับ 3 วัน 2 คืน กับกิจกรรมขึ้นเขาหลวงประจวบคีรีขันธ์ุ เขาช่องกระจก เขาล้อมหมวก หาดบ้านกรูด อ่าวประจวบฯ อ่าวมะนาว อ่าวน้อย หมู่บ้านชาวประมง ตกปลา ทำไปได้ โอ้ยเรื่องราวโครตสนุก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ปล.ภาพอาจไม่สวยเท่าไรเพราะไม่มีกล้องใหญ่ไปขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

เริ่มกันเลยนะคะ ทริปนี้ไปกัน 4 คน ประกาศหาคนไปด้วยก็ไม่มีใครสนใจเลย โดยในวันที่ 10/02/2017 เดินทางออกจากกาญจนบุรี ไปยังหัวหิน ลงตรงหอนาฬิกา ค่ารถ - บาท แล้วต่อรถ กทม.ประจวบฯ ค่ารถ 80 บาท โดยเมื่อสมาชิกครบก็เดินทางไปยังอุทยานโดยรถของแจ็ค ไปถึงราวตีสาม เราไปกันน้อยทางอุทยานเลยให้นอนในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ขอบคุณมากคะ ส่วนค่าขึ้นเขาหลวงประจวบ มีค่าจนท.นำทาง 2 คน 2400 บาท/10 คน คนไปมากยิ่งถูก แต่เราหารกัน 4 คน ทริปนี้ค่าขึ้นเขาบวกอาหาร คนละ 850 บาท (ปกติเดินขึ้นยอดบวกไปยอด1250 ต้องใช้เวลา 3 วัน 2 คืน นะคะแต่ทริปนี้เดินแค่ 2 วัน 1 คืน ) และเปิดให้ขึ้นเพียงเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น และจะปิดป่าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ของทุกปี



อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77130 โทรศัพท์ : 08 4701 2795 032-619-743

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ

ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก และอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในส่วนที่แคบที่สุดของประเทศ ซึ่งได้รวมจุดเด่นรอบๆ วนอุทยานน้ำตกห้วยยางผนวกเข้าด้วยกัน ซึ่งได้แก่ น้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง ตลอดจนมีสัตว์ป่านานาชนิด เป็นอุทยานแห่งชาติที่พร้อมด้วยป่าเขา น้ำตก ชายหาด รวมมี เนื้อที่ประมาณ 100,625 ไร่ หรือ 161 ตารางกิโลเมตร

พืชพรรณและสัตว์ป่า

ประเภทของป่าที่พบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้จำพวก ตะเคียน เสลา ตะแบก ยาง ยูง ยมหอม ยมป่า ขนาน ไข่เน่า ไทร พืชพื้นล่างเป็นไผ่ชนิดต่างๆ

พื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางซึ่งเป็นภูเขาลาดชันเป็นเนินเขาสูงติดต่อกัน มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ทั่วไป ได้แก่ ช้างป่า หมีควาย หมีหมา เลียงผา เสือดำ ค่าง ชะนี ลิงกัง หมูป่า เม่น เก้ง กระรอก ค้างคาว และนกนานาชนิด ได้แก่ ไก่ป่า ไก่ฟ้า นกกาฮัง นกเขาเปล้า นกขุนทอง นกปรอด ฯลฯ นอกจากนี้บนยอดเขาหลวงยังมีปูเจ้าฟ้า ( Phricotelphrsa sirinthorn )

การเดินทาง

รถยนต์ จากกรุงเทพฯ โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 350-351 บริเวณตลาดห้วยยาง (ก่อนถึงอำเภอทับสะแกประมาณ 20 กิโลเมตร) แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสายเพชรเกษม-น้ำตกห้วยยาง ประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกห้วยยาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง

สิ่งอำนวยความสะดวก: ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง มีบ้านพักเดี่ยวเป็นบ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ให้ครอบครัวใหญ่ และกลุ่มเพื่อนได้พักผ่อน สังสรรค์ร่วมกันสบายๆ และยังมีลานกางเต็นท์ให้ชาวค่ายและนักผจญภัยได้สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดด้วย หากคุณไม่ได้เตรียมอุปกรณ์และเสบียงในการทำอาหารติดตัวมาด้วย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน เพราะที่นี่ก็มีร้านอาหารบริการคุณตั้งแต่เช้าจรดเย็น

