ทริปนนี้ มาไกลอีกแล้ว เชียงใหม่อีกแล้วจ้าา จังหวัดอะไรที่เที่ยวเยอะเหลือเกิน ป่าเขาลำเนาไพร มีทุกแบบยกเว้นทะเล ทริปนนี้ตั้งใจหลักๆ อยากไปม่อนจองมานานแล้วเลยพ่วงด้วย ดอยอินทนนท์อีกสักคืน เมื่อได้จังหวะลงตัวพร้อมเพื่อนรู้ใจ ก็ได้เวลาออกตามหาธรรมชาติกันเสียที ทริปนนี้ 3วัน2 คืน งบประหยัดคนละ 2500 บาท(มีรายละเอียดท้ายทริป) 6คนไปรถคันเดียว แน่นอนทริปนนี้การเดินทางต้องเปลี่ยนไปน่าจะครั้งแรกที่ไม่ได้ไปด้วยวีออส รอบนนี้ไปด้วยวีโก้ 4*4 ของพี่ในทีม ว่าแล้วก็ลุยกันเลย
ตารางทริปคร่าว ทริปนี้ไปวันที่ 11-13/2/2560
สเต็ปเดิมออกกลางคืนวันที่10 ตรงดิ่งไปเช้าที่สวนสนบ่อแก้ว-เดินป่าม่อนจองนอนหนึ่งคืน
เช้าที่2 อยู่บนม่อนจองเดินลง ออกจากอมก๋อย แวะออบหลวงทางผ่านที่ไม่ะรรมดา-นอนหนาวที่ลานสนอินทนนท์
เช้าที่3 เดินกิ่วแม่ปานดูกุหลาบพันปีบานพอดี แถมเลียงผาแต่อยู่ไกลๆ แวะซื้อสตอเบอรี่เที่ยวน้ำตกวชิรธาร-กทม.
รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D5300 kit18-140 เลนส์เดียวเที่ยวทั่วไทย และ Gopro hero 4 Silver
มีคลิปมาฝากเช่นเคยชมก่อนได้จ้า แถมฝาก เหลี่ยมพาเที่ยว สักนิด อิอิ
เริ่มออกเดินทาง 3 ทุ่มกว่าๆจากกทม รอบนนี้มากัน 6 คน ออกจากกทม.เนื่องจากเป็นหยุดยาว 3 วันพอดีเลยใช้เส้นทางสุพรรณมาโผล่ สายเอเชียเลี่ยงรถติดได้เยอะเลยมาถึงนครสวรรค์ เที่ยงคืนเห็นจะได้อากาศข้างนอกเริ่มหนาวแล้วต้องใส่เสื้อคลุม เปลี่ยนมือขับเจ้าของรถขอนอนบ้าง ผมเลยขับให้ยิงยาว จนถึงสวนสนบ่อแก้ว เส้นทางก่อนถึงคดเขี้ยวพอสมควร เวลาประมาณตี 4-5 คนในรถหลับกันหมด เหลือแต่เราสาดโค้งไปมา อารมณ์ง่วงก็มี ได้แต่เปิดเพลงดังๆฮึมฮัมอยู่คนเดียว 555 ในที่สุดก็มาถึงสวนสนบ่อแก้วเวลา 6โมงกว่าๆฟ้าเริ่มสว่างทันที
พระอาทิตย์ขึ้นพอดี
เรามาถึงไม่มีใครกางเต็นเลยเช้านนี้ ที่นี้มีห้องน้ำเราเลยทำธุระตอนเช้ากันที่นี้เสียเลย
เช้าๆแบบนนี้มีแต่กลุ่มพวกเรา ถ่ายรูปกันก่อนเดินทางต่อ
ขับต่อมาถึงตัวอมก๋อยแวะร้านข้าวตรงข้ามโรงพยาบาลต้มเลือดหมูอร่อยราคาไม่แพงซัดกันจนอื่มพร้อมซื้อข้าวกล่องไปกินมื้อกลางวันด้วยเลย หลังจากมีมื้อกลางวันแล้วมื้อเย็นก็เช่นกันเราต้องเตรียมไปทำกันข้างบน ก็หาซื้อจากร้านค้าชาวบ้านระหว่างทางไข่ไก่ ปลาทู เครื่องแก้งต้มยำอะไรก็ว่าไปเอาที่สดวก ของครบแล้วก็เดินทางต่อไปยัง ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง บ้านมูเซอ อีกประมาณ 40 โลได้จากตัวเมืองอมก๋อย
