มะเงอระอาว..

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเป็นทริปที่ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ เพราะตอนแรกพวกเราแพลนจะไปเที่ยวกันแบบแอดเวนเจอร์กันค่ะ ว่าจะลองไปผจญภัยที่มหาถ้ำลำคลองงู แต่กว่าจะรวมตัว กว่าจะลงตัววันเวลา เป็นอันว่าทริปล่มกันถ้วนหน้าครัชชชชช จองไม่ทันนนน เอ้าแล้วยังไงละ 5555555555 แต่นั่นแหละอยากเที่ยวไง ไปไหนดี ไม่อยากไปไกลมาก อยากเที่ยวกาญจนบุรี จะไปล่องแพแบบคนอื่นๆก็เบื่อกัน เลยอ่านรีวิวนั่นนี่ไปมา อยากจะสโลว์ไลฟ์กันที่สังขละบุรี แล้วไม่ดูเล้ยยยยว่าฤดูร้อนค่ะ เมืองกาญฯนี่ขึ้นอุณหภูมิสูงที่สุดเลย 555555 และแล้วก็ตกลงวันเวลาเรียบร้อย เริ่มหาที่พักที่เที่ยวกันเลยคืนนั้น โคตรขี้เห่อ ไม่ใช่ใครหรอก เราเนี่ยแหละ 5555555555

เราเคยมาครั้งนึงตอนสมัยเรียนค่ะ แต่ตอนนั้นมาทำงานล้วนๆไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไร แต่ก็ประทับใจที่นี่ คิดว่าจะต้องมาอีกสักครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เที่ยวเต็มที่มาก เหนื่อยมากด้วย แต่สนุกกกกก แพลนที่เราวางไว้ตามนี้ครัชชชช พยายามอยากให้เที่ยวกันครบๆเลย ตารางเลยค่อนข้างแน่นไปนิดดดดดส์ แหะๆ เรื่องเวลาอาจคลาดเคลื่อนบ้างนะคะ พอดีจำไม่ค่อยได้ ไม่ได้คิดว่าจะมารีวิวจริงจังด้วยอ่าค่ะ ^^


มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ถ้ามีอะไรสามารถสอบถามได้เลยค่ะ อาจจะตกหล่นเรื่องข้อมูลไปบ้าง พวกเราเดินทางกันด้วยรถส่วนตัวค่ะ ไปกันทั้งหมด 5 คน ออกเดินทางกันประมาณตี 5 ครึ่งแล้วค่ะ ขับออกมาปากซอยบ้านซื้อปาท่องโก๋เลยค่ะ หิววววว กว่าจะถึงตัวเมืองกาญฯก็สายๆ พวกเรานี่สายกินแหลกค่ะ ขับมาเรื่อยๆ ถนนโล่งมาก หรือเป็นเรื่องปกติก็ไม่รู้ค่ะ

เรามาถึงตัวเมืองกาญฯประมาณ 8 โมง จะมีตลาดโต้รุ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จะอยู่ตรงหน้าบขส.เลยค่ะ ใครที่เดินทางโดยรถโดยสารก็สามารถเดินมาได้นะคะใกล้ๆเอง ส่วนเราจอดรถแถวๆสถานีตำรวจอำเภอเมืองค่ะ เดินข้ามถนนมาก็เจอตลาดโต้รุ่งเลย ตลาดโต้รุ่งก็จะมีอาหารธรรมดาแหละค่ะ ราคาไม่แพง จำพวก โจ๊ก ข้าวต้มเลือดหมู ข้าวมันไก่ ประมาณนี้ ตอนเช้าจะเจอเด็กนักเรียนมากินเหมือนกัน

พอกินกันเสร็จก็เตรียมตัวเดินทางต่อค่ะ กำลังจะเดินไปเซเว่น ก็เจอรถแดงพอดี คาดว่าเป็นรถแดงที่เห็นในรีวิวอื่นๆใครที่เดินทางมาคงลงกันตรงบขส.นี้แล้วต่อรถแดงขึ้นสังขละกันเนาะ อิอิ

เดินทางกันต่อดีฝ่า..

