เมื่อครั้งที่รู้สึกหมดแรงเหนื่อยล้า เมื่อต้องเจอกับความผิดหวัง เมื่อไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะต้องเดินไปทางไหน คิดอะไรไม่ออกได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีจุดหมายจนมาถึงจุดๆหนึ่ง ผมก็เริ่มคิดได้ว่าบางอย่างเราก็ควรปล่อยมันไป บางอย่างเราก็ไม่สามารถกำหนดอะไรได้ ที่จะทำได้คือทำเพื่อชีวิตของตัวเราเองทำให้ตัวเองได้มีความสุข ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำและเป็นตัวของตัวเอง ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นเริ่มก้าวเดินตามที่ใจเรียกร้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้ ออกไปหาความสุขในสิ่งที่เราชอบ ออกไปหาแรงบันดาลใจ ออกไปเรียนรู้พบเจอสิ่งใหม่ๆ เปิดโลกของตัวเองให้กว้างขึ้น ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอยู่กับธรรมชาติที่สวยงาม


ผมเริ่มเปิดอินเตอร์เน็ตหาสถานที่ท่องเที่ยว แล้วมาสนใจจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ที่มีสถานที่เที่ยวมากมายทั้งหมู่เกาะต่างๆ ทั้งเขื่อนเชี่ยวหลาน ช่วงนั้นกำลังมีโปรสายการบินปีกแดงอยู่พอดี ถึงจะต้องจองไว้นานหน่อยก็ไม่เป็นไร งบน้อยแต่ความตั้งใจสูง ยังไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัดเขื่อนเชี่ยวหลานก็อยากไป เกาะเต่าเกาะนางยวนเห็นรูปจากในเวปน่าไปค้นหา เกาะพะงัน เกาะสมุย หมู่เกาะอ่างทอง แต่ด้วยเวลาและเงินในกระเป๋าผมไม่สามารถเที่ยวได้คบทุกที่สุดท้ายผมจึงเลือกเกาะเต่าเป็นเป่าหมายของการเดินทางในครั้งนี้



เกาะเต่า 10 - 14 กุมภาพันธ์ 2559

เริ่มออกเดินทาง


ถึงเวลาออกเดินทางแล้วเก็บของใส่กระเป๋าบินตรง เชียงใหม่-สุราษฎร์ธานี

มาถึงสนามบินสุราษฎร์ ช่วงประมาณบ่ายสาม ผมก็ต้องหารถไปยังตลาดเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานีเพื่อไปติดต่อเรือนอนเดินทางต่อไปยังเกาะเต่า สำหรับใครมาถึงเช้าอยากมุ่งหน้าไปเกาะเต่าแบบเร็วๆก็หาตั๋ว รถ+เรือเฟอร์รี่ ได้จากสนามบินได้เลยมีอยู่หลายบริษัทที่เห็นเด่นๆก็จะมี เรือเร็วลมพระยา ,ซีทราน ดิสคัฟเวอร์รี่ ,ส่งเสริมทราเวล ความเร็วที่ใช้ในการเดินทางกับราคาแตกต่างกันตามลำดับ เรือเฟอร์รี่เหล่านี้ขึ้นที่ท่าเรือดอนสักห่างจากสนามบินใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ส่วนผมเลือกที่ไปแบบช้าๆนอนบนเรือไปเช้าที่เกาะเต่า(ไม่เคยนอนบนเรือไงอยากลองดู) จากสนามบินไปยังท่าเรือหรือไปตัวเมืองสุราษฎร์ธานีมีรถบัสบริการของ บริษัท พันทิพย์ (1970) ผมนั่งไปยังตลาดเทศบาลสุราษฎร์ธานี 100 บาท


รถมาส่งถึงหน้าตลาด ฝั่งตรงข้ามถนนริมแม่น้ำตาปีก็จะเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าก็คือเรือนอนไปเกาะเต่านั้นแหละ มีเรือออกจากที่นี้ไปเกาะเต่าเวลา 23.00 น. เป็นเรือของหลายบริษัทผัดเปลี่ยนกันออกทุกวัน แต่เรือที่ผมหาขอมูลมาเป็นเรือของ เรือนอนเกาะเจริญปรับอากาศ (KO Jaroen Air conditioned Night Ferry) อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำต้องเดินข้ามสะพานไปอ้อมไปอีกหน่อย เรือจะออกวันพุธ วันอาทิตย์ วันศุกร์ด้วยหรือป่าวไม่แน่ใจ


ผมเดินไปจองตั๋วในราคาสำหรับคนไทย 500 บาท เป็นเรือเฟอร์รี่ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่บรรทุกรถยนตร์ได้หลายคัน มีโซนที่จัดเป็นห้องนอนรวมไว้บริการ คนขายตั๋วนัดเวลาขึ้นเรือไว้ 21.30 น. จะถึงเกาะเต่าเวลาประมาณ 5.30 น.