มาถึงแล้วโอโหคนเยอะใช้ได้ ตอนนี้เป็นเวลา 10โมงกว่าๆ จ่ายเงินค่าเข้าอุทยานกับเจ้าหน้าที่ส่วนค่ารถค่าลูกหาบจ่ายพรุ่งนนี้ขากลับ ค่ารถ 6 คน3000บาท ค่าลูกหาบผมใช้2คน คนละ600 บาทไป-กลับ จัดแจงของเรียบร้อยก็เดินทางต่อ
จากศูนย์บริการเราต้องนั้งรถมาอีกชั่วโมงกว่าๆเส้นทางออฟโรดกระดกกระเด้งมาก แต่ว่าผมดวยความเพลียขับรถมาทั้งคืนยังไม่ได้นอนคนเดียว พอรถออกลมโกรกได้เท่านั้นแหละหลับเป็นตาย เพื่อนบอกรถกระเด้งจนตัวผมลอย แต่ผมก็หลับสนิทไม่รู้เรื่อง 555 มาถึงจุดทางขึ้นแล้ว
ได้เวลาเริ่ม เราเริ่มเดินประมาณ 11.30 ช่วงแรกเป็นทางเดินขึ้นลงเขาอยู่หลายรอบอยู่ครับแต่ไม่ชันสักเท่าไหร่เดินง่ายมากที่นี้
อากาศเย็นๆสบายๆ หนาวนิดๆ
เดินมาสัก10นาทีก็เจอเหล่าไม้เท้ากองรวมกันเลือกสรรตามความชอบได้เลย แต่ละมันมันแพล่บๆ ผ่านการใช้งานมาหลายรอบแล้วแน่นอน 55
ช่วงแรกเป็นป่าค่อนข้างทึบครับ ชมธรรมชาติไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบ
หนุ่มๆสาวๆยังยิ้มได้ปกติ สนุกสนาน
ขึ้นลงเขาประมาณ 2 รอบเห็นจะได้ จะขึ้นมาถึงเนินนนี้มีวิวให้ชม ลมเย็นๆพักกันก่อน
รองเท้าก็ไม่ใส่ครับลูกหาบพริ้วมาก
เผลอแป็บๆเดินไปนู้นและเดินกันไวมากลูกหาบ
เดินต่อรอบนนี้ขึ้นยาวๆโค้งซ้ายอยู่ช่วงนึง
จุดที่เราพักเมื่อตะกี้นี้เอง
มาถึงอีกพักอีกจุดรอบนนี้วิวกว้างๆเลย คุยกะพี่ลูกหาบ เลยแลกกันชิมน้ำเพิ่มพลัง555 หลังจากทริปก่อนไปภูบักไดน้ำแก้หนาวหมดไวรอบนนี้เลยจัดยาดองมา 2 ลิตร เพียงพอแน่นอน น้ำแก้หนาวคืนนี้
ยืดเส้นยืดสาย
ตั้งกล้องถ่ายหมู่พักเหนื่อยก่อน
จากนั้นเดินกันต่อ มีขึ้นลงๆอีกสองสามรอบ แวะกินข้าวกลางวันกันกลางป่า ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยเหมือนกัน ไม่ได้ถ่ายรูปไว้
จนออกมาถึงตรงนนี้ดีใจได้เลย มันยังไม่ถึง แฮร่ แต่อีกนิดเดียวแล้วขึ้นยอดนนี้ไปเดินไปอีกหน่อยก็ถึงจุดกางเต็นแล้วครับ
ตรงทางช่วงนนี้เป็นช่วงที่ผมเสียวที่สุดในม่อนจองครับ 555 เห็นแบบนนี้ชันทีเดียวแล้วเป็นหนาผา
สมชื่อเลยครับดอยหมาหอบจริงๆช่วงนนี้