สังขละบุรี Let's Gooooooooooo

ก่อนอื่นใครที่เดินทางรถส่วนตัว ต้องห้ามลืมเติมน้ำมัน เติมแก๊สให้เต็มนะครัชชชช เพราะพอขึ้นสังขละนี่หายากหรือแทบไม่เจอเลย เราก็แวะแถวๆอ.ทองผาภูมิค่ะ จะมีป้ายบอกค่ะว่าแบบปั๊มสุด้ายแล้วนะไรงี้ รู้สึกว่าข้างบนสังขละจะมีปั๊ม ปตท.นะคะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีแก๊สมั้ย ซึ่งราคานั้นจะสูงกว่าแหละค่ะ แต่กว่าจะขึ้นไปเติมถึงสังขละนี่ไกลใช่เล่น เติมให้เต็มไว้ก่อนดีกว่าค่ะ พอได้เติมแล้วรู้สึกสบายใจ..

ระหว่างทางขึ้นสังขละนั้นพวกเราก็ขอแวะดื่มกาแฟกันค่ะ ขับมาเจอร้าน 'โต๊ะกาแฟ' ประมาณกม.7 ทางขวามือ ตรงข้ามตะเกียงทองรีสอร์ท ร้านน่ารักมาก ใครชอบธรรมชาติๆ ร้านนี้เลยค่ะ ที่ร้านมีบริการที่จอดรถ และ Wifi ห้องน้ำสะอาดค่ะ

ร้านจะตั้งอยู่บนเนินเล็กๆ เป็นลักษณะปูนเปลือยผสมกับไม้อ่าค่ะ มีหลายโซนให้นั่ง ชิวๆมาก แถมร้านยังติดภูเขานิดๆ ใครที่สั่งกาแฟต้องรอนิดนึงนะคะ อาจจะเพราะลูกค้าไม่ได้มีมาบ่อยๆ แล้วพนักงานที่ทำก็มีเพียงคนเดียวด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด


มุมถ่ายรูปเยอะแยะ แต่ตอนนั้นแดดเปรี้ยงมาก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายมา 555555 เดินทางต่อกันเต๊อะ.. ขับมาเรื่อยๆตอนแรกก็คิดว่าจะขับไปถึงสังขละเลยค่ะ แต่...


มาเจอป้ายถ้ำดาวดึงส์ จริงๆขับเลยไปแล้วนะ แต่มีเพื่อนบอกว่าลองมะ น่าไปนะ โคตรสวยนะ ไม่แวะหรอ ไหนๆก็มาละนะ กลับรถสิคะ 55555555 ถ้ำดาวดึงส์เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามที่หนึ่งในจังหวัดกาญฯเลยค่ะ ขับเข้ามาก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เลยค่ะ เพราะที่นี่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง พี่เจ้าหน้าที่บอกให้ขับตรงขึ้นไป เดี๋ยวพี่เค้าตามมา

พอพวกเราขับมาถึงก็จอดรถ แล้วก็มีรถคันอื่นๆตาม ดีค่ะ จะได้ไม่เหงา มีเด็กด้วย พี่เจ้าหน้าที่บอกให้เตรียมน้ำไปด้วยนะ เราก็เอ๊ะ.. มันต้องลุยเหนื่อยขนาดนั้นหรือ 555555 คือมานี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาขึ้นเขาลงถ้ำอะไรแบบนี้ด้วย กางเกงคือฟิตมาก ซิปจะแตกมั้ย ไปกันเถอะค่ะ พี่เค้าเดินนำไปแล่ววววว ต้องเดินไปถ้ำประมาณ 1 กิโลเมตร ชิวๆน่า

เราเดินมานิดเดียวเริ่มหอบ ดูคนข้างหน้าสิ ฟิตมากอุ้มลูกด้วย เรานี่เดินตัวเปล่ามาก ทางเดินจะเป็นเนินๆ มีหินบ้าง ทางราบบ้าง สลับกันไป

ระหว่างก็เจอตัวอะไรไม่รู้ สวยดี แต่พอเดินไปเรื่อยๆเจอเต็มเลย ไปถามพี่เจ้าหน้าที่มาทีหลัง ว่ามันคือแมงมวนหรือแมลงมวนค่ะ ไม่รู้เรียกถูกมั้ย นี่ไปเสิชเพิ่มเติมเค้าบอกมีพิษด้วย อ่าววว ไม่รู้พันธุ์เดียวกันมั้ยนะ ระวังๆไว้ก็ดีค่ะ

