ถึงเวลาได้ลงรีวิวนี้สักทีนะคะ จากที่ได้เดินทางไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 59 จนตอนนี้ เมษายน 60 เข้าไปแล้ว 5555555555 มันยุ่งมากซะจนแบบไม่มีเวลาเลยจริงๆ เป็นทริปที่แบบอยากเขียนมาก แต่ด้วยความที่เวลาได้ล่วงเลยมาแล้ว อีกอย่างไปทริปนี้ไม่ได้บันทึกใดใดทั้งสิ้น เรียกได้ว่าลืมข้อมูลหลายๆอย่างไปหมด แต่ก็แบบตั้งใจไว้แล้วอะว่าจะเขียน เลยแบบเขียนตามฟีลที่ยังหลงเหลืออยู่แล้วกันนะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยไว้ก่อนเนอะ
เริ่มเลยดีกว่า เกริ่นไปเกริ่นมาไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ขอเล่าเลยละกันว่าแพลนทริปไว้ก็ประมาณ 3 เดือน ก่อนไปมั้ง แบบเห่อมาก อ่านรีวิวคนอื่นแบบรัวๆ แล้ววางแพลนเองหมดเลย หาที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ซึ่งเยอะมากซะจนแบบ เห้ย ไป แค่ไม่กี่วันเองนะ และจากที่ตั้งใจว่าจะไป วังเวียง - เวียงจันทร์ - หลวงพระบาง แต่คงเหนื่อยเกินไป อยากไปแบบชิลล์อะ อยากพักผ่อน คุยกับแก๊งค์ก็ลงความเห็นแบบขอแค่ วังเวียง กับ เวียงจันทร์ละกัน เดินทางไม่เหนื่อยมาก แต่เสียดายหลวงพระบางจริงๆนะ เอาไว้บินไปลงหลวงพระบางเลยดีกว่า ขอเริ่มจริงๆสักทีด้วยแพลนแต่ละวันที่วางไว้ก่อนนะคะ คร่าวๆประมาณนี้ จำไม่ค่อยได้แล้ว แหะๆ
เริ่มวันแรกเลยวันนี้คือวันเดินทาง จะเรียกว่าวันแรกก็ไม่ถูก 555555 เพราะเป็นวันเดินทางตอนกลางคืน เราจองตั๋วของนครชัยทัวร์ไว้ จองล่วงหน้าเช่นกันค่ะ กลัวเต็มนู่นนี่นั่นไปหมด .555555 ได้รอบ 21.50 น. จะถึงประมาณ 05.00 น. ขึ้นที่หมอชิต ลงที่ บขส.อุดรธานี ที่นั่งละ 454 บาท เป็นแบบ Gold Class เบยยยยยย
นั่งรอกันไปปปปปปปปปป เตรียมกดเงินไปก่อนก็ดีนะคะ เดี๋ยวออกต่างจังหวัดจะเสียค่าธรรมเนียม 55555 เราไม่ต้องไปแลกตั๋วเพราะว่าจ่ายที่ 7-11 สามารถใช้ใบเสร็จนั้นขึ้นรถได้เลยค่ะ พอใกล้ถึงเวลาก็เดินไปที่รอรถได้เลย เตรียมนอนนนนนน Zzzzz
ถึงแล้วเว้ยเห้ย ประมาณตี 5 นะคะ พอถึงปุ๊ปลงจากรถ นี่ให้เพื่อนรีบไปซื้อตั๋วไปวังเวียงรอก่อนเลย อย่าลืมนะคะว่าใช้ passport สำหรับซื้อ ฝากเพื่อนไปได้เลย แต่ต้องเอา passport ให้เพื่อนไปด้วยนะ อ้อออ อย่างลืมเงินด้วยนะ อิอิ ประมาณ 320 บาท ต้องรีบหน่อยนะคะ เพราะเต็มเร็วมากกกก แต่เรารีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่รู้เพื่อนไปซื้อตรงไหนมา พอเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย ก็ไปหาอะไรกินรอ เพราะรถจะออกประมาณ 08.30 น. แน่ะ เลยลองไปถามพี่วิน แต่ของเราก็เยอะไง เอาไงดีละ จะแบกขึ้นพี่วินหรอ 55555 ให้เพื่อนออกไปสำรวจก่อนว่ามีรถอื่นมั้ย ปรากฏว่ามีจ้าาา รถสามล้อนี่เอง พี่เค้าน่ารักมากกก ให้เค้าพาไปกิน เพราะเราก็ไม่รู้ที่ไหนมันอร่อยเนอะ ต้องถามเจ้าถิ่น พี่เค้าขับรถออกมาได้ไม่ไกลมากมั้ง แต่ถ้าเดินคือเดินไม่ไหวหรอกนะ แท่แด้ ร้านโจ๊กเกาเหลา ไข่กะทะ สั่งโลด นัดเวลาพี่สามล้อไว้ให้ดีดี บอกพี่เค้าว่าให้มารับประมาณ 07.30 น. แล้วแบบลืมขอเบอร์ไว้ด้วย TT
สั่งกันเร็วมาก ยังเช้าอยู่เลยคนไม่เยอะเท่าไร
มาแล้วรถสามล้อ นึกว่าจะลืม :D
ตอนที่เรากลับมาจุดจำหน่ายตั๋วไปวังเวียง, เวียงจันทร์ ก็มารอซื้อกัน
นั่งรอเวลา...