พรานโยก็รักษาการเดินรั้งท้ายตลอด
จะถึงแล้ววิวสวยน่าดู เมฆเยอะไปนิด
นู้นๆๆเห็นยอดหัวสิงฆ์แล้วอีกโคตรไกลเลย
ที่กางเต็นของเราต้องลงไปในป่าด้านซ้ายครับตรงเนินนี้จะไม่ให้กางเต็นนะครับ
วันที่ไปคนมาเยอะมากครับที่กางเต็นเลยมีน้อย ที่นอนของผมเลยไปเนินหน่อยกางคืนนี้นอนแล้วไหลลงนึกว่าใครมาดึงขา 555 ไหลทั้งคืน เต็นชิล199 ยังแจ่มเหมือนเดิม
หลังจากกางเต็นกันเส็ดก็เดินมาถ่ายรูปหน่อยใครจะเดินไปดูพระอาทิตยย์ตกก็ต้องพกไฟฉายด้วยนะไกลมากประมาณ อีกโลกว่าถึง2โลได้มั้งครับ ที่ยอดผาหัวสิงฆ์สำหรับผมวันนี้อยู่ถ่ายแค่ตรงนนี้ดีกว่าพรุ่งนนี้เช้าค่อยเดินไป ถ่ายตรงนนี้ก่อนวันนี้
คนเหลือตัวนิดๆๆเดียวเท่ามด
ชื่นใจครับวันนี้ในที่สุดก็ได้มาตามรอยพี่ชายแท้ๆพี่ติ๊ก เนวิเกเตอร์เสียที 5555 ผมรู้จักม่อนจองจากรายการพี่ติ็กเลยหลายปีแล้ว วันนี้ได้มีโอกาศมาเสียที
มีท่าพี่ติ็กแล้วก็ต้องมีท่าพี่เต๋า 555
แสงแดดยามเย็นส่องมหญ้ายิ่งมีสีทองเด่นสวยงามมากครับ
กลับมาที่เต็นช่วยกันทำอาหารครับ ส่วนผมช่วยถ่ายรูปนนี้แหละ 55 ทำไม่เป็น ขับรถ กับพาเที่ยวเป็นแค่นี้ อ้อจุดไฟพอได้
เมนูเย็นนี้ก็มีไข่เจียวแหนม
ปลาทู
ยำปลากระป๋อง ต้มยำ พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย ส่วนลูกหาบก็กินอยู่ข้างๆเราเราก็ทำแบ่งให้เขากินด้วย แลกเปลี่ยนชวนลูกหาบคุยกันได้รู้หลลายๆเรื่องจะเล่าก็ไม่หมดต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง ดึกๆมีเรื่องระทึกขวัญ จากที่ได้ยินคือลูกหาบเหมือนจะมีเรื่องกับ นทท อะไรกันสักอย่างแล้วเพื่อนลูกหาบก็ห้ามเลยมีมวยกันนิดหน่อยแต่มีเรื่องตรงที่อื่นแต่ดันมาต่อยกันตรงเต็นเราอีก มีบอกว่าจแทงด้วย มีดกูอยู่ไหนๆๆๆๆ ดีนะหามีดไม่เจอ 555 หลังจากนอนหลับอากาศเย็นมากคงเพราะอยู่ในป่าหนาวแบบเข้ากระดูก สั่นๆหลับๆตื่นๆไหลๆเพราะพื้นเทอยู่ทั้งคืน 555 ยิ่งช่วงตี 4-5 มีช้างป่ามาอีก แต่ยังดีไม่ได้ทำร้ายใครช้างป่ามาแถวเต็นด้านหน้า ลูกหาบบอกไม่กล้านอนเลย
ทริปนนี้ไม่มีช้างให้เฉยชม เพราะเป็นวันวันมาฆบูชา ดวงจันทร์สว่างสไหวสุดๆรูปนนี้คือตื่นมาตี5กว่าๆ จะเดินไปยอดหัวสิงฆ์เห็นดาวไหมนี่คือแสงจากดวงจันทร์
เดินมาหนาวสั่นมือชาหน้าชาไปหมดแสบหูมากๆ โคตรหนาวเลย เช้านนี้ผมมากะแฟนสองคนคนอื่นไม่ยอมมา ใช้เวลาเดินอีกเป็นชั่วโมงจะมาถึงยอดผาพอมาถึงก็ 6โมงกว่าๆพระอาทิตย์จะมาพอดี