บรรยากาศยามเช้าที่อุทยาน วันที่ 11/02/2017

ร้านอาหารในอุทยาน บริเวณอุทยานสะอาดและร่มรื่นมาก มรจุดให้ทิ้งขยะเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการดี เจ้าหน้าที่อัธยาศรัยดี ประทับใจมากคะ

ช่วยกันคิดว่าจะซื้อ จะทำอะไรดี ร้าค้าที่นี่ขายของไม่แพง ภาพสุดท้ายทั้งหมด 20 บาท ถูกมากๆ

กลับมาทานอาหารเช้าที่หน่วย ข้าวราคาจานละ 40 บาท ไข่ดาว 5 บาท แนะนำก่อน สมาชิกเลสื้อสีดำนนท์นี่ เสื้อสีน้ำเงินน้องทีม และ Jack คนที่นั่งตรงข้ามเช

ถ่ายภาพหมู่กันหน่อยคะ เจ้าหน้าที่ทางซ้ายชื่อพี่หมึก ริมขวาสุดชื่อพี่เต่า เจ้าหน้าที่นำทางฝีมีดีที่สุดของอุทยาน

อุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง มีพื้นที่อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ทิวเขาสลับซับซ้อนส่วนใหญ่จะสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,200 เมตร โดยมียอดเขาหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด เป็นแหล่งต้นน้ำที่เกิดจากสันเขากั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า ทั้งคลองอ่างทอง คลองแก่ง คลองทับสะแก คลองจะกระ คลองไข่เน่า คลองตาเกล็ด คลองห้วยยาง คลองห้วยมา และคลองหินจวง ทางด้านด้านทิศตะวันออกติดกับพื้นที่ราบและชายทะเลฝั่งอ่าวไทย

ยอดเขาหลวงยอด เขาสูงที่สุดของอุทยานฯ สูง 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตลอดเสั้นทางเดินขึ้นประมาณ 7 กิโลเมตร คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของป่าดิบเขา อากาศที่หนาวเย็น หากมาในช่วงต้นฤดูฝน คุณยังจะได้ชมวิวทุ่งดอกกระเจียวบาน และป่าเขียวของแนวเทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวยาวเป็นแนวพรมแดนประเทศไทยกับพม่าสวยงามมากๆ ด้วย แต่ทางเดินก็จะค่อนข้างลำบาก ช่วงที่เหมาะสมในการพิชิตยอดเขาหลวงมากที่สุดคือระหว่างเดือนตุลาคม-เดือนกุมภาพันธ์

คณะของพวกเราเริ่มออกเดินกัน 9.30 น. โดยจะเดินผ่านน้ำตกห้วยยางในช่วงแรก



น้ำตกห้วยยาง น้ำตกขนาดใหญ่มีทั้งหมด 7 ชั้น จุดเด่นอยู่ที่ชั้นที่ 4 ที่มีจุดชมวิวสวยมองเหินวิวได้ไกลถึงท้องทะเลอ่าวไทยเลย และชั้นที่ 5 ที่สายน้ำจะไหลลงมาจากหน้าผาหินสูงกว่า 15 เมตร (โดยเราจะเดินถึงชั้นที่ 5 แล้วแยกตัวเดินสู่ป่า ระหว่างที่เดินทาง มีผู้คนที่มาเล่นน้ำตก ต่าง ยืนมองพวกเราด้วยความสงสัยว่าพวกเราจะแบกเป้ใบโตเดินไปไหนกัน)

ช่วงนี้เดินกันอย่างมีความสุข ทุ่งลาเวนเดอร์มาก ให้หารปลากันชิลล์ๆ

ทุ่งลาเวนเดอร์หายไปไหนหละ

ทางเริ่มชันคะ ป่าทึบตั้งแต่เริ่มเดิน ในช่วง4-5 กิโลเมตรแรก ยังไม่ใช่ป่าโบราณ เป็นป่าดิบชื้นทั่วไปทางภาคใต้

ทุ่งลาเวนเดอร์ได้จากพวกเราไปแล้ว

ครึ่งกิโลเมตรแรกก็บันเทิงเริงรมย์ แล้วคะ กับความชันของเส้นทาง

นี่เดินยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดูสภาพแต่ละคน

จุดนี้พี่หมึกบอกว่าพักไปให้เต็มที่ เด้วจะต้องเดินกันยาวๆ แล้ว

หลังจากพักแล้วก็ออกเดินทางต่อ ต้นไม้ที่นี่ติดแทร็กด้วย

ทางก็ยังเหมือนเดิม ชัน

ป่าที่นี่ต้นไม้หลากหลายดีคะ แถมยังมีความเขียวชอุ่มอยู่ ภาพกลางคือ..........................