มีเวลาช่วงเย็นอยู่อีกหลายชั่วโมงไม่รู้ไปไหนก็เลยโทรหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ในเมืองเผื่อจะพาเราเที่ยวก่อนถึงเวลาขึ้นเรือ ช่วงเวลาที่รอเพื่อนแวะเขาไปไหวศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี


พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนทุกวันแต่วันนี้ผมจากบ้านมาไกลเลย


เดินไปหาอะไรกินก่อนหิวแล้ว แถวๆท่าเรือของกินเพียบ


เพื่อนเลิกงานมาก็พาผมเที่ยวชมวิวริมแม่น้ำตาปี พาไปเดินตลาดศาลเจ้า จิบเบียร์เย็นๆ ก่อนจะส่งผมขึ้นเรือ ขอบคุณพี่พลมากๆครับ(เพื่อนรุ่นพี่เหมดเบียร์ไปหลายกระป๋องเลย)


ขึ้นมาบนเรือก็มุ่งหน้าไปยังเตียงนอนตามเบอร์ที่ได้จองไว้ ที่นอนก็โอเคเลยครับเตียงสองชั้นมีปลั๊กไฟบนหัวนอน ห้องน้ำก็สะอาด


นอนบนเรือก็อย่าลืมพกหูฟังมาด้วยนะครับ เสียงเครื่องเรือดังพอสมควรอยู่ ประมาณสี่ทุ่มได้เวลาเรือออกแล้ว ซักพักเขาก็ปิดไฟนอนพักเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้เช้า




อรุณสวัสดิ์เกาะเต่า มาถึงเกือบๆหกโมงเช้ามืดอยู่ เรือจอดท่าเรืออ่าวแม่หาด เป็นอ่าวที่เป็นท่าเรือหลักมีร้านค้า ที่พักมากมาย เดินลงจากเรือยังไม่รู้จะไปไหน ยังไม่มีที่พัก เดินเข้าไปซื้อของกินในเซเว่นก่อนแล้วกัน เกาะเต่ามีเซเว่นเยอะอยู่ครับ ราคาก็ต่างจากปกติไม่กี่บาท ในมินิมาร์ทราคาแทบจะเท่าๆบนฝั่งเลย

เริ่มสว่างแล้วเดินทาที่พักกันก่อนดีกว่า ระหว่างเดินหาที่พักก็ไปเจอโปรแกรมทัวร์ ดำน้ำรอบเกาะสี่จุดและขึ้นเกาะนางยวน กำลังยืนอ่านพี่เจ้าของทัวร์เดินออกมาพอดี คุยไปคุยมาพี่เขาลดราคาให้จาก 750 หรือ 630 พี่เขาบอกว่าช่วงหน้า low season มีคนไทยมาเที่ยวคนเดียวแบบผมนี้แหละพี่เขาให้ราคานี้หลังจากนั้นก็มีคนมาถามอีกหลายคน พี่เขาเลยให้ราคานี้กับผม ผมก็ตกลงพึ่งมาถึงยังไม่มีแผนอยู่ในหัว นัดเจอกันอีกที่ 09.30 น. โปรแกรมทัวร์เป็นของ แสงทองทัวร์ รายละเอียดตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.xn--12cma8clb8f5aw6a2atec9rdt8jvd.com/


หลังจากนั้นก็เดินหาที่พักอยู่พักหนึ่งก็มาเจอ hostel & guest house ชื่อ Neptune มาเที่ยวแบบ Backpacker แล้วนอนแบบนี้แหละ http://www.neptune-kohtao.com/index2.html