มีกุหลาบพันปีด้วย
มีความหนาวเลยต้องโพกหัวกันหู555
จริงๆตรงยอดไม่ได้ถ่ายเยอะวิวคล้ายๆกันแต่วิวที่มองกลับไประหว่างทางที่เดินมานี่แหละที่ผมว่าสวยชอบมากแนวสันเขายาวๆ
สายๆหมอกเริ่มลอยมา เราใช้เวลาเดินไปจนเดินกลับมาถึง8โมงกว่าๆได้ครับ
กลับมาถึงเต็นทุกคนตื่นหมดแล้ว มื้อเช้าแสนอร่อยบนดอยของพวกเราจะเป็นอะไรไม่ได้ถ้าไม่ใช้ มาม่าคัฟ กลิ่นหอมซดน้ำร้อนกับอากาศเย็นๆมันช่างเข้ากันเสียจริง เพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยปลากระป๋องแบ่งกันไปคนละต่อนสองต่อน อร่อยเหาะ
ประมาณ 9 โมงเราก็เริ่มเก็บของเดินลง
บ๊ายบายม่อนจอง ใครได้มาลองก็ต้องหลงรัก
ขาลงเนินนี้ก็เสียวไม่แพ้ขาขึ้น
ขาลงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ขาขึ้นใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงได้ครับ มีพักกินข้าว เวลาไม่ต่างกันมากเพราะทางเดินเป็นขึ้นๆลงๆเขาเหมือนกันไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว เป็นเขาที่เดินง่ายครับไม่เหนื่อยเท่าไหร่ใครก็เดินไหวครับที่นนี้มากันได้เลย ลงมาถึงรถเยอะมาก แน่นเลยทีเดียวหยุดยาว
ไทรทันคันเดิมของเราพร้อมลุยแล้ว
ฝุ่นฟุ้งกันต่ออีกชั่วโมงกว่า
ถึงศูนย์บริการอย่างปลอดภัยจ่ายค่ารถค่าลูกหาบ ปิดจ็อบดอยม่อนจองอย่างประทับใจทั้งผู้คนและสถานที่ไม่นับลูกหาบที่ต่อยกันเมื่อคืนก็ไม่มีไรต้องติ 555 มีโอกาศคงได้มาซ้ำใหม่สวยถูกใจมากๆครับ
ออกจากหมู่บ้านมูเซอก็เป็นบ่ายแล้วมาม่าหมดพลัง
เลยขับมากินข้าวกันที่ตัวเมืองอมก๋อยร้านตรงข้ามป้ายนี้แหละ เติมพลังล้างหน้าแปรงฟันเสียหน่อย ส่วนน้ำนี้ก็ยังไม่ได้อาบกันสักคน เป้าหมายของเราคืนนี้จะไปนอนกันที่ดอยอินทนนท์
ออกจากตัวอมก๋อยก็ปาเข้าไปบ่ายสองแล้วเวลาไวมากๆ ลัดเลาะเขามาพักกันอีกรอบที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ทางผ่านที่ไม่ธรรมดา ตอนแรกก็ว่าจะเล่นน้ำแต่ทว่าเจ้านห้าที่บอกว่าน้ำแรงไม่แนะนำให้เล่นเลยถ่ายรูปอย่างเดียวถ้าจะเล่นให้เลยไปหน่อยจะมีที่เล่นอยู่
ที่นี้มีหลายที่ให้ชมศึกษาธรรมชาติแต่เนื่องด้วยมาถึงก็4โมงกันแล้วเดี่ยวจะถึงอินทนนท์มืดเลยได้ถ่ายรูปถึงบนสะพาน ไปดูรูปกันเลยเหอะ
แก่งสวยๆ
