ทริปแรกของปี 2560 มาแล้ว ทริปนนี้ยังไม่พ้นเมืองเลย 6เดือนนี้มาเลยรอบที่ 3 แล้ว มีอะไรดีนักนะจังหวัดนนี้ อยากรู้ก็ตามมาได้เลยครับ ทริปนนี้ตั้งใจไปภูบักได แต่ไหนๆมาแล้วเลยแถมภูเรือกับภูลมโลไปด้วย แถมทริปนี้ได้เก็บช้างมาฝากด้วยทั้งสองวัน เป็นยังไงสวยแค่ไหนไปชมกันเลย


ทริปนี้เดินทางวันที่ 4-5/2/2560

โปรแกรมคร่าวๆ

เช่นเดิมออกคืนวันศุกร์ขับรถทั้งคืนอีกและ มาเช้าที่ภูเรือ ลงภูเรือไปภูบักได เช้าอีกวันลงจากบักได ไปภูลมโล สั้นๆง่ายๆ

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D5300 18-140 เลนส์เดียวเที่ยวทั่วไทย และ Gopro hero4 Silver

รอบนนี้มีคลิปให้ชมกันก่อนได้ครับ ฝากเพจน้อยๆ เหลี่ยมพาเที่ยว ไว้ด้วยครับ


ทริปนี้ชาวคณะทั้งหมด7 คน จากกทม 4 จากขอนแก่น 2 เจ้าถิ่นเมืองเลย 1

ผมออกจากทม. ประมาณ 5ทุ่ม มาถึง ปตท.ภูเรือตี5พอดี ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จขึ้นภูเรือทันที ถึงลานจอดรถปุ็บ คุณพระดาวชัดมากวันนี้ เปิดแอพหาช้าง โป๊ะเช๊ะ ช้างแรกของปี2560 และในรอบ2ปีเลย ปีก่อนไปเที่ยวไหน ฟ้าปิดบ้าง บ้างก็เดือนหงายบ้างไม่เจอช้างเลย 555 จะบอกว่าเช้าอีกวันที่บักไดก็จับได้สวยกว่านนนี้อีก ฟินกันตั้งแต่เริ่มทริป

สีแดงๆแสงไฟรถยนต์นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมากันครับ


ถ่ายจนเกือบ6โมงมองไม่เห็นช้างแล้วเลยขึ้นรถกระบะ มาด้านบนของภูเรือ คนก็เยอะแต่ยังไม่แน่นเท่ารอบก่อนที่เคยมา

ไปดูบรรยากาศยามเช้ากันเลย









เช้านนี้ 9 องศา แต่สงสัยจะเสียหรือป่าวตอนขึ้นถึงตอนฟ้ายังไม่สว่าง 13องศา พอมาถ่ายตอนนี้ 9ซะงั้น อากาศเย็นๆไม่หนาวมากกำลังดี



ลงมาเพื่อนที่ข่อนแก่นพึ่งมาถึง จากนั้นก็กินข้าวเช้ากันที่ตลาดตรงภูเรือแล้วข้าวกลางวันเตรียมไปกินข้างบน ขาดวัตถุดิบอะไรก็ซื้อให้ครบ เพราะข้างบนไม่มีร้านค้าหรือของขายเราต้องทำอาหารกินบนภูบักไดกันเอง น้ำต่างๆต้องเอาไปเองหมด


จากภูเรือไปอีกประมาณ20กว่าโลเราก็มาถึงบ้านกำนันที่เราติดต่อไว้ล่วงหน้า ค่าบริการ สำหรับพวกเรามา 7 คน 3500 บาทเป็นทั้งคนขับรถ นำทาง ลูกหาบ กางเต็น และดูแลเราตลอดทริป ตอนแรกคิดว่าแพงแต่พอจบทริปแล้ว เกินคุ้มครับราคานนี้ บริการดีประทับใจมากๆ ได้คันใหญ่เลยแต่คันใหญ่นี่แหละดี เสียวน้อยกว่ารถอีแต๊ก น่าจะเรียกว่าแทร็คเตอร์นะเจ้าคันนี้

พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย เปิดตัวด้วยธีมทหารกันหน่อย หลังๆจะไม่คุมโทนและร้อน ถอดเสื้อกันหมด 555


แบ่งกันนั้งหน้าก็ได้หลังก็ดี แต่ข้างหน้าดีกว่าเพราะเวลาวิ่งฝุ่นจะตลบมาก นั้งหลังนี่กินฝุ่นเต็มๆ 555


ออกตัวไปสักพักพอพ้นตัวหมู่บ้านก็เจอวิวสวยๆแล้วเป็นสวนไร่ของชาวบ้าน

ต้องนั้งรถประมาณ 1.30 ชม ทางเป็นดินฝุ่นตลอดแต่วิวข้างทางสวยมากๆ ไปดูกันครับ







ท้องฟ้าแจ่มใส่วันนี้แดดแรงมากมาย ป้องกันผิวหนังกันให้ดี


รถเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ



ยิ่งสูงขึ้นวิวรอบๆก็ยิ่งอลังการ

และแล้วก็มาถึง ถึงจุดจอดรถนะเดี่ยวเราต้องเดินเท้ากันต่อ

ทีมงานพร้อมม

ได้ขึ้นมาแค่นนี้ก็พอใจแล้วข้างหลังสวยมาก


ช่วงแรกจะเป็นทางดิ่งชันประมาณ 300 เมตร


ขึ้นมาได้สักพัก เหงือแตกซิก


แปบเดียวรถที่เรานั้งมาเหลือคันนิดเดียว



ถึงกับต้องมีพักดมยากันบ้างที่จริงมันไม่ได้ชันมาก เป็นทางชันทางเดินง่ายๆแต่ว่าเริ่มเดินก็ชันเลยไม่มีทางราบให้วอมให้เครื่องร้อนก่อน สาวๆเลยออกอาการน่ามืด 555

ประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงข้างบน จากจุดนนี้สบายแล้วครับเดินทางราบไปอีก2กิโลก็ถึงที่ตั้งแคมป์แล้ว ง่ายไหมละ พักชมวิวให้หายเหนื่อยแล้วเดินต่อไป



เริ่มเดินต่อได้ที่นี้เดินง่ายแถมต่างจากเขาที่อื่นเพราะตลอดทางเดินจะเป็นการเดินเลาะขอบหน้าผา ทำให้มีวิวข้างซ้ายแบบนนี้ตลอดทาง แดดมันจะร้อนหน่อย แต่มีวิวให้ดูเพลินเดินเรื่อยๆไม่เหนื่อยเลย





วิวเพลินดูได้เรื่อยๆ ถึงภูเขาหัวจะโล้นไปหน่อย

ตลอดเส้นทางเราจะเจอขี้ช้างค่อนข้างเยอะสอบถามว่าช้างจะออกหากินช่วงกลางคืนไกด์เขาว่างั้น


เหมือนจะไม่ชันมาก


แต่ก็พอได้หอบเหมือนกัน


ไม่นานนักเราก็ถึงที่กางเต็นจับจองกันตามใจชอบ แต่เหมือนไกด์เขาจะแบ่งให้กางตามที่เขาเคยกางไว้ของใครของมัน


พวกผมไม่ใช่ นักกางเต็นตัวยงเลยไม่เน้นของเยอะอุปกรณ์มากมาย เต็นเราบ้านๆง่ายๆเน้นถูกเบาพกง่ายปีนึงนอนเต็นไม่น่าเกิน 15 ครั้ง เต็นชิว199 ซื้อตอนลดราคาที่บิ๊กซียังทำงานได้ดี พี่ไกด์จัดทำที่นั้งที่นอนเล่นให้อย่างดีครับ บริการดีมากๆครับ