ผมเลือกเป็น hostel คืนละ 300 บาท เพราะผมใช้แค่นอนหลับอาบน้ำและก็เก็บของกลางวันก็ออกไปเที่ยวข้างนอน ข้อดีของ hostel คือไม่ต้องรอเวลาเช็คอิน เตียงว่างเราก็เข้าพักได้เลย ที่พักยังมีหนังสือเล่มหนึ่งที่รวมข้อมูลทุกอย่างบนเกาะเต่าชื่อว่า koh tao complete guide


อาบน้ำเก็บของเสร็จแล้วก็ออกไปดำน้ำกันเลย เรือจะพาเราวนชมวิวไปรอบๆเกาะและแวะดำน้ำตามจุดต่างๆตามโปรแกรม บนเรือก็จะมีขนมชากาแฟ(แบบชง)ผลไม้และข้าวกล่องกลางวันบริการเรา แล้วก็มีโค้ก เบียร์ ชากระป๋อง ขายด้วยครับ


เรือลำนี้เลยครับ

ชมวิวระหว่างอยู่บนเรือ นั้งเรือนานๆเมาคลื่นได้เหมือนกัน


รวมรูปดำน้ำดูปลาดูปะการังให้ชมกันเลย เกาะเต่าถือได้ว่าใต้ทะเลยังคงสวยงามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์


บ่ายสองเรือพาเรามาเกาะนางยวน ทะเลสวยใสหาดทรายขาวละเอียด เกาะนางยวนเขาห้ามพกขวดน้ำ กระป๋อง ขึ้นบนเกาะนะครับ จะมีร้านบริการอยู่เฉพาะโซน


มาถึงเกาะนางยวนแล้วต้องขึ้นไปยังจุดชมวิวมุมมหาชนกันครับ ทางขึ้นสูงและลำบากนิดหน่อยแต่วิวสวยมากๆ เกาะนางยวนจะมีเกาะเชื่อมกันด้วยสันทรายอยู่สามเกาะสามารถเดินลุยน้ำไปมาหากันได้


ขึ้นไปชมวิวเหนื่อยๆ ได้เวลาลงมาเดินเล่น ดำน้ำ บนหาดทรายและโขดหิน


กลางวันคนเยอะมากครับ แต่ช่วงเย็นๆจะเหลือแค่นักท่องเที่ยวที่พักบนเกาะอยู่ไม่เยอะ ราคาที่พักบนเกาะนางยวนก็สูงกว่าเกาะเต่าอยู่พอสมควร ใครอยากได้บรรยากาศสงบๆยามอาทิตย์ตกดินก็มานอนพักที่นี้ซักคืน ส่วนตัวผมสี่โมงครึ่งเรือก็จะมารับกลับเกาะเต่า


ถึงเวลาต้องกลับเกาะเต่าแล้ว จบโปรแกรมดำน้ำของวันนี้ ใครสนใจตามมาได้ครับ แต่ใครที่เมาเรือจะมาเฉพาะเกาะนางยวนก็มี taxi boat บริการรับส่งนะครับ


กลับมาถึงเกาะเต่าช่วงเย็นๆอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว คงต้องหาที่ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ว่าแล้วก็เดินมาร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ที่อยู่ติดกับที่พักชื่อ RAMBO travel พี่เจ้าของใจดีมากครับให้เช่ามอเตอร์ไซต์ในราคา 300 บาทพร้อมแผนที่ท่องเที่ยว ไม่ต้องว่างบัตรไม่มีมัดจำแถมให้รถคันที่ยังมีน้ำมันเกือบเต็มถังอีกใจดีมากๆ ร้าน RAMBO ยังมีบริการจองตั๋วเรือ จองทริปท่องเที่ยว แลกเปลี่ยนเงิน ใครมาเกาะเต่ามาใช่บริการที่นี้ได้ครับ


พี่ที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์แนะนำว่าดูพระอาทิตย์ตกต้องที่ ดุสิต บัญชา รีสอร์ท ขับรถไปทางเหนือจนสุดเส้นทางหลักว่าแล้วก็ไปกันเลย


ที่นี้มีทางเดินผ่านร้านอาหารของโรงแรมไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกด้านล่าง แอบเหงานะเห็นคนมากันเป็นคู่ มากันเป็นกลุ่ม


พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ระหว่างทางกลับผ่านหาดทรายรีแวะหาอะไรกินเดินเล่นริมหาดยามพบค่ำ หาดทรายรีเป็นอีกหาดที่คับคั่งที่พักร้านอาหารเยอะมาก มีร้านอาหาร บาร์ ริมหาด ต้นมะพร้าวยื่นออกไปในหาดทรายตกแต่งด้วยแสงไฟ บรรยากาศดีมาก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมต้องมาดูพระอาทิตย์ตกในวันพรุ่งนี้


