ในชีวิต คุณเคยทำอะไร บ้าๆ บอๆ แบบนี้บ้างมั้ย

เคยมั้ย

" ออกไปเที่ยวกับคนแแปลกหน้า ที่เพิ่งรู้จักกันในเฟส "

เคยมั้ย

" เริ่มคุย รู้จักกัน เที่ยงคืน เช้าจองตั๋ว เย็นออกเดินทางด้วยกัน "

เคยมั้ย

" ไปเที่ยว แบบไม่มีแพลน "

และเคยมั้ย

" ไปขอ เค้าเป็นแฟน แค่ 1 วัน "


นี่ไม่ใช่หนังไทย แต่เป็นชีวิตจริง ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวผมเอง เลยครับ 55+

ออกเดินทาง มาก็หลายทริป ไม่เคยเจอโมเม้น ดีๆ แบบนี้เลย


มันเหมือนตัวเราเข้าไปอยู่ในความฝัน ได้ไปเที่ยว ออกเดินทาง กับคนที่เราชอบ

ที่สำคัญ คือไปกัน 2 ต่อ 2 นี่แหละ ฟิน มาก.. ครับ


เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากคืนวันพฤหัส อยู่ๆ มีน้องคนนึง ทักข้อความมาในเฟส

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ การเดินทางไปดอยผ้าห่มปก ซึ่งผมกำลังจะไปอีก 2 อาทิตย์


คุยไป คุยมา น้องเค้า เลยลองชวนเราไปเป็นเพื่อน

แต่อ้ายนี่ ดันไปจริงๆ ซิครับ 55+


บางคนบอก มะรึง บ้า ปะเนี่ย คุยกันเที่ยงคืน เช้าตัดสินใจ ไปกะเค้าเฉย อี 11 รด. ทำไมมะรึงใจง่ายแบบนี้

ที่สำคัญ อีกแค่ 2 อาทิตย์ ก็จะมีทริป ไปที่นี่ กับเพื่อนๆ อยู่แล้ว มะรึงจะ บ้าเหรอ ไปที่เดียวห่างกันแค่ 2 อาทิตย์


อืม......

ผมทำไปแล้วครับ 55+


จะบอกว่า ตัดสินใจไป เพราะเธอคนนี้ ล้วนๆ เลยก็ว่าได้ครับ

เดี๋ยวๆ ไหน มะรึง เพิ่งบอกว่า เพิ่งคุย เพิ่งรู้จักกันทางเฟส ตอนเที่ยงคืน


ใช่... ครับ 55+


คือเห็นรูปในเฟส แล้ว ใช่เลย .... โดนใจผมเลย ...


เธอมาบอกว่า จะไปคนเดียว แถมเพิ่งโดนเทมา วินาทีนั้น... เอาว่ะ ไปก็ไป อย่างน้อย ก็ไปดูแลเค้า ก็ยังดี

เรื่องราว ต่อจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ทำไม ถึง ใช้คำว่า แฟนเดย์ แล้วทำไม เป็นแฟน แค่ทริปเดียว

มาลองติดตามกันครับ นี่คือชีวิตจริง ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับผมเอง รับรองว่า สนุก สวยงาม โรแมนติค แล้วก็ซิ้ง แน่นอนครับ ลุย 55+

ปล. ขออนุญาติ เบลอรูป ผู้หญิงนะครับ ไม่อยากพาดพิงถึงเค้า ขอเป็นฝั่งผมเองที่นำเสนอ ในมุมมองของตัวผมเองนะครับ

แบบว่า ผมอาจจะคิดไปเองข้างเดียวก็ได้ 55+

เรื่องราวทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในเวลาแค่ 4 วัน แต่เป็น 4 วันที่ผมมีความสุขมากเลยครับ


พฤหัสบดี 23.00 น.