เดินหไปดูข้างบนหน่อย
เสียดายเวลาน้อยเดินได้แค่นี้มีทางเดินไปอีกเยอะเลยไว้มีโอกาศค่อยกลับมาใหม่ครับ
เจอหินรูปทรงสวยงามพรานโยเลยขอนั่งสมาธิติดต่อกับเหล่าสรรพสัตว์เสียหน่อย
น่าจะสื่อสารมีปัญหา
อุโมงค์ไผ่สวยงาม
แหวกม่านเจอมุ้ง แหวงมุ้งเจอไหม แหวกไผ่เจอเธอ แฮร่
ออกจากออบหลวงมาแวะตลาดสดฮอดแวะซื้อวัตุดิบอาหารคืนนี้
จากนั้นยิงยาวมาถึงอินทนนท์ 6 โมงกว่าขึ้นเขาตอนกำลังโพล้เพล้ มาถึงลานกางเต็นสนทุ่มนึงพอดี วันนี้ที่นนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่เต็นหลวมๆสบาย
หลังจากกางเต้นเสร็จก็แยกย้ายสลับกันไปอาบน้ำเฝ้าของคนนึงไปซื้อหมูกระทะมา1ชุดคนนึง เตรียมวัตถุดิบกัน
ร้านหมูทะอยู่ตรงทางเข้าลานกางเต็นเดินไปนิดนึง ถ้าจำไม่ผิดชุดนนี้500 บาท ดื่มด่ำบรรยากาศค่ำคืนนี้กันถึงเที่ยงคืนอากาศแบบเย็นๆไม่หนาวเท่าเมื่อวานพื้นราบเท่ากันนอนหลับสบายไม่ตื่นกลางดึกเลยคืนนี้ 555
เช่านนี้โปรแกรมยอดฮิตสำหรับผมครั้งที่3 แล้วยังไม่รู้สึกเบื่อเลยกับกิ่วแม่ปานมาได้เรื่อยๆปกติถ้าไปที่ไหนแล้วจะไม่ค่อยไปซ้ำเท่าไหร่แต่ที่นี้ค่อนข้างถูกใจ แต่ว่ารอบนนี้คนเยอะแน่นกว่าทุกครั้งรู้สึกไม่ค่อยดดนใจเท่าไหร่แต่เพราะด้วยเป็นหยุดยาวที่นนี่เลยแน่น
เช้านนี้ 9 องศา
แต่ตอนนี้ 07 องศา
ต่อแถวรอไกด์กันอยู่20นาทีกว่าจะได้เข้า ค่าไกด์200บาทเท่าเดิม ช่วงแรกเป็นป่าอย่างที่ทราบกันช่วงนนี้หนาวมากไม่ค่อยได้ถ่ายเท่าไหร่แสบหู
ออกมาข้างนอกแล้ว
ช่วงนนี้ที่มามีกุหลาบพันปีด้วยแจ่มมากรอบก่อนๆมาช่วงยังไม่บานไม่เคยเจอเลย
จริงๆคนเยอะมากถ้าหันกล้องไปทางขวา แต่เราไม่ให้ดูหรอก เดี่ยวจะร้องโอ้โห ใครๆก็อยากเที่ยวนะแบ่งๆกันไปอย่าเครียดคนเยอะก็ใจเย็นๆหน่อยแบ่งๆกันถ่ายมาเที่ยวต้องคลายเครียด
ไปต่อๆ
นี่ไงเต็มเลยกุหลาบพันปี
พี่เต๋ามาอีกละ
เพียบเลยต้นนี้
OK นะคะ นะคะ
จุใจกับกุหลาบพันปี
ยังไม่ตบรอบนนี้ยังโชคดีได้เห็นเลียยงผาหรือม้าเทวดาด้วย นู้นไง
นั้นไง 3 ตัวนู้นนนนไกลโคตรๆๆ 555เลนส์ไม่พอซูมได้แค่ 140 จริงๆตาเปล่านนี้ก็ต้องเพ้งดีๆละถึงจะเห็นใครสายตาสั้นก็ไม่ต้องดูกันเลยต้องเลสน์เทเลมาซูม
ใช้เวลากันอยู่นานเลยกว่าจะเดินครบ
อีกแล้วพรานโยพบหลุมใต้ต้นไมต้องขอนั้งลงไปสัมผัสธรรมชาติ
ว้าวเจ้าหนอนน้อย พึ่งเคยเห็นปีนนี้ไม่รู้ว่ามีด้วยไกด์บอก