พอถึงเวลาก็มีคนมาเรียกขึ้นรถจ้า
ขึ้นรถกันเถอะ
อย่าลืมตั๋วล่วยยยยยย เออลืมบอกเราขึ้นรถไทยนาจาาาาา
ลงมาตม. อย่าลืม passport จากนั้นเราก็ต้องนั่งรถอีกรอบแล้วลงไปซื้อ one way ticket ประมาณ 5 บาท (วันธรรมดา) ประมาณ 47 บาท (สำหรับวันเสาร์อาทิตย์) เสียบบัตรเข้าไปเหมือนเข้าบีทีเอสบ้านเรานี่แหละ พอเข้าไปเราก็จัดการซื้อซิมเลย ซื้อซิมแบบมีโปรเน็ตด้วยน๊าาาาา เพราะไปนู่นไม่ได้โทรหรอก ใช้แต่เน็ต 555555 เราซื้อประมาณ 150 บาทมั้งถ้าจำไม่ผิดสามารถใช้เน็ตได้ 7 วัน อ้อ อย่าลืมแลกเงินกีบด้วยละ แลกให้พอใช้ก่อนก็ได้ค่ะ เพราะที่วังเวียงก็มีรับแลก จริงๆใช้เงินไทยได้เหมือนกันนะคะ แต่เค้าก็ทอนเป็นเงินกีบ แล้วแถมไม่ปัดเศษให้นะคะ เพราะฉะนั้นแลกไว้ใช้ดีกว่าค่ะ
อะอะ ถึงแล้ว นั่งรถจนหลับไปหลายรอบ นี่ตารางเดินรถเผื่อเราต้องไปต่อเวียงจันทร์ เดินเข้าไปถามเค้าบอกซื้อวันที่ไปได้เลย จากตรงนี้จะมีรถรับส่งเข้าไปในเมือง เรียกเมืองหรือเปล่าไม่รู้ แต่เป็นย่านที่คนอยู่กันเยอะ มีที่พัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก หลังจากนั้นเราก็เดินหาที่พักที่ได้จองไว้ เปิดแมปเลย มีเน็ตแล้วนี่ จากนั้นเดินหาที่พักไม่ไกลมาก เข้าซอยไปหน่อย ก็เจอจ้าาาาา
ถึงงงงง ติดต่อที่พักได้เลยว่าจองไว้
จำปาลาว บังกะโล สวยยยยยยยย สมคำร่ำลือจริงๆ
ทางเดินไปบ้านพักต้องข้ามฝั่งไป สะพานโคลงเคลงมากนะ แต่ปลอดภัย 5555555
อะอะ ลงบันไดใกล้ถึงบ้านละ
บ้านพักเราเองงงงงงง ห้องพัดลมเน้อ มีพัดลมให้ตัวนึง แต่อากาศเย็นอยู่แล้วกำลังนอนสบายเลย แต่ใครกลัวจิ้งจกก็ต้องเจอแหละ อย่างเช่นเรา 555555
ปะ เดินเที่ยวดีกว่าาาาาา ไปหาซื้อ one day trip กัน ต้องซื้อไว้ก่อน ขอแนะนำ 'น้ำทิพย์ทัวร์' บริการดีมาก ดูแลเราดีมาก ตอนไปซื้ออย่าลืมพก passport ไปด้วยนะคะ แล้วตกลงเรื่องให้เค้ามารับหน้าที่พักด้วยนะคะ ^^
VVME2 : Vangvieng Music Festival 2 คือตอนมาถึงเจอป้ายว่ามีคอนเสิร์ตเลยแบบเออ ขอมาลองดูซะหน่อยซิ เหมือนบ้านเรามั้ย จริงเค้ามีทั้งศิลปินไทย และ ศิลปินลาวเลยนะ ศิลปินคับคั่งเช่นกัน
สงสัยเราจะมาเร็วไป ยังไม่ค่อยมีคนมาเลย 55555
มีปาโป่งด้วยแหละ ตุ๊กตาเยอะมากกกกก
บรรยากาศรอบๆ รอดูตารางศิลปินคิดว่าแบบรอไม่ไหวแน่ๆเลย ตัดสินใจกลับบบบบ