ทางเข้าถ้ำจะไม่ใหญ่มากนัก พอเข้าไปแล้วรู้สึกเย็นเลย จากอากาศข้างนอกทีร้อนมากๆ พอเข้ามาเย็นสบาย

เห็นฝูงค้างคาวนั่นมั้ย อิอิ แต่เราจำไม่ได้นะว่าพันธุ์อะไรยังไง ไม่ได้ตั้งใจฟังพี่เจ้าหน้าที่เท่าไรด้วย เพราะเข้ามาคนหลังสุด ฟังมะทันนนนน TT

หินงอกหินย้อย และค้าวคาวค่ะ น่ารักกระจุ้งกระจิ้ง เนอะ

และแล้วก็เดินออกมาจากถ้ำ เดินลงไปที่เราจอดรถไว้ตอนแรก ขาลงนี่ลงเร็วมากค่ะ แทบจะวิ่งลงมากันเลย ต่างจากตอนเดินขึ้นมากกกกกกก บะบายถ้ำดาวดึงส์ เดินทางกันต่ออออ คราวนี้ขับกันยาวๆ แล้วก็เจอป้ายที่พักเราแล้วค่ะ 'The Nature Club' ทางเข้าค่อนข้างลึกมากเหมือนกัน มายก็อดดดดดดด ไม่มีรถนี่ลำบากเลยนะ

พอมาถึงก็มีพนักงานขับมอไซค์มาส่งหน้าบ้านค่ะ สถานที่นี่กว้างมากกกกกกกก ทำไมกว้างขนาดนี้ แบบว่าละแวกนี้มีบ้านเราหลังเดียวค่ะที่มาพัก

พวกเราจองไว้ล่วงหน้าค่ะ เป็นบ้านพักสำหรับ 6 คน มี 2 ห้องนอน 2ห้องน้ำค่ะ เป็นบ้านที่มีพื้นที่ทางเดิน สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆได้อยู่ค่ะ

ระหว่างนี้ก็ช่วยกันขนข้าวของสัมภาระมาเก็บในบ้านพัก นอนกลิ้งไปกลิ้งมาสักพัก ก็แพลนว่าวันนี้เอาไงต่ออะ 555555555 ตอนนี้บ่ายโมงกว่าละ ไปไหนดี ข้าวกินมั้ย ควรจะหิวนะทุกคน ก็เลยตกลงกันว่าก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พรเถอะ กินแล้วค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อ

นี่งายยยยย ถึงแล้วก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พร เค้าว่าเด็ด เค้าว่ากันว่าอร่อย ต้องลอง คนเต็มร้าน มีต่างชาติด้วยนะ

ถ่ายเมนูมาเผื่อ ใครอยากลอง ราคาก็ปกติทั่วไปค่ะ แต่รอก๋วยเตี๋ยวนานอะ ถ่ายมาทันแค่นี้ เพราะพอก๋วยเตี๋ยววางบนโต๊ะปุ๊ป ก็เขมือบกันทันทีทันใด มีเบิ้ลอีกกันคนละชาม ปล.เราว่าเย็นตาโฟเส้นน้อย แต่เครื่องเยอะพออภัยได้ แถมตอนเรามาถึงบะหมี่ก็หมด สงสัยจะขายดีค่ะ อิ่มท้องก็มานั่งคิดว่าจะไปไหนต่อ ซึ่งอากาศตอนนี้ บ่าย 2 นิดๆ จะไปสะพานมอญก็ร้อนตายแน่ๆ จะไปวัดใต้น้ำก็โอโห.. ไม่เหลือที่ไหนละนอกจาก วัดใกล้ๆ ก็เลยไปวัดวังก์วิเวการามกับเจดีย์พุทธคยากันก่อน

ถึงแล้วววววว วัดวังก์วิเวการาม หรือส่วนใหญ่เรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะเคยจำพรรษา เป็นวัดที่สำคัญสำหรับคนที่นี่เลยค่ะ ใครมาที่สังขละห้ามพลาดนะคะ

