Phu Pai Art Resort : อ้อมกอดแห่งขุนเขา นาข้าว และ สายหมอก

"ปาย" ..ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมแห่งหนึ่งที่สักครั้งในชีวิตต้องไปเยือน แม้ว่าในปัจจุบันนี้.. ปาย มีความเจริญขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เสน่ห์ของปายก็ยังคงอยู่ไม่ได้ลดลงไป แต่อย่างใด ซึ่ง ปาย ยังมีความเป็นธรรมชาติ และ ยังมีมุมที่สงบให้ได้หลบไปพักผ่อน ท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขา นาข้าว และสายหมอก อย่าง Phu Pai Art Resort แห่งนี้

Phu Pai Art Resort เป็นรีสอร์ท ที่อยู่ท่ามกลางการโอบล้อมของทิวเขา และท้องนา มีบรรยากาศที่ดี สงบเงียบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของปายได้ เช่น คอฟฟี่อินเลิฟ สะพานประวัติศาสตร์ปาย ถนนคนเดินปาย วัดน้ำฮู หมู่บ้านจีนยูนาน เป็นต้น

สำหรับที่พักใน Phu Pai Art Resort มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ คือ

  1. Superior Room : ขนาด 68 ตารางเมตร (จำนวน 20 ห้อง)
  2. Deluxe Room : ขนาด 68 ตารางเมตร (จำนวน 15 ห้อง)
  3. Honeymoon Suite : ขนาด 72 ตารางเมตร (จำนวน 5 ห้อง)


การเดินทาง สู่ Phu Pai Art Resort

จาก ตัวอำเภอปาย มุ่งหน้าไปทาง ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน(ทางหลวงหมายเลข 1095) ผ่านสนามบินปาย ไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะเห็นทางแยกขวามือ (อบต.แม่นาเติง) เลี้ยวขวาเข้าซอยไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเจอ Phu Pai Art Resort ซึ่งช่วงท้าย อาจต้องเลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยหน่อย แต่มีป้ายบอกตลอดทาง

จากแผนที่จะเห็นว่า.. Phu Pai Art Resort อยู่ห่างออกมาจาก ตัวอำเภอปาย มาพอสมควร ซึ่งก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่ง ที่จะได้พบกับบรรยากาศที่สงบ หลีกหนีจากความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้ห่างเกินที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยวในตัวอำเภอ อยู่ในระยะที่พอเหมาะไปมาได้สะดวก ไม่ได้ลำบากมากมายอะไร ซึ่งทางรีสอร์ทก็มีบริการรถ รับ-ส่ง ระหว่างรีสอร์ท กับ ตัวอำเภอปายด้วย


พักผ่อนนอน "ปาย" ที่ Phu Pai Art Resort

เมื่อเดินทางมาถึง.. อำเภอปาย ไม่ว่าจะมาสิ้นสุดที่ ขนส่งอำเภอปาย หรือ สนามบินปาย ก็ตาม สามารถแจ้งให้รถของทางรีสอร์ทไปรับได้ แต่วิธีที่สะดวกที่สุด แนะนำให้ เช่ามอเตอร์ไซค์ จะดีกว่า เพราะ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เดินทางมาไม่นานก็เข้ามาถึงตัวรีสอร์ท ที่สร้างได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ดูเรียบง่าย แต่อยู่ได้อย่างสบาย..

บริเวณโดยรอบที่พัก จะโอบกอดไปด้วยทิวเขา และ ทุ่งนาข้าว ซึ่งถ้าหากมาในช่วงทำนา ก็จะได้พบกับท้องนาเขียวขจี อยู่แค่หนาวระเบียงนี่เอง แต่ถ้าหากมาในช่วงหน้าหนาวที่คนนิยมมาเที่ยวกัน ก็จะเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเช่นนี้ ซึ่งบางเวลาจะเห็นชาวบ้านออกมาเก็บเกี่ยวข้าว ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ไปในตัว

เข้ามาชมภายในห้องพัก ซึ่งเป็นแบบ Superior Room รู้สึกว่าห้องกว้างมาก โปร่ง โล่ง สบายตา มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง เพราะขนาดของห้อง คือ 68 ตารางเมตร ภายใน มีเตียง ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

แม้ว่าข้างนอกจะอากาศหนาว แต่ภายในห้องช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ยิ่งได้ซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ยิ่งดีไม่น้อย..