เดินมาเจอหินก้อนนี้อดใจไม่ไหว จริงๆ ถ่ายรูปกันซักหน่อย ระหว่างนั้นถามเจ้าหน้าที่ว่าตรงนี้เรียกว่าอะไร เจ้าหน้าที่บอกยังไม่มีชื่อเรียก แกเลยตั้งชื่อว่าหินทาร์ซาน

ป่าที่นี่สมบูรณ์มากคะ ปลงต้นใหญ่มาก


ภาพล่าง ด้านขวามือคือขนุนดิน

นั่งพักโดยมีพี่หมึกและพี่เต่า ยืนให้กำลังใจ

ป่าช่วงนี้เหมือนป่าอเมซอนเลย และเดี๋ยวนี้อุทยานที่นี่มี Camera Trap แล้วนะ พึ่งได้งบมา

ป่ารก ส่วนความชันก็เหมือนเดิมคะ

ต้นไม้ใหญ่ๆ และสวยๆ มีให้เห็นตลอดทาง

พักทานข้าวแล้วก็เดินทางต่อ

ระหว่างทางเจอบ่าง ที่พึ่งตายหมาดๆ โดยเหยี่ยวแดงตัวใหญ่คงจะเอาไปกิน แต่ไม่สำเร็จ



บ่าง พุงจง พะจง flying lemur colugo



บ่างเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างประหลาด เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ร่อนได้ คล้ายกระรอกบิน หน้าตาคล้ายกระแต คนตะวันตกมองว่าหน้าตาเหมือนตัวลีเมอร์ในมาดาร์กัสกา จึงเรียกว่า flying lemur มีความยาวหัว-ลำตัว 34-42 เซนติเมตร หาง 22-27 เซนติเมตร หนัก 1-1.8 กิโลกรัม ตามลำตัวมีสีน้ำตาลเป็นหลัก มีแต้มสีขาวและลายเส้นเหมือนตาข่ายแผ่ทั่วลำตัวขาหน้าและขาหลัง สีสันกลมกลืนกับเปลือกไม้ และที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือ มีหนังบางเชื่อมระหว่างขาหน้าและขาหลัง ขาหลังกับหาง ระหว่างขาหน้ากับคอ และระหว่างนิ้วทุกนิ้วอีกด้วย



แม้บ่างจะมีรูปร่างคล้ายสัตว์ชนิดอื่นหลายชนิด แต่บ่างไม่ใช่กระรอก ไม่ใช่ค้างคาว ไม่ใช่ลีเมอร์ และไม่ใช่กระแต บ่างคือบ่าง มีวิวัฒนาการต่างจากสัตว์ชนิดอื่นมาก อยู่ในอันดับ Dermoptera แปลว่า ปีกหนัง สัตว์ในอันดับนี้บ่างมีเพียงสองชนิดเท่านั้น อีกชนิดหนึ่งคือบ่างฟิลิปินส์ อยู่ในประเทศฟิลิปินส์ ตัวเล็กกว่าและเบากว่าเล็กน้อย

ออกเดินทางถึงจุดพักสุดท้าย ทั้งสองฝั่งจะมีแหล่งน้ำเรียกว่าห้วยน้ำใส กับห้วยน้ำแดง ก็ลงไปดูทั้งสองฝั่งแหละไปดูให้เห็น

เถาวัลย์ต้นใหญ่ๆเยอะเลย ส่วนภาพล่างคือต้นอะไรไม่รู้กลิ่นเหลือนพะโล้ เป็นไม้ยืนต้น ที่ยืนต้นตายพราย


ไม่รู้ใช่พืชพรรณในสกุลอบเชย (Genus Cinnamomum) ส่วนใหญ่ใบและเปลือกมีกลิ่นหอมเป็นไม้ยืนต้น พบกระจายกว้างขวางทั่วไปทั้งในเขตร้อนและกึ่งร้อน เช่น ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