นี่ค่ะ น้องไกด์ของเรา ชื่อน้องพิมผกากับน้องอีกคนนึง จำชื่อไม่ได้แล้วววว น้องพิมผกาชอบคิมเบอร์รีค่ะ นางเล่าแบบนั้น ก่อนจะเข้าไปข้างใน น้องๆก็ให้พวกเราที่ใส่ขาสั้นเปลี่ยนไปสวมผ้าถุงแทน เพราะไม่สุภาพอะเนอะ แต่มีเพื่อนผู้ชายใส่ขาสั้นมาเหมือนกัน แต่สั้นประมาณเข่า พิมผกาบอกว่า "พี่เค้าเป็นสุภาพบุรุษค่ะ ไม่เป็นไร^^" น้องอัธยาศัยดีมาก พูดเก่ง ถามอะไรก็ตอบหม้ดดดดดดด

บริเวณนี้คือ ปราสาทเก้ายอดค่ะ มีรูปเหมือนของหลวงพ่ออุตตมะนุ่งห่มจีวร ภายในปราสาทเก้ายอดเป็นที่เก็บสังขารหลวงพ่ออุตตมะ ไว้เป็นที่สักการะของศิษย์และประชาชนทั่วไป

พระพุทธรูปหินอ่อน ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเรียกว่าหลวงพ่อขาว เราไปอ่านเพิ่มเติมมาเห็นว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นที่พม่า

แล้วก็นี่เป็นรถยนต์พาหนะของหลวงพ่ออุตตมะค่ะ

พอฟังน้องๆเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัดจบ ก็ร่ำลากัน เพราะยังต้องเดินทางต่ออีกโนะ

ห่างจากวัดวังก์เวเวการามมาประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะเจอเจดีย์พุทธคยาค่ะ แดดเปรี้ยงมาก แสบตัวไปหมด เจดีย์พุทธคยาที่นี่ เป็นเจดีย์ที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย จะเห็นว่าทางเข้า มีรูปปั้นสิงห์คู่เชื่อกันว่าคอยปกป้องเจดีย์ วันที่เรามาเหมือนภายในจะมีการซ่อมแซมก่อสร้างอะไรไม่รู้ค่ะ เดินเข้าไปได้เป็นบางส่วนเอง เสียดาย แต่ถือว่าสวยมากๆ

ขึ้นมาไหว้สักการะสักนิด

ต่อไปก็ตั้งใจกันว่าจะหาซื้ออะไรกินก่อนกลับที่พักค่ะ เพราะอยากจะกลับไปนั่งชิวยามเย็นบริเวณที่พักมากกว่า มีพายเรือด้วย พรุ่งนี้ต้องไปพักอีกที่หนึ่ง อยากจะใช้บริการให้คุ้ม

บรรยากาศดีมาก >< พายเรือเล่นกันเถอะ ไม่ได้ถ่ายรูปตอนพายเรือไปกลางน้ำเท่าไรนะคะ ไม่กล้าเอาโทรศัพท์ออกมาบ่อย กลัวตกน้ำ 5555555 พายไปไกลมากเหมือนกัน แต่สนุกดี ไปชมพระอาทิตย์ตกกลางน้ำเลยทีเดียว

พอมืดค่ำก็กินข้าวกันค่ะ ซื้อมาจากตลาดน่ะแหละ มื้อนี้บอกได้ว่า ไม่กี่บาทเอง แต่อิ่มแน่น หลังจากนั้นก็นอนชิวๆกันตรงนี้ค่ะ ปิดไฟนอนดูดาวกันตรงนั้นเลย จนเกือบๆ 2 ทุ่มถึงกลับเข้าไปพักผ่อนกัน เรียกว่าหมดแรง เตรียมพลังไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ คร่อกกกกกกก Zzzzzzzz

เช้าวันที่ 2 กรีสสสสสสสสส มีหมอกลงด้วย ขนาดตื่นสายนะ 5555555 บรรยากาศดีเฟ่อออออออ รู้งี้ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยดีกว่า

หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารเช้ากันไป ที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่ต์นะคะ จะเป็นอาหารเช้าคนละจาน ใครไปอิ่มก็ขอเพิ่มได้ค่ะ มีกาแฟ โอวัลตินให้กินด้วย แล้วเราต้องโบกมือบ๊ายบายที่นี่แล้วสิ ใครที่สนใจ ชอบการพักผ่อนแบบส่วนตัว เราว่าที่นี่เหมาะนะ ใกล้ชิดธรรมชาติ มีบ้านหลายแบบ มีพื้นที่บริเวณค่อนข้างจะกว้างมากกกกกกกกกก ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์อาจจะครึกครื้นกว่านี้ แต่เราพักคืนวันศุกร์มั้งเลยดูเงียบๆ แต่โดยรวมถือว่าโอเค ราคาเหมาะสมค่ะ มีกิจกรรมให้เล่นนิดหน่อย

จากนั้นก็ขับรถมาเจดีย์สามองค์ค่ะ เราจะไปเที่ยววัดพม่ากัน มาถึงก็ต้องจอดรถค่ะ ตรงข้างหน้ามีลานให้จอดรถสบายเลย จอดกลางแดดดดดดด

เราใช้บริการนำเที่ยวที่นี่ค่ะ มีให้เลือก 2 แพ็คเกจด้วยกัน คือ

1. 4 สถานที่ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง 200 บาท

2. 6 สถานที่ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง 300 บาท

อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเลือกแบบไหนกัน แต่พวกเรากับเพื่อนเลือกแพ็คเกจแรกค่ะ จะมีไปวัดเจดีย์ทอง, วัดเสาร้อยต้น, ตลาดพญาตองซู และ ดิวตี้ฟรี สามารถทำเรื่องข้ามแดนได้ที่นี่เลย เค้าจะจัดการให้หมด อย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนไปด้วยนะคะ แล้วก็จะมีใบให้เราเซ็นต์ชื่อค่ะ แค่นี้จบ ง่ายมาก

สบายแล้วค่ะ ข้ามไปพม่ามี 4G นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ ปล.ใช้ได้ทุกเครือข่าย

ไหนๆ ลองสวัสดีภาษาอื่นบ้างซิ

ง่อววววววววว เจอพี่วินด้วยจ้า

น้องไมเคิล ไกด์ที่จะพาทัวร์พม่าในวันนี้ค่ะ โตขึ้นมา หล่อแน่ๆ อร้ายยยยย

อ้อ ลืมบอกพวกเราเลือกนั่งรถสองแถวมากันนะคะ ตอนแรกเค้าจะให้เลือกว่ารถตู้หรือรถสองแถวค่ะ ระหว่างทางถนนจะเป็นลาดยางบ้าง ขรุขระบ้าง ฝุ่นนี่ตลบเลยทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ พก mask มาด้วยก็ดีนะคะ มาที่แรกวัดเจดีย์ทอง วัดจะตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งน้องไมเคิลบอกว่าพวกพี่จะเดินขึ้นหรือนั่งรถไปครับ พวกเราบอกกันประสานเสียงว่านั่งรถค่ะ ฮือออออ ไม่ไหวอะ เพลียแดดมากค่ะ พอขึ้นมาถึงด้านบนจะเจอเจดีย์ทองค่ะ เราว่าคล้ายเจดีย์ชะเวดากองที่ย่างกุ้งแหละ ส่วนรอบๆเจดีย์จะมีซุ้มพระพม่ามั้งคะ จะมีตามวันที่เราเกิด ใครเกิดวันไหนก็เข้าไปไหว้สักการะค่ะ อย่าลืมถอดรองเท้าด้วยนะคะ (มุมนี้น้องบอกสวยที่สุดแล้วจะเห็นเจดีย์ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกค่ะ)


มุมนี้น้องไมเคิลบอกจะเห็นเป็นแนวเทือกเขาตะนาวศรี

ระหว่างทางไปวัดเสาร้อยต้นก็จะเจอพระยืนเรียงเต็มไปหมด บริเวณนี้เป็นบริเวณด้านหลังวัด ซึ่งถ้าไปถ่ายจากต้นทางจะมีพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว ตามมาด้วยพระอรหันต์จำนวน 120 รูปค่ะ เหมือนว่าจะสร้างเพิ่มอีกนะคะ อันนี้ไม่แน่ใจ