หลังจากกางเต็นกินข้าวกลางวันแล้วเวลาประมาณ บ่ายโมง หนังท้องตึงกระผมก็ของีบสักตื่นขับรถมาทั้งคืน ผมหลับไปแล้วแฟนมันแอบถ่ายไว้ 555 เปลอันนี้ก็ของพี่ไกด์อีกนั้นแหละ นอนสบายมาก ลมเย็นมากๆหนาวเลยขนาดแดดร้อนๆแค่มีร่มไม้ก็เย็นแล้ว



สำหรับคนที่ไม่นอนก็จัดเตรียมวัตถุดิบมื้อค่ำเย็นนี้


ต้องขอบคุณเจ้าบ้านเมืองเลยเป็นธุระสละเวลาซื้อจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆให้ พี่ชายสนิทกันรู้จักเพราะกลุ่มรถวีออสอยู่คลับเดียวกัน ย้อนไปเมื่อ3ปีก่อนตอนออกรถมาใหม่ๆพอเริ่มเที่ยวจังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่อยากมา ทริปนั้นมากันสองคนกะแฟน เห็นว่าพี่เขาอยู่จังหวัดเลย ก็เลยชวนถามว่าจะไปเที่ยว แกก็จัดพาเที่ยวซะประทับใจ ตั้งแต่นั้นมาเลยมาหาแกเรื่อยๆ นี้ก็ 4 รอบแล้วกับจังหวัดเลย เจอแกทุกรอบ 555 เดี่ยวพักเบรคจังหวัดเลยก่อนนะ มาถี่เกินไปแล้ว


ผมตื่นประมาณ 4 โมง เดินไปถ่ายแถวหินหลอกลวง แล้วรอบนึงแต่มันย้อนแสงเลยเดี่ยวจะถ่ายใหม่พรุ่งนนี้เช้า ถ่ายเล่นรอบๆก่อน จุดกางเต็นกับหน้าผานี่ห่างประมาณ 300 เมตรได้ เดินเล่นได้ทั้งคืน แต่กลางคืนลมแรงหนาวมากแถวผานนี่ดีแล้วที่กางไกลๆ




ถ่ายได้สักพักก็กลับไปตั้งวงพอประมาณ 6 โมงผมก็มาถ่ายแสงเย็นเสียหน่อย มาแค่3คนที่เหลืออยู่ที่วง

หมานนี่เดินตามมาตั้งแต่ข้างล่าง ไม่รู้ของคนไหน


ถึงแล้วต้องเช็คอินท่าคู่รักตะลอนทัวร์


แก้วหน้าม้าก็มา ฮี่ๆๆๆๆ ของกลุ่มเต็นข้างๆเราอุปกรณ์เพียบเขาเลยให้ยืมาใส่





แล้วตะวันก็ลับฟ้าไป

กลับมาที่วงเราบ้างเราเริ่มกินตั้งแต่ 5 โมงแล้ว

หมูกระทะบนดอยนี่มันฟินจริงๆ


เรื่องน้ำแก้หนาวนี่ก็สำคัญนะครับเตรียมมาให้พร้อมพวกผมเอามาน้อยไปหน่อยหมดไวไป ไม่มีที่ซื้อขายนะครับ555

ข้าวนนี้ก็พี่ไกด์จัดการให้


หมูย่างก็มี แต่ไม่ใช่ของเรา ของกลุ่มข้างๆ จุดที่เรากลางจะมีสองกลุ่ม กลุ่มผมกะกลุ่มข้างๆนี้แหละ


เนื่องจากอยู่ใกล้ๆกันมิตรภาพก็เกิดขึ้น หลังจากทั้งสองวงเริ่มกินกัน สักพักวงข้างๆก็เอาจานนี้มาให้ลอง