ตำแยช้างหรือสามแก้ว (Dendrocnide stimulans) ต้นนี้ถ้าโดนจะคันมาก

แวะชมนกชมไม้พอละ ออกเดินทางต่อ บรรยากาศมีแต่เสียงหัวเราะ

เดินไปสักพักพี่หมึกตะโกนมาบอกว่า ถึงแล้วๆ ตรงนี้เรียกว่า ผา 1 ส่วนที่เราจะนอนเรียกว่า ผา 2

ถ่ายภาพกันที่ผา 1 บริเวณผา 1 หากมาในช่วงต้นฤดูฝน คุณยังจะได้ชมวิวทุ่งดอกกระเจียวบาน

หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังป่า 2 ปากทางเจอเอื้องสิงห์โต คอยต้อนรับ สวยงามมาก

ถึงราวๆ บ่ายสามโมงครึ่ง นั่งพักกันสักครู่ ก็จัดการหาที่หลับที่นอน

ออกไปหาน้ำกันเอง ตักเอามาทำอาหาร และดื่ม ห้วยอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ขากลับไปทากมาด้วย

ทานอาหารเย็นกันคะ หิวมาก เมื่อกลางวันกินแต่ขนม

จากที่ท้องฟ้าสว่างไสว อยู่ดีๆก็มืด มีหมอกปกคลุมทั่วบริเวณ Highlight ของที่นี่ก็คือจุดชมวิวด้านบนที่เห็นอ่าว 3อ่าว และตอนกลางคืนก็เห็นดาว 3โลก ดาวสามโลกคือ ดาวบนดิน ดาวบนฟ้า ดาวบนพื้นน้ำ อดเห็นหมดเลย

หลังจากนั่งเล่น นอนเล่น ให้หมอกเย็นๆ ลมเย็นๆ วิ่งผ่านหน้า ก็กลับมานอนเล่นที่แค้มป์

ราวสองทุ่ม ออกตามหาปูเจ้าฟ้ากัน


ปูเจ้าฟ้า หรือ ปูสิรินธร หรือ ปูน้ำตก (อังกฤษ: Panda crab; ชื่อวิทยาศาสตร์: Phricotelphusa sirindhorn) เป็นปูน้ำตกพบที่วนอุทยานน้ำตกหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2529เป็นปูที่มีสีสันสวยงาม กระดองและก้ามทั้งสองข้างเป็นสีขาว ขาเดินทั้งสี่คู่และเบ้าตาและบริเวณปากเป็นสีม่วงดำ มีลักษณะปล้องท้องและอวัยะเพศผู้คู่ที่ 1 ต่างจากปูชนิดอื่น



เมื่อโตเต็มที่ความกว้างของกระดองประมาณ 9-25 มิลลิเมตร พบอยู่จำกัดบริเวณน้ำตกแถบภาคตะวันตกของไทย เช่น น้ำตกห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น้ำตกที่เขาพะเนินทุ่ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

แต่หาไม่เจอ ปูเจ้าฟ้าจะเป็นแบบนี้

กลับจากหาปู ก็เข้านอน จะได้รีบตื่นแต่เช้า อากาศหนาวมาก


ในภาพคือ บรรยากาศตอน 7.00 น. ของวันที่ 12/02/2017

ตอนเช้าฟ้าก็ยังไม่เปิด ปกติถ้าฟ้าเปิดจะเห็นวิวอ่าวมะนาว อ่าวน้อย และอ่าวประจวบ


รีบเก็บของ ราว 8.00 น. ก็ออกเดินทางไปยังป่าโบราณกัน


ป่าโบราณมีลักษณะเป็นป่าดงดิบชื้น (Tropical Rain Forest หรือ Tropical Evergreen Forest) หรืออาจเรียกว่าป่าดงดิบ เป็นป่าไม้ที่มีใบสีเขียวตลอดทั้งปี สภาพป่ารกทึบทั้งในเรือนยอดของไม้ใหญ่ และชั้นไม้พื้นล่าง ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ต้นไม้ห่มผ้าบนยอดเขาหลวงจะมีลักษณะแคระแกร็น ไม่ใหญ่

ช่วงแรกดันขึ้นยอด 1250 ก่อนที่จะไป ผา3-4 มีต้นมะกรูดป่าด้วย

บรรยากาศชื้นมาก

ต้นไม้เริ่มถูกปกคลุมด้วยมอส

มีต้นไม้แปลกๆ เยอะเลย ภาพล่าง กล้วยไม้หางแมงเงา

สภาพป่าสมบูรณ์มาก

ต้นไม้ ดอกไม้ ละลานตามาก สวยสุดๆ ไปเลย

เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกของเวทมนต์ เหมือนในหนังสือเลย หรือจะพูดให้ถูกหนังสือเขียนเหมือนที่นี่มาก