พอถอดรองเท้าปุ๊ป จะมีเด็กๆคอยจัดรองหันออกไปด้านนอกให้ สะดวกตอนสวมรองเท้ากลับแหละ

ภายในค่ะวัดเสาร้อยต้นค่ะ ซึ่งมีเสามากกว่าร้อยต้น เป็นที่มาของชื่อวัด ส่วนนี้จะเป็นชั้นบน สามารถมาไหว้พระได้ค่ะ

ดิวตี้ฟรีพม่าค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นซื้อๆกันนะก็พวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อะ หรือไม่ก็บุหรี่ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่คิดว่าถูกมากเลยแหละ


ถึงตลาดพญาตองซูแล้วค่ะ ร้อนกำลังดีเลยเนี่ย 11 โมง มายก็อดดดดด


เดินไปเรื่อยๆ เจอแม่ค้าทะเลาะกันด้วย น่ากลัวมากค่ะ แต่เค้าพูดภาษาท้องถิ่น ฟังมิออก ตอนเดินผ่านไม่กล้าสบตาเลย

มีของจิปาถะ ..

กลับจากฝั่งพม่าก็มานั่งกินข้าวกลางที่จุดเล่นน้ำซองกาเรีย ถ้าเดินทางจากเจดีย์สามองค์กลับมาสังขละจะเห็นสะพานซองกาเรีย แล้วก็เลี้ยวขวามาเลย ตอนมาถึงคนไม่เยอะค่ะ คงเพราะมันช่วงเที่ยงๆด้วยมั้ง จะมีซุ้มให้ได้นั่งแกว่งเท้า กินข้าวกันไป เป็นจุดที่น้ำไม่ลึก เด็กๆเล่นได้ เป็นลำธารน้ำ ส่วนเราพอกินข้าวเสร็จก็ไปเช่าห่วงยางกัน สนุกมาก แต่หินค่อนข้างลื่นอยู่เหมือนกัน ต้องระวังกันนะคะ ที่นี่มีบริการห้องน้ำด้วยค่ะ ลืมบอก

พอบ่ายๆเลยมาเช็คอินที่ Ohdee Hostel ค่ะ พอดีเราไม่ได้ถ่ายรูปมา ขออนุญาตลงรูปที่พี่เจ้าของเค้าส่งมาให้ชมก่อนจองนะคะ ตอนจองคือถามพี่เจ้าของเยอะมาก ช่วยให้เค้าคิดราคา ปรึกษาว่าควรเลือกห้องแบบไหนด้วย คือถามสารพัด แต่เค้าก็ใจดีตอบให้ด้วย

พวกเราเลือกพักแบบ Hostel ค่ะ ห้องนึงมี 4 เตียง นอนได้ 4 คน เป็นห้องน้ำรวมแต่แยกชายหญิงค่ะ ห้องจะมีสองแบบคือ แบบดอมนอนได้ 4 คน คนละ 590 และห้องแบบดับเบิ้ลรูมนอตนอนได้ 2 คน ห้องละ 1,400 บาทค่ะส่วนตอนเช้าจะมีกาแฟสดและขนมปังปิ้ง ที่นี่เป็นโฮสเทลบริการ 24 ชม.เลย แนะนำว่าจองล่วงหน้าแบบเราดีกว่าค่ะ มั่นใจได้ว่ามีที่นอนแน่ๆ 55555555

ยืมรูปของทางโฮสเทลมาเลยขอฝากเว็บไว้ เผื่อใครสนใจ เราแนะนำนะคะที่นี่ดีเยี่ยมมาก https://www.facebook.com/OhDeeHostel/

พอช่วงเย็นๆเราก็ติดต่อที่ ohdee hostel ค่ะ จะมีแพ็คเกจบริการชมวัดใต้น้ำด้วย จริงๆมีแพ็คเกจอื่นด้วยนะ แบบมีครบเลยลองสอบถามี่เค้าได้เลย แต่เราใช้บริการแค่แพ็คเกจชมวัดใต้น้ำอย่างเดียว ค่าชมเรือเราหารกัน 5 คนเรือ 1 ลำ คนละ 100 บาทค่ะ สถานที่เราไปมี วัดศรีสุวรรณ, วัดสมเด็จ, วัดวังก์วิเวการาม(เก่า)