เราใช้เวลาเกือบ 3 ชม.ได้ออกมาเกือบ 11โมง
ที่นี้มีทั้งรถแดง
รถเหลืองจอดอยู่เลือกถ่ายกันได้ อิอิ
กลับมาที่ลานกางเต็นคนกลับไปจนเกือบหมดแล้ว มีไข่ไก่เหลือจากเมื่อวานเลยกินไข่เจียวพร้อมหมูทอดพี่เขาเอามาจากบ้านซื้อข้าวเปล่าร้านเดิมข้างหน้ากินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปด้วยเลยที่เดียวเติมพลังก่อนเดินทางกลับ
ที่นี้บรรยากาศดีมากมีทั้งเต็นอุทยานและจุดกางเต็นของตัวเองห้องน้ำห้องอาบน้ำสดวกสบาย
ก่อนกลับแวะซื้อสตอเบอรี่จากไร่ข้างๆลานกางเต็น
สดๆจากไร่
สนนราคากล่องละ 20 บาท
สุดท้ายท้ายสุดทริปนนี้แวะน้ำตกวชิรธารกันอีกเพราะว่าใกล้สุดจากถนนเข้ามาโลเดียว
สวยใหญ่อลังการเช่นเดิม เติมพลังให้ชีวิตมีกำลังกลับไปสู้งานกันอีกครั้งได้เวลาเดินทางกลับ
ขากลับยิงยาวๆมาแวะกิน้าวกันอีกมื้อตรงก่อนเข้านครสวรรค์มื้อเย็น ตอน 2 ทุ่มแล้วยิงยาวเข้ากทม ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทุกคนเที่ยงคืนกว่าๆ จบการเดินทางแสนไกลแต่ใช้เวลาแค่ 3วัน3คืน อยู่บนรถก็2คืนแล้ว เวลามีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด แต่เรื่องราวระหว่างทางก็น่าหลงไหลทำให้ผมชอบการเดินทางด้วยรถยนต์ถึงจะใช้เวลานานแต่ได้เห็นอะไรมากมายระหว่างทาง
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆเริ่มๆจะลืมไปบ้าง
ค่าน้ำวีโก้ 6000/6
ค่าาอาหารเช้า-กลางวันวันแรก คนละ 100
ค่าอาหารเย็นบนม่อนจอง คนละ100กว่าบาท
ค่ารถค่าลูกหาบ 4200/6
ค่าข้าวกลางวันวันที่ 2 คนละ 60 บาท
มื้อเย็นบนอินทนน์ คนละ250 รวมเครื่องดื่ม
ค่าไกด์กิ่วแม่ปาน 200
ที่เหลือเป็นค่าเข้าอุทยาน 3 ที่และค่ากินจิปาถะและมื้ออื่นๆทั่วไปคนละไม่กี่บาทสรุปทริปนนี้หารเท่ากันหมดตกคนละ2500บาทตามงบที่ตั้งไว้พอดิบพอดี คุ้มค่าทุกวินาทีจริงๆกับเงิน2500บาท ได้ออกไปพบธรรมธรรมชาติได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆเป็นราคาที่ยอมจ่ายโดยไม่ต้องสงสัย
แล้วพบกับคู่รักตะลอนทัวร์ได้ใหม่ ทริปหน้าจะเป็นการเดินทางไกลในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนจะเดินทางอย่างไรรอติดตามกันได้เลยครับ
เหลี่ยมพาเที่ยว
วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.49 น.