Peeping Som' คนไทยเรียก พิบพิ่งสม มั้งนะ อ่านตรงตัวมาก 55555 แต่ไปที่นู่นเรียก ซิ้นดาดดดดดด จริงร้านอาหารเยอะมากนะ แต่อยากลองนี่อะ ได้ยินชื่อเสียงมานาน อยากลอง
ราคาชุดนึงไม่แพงมาก ประมาณ 140-150 บาทแล้วแต่เมนูเด้ออออ และแล้วก็หมดอย่างรวดเร็วววววว รสชาติเราเฉยๆ มาที่นี่พูดตามตรงคือทำใจก่อนมาอยู่แล้วว่ารสชาติอาหารไม่เข้าปากเท่าไร อันนี้แล้วแต่คน
Sakura Barrrrrrrrrrrrrrrrrr
Free Drink ตั้งแต่ 20.00 - 21.00 น. นาจาาาาาาาาา
ต้องมานะ ฝรั่ง โอปป้า เกาหลี ญี่ปุ่น รวมอยู๋ที่นี่หมดแล้ววว ที่วังเวียงส่วนใหญ่จะเจอแต่เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเป็นส่วนใหญ่
หลังจากกินปิ้งย่างเกาหลีเรียบร้อย เข้าซากุระบาร์ ที่เค้าร่ำลือกัน รู้สึกไม่ใช่แนวอะ มานั่งชิลล์น่าจะเหมาะกว่า เอิ้กๆ นั่งได้สักพักก็ต้องกลับที่พักละ เพราะพรุ่งนี้เช้าเรามี one day tripppppppppp
ึ
7 โมงเช้าาาาาาาา
นั่งแง่วรอเพื่อน
เดินออกจากที่พักปุ๊ปก็จะมีคนมานั่งขายของ เหมือนตลาดเล็กๆเลย
อาหารเช้าของเรา นัดพี่เค้าไว้ว่าจะมากินตอน 7 โมงพี่เค้าก็มาเปิดรอพวกเราเลยค่า น่ารักจริงๆนะ ร้านนี้ต้องเดินออกมาจากซอยที่พักนะคะ อยู่ตรงแถวๆหน้าวัด (จำชื่อวัดไม่อีก)
สิ่งนี้เค้าเรียกบาแก็ตหรือไงเนี่ยแหละ ที่เป็นขนมปังฝรั่งเศส ราคาก็แล้วแต่ว่าจะใส่อะไรบ้างอะนะ นี่ใส่กันแบบจัดเต็มมาก แล้วอันใหญ่มหึมาเลย อิ่มไปทั้งมื้อแหละค่ะ ราคาประมาณ 60-80 บาท แต่ใหญ่มากจริงๆนะ
ทางที่จะเดินไปลอดถ้ำน้ำกันนะคะ
บริเวณก่อนที่เราจะลงห่วงยางกัน ถ้ำน้ำนั่นเองงงงงงง น้ำเย็นมาก บอกไว้ก่อนเลย ต้องทำใจก่อนจุ่มตัวลงไปนะ อาจจะช็อคได้ 5555555 ก่อนอื่นถอดรองเท้าด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหล่นในถ้ำ พอหย่อนตัวเสร็จก็ไต่ไปตามเชือกนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ ในถ้ำน้ำไม่ลึก พี่เจ้าหน้าที่ชำนาญ เค้าจะคอยช่วย แต่เราก็ต้องระวังตัวเองด้วยเหมือนกัน ในถ้ำจะมืดมาก จะมีไฟส่องที่มีสายรัดเหมือนเอาไว้ส่องกบค่ะ แต่กลิ่นนี่อบมาก เพราะใช้มาหลายคน แล้วมันไม่ได้ตากให้แห้ง ทนๆเอาหน่อยนะคะ ของต้องใช้ร่วมกันก็แบบนี้แหละค่ะ ตอนเข้าไปใหม่ๆนี่กลัวมากเพราะไม่รู้ว่าน้ำลึกกรือไม่ลึก ต้องใช้กำลังแขนนิดนึงอะ ในการไต่เชือกเข้าไปจนสุดทาง แล้วไหนจะไต่ออกมาอีก มีช่วงที่เราเข้าไปเจออีกกลุ่มนึง คราวนี้ปัญหาคือเชือกมีเส้นเดียว