ชอบอะ บรรยากาศบนยอด 1250 ระหว่างทางที่เดินเดินสลับเขตไทยและพม่า เพราะมีสันปันแดนร่วมกัน

หลังจากเดินชมธรรมชาติ ความสวยงามของป่าดิบชื้นแล้ว เราจะเดินไปต่อยัง ผาที่3 และผาที่ 4 แต่ก่อนจะไปเราจะต้องผ่าน "ประตูป่า" สวยงามมากคะบริเวณนี้

ภาพภภาพแล้วเดินต่อไปยังผาที่ 3

ผาที่สาม มีหมอกลงมองไม่เห็นอะไรเลย รู้ตั้งแต่แรกว่าถึงมาก็มองไม่เห็นวิวอะไร แต่ก็จะเดินมา มาให้รู้

ออกเดินทางไปยังผาที่ 4 ระหว่างทางเจอต้นพริกไทยป่าด้วย

ถึงผาที่ 4 ก็มองไม่เห็นวิวคะ แต่ก็นะ สวยไปอีกแบบ เหมือนโลกแห่งเวทมนท์เลย

ประมาณ 9.30 น. หลังจากชมวิวกันเสร็จแล้ว ก็เดินลงเขา โดยพี่เต่าเป็นคนพูดนำขึ้นมาว่า น่าจะเดินกลับอีกทางนะ ใกล้ดี เดินเร็วกว่าทางเก่านิดหนึ่ง ไอ้เราก็เห็นแก่ว่าเร็ว เลยบอกพี่เต่าว่า ไปก็ไป


แต่ที่ไหนได้ได้ ทางดิ่งลง ชันมาก เราวิ่งกันลงมาแทบหมดแรง ก็มาเจอเนินชันดิกตรงหน้า ไอ้ทางลัดที่พี่เต่าว่าเนี่ย มันตัดขึ้นเขาทั้งลูกเลยนะ ขาอ่อนเลย พี่เต่านะพี่เต่า ทำกันได้

เราลงมาถึงอุทยานตอน 11.47 น. อาบน้ำ แล้วออกเดินทางไปยังหาดบ้านกรูดต่อ เขาว่ากันว่ามันสวยยิ่งนักและจะไปดำน้ำกันต่อด้วยที่เกาะทะลุ

นั่งรถตู้ไปลงตรงบริเวณปากทางเข้าหาดบ้านกรูด 80 บาท แล้วโบกรถเข้าไปยังชายหาด จากปากทางไปยังหาด 10 km. ไปถึงหาด งงมาก ทำไมหาดไม่สวยเลย มีแต่ขยะเต็มไปหมด ถามก็ทราบความว่าเมื่อคืนช่วงที่เราอยู่บน เขา มีพายุเข้า หาดเลยไม่สวยอย่างที่พวกเราคิด คลื่นลูกใหญ่มาก เราเลยออกไปหาอะไรกินกัน อ่อ ถ้าจะไปดำน้ำที่เกาะทะลุ สามารถซื้อแพคเกจจากที่นี่ได้ด้วย หัวละ 400 บาท แต่วันที่เราไปคลื่นแรงมากเลยอดไปดำน้ำ

หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็โบกรถออกมา แล้วขึ้นรถตู้กลับไปยัง อ.ประจวบ

ถึงประจวบเรานัดหมายกับพี่ปูไว้ พี่ปูดีมากต้อนรับขับสู้เราตั้งแต่วันแรก จนวันนี้ก็ยังมารับพวกเราที่“สะพานสราญวิถี"



“สะพานสราญวิถี" ที่นี่ในอดีตเป็นสะพานปลาอ่าวประจวบฯ หลังซ่อมแซมใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาชมบรรยากาศริมทะเลของเมืองสามอ่าว

สะพานสราญวิถี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สะพานพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานชื่อสะพานปลาบริเวณหน้าอ่าวประจวบ ว่า "สราญวิถี" ในอดีตเคยเป็นสะพานปลาอ่าวประจวบ สำหรับการประมงก่อนมีการประกาศยกเลิกใช้สะพานปลาดังกล่าว ต่อมาทางจังหวัดได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติม ใช้รูปแบบและสีสันอิงกับสถานีรถไฟของจังหวัดซึ่งมีเอกลักษณ์ที่สวยงามโดดเด่น