เดินเล่นจิบเบียร์เย็นๆริมหาดซักพักผมก็กลับห้องไปพักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยต่อ พรุ่งนี้แผนคือขับมอไซต์ไปพักผ่อนชิวๆตามหาดทรายวันที่สองที่เกาะเต่า



ตื่นเช้ามาเก็บของวันนี้เปลี่ยนบรรยากาศที่นอนใหม่ ขับมอไซต์ไปเรื่อยขึ้นเขาลงดอยทางชันมากจนมาถึงอ่าวหินวง ที่นี้ดูเงียบสงบมากมีรีสอร์ทอยู่แค่ไม่กี่แห่ง แล้วผมก็ได้ที่พักใหม่ hin wong apartments dive & snorkel resort อยู่บนเนินเขาเดินขึ้นนิดหน่อย ที่พักติดอ่าวหินวง มีสระว่ายน้ำติดกับทะเล ที่ว่ากันว่าใต้น้ำยังคงสวยงาม ผมเดินเขาไปถามราคาที่พัก พี่เขาให้ราคา 350 บาทเป็นห้องรวมห้องพัดลม บรรยากาศดีมากๆผมตัดสินใจพักที่นี้เลย วันที่ผมเขาพักห้องรวมมี backpacker ฝรั่งอยู่ 2 คน คงเป็นเพราะไกลจากแห่งชุมชนและทางค่อนข้างชัน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวพักห้องพักที่เป็นห้องส่วนตัวอยู่หลายกลุ่ม

เก็บของเข้าที่พักแล้วก็ออกมาขับรถเที่ยวกันวัน ขับออกมาจากอ่าวหินวงเจอทางแยกไปจุดชมวิว MANGO VIEW POINT ผมก็ขึ้นไปเลยครับทางชันมาก ระหว่างทางก็มีผมก็เวะพัก JIM BAR เพื่อถามทาง


แล้วผมก็มาถึง MANGO VIEW POINT เป็นบาร์เล็กๆ มีจุดชมวิวมุมสูงลมเย็นสบาย ค่าเข้าไปจุดชมวิวคนละ 100 บาท คุยไปคุยมาพี่เขาลดให้เก็บ 40 บาท


หลังจากนั้นก็ขี่มอไซต์มาทางใต้ของเกาะจนมาเจอหาดทรายเล็ก สงบๆ มีนักท่องเที่ยวอยู่ไม่กี่คน จะรออะไรล่ะเดินลงไปนั่งเล่นที่ชายหาดกันเลย


ไม่รู้ว่าที่นี้เรียกว่าหาดอะไรแต่เห็นมีที่พักชื่อ sunset bungalows resort ที่พักอยู่ติดหาด มีร้านอาหาร มีบาร์ ผมเข้าไปถามราคาเริ่มต้นห้องพัดลมหลังละ 500 บาท ถูกมากๆครับที่พักเดี่ยวเป็นหลังอยู่ติดชายหาดที่เงียบสงบ ถ้าไม่ได้ที่พักก่อนหน้านี้หรือมีโอกาสมาอีกครั้งมากันเป็นกลุ่มผมคงต้องมาพักที่นี้แน่ๆ


พักพอหายเหนื่อยผมก็ไปกันต่อที่หาดทรายนวล ดูทางเข้าแล้วน่ากลัวนิดหน่อย แต่ยังอยากที่จะไปหาดทรายนวลมันเป็นยังไง


ออกจากหาดทรายนวลเป้าหมายต่อไป กางแผนที่ดูเจอชื่อ freedom beach น่าสนใจไปกันเลย


freedom beach เป็นหาดที่มีต้นไม้อยู่ตรงชายหาด ฝรั่งนอนอาบแดดลงเล่นน้ำกันเพียบเลย มีโมบายเปลือกหอยแขวนไว้ตรงกิ่งไม้ ลงไปเล่นน้ำให้หายร้อนกันดีกว่า นั้งเล่นชิวๆบนหาดทรายใต้ต้นไม้ ปล่อยให้คลื่นกระทบกายรู้สึกผ่อนคลาย มีอิสระเหมือนชื่อหาดเลยแฮะ