ข้อความ เด้งขึ้นมาในเฟส


" 555 สวัสดีค่ะ " ...... น้อง
" 555 สวัสดีจร้า " .......ผม

" เข้าไปส่องเฟสมาค่ะ " ........ น้อง
" กำลังแอบส่องเหมือนกาน " .........ผม

ประโยคทักทายกันครั้งแรก แค่เรื่องที่ทักก็เหมือนกันละ
เราต่างคน ต่างกำลังส่องเฟสของกันและกัน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น

น้องเค้ามาปรึกษาผม เรื่องการเดินทางไป ดอยผ้าห่มปก ที่ผมกำลังจะจัดทริปไปที่นี่ ตอนสิ้นเดือนนี้พอดี
คุยกันไปมา เหมือนเราจะสนิทกันไวมาก สรุปที่เราคุยกันได้ว่า

เธอเพิ่งโดนเทมา แล้วอยากไปเที่ยวที่นี่ แล้วจะไปคนเดียวด้วย เห็นผมกำลังจะจัดทริปไป เลยมาปรึกษาข้อมูล
เราก็คุยเล่นกันไปปกติครับ เรื่องการเดินทาง เรื่องต่างๆ สัฟเพเหระ จนมาสะดุด เอาคำนึง

" พี่เปลี่ยนใจไปกะหนูมั้ย "

อืม .... สตั๊นไป 10 วิ เอาไงดี ว่ะตรู ....

อยากจะบอกว่า เมื่อตอนเย็น ผมเพิ่งรับปากน้องอีกคนว่าจะไปเที่ยว ปายด้วยกัน
แต่แล้วอยู่ๆ 5 ทุ่มกว่า มีคนมาชวนไปอีกที่นึง ซึ่งจากการส่องเฟสแล้ว ส่องเฟสอีก บอกได้คำเดียวว่า

" น่าไปมากกกก 55+ "

ก็คิดอยู่นานครับ เอาไงดี เพิ่งไปรับปากจะไปกะน้องอีกคน เมื่อตอนเย็น นี่จะไปเท น้องเค้าซะละ

ในที่สุดก็ตัดสินใจ ไปก็ไปว่ะ อย่างน้อยเราได้ไปเซอเวย์สถานที่จริง ก่อนพากลุ่มใหญ่ไปอีกที ปลายเดือน
จะได้เตรียมความพร้อมในส่วนต่างๆ (แหม ข้ออ้าง ล้วนๆ ตรูรู้ มะรึง ไปเพราะสาว ไม่ต้องมาแอ๊บ 55+)

วันที่ 1 วันศุกร์ 09.00 น.

ตื่นเช้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง จองตั๋วเลยค๊าบ 55+

นั่งติดกันด้วย อิอิ กะจะนั่งแยกกัน ทำไมอะเนอะ ไปด้วยกานนิ 55+ ( เรื่องงี้ ไวเชียว )

รถออก 21.30 น. เราก็นัดเจอกัน 20.00 น. ครับที่หมอชิต วันนั้นทั้งวัน ตื่นเต้นมาก

ปกติผมเคยไปออกทริป คนเดียวนะ ไปแบบไม่แพลนอะไรก็เคย


แต่กับครั้งนี้ ทำไมมันตื่นเต้นว่ะ สงสัยเพราะคนที่จะไปด้วยนี่แหละ

ตัวจริงเค้าจะเป็นยังไง จะน่ารักเหมือนในเฟสมั้ย เราจะโดนหลอกรึป่าว หืม.. คิดไรเยอะแท้ 55+

เลิกงาน รีบกลับมาเก็บกระเป๋า น่าน.. กระเป๋าก็ยังไม่ได้เก็บ 55+

แล้วก็รีบบึ่งไปหมอชิต ด้วยรถเมล์ ... นี่คือรีบละใช่มะ 55+ ใจเยนๆ นี่ไม่ใช่เทศกาล ปกติกะถึง

เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ ในที่สุด ผมก็ได้เจอเธอ แฟนเดย์ .....


มาต่อกันครับ การเดินทางไปดอยผ้าห่มปก เราเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ของ บขส. ไปลงที่เชียงใหม่
รถ VIP 32 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 804 บาทครับ ผมว่ากว้าง นอนสบายดี

20.00 น. นิดๆ ผมก็ได้เจอเธอครับ แฟนเดย์ ของผม เดินมาทัก แล้วก็เดินไปเฉยเลย 55+
พอดีเค้านัดเพื่อนมาส่งนะครับ ก็เลยไปเจอกับเพื่อนก่อน เลยโทรตามผมให้ไปหาที่ร้านกาแฟ