คลื่นลมแรงมากสงสัยคืนนี้ คงอดตกปลาเป็นแน่ ในภาพน้องแทนชี้จุดหมายที่เราจะไปกันพรุ่งนี้ เขาล้อมหมวก

หลังจากถ่ายภาพเสร็จ พี่ปูพาเราไปยังอ่าวประจวบซึ่งเราจะตั้งแค้มป์กันริมหาด พี่ปูคอยบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน แถมให้มอเตอร์ไซด์ พวกเรามาใช้ด้วย 1 คัน ขอบคุณมากคะเลยคะ หลังจากว่างข้าวของเราก็รีบไปตลาดสดริมทางรถไป ไปหาซื้อเหยื่อตกปลา เราไปถึงกันจวนค่ำแล้ว ร้านค้าปิดหมดเหลือร้านขายของสดร้นเดียวเจ้าของงร้านขายปลามาให้พวกเราถุงใหญ่มากๆ ราคา 20 บาท


หลังจากได้เหยื่อตกปลาเราก็ไปทำภารกิจต่อไปกันคะ คือขึ้นเขาช่องกระจกเพื่อดูวิวยามค่ำคืนกัน (ไปตอนกลางคืนดีตรงที่ไม่ต้องมารบกับพวกลิง) วันที่เราไป มีงานวัดพอดีเลย

วิวบนเขาช่องกระจก ภาพไม่สวยขออภัยด้วยคะ


เขาช่องกระจก เป็นภูเขาขนาดย่อมสูง 245 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ริมอ่าวประจวบฯ ในบริเวณ วัดธรรมิการามวรวิหาร ยอดเขามีช่องทะลุโปร่งคล้ายกรอบกระจก ทางขึ้นเป็นบันไดคอนกรีต จำนวน 396 ขั้น ในปี 2497 พระเทพสุทธิโมลี(หลวงพ่อปิ่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ได้รับมอบเขาช่องกระจกจากจังหวัดให้อยู่ในความดูและรักษาของวัด

ต้นพระศรีมหาโพธิ์บนยอดเขานี้ เป็นหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์พฤกษ์ต้นเดิม จากพุทธคยาโดยแท้ เป็นของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร พระนคร พุทธบริษัทผู้หนึ่ง มีศรัทธาอัญเชิญมาถวายพระองค์ท่าน พระองท่านได้โปรดประทานแก่เจ้า อาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2501

เย้ จบภารกิจแล้ว

ลงจากเขาช่องกระจกด้วยความเร็วแสง เพราะคุณชานนท์ อยากตกปลามาก พวกเราหอบหิ้วเบ็ดกันมาสองวันแล้ว ยังไม่ได้ตกปลากันเลย


เราไปตกกันตรงหาดด้านข้างของเขาช่องกระจก น้องๆ คนพื้นที่ต้อนรับพวกเราอย่างดี คุยกันถูกคอ ตามประสาคนชอบตกปลา

ตกหมายแรกปลากินดีมาก สนุกกันเลยที่เดียว พอดึกๆ เจ้าถิ่น ชวนย้ายหมายก็ไปกับเขาด้วย ราวเที่ยงคืนก็กับที่พักแล้วก็เข้านอน

เราตื่นกันตีห้ารีบเก็บข้าวของรอพี่ปูมารับพวกเรา บอกเลยว่าต้องโด้ป (เขาล้อมหมวกขี่มอเตอร์ไซด์ไปได้นะแต่ต้องสวหมวกกันน้อคทุกคน) รีบไปแต่เช้าเวลาขึ้นจะได้ไม่ร้อน



เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองสามอ่าว" เนื่องจากในตัวเมืองด้านที่ติดทะเลอ่าวไทยนั้นเป็นที่ตั้งของอ่าว 3 อ่าวด้วยกัน ได้แก่ อ่าวน้อย อ่าวประจวบคีรีขันธ์ และอ่าวมะนาว



สำหรับ “อ่าวมะนาว" ได้ชื่อมาจากลักษณะของอ่าวที่โค้งกลมดังผลมะนาว โดยอ่าวแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “กองบิน 5" ของกองทัพอากาศ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชมภายในเขตทหาร

อ่าวมะนาวนี้เคยเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โดยเมื่อครั้งเหตุการณ์สงครามมหาเอเชียบูรพาในปี 2484 ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกในบริเวณอ่าวมะนาวแห่งนี้เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศพม่า

แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอ่าวมะนาวอีกอย่างหนึ่งก็คือ “เขาล้อมหมวก" มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 902 ฟุต หรือราว 300 เมตร เป็นภูเขาที่กั้นระหว่างอ่าวประจวบฯ และอ่าวมะนาว บริเวณเชิงเขาล้อมหมวกเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก" ที่ชาวเมืองประจวบฯ ต่างเคารพศรัทธาว่าเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลปกปักรักษาประชาชน และสรรพสัตว์ในแถบนี้ อีกทั้งบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกยังเป็นแหล่งอยู่อาศัยของฝูงค่างแว่น ถิ่นใต้นับร้อยตัว

“เขาล้อมหมวก" ปัจจุบัน กองบิน 5 ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ทุกวันแล้ว แต่จะกำหนดวันเปิดให้ขึ้นเขาล้อมหมวกเฉพาะวันหยุดเทศกาล ตั้งแต่เวลา 06:00-12:00 น. โดยจะมีทางเจ้าหน้าปิดรับลงทะเบียน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 086-3970638

ขนาดไปแต่เช้านะ คนเยอะมากๆ ไปถึงลงทะเบียน ใครไม่มีถุงมือเขาก็มีบริการขายให้ คู่ละ 20 บาท


ลงทะเบียนเสร็จก็รอเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ขึ้นเขา พอเจ้าหน้าที่ประกาศ เราก็เห็นเหล่าผู้กล้ารีบวิ่งแข่งกันไปข้างบน 555

เราเห็นคนวิ่งกรู ไปขนาดน้นเลยรอซักพักก็เดินตามขึ้นไป

ปะออกเดินทางกัน ไปดูว่าด้านบนนั้น สวยสมคำเล่ารือหรือเปล่า

บรรดาเหล่าผู้กล้าทั้งหลาย อิอิ เขาขออนุญาตแซงไปก่อนนะ


ปล.วันนี้ค่างแว่นตื่นกันแต่เช้าเลย เจอตรงบันได ทางขึ้นเลย

เจอคนหมดแรงเพียบเลย ทางก็ไปได้ที่ละคน การจราจรติดขัด ใครรีบและมี skill ปีนป่ายเยอะๆ ก็ไต่ผาด้านข้างแซงไป

หินคมมาก ทางชันมีหลายจุด โปรดใช้ความระมัดระวัง

เขาล้อมหมวก บางจุดก็ชันมาก จากการสอบถาม(หรือสอดรู้สอดเห็นก็ไม่ทราบ) ทั้ง 8 จุด ใช้เจ้าหน้าที่ดูแลทั้งสิ้น 15 นาย

ปีนบ่ายเลี่ยงคนเยอะๆ ก็มาจุดที่พอจีมีวิวสวยๆ ก่อนถึงยอด

ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีมั้ง ขึ้นถึงยอดเขา ไปถึงก็จัดเลยคะ ถ่ายรูปรัวๆ รีบถ่ายรีบออก แบ่งวิวให้คนอื่นถ่ายบ้าง

ย้ายไปมุมนู้นมุมนี้

วิวสวย เดินไม่ไกล ไม่มีค่าใช้จ่าย ก็ดีนะ คนก็เยอะมากเช่นกัน

เจอกลุ่มเพื่อน ที่จำตัวแรคคูนได้ มาขอถ่ายภาพ

ลงจากเขาก็แวะมาดูค่างแว่น


ค่างแว่นถิ่นใต้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกค่าง ลักษณะทั่วไปคล้ายค่างแว่นถิ่นเหนือ คือ มีวงกลมสีขาวรอบตาเหมือนกับใส่แว่นอันเป็นที่มาของชื่อ มีขนาดของลำตัวยาว 45-57 เซนติเมตร หางยาว 66-78 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 6-9 กิโลกรัม ค่างโตเต็มวัยมีขนบริเวณด้านหลังสีเทาเข้มเกือบดำ ขนบริเวณด้านข้างใบหน้าบริเวณปลายมือและปลายเท้ามีสีเทาเข้ม โคนขาและโคนแขนด้านนอกเป็นสีเทาจาง ลักษณะสำคัญที่ใช้จำแนกค่างชนิดนี้ คือสีขนหางสีดำ ลูกที่เกิดใหม่สีขนจะเป็นสีทอง