ข้างๆ freedom beach มีทางเดินเล็กๆลัดเลาะไปตามโขดหินมาถึง อ่าวโฉลกบ้านเก่า ที่นี้ก็ดูคึกคักพอสมควร ชายหาดกว้างๆโค้งเป็นครึ่งวงกลม


บ่ายสามกว่าๆแล้วขับมอไซต์ไปต่ออีกหน่อย เห็นวิวไกลๆทางนั้นน่าจะเป็นอ่าวลึก แต่ไม่ได้ไปกลับที่พักดีกว่า ทางฝั่งตะวันออกของเกาะไว้ค่อยมาอีกครั้งพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปสัมผัสบรรยากาศบนเกาะพะงันอีกวัน


กลับถึงที่พักพักผ่อนหายเหนื่อยจากการขี่มอไซต์แล้ว ลงมาดำน้ำบริเวณที่พัก hin wong apartments dive & snorkel resort มีสน็อกเกิ้ลให้เช่าวันละ 50 บาทแต่ต้องมัดจำไว้ 1000 บาท เดินลงไปเล่นน้ำกันเลย


ลงมาดำน้ำหน้าที่พักแบบนี้ ใต้น้ำมีปลาหลากหลายชนิดเลยนะ


เย็นแล้ววันนี้ต้องไปดูพระอาทิตย์ตกที่หาดทรายรี นั่งดื่มเบียร์เย็นมองแสงอาทิย์ค่อยๆลับขอบฟ้า ผู้คนต่างทำกิจกรรมกันต่างๆนานาน บรรยากาศแบบนี้ทำให้ใจสงบลงมาก


กลับมาที่พักระเบียงห้องอาหารของรีสอร์ทยื่นออกมาทางทะเล ผมออกมานั่งรับลมยามค่ำคืนพร้อมกับเครื่องดดื่มตราช้างอีก 2 ขวด ดื่มเบียร์จนได้ทีละ กลับไปนอนก่อนพรุ่งนี้ตื่นเช้าไปพะงันกันต่ออีกหนึ่งวันที่เกาะพะงัน



ตื่นเช้าๆนั่งมองแสงแรกของเช้าวันใหม่บนโขดหินหน้าที่พักอ่าวหินวง ต้องออกจากเกาะเต่าแล้วเก็บกระเป๋าคืนมอเตอร์ไซต์แล้วไปขึ้นเรือ

ถึงเวลาขึ้นเรือแล้วเรือออก 9.00 ผมขึ้นของ เรือเร็วลมพระยา จากเกาะเต่าไปเกาะพงัน 500 บาทใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ


ไปแล้วนะเกาะเต่าแล้วผมจะกลับมาใหม่ยังมีอีกหลายมุมที่ต้องไปค้นหา ตามที่สัญญาเอาไว้ว่าจะเล่าเรื่องราวของนายให้เพื่อนๆฟัง


และแล้วก็มาถึงเกาะพะงัน เรือจอดตรงท่าเรือ ท้องศาลา อันดับแรงผมต้องหาตั๋วกลับในวันรุ่งขึ้นเพราะต้องกลับไปขึ้นเครื่องบินตอนบ่าย ได้ตั๋ว เรือ+รถ ไปส่งถึงสนามบินในราคา 450 บาท เป็นเรือของ บ.ส่งเสริมทราเวล ใกล้ท่าเรือจะเห็นเรือรบหลวงพะงันที่ปลดประจำการแล้วจอดอยู่ และยังมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 อยู่ใกล้ๆ


วันที่ผมมาถึงไม่ได้ตรงกับ full moon party แต่ก็ยังเห็นมีบาร์หลายๆที่ผลัดกันจัดงานปาตี้


ผมเดินออกมาจาลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 เพื่อไปหาเช่ามอเตอร์ไซค์ เกาะพะงันเป็นเกาะที่ใหญ่และเจริญกว่าเกาะเต่ามากผมคงเที่ยวไม่หมดแน่ๆ แผนคือกางแผนที่แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามชายหาดฝั่งตะวันตกเสร็จแล้วค่อยหาที่พัก เดินๆไปถามเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่หลายร้านเช่าไม่ได้ซักที คือเดินเข้าไปเขาก็ทักมาเป็นภาษาอังกฤษ พแผมตอบกับไปเป็นภาษาไทย เขาก็บอกรถหมดแล้ว เหมือนกับว่าจะให้เช่าแต่คนต่างชาติ ผมเดินถามอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะเช่ารถได้ เป็นร้านเล็กๆใกล้ป้อมตำรวจทางไปท่าเรือ ชื่อร้าน Shadow ลุงแกให้ผมเช่าวันละ 250 แต่ต้องวางบัตรและมีเงินมัดจำ 3000 บาท รถที่ผมเช่าเป็น ฮอนด้า คลิก รุ่นเก่า (รูปร้านเช่ารถถ่ายไว้ตอนมาคืนรถก่อนกลับ)