เป็นบ้านแพที่สามารถมาเช่าพักได้ค่ะ

วัดแรกที่เรามาคือ วัดศรีสุวรรณ ถ้าน้ำลดมากๆ ก็สามารถเดินลงได้เลย แต่นี่ต้องนั่งเรือไปใกล้ๆก่อนค่ะค่อยลง 5555

ภายในวัด ศรีสุวรรณ จะมีช่องๆ คนชอบมาถ่ายรูปกัน

ออกจากวัดแรกแล้วววว

วัดที่สอง คือ วัดสมเด็จ ต้องเดินขึ้นไปอีกค่ะ ลงจากเรือแปปปป

เดินๆๆขึ้น

โฮ... ทางขึ้นโบสถ์

ภายในโบสถ์ค่ะ ต้องเข้าทางด้านหลังนะ แล้วขอพร จากนั้นเดินออกประตูหน้า ได้ยินไกด์ว่าอย่างงี้อะ

วัดสุดท้ายแล้ว วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) เดินๆเข้าไปอีก จะมืดแล้ววว

เจอน้องนั่งเล่นหมากเก็บอยู่มั้ง น่ารักกกก

บริเวณหน้าโบสถ์ค่ะ

เข้ามาข้างในแล้ว

ถึงเวลาต้องกลับ

สะพานมอญยามเย็น

ถนนคนเดินช่วงหัวค่ำ มีน้องๆมาโชว์ด้วย

เจอหมูจุ่มพม่าละ ไม้ละ 1 บาทเอง ลองกินสัก 10 ไม้ 5555555 มาถึงนี้ต้องลองนะคะบอกเลย


สายไหมใหญ่มากกกกก

อันนี้ไว้ช่วยนวด อันละเท่าไรไม่รู้อะ เราจำไม่ได้แล้ว

ขนมจีนหยวกกล้วย ลองกินดูค่ะ จืดไปหน่อย แต่ว่าจริงๆมีคนแนะนำว่าต้องกินของป้าหยินฝั่งมอญไว้พรุ่งนี้เช้าจะไปกิน

น้องเค้าร้องเพลงเพราะมาก เล่นกีต้าร์เก่งด้วย

มื้อเย็นเรากินที่ ร้านตำอร่อยค่ะ อยู่ติดกับ Ohdee Hostel ตอนเดินผ่านเห็นคนเยอะดี

แนะนำเมนูปลากะพงผัดพริกขี้หนูเลยค่ะ

อันนี้หมึกผัดไข่แดง ก็เยี่ยม แล้วก็มีผัดหมี่กระเฉด แต่ถ่ายไม่ทันค่ะ TT หมดแรงกันเลยทีเดียว กลับไปอาบน้ำแล้วมานั่งเล่นกีต้าร์ชิวๆที่ Ohdee hostel ดีกว่า ลากันไปกับคืนที่ 2 ค่า พรุ่งนี้ตื่น 6 โมงเช้าไปใส่บาตรที่ฝั่งมอญกันนนน

วันสุดท้ายแล้วค่ะ เช้านี้มาใส่บาตรที่ฝั่งมอญกัน จากที่พักมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงสะพานมอญ จากนั้นพวกเราก็เดินข้ามมาฝั่งมอญ ตามที่ได้นัดไว้กับพนักงานของ Ohdee Hostel ค่ะเค้าจะจัดการเรื่องของเตรียมใส่บาตร เค้ามารอพวกเราที่หมู่บ้านมอญ ใส่บาตรชุดละ 99 บาทค่ะ แต่เราเห็นบางร้านมีชุดมอญให้ใส่ฟรีด้วยอะ เสียดายจัง

ระหว่างเดินข้ามไปฝั่งมอญเจอเด็กๆ เลยขอถ่ายรูป ^^

จะเจอคนมารอตั้งแถวใส่บาตรกันยาวมาก เราต้องมาอยู่ปลายแถวเลย เพราะมาสายนั่นเอง 55555

ระหว่างรอพระมา ก็ขอเดินถ่ายรูปแถวๆนั้นค่ะ

พระมาแล้ววววววว ประมาณ 7 โมงค่ะ

เณรน้อย

ร้านขนมจีนป้าหยิน เจ้าเด็ดเลยนะคะ ต้องมากินค่ะ ขนมจีนหยวกกล้วย

จะซื้อไปฝากเพื่อนกินด้วย ป้าหยินบอกไม่มีถ้วยโฟมให้คนไปซื้อต้องรออีกนาน เราเลยเดินไปซื้อปาท่องโก๋ แล้วขอถ้วยโฟมน้องที่ขายมาใส่ 55555555