อาศัยอยู่ตามป่าเขาหินปูนที่มีโขดหินสูงชัน นอกจากนี้ยังอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบหรือสวนยางพารา พบในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่า, ไทย, มาเลเซีย ในประเทศพม่าพบบริเวณเทือกเขาตะนาวศรีลงไปทางใต้ นอกจากนี้ยังพบตามเกาะต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซีย เช่น เกาะลังกาวี เกาะปีนัง ส่วนในประเทศไทยพบได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด และเขาล้อมหมวก ใกล้กับอ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, อุทยานแห่งชาติตะรุเตาและ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, วัดถ้ำเขาพลู อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นต้น

น่ารักอะ

เดินชมวิวบริเวณอ่าวทั้งสองฝั่ง

แวะทานข้าวที่ร้านบริเวณอ่าวมะนาว สั้งไปหกเจ็ดอย่าง ถูกมากๆ 600 บาท

หลังจากทานอาหารเสร็จ ยังมีเวลาเหลือ เราจึงขับมอไซด์ไปเที่ยวอ่าวน้อยกัน


อ่าวน้อย" เป็นอ่าวเล็กๆ ทางตอนเหนือของอ่าวประจวบฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นชุมชนหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบ ในอ่าวน้อยมีวัดสำคัญคือ “วัดอ่าวน้อย" หรือ “วัดถ้ำพระนอน" โดยมี “ถ้ำพระนอน" ตั้งอยู่ด้านบนเขา ภายในถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ 2 องค์ ข้อมูลของทางวัดกล่าวว่าเป็นพระนอนที่นี่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นศิลปะร่วมสมัยอู่ทอง-รัตนโกสินทร์ อายุราว 300-500 ปี

เราไปขอซื้อพวกปลา ปลาหมึก กั้ง เอามาตกปลากัน ชาวบ้านที่นี่ก็ใจดีมากให้พวกเรามาฟรีๆ ขอบคุณมากคะ

เราไปขอซื้อพวกปลา ปลาหมึก กั้ง เอามาตกปลากัน ชาวบ้านที่นี่ก็ใจดีมากให้พวกเรามาฟรีๆ ขอบคุณมากคะ

ด้านหน้าหมู่บ้านจะมีร้านกาปฟหนึ่งร้าน อร่อยและถูกมาก แก้วละ 25 บาทเอง

ทำไมยังไม่กลับบ้านกันอีก มัวแต่เอ้ยระเหย


บริเวณอ่าวน้อยคนตกปลาเยอะมาก คันไม้คันมือเอาเสียหน่อย ลงเบ็ดไปไม่ทันไร ปลาปั๊กเป้ามาโจมตีเสียแล้ว กัดเบ็ดขาดบ้าง ตกได้ตัวขึ้นมาบ้าง ย้ายหมายดีกว่า

ย้ายหมายไปบริเวณใต้สะพาน อ่าวประจวบ มีที่ให้หลบร้อน เย็นสบาย วิวสวย

ตรงนี้ก็พอตกได้ตัว แล้วก็จัดการปิ้งปลากินเสียเลย



มัวแต่ตกปลาเพลินจนเวลาล่วงเลยไปถึง 16.00 น. พึ่งคิดได้ว่าต้องกลับบ้าน เกือบไม่ทันกาลเสียแล้ว 555

ทริปนี้ถือว่าเดิน และเที่ยวกันหัวหกก้นขวิดมาก ความจริงวันสุดท้ายจะไปถ้ำพระยานตรต่อ แต่เจ้านนท์และเจ้าแทน ได้ร้องขอเอาไว้ บอกเจ้ ผมเดินไม่ไหวแล้ว 55555 ไปถามเจ้าตัวกันเอาเองว่า ทริปนี้เดินกันโหดขนาดไหน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไม่มาก ที่พักก็กางเต็นท์ นอนกันริมหาด มีจ่ายกันมากก็มีเพียงแค่ค่าขึ้นเขาหลวงประจวบ ทริปนี้สนุกมากมาย ขอบคุณที่ไปด้วยกัน

I'm Che

 วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 23.31 น.

ความคิดเห็น