เช่ารถเสร็จอันดับแรกก็ต้องขี่ไปเติมน้ำมันก่อน แล้วผมก็มุ่งหน้าไปหาดริ้นนอกเป็นอันดับแรก แหล่งกำเนิด full moon party มาดูกันว่าบรรยากาศตอนกลางวันจะเป็นยังไง


ที่หาดริ้นคลื่นลมแรง มีฝรั่งมาทำกิจกรรมกันเยอะเลย ติดๆชายหาติก็จะเป็นบาร์ของโรมแรมต่างๆมากมาย



หลังจากนั้นผมก็มาเริ่มขี่มอไซต์ตัดกลางเกาะไปทางเหนือเพื่อเริ่มต้น เส้นทางตามแผนที่คิดไว้(ขี่รถไปตามชายฝั่งด่านตะวันตก) จุดแรกที่มาถึงคือ อ่าวโฉลกหลำ ที่นี้เป็นชายหาดยาวมากๆ มีส่วนมะพร้าว บาร์เล็กๆ บังกะโลดูแล้วเงียบสงบดีนะ

ฝั่งซ้ายของอ่าวโฉลกหลำเป็นท่าเรือของชาวประโมง


ขี่มอไซต์ลงมาอีกหน่อยก็มาเจอหาดแม่หาด หาดนี้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนเยอะ


ผมเดินเล่นมาตามหาดจนมาถึงหัวหาด บริเวณนี้จะมีสันทรายที่สามารถเดินลุยน้ำข้ามไปยังเกาะม้า ป่ะเดิยลุยน้ำข้ามไปกัน


พอข้ามมาได้บริเวณชายหาดจะเป็นหินปะการัง เปลือกหอยเล็ก เดินต้องระมัดระวังหน่อยเพราะเห็นมีเศษขวดแก้วถูกคลื่นซัดมากองรวมกันด้วย


รอบๆเกาะม้าสามารถดำน้ำดูปลาดูปะการังได้ แต่ผมไม่มีสน็อกเกิ้ลมาด้วยก็เลยชมวิวเล่นน้ำไป


เริ่มเย็นลงละ อาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ผมขี่มอเตอร์ไซต์มาถึงอ่าวหินกอง บริเวณนี้ชายหาดเป็นดินโคลนไม่ค่อยเหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ แต่บรรยากาศเงียบสงบ ผมจอดรถนั่งมองดูแสงอาทิตย์ยามเย็นพร้อมกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ลงไปเก็บหอย ดูแล้วรู้สึกดีมากๆเกาะพะงันมีมุมที่สงบอยู่หลายที่เลยนะ ไม่ได้มีแต่ปาตี้เหมือนที่นึกถึงตอนมีคนพูดถึงเกาะพะงัน


แล้วพระอาทิตย์ก็ลับตาที่อ่าวบ้านใต้


ผมขี่มอเตอร์ไซต์จนกลับมาถึงบ้านท้องศาลา หาที่พักถาม hostel 2-3 ที่แต่เต็มหมดส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งมาพักแล้วก็จัดงานปาตี้กัน จนมาเจอ Phangan guest house ราคาที่พัก 600 บาท ผมมาคนเดียวพี่เขาลดให้เหลือ 500 บาท ห้องใหม่สะอาดอยู่ติดถนนสายหลัก


เข้าห้องพักอาบน้ำ พักหายเหนื่อยวันนี้มีถนนคนเดินใกล้กับท่าเรือ ออกไปหาของกินซักหน่อย


กินอิ่มแล้วลองไปดูหาดริ้นนอกยามค่ำคืนดูบ้าง ไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงแต่ก็มีนักท่องเที่ยวมากันมากพอสมควร เสียงเพลง การแสดงควงกระบองไฟ เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร้านได้อย่างดี