พี่เจ้าหน้าที่จะสอนเราว่าอยู่บนห่วงยางเราต้องกวักน้ำไปทางไหนถึงจะไปข้างหน้า คือกวักน้ำไปข้างหลังเหมือนพายเรือ แต่ไม่มีไม้พาย คือต้องใช้มือ 555555 ถ้าไปทางซ้ายก็กวักด้านขวาค่ะ เหมือนพายเรือเลย ตอนแรกจะทุลักทุเลมากอะ บางทีก็ให้เพื่อนลากๆไปด้วย 555555555 เราไม่ได้เอากล้องเข้าไปนะคะ เพราะไม่ได้เอา go pro เข้าไป เลยฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่
อาหารกลางวันของพวกเราหลังจากใช้พลังงานจากการไต่เชือก 55555555
เดินไปวัดถ้ำช้างกันนนนน
ภายในวัดถ้ำช้
ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถสำหรับไปเล่นคายัคกันต่ออออ
ถึงแล้วคายัคคคค ก่อนอื่นทางเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายว่าพายคายัคแบบไหน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่จะต้องระวัง บลาๆๆๆๆ ส่วนเรานั่งไปกับเจ้าหน้าที่ เซฟตี้ฝุดๆ แต่แดดเปรี้้ยงนะคะท่าผู้โชมมมมมมมม กันแดดเอาไม่อยู่ ใส่แขนสั้นขาสั้นอีกต่างหาก ระยะทางประมาณ 8 กิโลลลลลลลล OMG ฟังตอนแรกก็ชิลล์แหละ แต่เจอแดดเข้าไปนี่เหงื่อตกแรง พี่เจ้าหน้าที่จะคอยบอกว่าจุดไหนต้องระวัง จุดไหนสามารถถ่ายภาพได้
ไปกันเลยยยย
ระหว่างทางที่เราพายคายัคกัน จะมีโขดหิน ระวังกันนิดเนอะ เพราะเราเจอคนติดโขดหินพวกนี้เยอะเหมือนกัน
ตามเพื่อนทันแล้ววว จากนั้นจะมีจุดให้เราได้พักประมาณ 45 นาที แล้วเราจะได้ไปที่บลูลากูนกันต่อ
บาร์ริมน้ำ
บลูลากูนนนนนนนนนนนน คนเยอะมาก เพราะมาช่วงเย็นด้วยมั้ง
คนเยอะจริงจัง ไม่มีที่นั่งเลย เลยคิดว่าเวลาเหลือขอเดินขึ้นถ้ำปูคำสักหน่อย แต่แบบเดินไปเห็นบันไดแล้ว กรีสสสสสส กลับไปนั่งเหมือนเดิมทันมั้ย แต่ก็อยากรู้ว่าสวยมั้ยไง เออเดินก็เดินวะ
ภายในถ้ำนะคะ แสงส่องเข้ามาสวยมาก สวยเว่อร์ แต่เดินไปถึงข้างงในนะคะ สามารถเดินเข้าไปได้อีก แต่ว่ามันใกล้ถึงเวลาแล้ว อีกอย่างข้างในคงมืดมาก เราได้เตรียมไฟฉายมามาด้วย เลยแบบเตรียมลงดีกว่า
อะ ลงๆๆ แทบจะคลาน เพราะกลัวความสูงมาก 5555555 หลังจากลงไปข้างล่างแล้วเราก็ขึ้นรถกลับที่พัก อาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวไปหาอะไรกินกันเถอะ หมดแรงมาก พอค่ำๆ เราก็ออกมาหาอะไรกิน หมดแรงนะไม่ถ่ายรูปเลย กินอย่างเดียวว
มาลองบิงซูที่ร้าน Coffe Prince กัน จำชื่อเมนูไม่ได้แล้ว แต่แบบว่ารสชาติ บอกแล้วให้ทำใจ บางคนอาจจะชอบก็ได้