คนเต็มเลยอะ

ระหว่างทางกลับเจอน้องกลุ่มนี้

หลังจากนั้นพวกเราก้กลับไปกินอาหารเช้ากันที่ Ohdee Hostel แล้วก็เตรียมของเก็บของลงจากสังขละกันค่ะ ลงไปถึงประมาณช่วง 11 โมงนิดๆ ก็แวะเติมแก๊สก่อนค่า จะหมดแล้ววววว แล้วเราถึงวางแพลนจะไปน้ำตกเอราวัณกันต่อ ก่อนกลับกรุงเทพฯ

ระหว่างทางไปน้ำตกเอราวัณก็เจอร้านชาพะยอมเลยแวะพักกันแป๊ปนึง ติดใจรสชาติชาพะยอมมากค่ะ ขับรถเจอเป็นไม่ได้เลย

เข้าไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณแล้วค่ะ ต่อคิวยาวมากกว่าจะเข้ามาได้ ผู้ใหญ่เสียกันคนละ 100 บาทค่ะ

พอหาที่จอดรถได้ก็แวะกินข้าวเที่ยงกันที่ ร้านไก่ย่างบางตาลค่ะ รสชาติโอเคแหละ พอใช้ได้ อยู่ในอุทยานฯเลย หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวเดินขึ้นน้ำตกเอราวัณแหละค่ะ รีบเดินมากกลัวเล่นไม่ทันสี่โมงเย็น จะมีเจ้าหน้าที่เริ่มไล่ลงแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปมาน๊า เราไม่ได้พกกล้องกับโทรศัพท์ขึ้นไปเลยอะ คิดว่าคงโดดน้ำกันหมด มีใครเฝ้าของแน่ๆ 555555 ทางเดินขึ้นก็ค่อนข้างเหนื่อ เหมือนพวกเราคงเหนื่อยจากการเดินทางมาก็เลยหมดแรงกันกว่าจะขึ้นไป เลยหยุดชั้น 5 เท่านั้น ไม่งั้นไม่มีเวลาลงเล่นแน่ๆ น้ำเย็นสบายหายเหนื่อยเลยค่ะ พอเจ้าหน้าที่ไล่ลงก็ต้องลงแหละ หมดเวลาสนุกแล้วสิ อิอิ ได้เวลากลับกรุงเทพฯ เศร้าใจเลย กลับไปทำงาน หาเงินมาเที่ยวนี่แหละ

สุดท้ายนี้ ไม่รุ้จะพูดว่าอะไร แต่ป็นทริปที่สนุกดี สังขละเป็นเมืองที่สงบนะเราว่า เป็นเมืองที่เงียบ เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ สามวันมานี้คือเที่ยวคุ้มมาก ถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็คงได้รับอะไรอีกหลายๆอย่าง ใครชอบทำบุญน่าจะชอบเหมือนกัน มีวัดเยอะแยะ ประวัติศาสตร์ก็เยอะ อยากให้ทุกคนมาลองสัมผัสบรรยากาศแบบเราบ้าง ไว้เจอกันใหม่นะคะ

ค่าใช้จ่ายตลอดทริปนะคะ ราคาต่อคนค่ะ (พวกเราไป 5 คน)

ปล.

1.ที่สังขละฯแนะนำเตรียมแบงค์ 20 , 50 หรือไม่ก็เหรียญไว้เยอะๆนะคะ เวลาซื้อของเค้าไม่ค่อยมีเงินทอนให้เราค่ะ

2.ข้อมูลบางส่วนอาจผิดพลาดไปบ้าง ไปเที่ยวมาพักนึงแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้เขียนค่ะ ลืมๆไปบ้าง แหะๆ

3.ที่สำคัญน้ำมันรถอย่าลืมเติม 55555

ไว้เจอกันใหม่โน๊ะะะะะะะ ^________^















































































































































LifeIs

 วันพฤหัสที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.36 น.

ความคิดเห็น