เจอเธอครั้งแรก ส่งยิ้มให้แบบอายๆ ผมแอบมองหน้าเธอ หืม... น่ารัก ดีนะ ตัวจริง 55+
ดีที่มีเพื่อนเธออยู่ด้วย กะเลย คุยกันแบบ ไม่ประหม่า เท่าไหร่

21.30 น. ได้เวลาออกเดินทางละ เย้ๆ ..
คืนนั้น แอบเห็นเธอ นั่งเหมอๆ นอนไม่ค่อยหลับ คิดว่าเธอ คงเจออะไรมาหนักเหมือนกัน
ได้แต่คิดในใจ เราต้องช่วยให้เธอหายเศร้าให้ได้ เอาว่ะ พรุ่งนี้ลุยกัน

วันที่ 2 วันเสาร์ 8.00 น.

8.00 น. เราก็มาถึง ขนส่งอาเขตครับ ช้ากว่าที่คิดไว้เยอะเลย

จากขนส่งอาเขต ไม่ว่าเราจะไป อ.ไหน หลักๆ ต้องไปต่อรถที่ ขนส่งช้างเผือกนะครับ

แผนเราก็คือไปที่ขนส่งช้างเผือก แล้วหารถตู้ไปลง อ.ฝาง ตอนแรกกะรอรถแดงครับ แต่ต้องรอคนเต็ม รถถึงออก

ผมก็เลยเลือกที่จะเหมาตุ๊กๆ ไปส่ง ราคา 150 บาท อะซื้อเวลา เดี๋ยวต้องไปหารถตู้อีก


8.30 น. กะมาถึงขนส่งช้างเผือก เค้าก็มาส่งเราที่คิวรถตู้ไป อ.ฝางเลยครับ

ที่ขายตั๋ว รถตู้ไป อ.ฝาง ครับ ค่ารถคนละ 150 บาท (อืม..คือ จากอาเขตมาช้างเผือก ราคาเท่ากับ ช้างเผือกไปฝาง แพงไปไหนครับพี่ตุ๊กๆ)

ก็ได้รอบ 9.00 น. ครับ จาก ขนส่งช้างเผือกไป อ.ฝาง ใช้เวลาราวๆ 3 ชม. นะครับ

12.00 น. เราก็มาถึง ขนส่ง อ.ฝาง


ก็เดินถามเค้าไปเรื่อยๆ ว่าจะไป อุทยานแห่งชาติผ้าห่มปกยังไง หรือน้ำผุร้อนฝาง นะแหละครับ จะอยู่ที่เดียวกัน

ปรากฏว่า ไม่มีรถผ่านเลยครับ 55+ ต้องเหมารถไปส่งอย่างเดียว โดยมี 2 วิธี

1. วินมอไซค์ คนละ 100 บาท

2. เหมารถเหลือง คนละ 150 บาท

เราเลือกแบบที่ 2 เพิ่มอีก 50 บาทแต่ไม่ร้อนแดด นั่งสบายกว่า อะยอมๆ

วิวสวยๆ เลยขึ้นไปนั่ง บนหลังคา ฟินดีครับ

จาก อ.ฝาง ไปที่อุทยานแห่งชาติผ้าห่มปก ก็ไม่ไกลครับ ราวๆ 10 กม.


วันที่เราไป ไม่เสียค่าเข้าครับ เพราะตรงกับวันเด็ก สบายไป 55+

มาถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่นี่เลยครับ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เราจะขึ้นดอยผ้าห่มปก ไปจุดกางเต็นท์กิ่วลม เค้าจะจัดคิวรถ 4W ให้ครับ

ใครขับรถมาเอง ก็เอามาฝากได้ที่นี่นะครับ

พอครบ 8 คน เค้าก็จะให้คนขับมารับเราไปขึ้นรถ ค่ารถ 1,800 บาท ต่อ 8 คนนะครับ ตกคนละ 225 บาท

ขึ้น - ลง จะเป็นคันเดียวกัน กลุ่มเดียวกันนะครับ เพราะงั้น นัดกันให้ดีว่าพรุ่งนี้ จะลงกันกี่โมง