เช้านี้เราขอขึ้นผาเงิน ได้ยินมาว่าข้างนั้นสวยมาก อยากรู้มากสวยขนาดไหน เรานัดพี่สามล้อประมาณตี 5 ให้มารับแถวที่พัก พร้อมบอกให้มารับตอนช่วง 8.30 น. ตอนเห็นป้ายคือแบบโอยไม่ถึงโล แต่หารู้ไม่ ทางมันขึ้นเขาที่มีความชัน ไม่ว่าคุณจะเดินไปไกลเท่าไร ก็ยังเหมือนกระดึ๊บนั่นแหละ 55555555
ระหว่างทาง พักบ้างก็ได้
ขึ้นมาถึงค่าาาา หอบแฮ่กๆๆๆ
สวยฝุดๆ
เจอคนเล่นพารามอเตอร์แต่เช้าเลย ใกล้มาก อร้ายยยยยย
ตอนลงเจอเด็กๆด้วย
ทิวทัศน์แถวถ้ำจัง
สะพานส้มมมมมมม
ของกินนนนนนนนนนนนนนน
อุ่ยยยยยยย
บลูลากูนน้อยที่ถ้ำจัง จากนั้นเราก็กลับที่พัก รับประทานอาหารกลางวัน เก็บของเตรียมตัวไปขึ้นรถสำหรับเดินทางไปเวียงจันทร์กันต่อ จะมีเวลารถมารับถึงที่พักเพื่อไปที่ท่ารถเลย ตอนแรกคิดว่าจะขึ้นรถตู้แหละ แต่แน่นมากกกกก เลยเปลี่ยนใจขึ้นรถบัสถึงจะช้ากว่าแต่ไม่อึดอัดคงดีกว่าอะ แล้วเซ็งมากคือ รถมาเลท นักท่องเที่ยวโวยวายกันใหญ่เลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ต้องรอ อยู่ดี เลยทำให้เราไปถึงเวียงจันทร์มืดค่ำเลย รถจะขับไม่เร็วมาก เพราะถนนแบบขรุขระมากถึงมากที่สุด ตั้งใจจะนอนก็นอนไม่สนิทอีก 555555555
ที่พักของเราคืนนี้คือที่นี่แหละ New Lao Silk Hotel โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ชอบมาก สบายมาก เหมือนแบบคิดถึงแอร์ คิดถึงเตียงนอนนุ่มๆ ห้องน้ำกว้างๆ 5555555555 ที่นี่โอเคเลยนะ อาหารเช้าจะไม่ได้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ จะเป็นแบบสั่ง แต่ขนมปัง น้ำ นม นี่กินได้หลายรอบ
หน้าที่พักมีสามล้อด้วยค่า
ร้าน ขอบใจเด้อ อาหารอร่อยยยยยย ดีกว่าที่วังเวียง วันนี้ขอกินร้านอาหารกันเลยทีเดียว
มาตรงกับวันคริสมาสต์พอดีเลย
บรรยากาศภายในร้าน
ร้านแถวที่พัก
ถนนคนเดิน มาถึงก็แทบจะปิดหมดดดดดดดดด สงสัยมาดึกเกินไป 5555555
หลังจากนั้นก็เดินเลาะมาเรื่อยๆ เรื่องๆแบบไกลมาก มาโผล่แถวนี้ได้ไงไม่รู้ 55555 เดินมาแถว community mall (จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว) เดินกลับเถอะง่วงมาก เพลียจากการเดินขึ้นเขา ไหนจะนั่งรถมาเวียงจันทร์อีก กว่าจะถึงงงงงงง ต้องนอนๆๆๆ
เช้านี้ที่แรกที่เรามาคือ พระธาตุหลวง จากที่พักมาถึงนี่เราเหมาสามล้อมาเพราะกะว่าจะหลังจากที่จะเดินไปที่อื่นเรื่อยๆจนถึงโรงแรม เลยเลือกที่ไกลที่สุดคือ พระธาตุหลวง ซึ่งสวยมากกกกกกกก