หลังจากเขาเอามาให้เราก็ต้องให้เขาคืนบ้างชุดแรกเป็นยำปลากระป๋อง และอีกสักพัก วงนั้นก็เอาหมูย่างมาให้อีกชุด แน่นอนเราต้องมีของกลับไป ย่างหมูทะจุดขายเราบ้างเอ้าเอาไปให้เขาเหมือนกัน สักพักมาอีก ครานี้เป็นเครื่องดื่มบ้างพี่เขาเอายาดองมาให้ชิม แหมอร่อยไม่เบา เราก็มีแต่เหล้าสี 40 ดีกรีหงษ์ทอง แลกกันไปมา ตบท้ายด้วยน้ำชาร้อนๆอีกต่างหาก 555 แลกกันไปมาจนไม่มีอะไรให้แลกแล้ว มิตรภาพเกิดขึ้นง่ายๆถ้ารู้จักแบ่งปันครับ ไม่จำเป็นต้องรู้จักก็แบ่งปันกันได้


จ้อกันเกือบ 4 ทุ่มก็เขานอน อาการหนาวกำลังดีใส่เสื้อกันหนาวนอนในถุงนอน อุ่นๆหลับสบายมาก

ตั้งนาฬิกาตื่นตี 5.10 เพื่อออกมาเจอสิ่งนี้


ว้าวช้างที่นี้สวยไม่แพ้บนยอดภูเรือเลย กว่าจะเดินถึงตั้งกล้องตั้งค่าถ่าย ตี 5.30 ไปแล้ว เลยได้แสงส้มๆจากพระอาทิตย์แย้มๆมาด้วย

มึกลุ่มใหญ่เลยน่าจะมาถ่ายตั้งนานแล้ว


แสงแรกของวันใหม่มาถึงแล้ว

แสงมาแล้ว ถ่ายชัดแล้ว


เอ้ายังไม่เนียนเห็นหินข้างล่าง เดี่ยวมาถ่ายใหม่ ดูรูปยาวๆเลย











อยู่ถ่ายกันจนแดดออก





จากนั้นก็มาเก็บเต็นกินมื้อเช้าแสนอร่อย มาม่าคัฟนั้นเอง


เก็บของเสร็จก็ได้เวลากลับกันผ่านหินเอ้าขอกันอีกรอบ เจ้ทำถ้าเหมือนจะโดดบิน


เธอไม่ต้องห่วงพี่จะดูแลทางนนี้เอง พูดแล้วก็แกะมือมันออกไม่ได้จะดึงขึ้นมา อิอิ


ข้างล่างเป็นยังไงมีใครอยู่บ้าง อ้าวดูมันทำ





ขากลับก็เหมือนเดิมเปลี่ยนจากวิวทางซ้ายมาเป็นวิวทางขวา





แวะถ่ายอีกหน่อยก่อนลงไปที่รถ




มีโอกาศคงได้พบกันใหม่นะภูบักได ชิวมากเขานี้ แนะนำเลยใครอยากลองเดินป่าเดินเขาแบบไม่เหนื่อยมาก


เห็นรถของเราแล้ว


ถึงบ้านกำนันประมาณ 10โมงกว่า ถ่ายรูปหมูกับพี่ไกด์หน่อยบริการดีประทับใจสุดๆ บริการดีทุกคน ตอนอยู่ข้างบนพี่คนนี้ไม่อยู่ไปเอาน้ำ พี่ไกด์คนอื่นก็ช่วยดูแลถามไถ่ได้ทุกคนครับ


หลังจากถึงแล้วก็ได้เวลาอาบน้ำเพราะเมื่อวานเราไม่ได้อาบน้ำกันข้างบนไม่มีให้อาบ ที่บ้านกำนันผู้ใหญ่บ้านมีพร้อมครับมีหลายห้องด้วยอาบสบายชื่นใจสุดๆ


หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อ พี่ตั้มเมืองเลยขอแยกกลับไม่ได้ไปภูลมโลต่อ เลยเหลือ 6 คน แวะหาข้าวเที่ยงก๋วยเตี่ยวริมทาง ก่อนเดินทางต่อ


จากภูเรือมาภูลมโลผมเลือกขึ้นจากทางด่านซ้ายไปทางบ้านกกสะทอนต้องบอกว่าทางไม่ยากมากแต่ฝุ่นลูกรังแดงเยอะมากมีเป็นหลุมเป็นบ่อ รถโหลดเตี้ยอย่างผมเลยลำบากนิดนึง แต่ก็มาได้ไม่มีปัญหา