ตื่นมาตอนเช้าต้องกลับแล้ว หมดเวลาสนุก ถึงเวลาต้องเดินทางกลับ จบทริปในครั้งนี้แต่จะเป็นการเริ่มต้นของทริปต่อไป ไปล่ะนะเกาะพะงันเกาะที่ใครๆฟังชื่อแล้วต้องนึกถึงปาตี้ นึกถึงความเมา แล้วก็คิดว่าน่ากลัวอันตราย แต่จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัวอย่าที่คิดมีมุมสงบๆ มีวิถีชีวิตของชาวประมง ความเรียบง่ายของชุมชนในพื้นที่ ส่วนตัวแล้วผมชอบเกาะเต่ามากกว่านะ เกาะเล็กๆทำอะไรง่ายๆสบายๆ ลาก่อนนะสุราษฎร์ธานีไว้มาเที่ยวใหม่




สรุปค่าใช้จ่ายทั่งหมดของทริปนี้ (เท่าที่จำได้)



ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เชียงใหม่-สุราษฎร์ธานี 1715 บาท

ค่ารถจากสนามบินถึงตลาดเทศบาลสุราษฎร์ธานี 100 บาท

ค่าเรือนอนไปเกาะเต่า 500 บาท

ค่าโปรแกรมดำน้ำ 630 บาท

ค่าที่พักคืนแรก 300 บาท

ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์เกาะเต่า 2 วัน 600 บาท

ค่าที่พักคืนที่สอง 350 บาท

ค่าเข้าจุดชมวิว 40 บาท

ค่าเช่าสน็อกเกิ้ล 50 บาท

ค่าเรือเกาะเต่า ไป เกาะพะงัน 500 บาท

ค่าที่พักเกาะพะงัน 500 บาท

ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์+เติมน้ำมันเกาะพะงัน 350 บาท

ค่าเรือ+รถมาสนามบินสุราษฎร์ธานี 450 บาท

ค่าอาหาร เครื่องดื่ม อื่นๆ 1200 บาท


รวม 7285 บาท



การเรียนรู้เล็กๆน้อยของการออกเดินทางในครั้งนี้

- หลายอย่างอาจจะไม่เป็นแบบที่เราหวังเราควรเรียนรู้ที่จะปล่อยให้มันเป็นไป

- เมื่อต้องเจออุปสรรคปัญหามันทำให้เราต้องเรียนรู้ในการแก้ไข

- ทำในสิ่งที่เราชอบถึงแม้จะเหนื่อยแต่เราก็มีความสุขไปกับมัน

- ก้าวแรกนั้นสำคัญ ถ้าเราไม่เริ่มก้าวเราจะไม่มีทางได้เรียนรู้ ไม่มีทางได้รับประสบการณ์

- ไปอยู่กับธรรมชาติที่สวยงามช่วยเปลี่ยนมุมมองของเราให้ดีขึ้น

- ใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ให้เราได้ค่อยๆคิด ค่อยๆเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

- มิตรภาพมีอยู่รอบกาย แม้จะคนละภาษา คนละเชื้อชาติ

- จะสุขหรือจะทุกข์อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่เราจะรับแบบไหนมาไว้กับตัว

- การเดินทางสนุกก็ตรงระหว่างทางที่เราได้พบเจอนี้แหละ

- ทำบางอย่างที่ไม่เคยทำ แล้วเราจะเจอบางอย่างที่ไม่เคยเจอ

- ยิ่งออกเดินทางเราจะได้รู้ว่าโลกยิ่งกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

- ที่เราได้ยินมามันอาจไม่เป็นจริงเสมอไปเมื่อเราได้สัมผัสเองกับตัว

- เราไม่สามารถลืมความเจ็บช้ำที่ผ่านมาได้แต่เราเลือกได้ที่จะอยู่กับมันโดยที่ไม่ให้มันมาทำลายชีวิตเรา

- ความทรงจำไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันมีคุณค่าให้เราคิดถึงอยู่เสมอ



ใครสนใจเข้ามาพูดคุยสอบถามหรือแรกเปลี่ยนปรสบการณ์กับผมได้นะครับ ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย

https://www.facebook.com/eng21

แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปครับ รักตัวเองให้มากๆนะ

'เกี้ยวซ่า วาซาบิ

 วันพฤหัสที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 17.28 น.

ความคิดเห็น