ที่ต่อมาคือประตูชัย พักเหนื่อยแพ่บบบบบ
ภายในสวย
หิวแล้ว ต้องไปแล้วนะประตูชัย บ้ายบายยย
ใกล้ๆนี้มี สำนักนายกฯอีกด้วย
มาถึงร้าน เฝอ แซ่บ แล้วค่า กว่าจะเจอหลงทางแทบแย่
เมนูที่ เฝอ แซ่บ
ตลาดเซ้าาาาาาาาา กว่าจะเดินมาถึง แทบตาย แดดเผา ทั้งฝุ่น บลาๆๆๆ จริงๆตั้งใจจะหาซื้อกุ้งแห้งให้แม่ แต่หาไม่เจอออ TT
Joma Cafe อร่อยขึ้นชื่อต้องแวะนะคะ มี 2 ชั้นแน่ะ
ร่างกายต้องการของหวาน
ได้เวลาเดินกลับไปเอาของกลับกรุงเทพแล้ว เพราะเมื่อเช้าฝากของไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม
ท่ารถเตรียมกลับอุดรค่า
เรามาถึงอุดรฯ ประมาณทุ่มนมนิดๆ ก็เลยไปเดินหาอาไรกินที่ เซนทรัลอุดรฯ อยู่ใกล้บขส.มาก เดินไปนิดเดียวเองค่า เพราะเราขึ้นรถประมาณ 22.00 น. ถึงเวลาต้องนอนแล้วละ กลับกรุงเทพแบ้วววว ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะค้าาาา แต่ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไร ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนอีกน๊าาา
เราจำราคาไม่ค่อยได้นะคะ แต่เท่าที่จำได้ก็ประมาณนี้
- ค่ารถ VangVieng Music Festival (ไปกลับ) = 400 บาท (5 คน)
- Peeping Som' = 1,040 บาท (5 คน)
- One Day Trip = 480 บาท
- ค่าทางผ่านขึ้นผาเงิน = 60 บาท
- ค่าเข้าถ้ำจัง = 40 บาท
- ค่ารถ ผาเงิน - ถ้ำจัง (ไปกลับ) = 800 บาท (5 คน)
- จำปาลาว บังกะโล 2 คืน = 3,200 บาท (2 หลัง)
- ค่ารถจากวังเวียง - เวียงจันทร์ = 200 บาท
- ค่ารถไปที่พัก New Lao Silk Hotel = 400 บาท (5 คน)
- ค่าที่พัก New Lao Silk Hotel = 2,715 (2 ห้อง)
- ค่าอาหารขอบใจเด้อ = 1,000 บาท (5 คน)
- เฝอ แซ่บ = 520 บาท (5 คน)
- ค่ารถเวียงจันทร์ - อุดรฯ = 480 บาท
เทคนิคในการคิดเงินกีบง่ายๆนะคะ
ตัด 0 สามตัวท้ายออกแล้วคูณ 4 เช่น 500,000 กีบ = 500 x 4 = 2,000 บาท
อย่าลืม
- เตรียม mask หน้ากากอนามัยไปด้วยนะคะ จำเป็นต้องใช้ มากๆ เพราะฝุ่นเยอะมากกกกก
- กระเป๋ากันน้ำสำหรับ one day trip
- ครีมกันแดด
- passport
- รองเท้าแตะ (สำหรับ one day trip)
- รองเท้าผ้าใบ (สำหรับ ขึ้นผาเงิน)
- ยาสามัญฯ
ก่อนไปฝาก vdo ที่ถ่ายระหว่างทริปด้วยเน้อ อิอิ
LifeIs
วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.23 น.