ถึงแล้วก็ขึ้นรถกระบะอีกแล้ว ตากฝุ่นตากลมกันต่อ จากด่านซ้ายค่ารถ1500 บาทนั้งได้6คน เกิน6คน 2000 บาท


คลุมไอโม่งกันให้ดี ฝุ่นหนักกว่าภูบักไดเยอะ

คันผมถือว่าโชคดี ไม่ได้ขับตามใครจังหวะเป็นคันเดียวทิ้งระยะ แต่ดูคันหลังผมดิ


วีโก้ขาวหายไปไหนสายหมอก สงสารคนท้ายรถมาก ลงมาเป็นเด็กเต็มเลย ไม่มีใครแก่ แต่หัวขาวโพลน 555 ไงก็หาไรบังฝุ่นกันด้วยนะครับ


นั้งรถมาชั่วโมงกว่า ก็ถึงแล้วที่จริงผมมาช้าไปอาทิตย์นึง ร่วงโรยเยอะแล้วอาทิตย์ก่อนหน้าเพื่อนผมพึ่งมากำลังสวย แต่ก็ยังมีสวยๆอยู่ครับ ไปดูกันเลย









พักชมหน้าเหลี่ยมๆสักครู่ แฮร่


ต่อๆ



สวยงาม


จากนั้นก็พาไปจุดชมวิว มีเห็นวัดป่าภูทับเบิกไกลๆ นี่เรามาไกลขนาดนนี้เลย ถ้าให้รถขับผ่านก็ดี ข้ามไปทับเบิกเลยแต่เขาไม่ให้ขับผ่าน(ถึงผ่านได้รถผมก็หมดสิทธิ์อีกทางโหดปานนั้นเด้งๆๆๆ)

ชมพูเริ่มจางแล้ว

ได้เวลา 4โมงกว่านั้งรถกลับไปที่จอดรถของเรา


ได้เวลาเดินทางกลับปิดทริปการเดินทางอันแสนสั้นวันหยุดของเราเสาร์อาทิตย์ พิชิตสามภู สนุกคุ้มค่า ตามประสาวพวกเราครับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทุกคน อาทิตย์หน้าจะพาไปม่อนจอง คอยติดตามได้เลยย (อาทิตย์หน้านี้หมายถึงตามเวลาที่ไปออกทริปมาแต่รีวิวที่จะออกนี่เมื่อไหร่ไม่รู้555 มนุษย์เงินเดือนก็งี้อยากมีเงินเยอะเพื่อจะเที่ยวเยอะๆก็เลยต้องทำงานเยอะทั้งงงานหลักงานรองเลยไม่ค่อยมีเวลามาเขียนรีวิวกว่าจะออกแต่ละรีวิวนี้ 2-3เดือน55)

สรุปค่าใช้จ่าย เฉพาะคันผมจาก กทม. 4 คนเดินทางด้วยรถยนต์วีออสคันเดิมเติมแก้ส

ค่าแก็ส+น้ำมัน 1500/4

ค่ารถภูบักได 3500/7

ค่าอาหาร+เครื่องดื่มบนภูบักได หารกันตกคนละ 200

ค่ารถภูลมโล 1500/6

ที่เหลือเป็นค่ากิน เล็กๆมื้อละ 40-50 อีก 4มื้อ แล้วก็ค่าเข้าภูเรือ รวมๆแล้วคันผมหมดคนละ 1500 กว่าๆ ครับ เที่ยวป่าเขานี่ชอบมากประหยัดตังได้เยอะจริงๆ ประหยัดได้ทั้งค่ารถค่าที่พัก


แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ ทริปหน้าจะพาไปเดินป่าเชียงใหม่ ม่อนจองงงองงง รีวิวอาจจะออกหน้าฝนก็เป็นได้555


เหลี่ยมพาเที่ยว

 วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 00.55 น.

ความคิดเห็น