อ้อมไปดูทางด้านหลังหัวเตียง ซึ่งจะเดินไปทาง ขวา หรือ ซ้าย ก็ได้ จะไปเชื่อมกันด้านหลัง เป็นอ่างล้างหน้า ขนาดใหญ่ 2 อ่าง กับ กระจกบานใหญ่ ใช้ล้างหน้าแปรงฟันได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องแย่งกัน

มุมตู้เย็น และ ชากาแฟ สำหรับชงดื่ม ยิ่งอากาศหนาวๆ จิบกาแฟร้อนๆ นี่ก็ฟินดีเหมือนกัน..

เข้ามาไปข้างในสุดจะเป็น ห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำที่กว้างมาก ให้ความรู้สึกโปร่ง ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่พบเจอในชีวิตประจำวัน

อีกมุมของห้องเป็นอ่างอาบน้ำ ไว้นอนแช่น้ำอุ่นๆ บรรยากาศแบบเรียบง่าย โล่งๆ โปร่งๆ

ฝั่งซ้าย จะเป็นห้องสำหรับอาบน้ำ และ ฝั่งขวา จะเป็นห้องสำหรับแต่งตัว

ภายในห้องแต่งตัว มีโต๊ะเครื่องแป้ง ไดร์เป่าผม พร้อมด้วยชุดคลุม และสิ่งของจำเป็นต่างๆ

ทีเด็ด อยู่ตรงที่มี แผนที่ดาว ไว้ให้ไปนอนดูดาวกันด้วย ซึ่งก็ขอบอกว่า.. ในช่วงเวลาค่ำคืน ไร้แสงรบกวน ดาวที่นี่จะสวยมากๆ นอนหนาวนับดาวกันแบบเพลินเลย

มานั่งเล่นรับลมหนาวที่นอกระเบียงบ้าง บรรยากาศรอบด้านที่ได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไร และ กบเขียดในท้องนา

ตื่นมายามเช้า.. ไม่ต้องไปไหนไกล เพียงแค่เดินไปยังบริเวณ ห้องอาหาร ด้านหลังสุดของรีสอร์ท ก็จะพบกับวิวสายหมอก ที่พาดผ่านทิวเขาที่โอบล้อมอยู่รอบด้าน พร้อมด้วยนาขั้นบันไดแบบเล็กๆ เป็นบรรยากาศที่ดีมาก สามารถมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ตรงนี้ได้เลย..

ใกล้กันกับ ห้องอาหาร จะเป็น สระว่ายน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นสระว่ายน้ำที่มีวิวดีมากๆ สามารถลงแช่น้ำ สบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศรอบด้าน แต่ในช่วงเวลาที่สภาพอากาศหนาวๆ อาจจะต้องคิดหนัก ก่อนที่จะลงสระ ก็เป็นได้

ในช่วงเช้าจะมีบริการ อาหารเช้า สามารถมานั่งทานอาหารเช้าชมบรรยากาศดีๆ ได้ โดยเฉพาะยามแสงแดดอุ่นๆ แบบนี้ หลายคนจึงเลือกนั่งในบริเวณกลางแจ้ง เพื่อความอบอุ่น

อาหารเช้า แบบ ABF พร้อม ด้วยข้าวต้มร้อนๆ ที่สามารถไปเติมทานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็สามารถบอกพนักงานได้

ทานอาหารเช้า จิบกาแฟ ไปพร้อมกับลมหนาวที่พัดโชยมาเบาๆ เป็นระยะ

ที่จริง.. นั่งเล่นชิลๆ ชมบรรยากาศจากภายในรีสอร์ทแห่งนี้ ก็แทบจะไม่ต้องออกไปเที่ยวไหนแล้ว

นั่งมองออกไปเบื้องหน้า ถัดจากสระว่ายน้ำ เป็นผืนนาที่เพิ่งเก็บเกี่ยว มีฉากหลังเป็นทิวเขาที่มีสายหมอกพาดผ่าน เป็นเป็นบรรยากาศดีๆ ในช่วงเวลาดีๆ แห่งการพักผ่อน

Phu Pai Art Resort จึงเป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจ สำหรับคนที่มองหาสถานที่สำหรับพักผ่อน ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ สงบ ไม่วุ่นวาย ซึ่งถ้าหากมีโอกาสได้ ไป "ปาย" รอบหน้า ลองไปพักที่ Phu Pai Art Resort กันดูนะครับ!



การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

Instagram : CHAILAIBACKPACKER

Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9

CHAILAIBACKPACKER

 วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.29 น.

ความคิดเห็น