วันผมไป ไปถึงบ่ายโมง ได้ขึ้น บ่าย 2 ครึ่ง กว่าคนจะครบ 8 คน 55+

ครบแล้วก็ออกเดินทางกันครับ ลุย .. มีผู้ชายโผล่ไปคนเดียวครับ รอบนี้ 55+


จุดที่เริ่มขึ้นดอยผ้าห่มปก จะอยู่คนละที่กับอุทยานนะครับ

มาถึงทางขึ้นจะเจอจุดตรวจ เราต้องเสียค่ามัดจำขยะ 100 บาทต่อกลุ่ม

เค้าจะให้ถุงดำเรามา 1 ใบ ขาลงต้องเอาขยะมาแลกคืนนะครับ


ระหว่างทางขึ้น บอกเลยว่า โหดมาก ทุลักทุเล สุดๆ เพราะเป็นทางลูกรัง สลับกับถนนดีๆ

ก้นระบม ไปตามๆ กันครับ 55+ เดี๋ยวมาต่อกันครับ จะถึงจุดกางเต็นท์แล้ว

ประมาณ 4 โมงเย็น เราก็มาถึง จุดกางเต็นท์กิ่วลม จุดกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยครับ

มาถึงก็จัดแจ้งหาที่กางเต็นท์ ใครเอามาเองก็เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาทต่อเต็นท์นะครับ

หรือใครไม่มีเต็นท์ ก็จองกับทางเวบอุทยานมาได้ครับ หลังละ 225 บาท ใหญ่ดี นอนได้ 2 - 3 คน

http://nps.dnp.go.th/ สมัครสมาชิกก่อนนะครับ ถึงจะจองได้ แล้วก็ไปชำระเงินที่ ธนาคารกรุงไทย

คืนนี้เรานอนกันที่นี่ครับ จัดแจ้งกางเต็นท์ให้เรียบร้อย อ้อ ผมกับเธอนอนคนละเต็นท์นะครับ

เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด แต่ก็ติดกันนะแหละครับ

อ้อ อุปกรณ์อื่นๆ ก็มีนะครับ ถุงนอน หมอน แผ่นรองนอน ผ้าห่มนวมก็มี ผืนละ 50 บาท อุ่นดี

มาเลือกเอาที่นี่ได้เลยครับ

ส่วนเต็นท์ ถ้าไม่ได้จองมา ถ้าไม่เต็ม เราก็ไปเลือกได้เลยที่ว่างๆ (เค้าจะกางตามจำนวนที่จอง Online มาครับ)

แต่ถ้าเต็มเค้า จะมีเต็นท์มากางให้ครับ แต่ขนาดจะเล็กกว่า นิดนึง แต่ก็มีเยอะครับ ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นอน

เพราะข้างบนนี้ รองรับ นักท่องเที่ยวได้ราวๆ 700 คนครับ วันที่ผมไป มีประมาณ 200 กว่าคน

พอดีมีกลุ่มคาราวาน มากลุ่มนึง 90 กว่าคน แหมเสียดายคนเยอะไปนิด

จัดแจ้ง ทุกอย่างเสร็จ ก็ไปรอดูพระอาทิตย์ตกครับ ที่จุดชมวิว

ก็ไปนั่งรอดูพระอาทิตย์ตกกัน ผ่านมาเกือบ 1 วัน ผมและเธอ เริ่มจะสนิทกันมากขึ้น

ดูเธอผ่อนคลายมากขึ้นเยอะ เริ่มเป็นตัวของตัวเอง เริ่มเซลฟี่ ให้ถ่ายรูปให้

แต่มันมาฟินตรงนี้ครับ ผมชวนเธอถ่ายรูปคู่บ้าง แต่เธอไม่ยอม เลยขอแบบหันหลังละกัน

เลยให้น้องที่มาด้วยกันถ่ายให้

ตอนแรกก็ไม่มีอะไร แต่ที่ฟินคือ อยู่ๆ เธอกะเอาหัวมาซบไหล่ผมครับ หืม.....

อย่านะ คิดนะเว้ย 55+

รู้สึกแปลกๆ ดีนะ คนที่เราแอบชอบ ที่เพิ่งเจอกัน 1 วัน

มานั่งรอดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน แถมยังมาซบไหล่เราด้วย อืม..ฟิน ฟิน ซิครับ อิอิ

เอาจริงๆ เธอคงเหนื่อย คงอยากได้ไหล่ใครสักคน ให้พิง ได้พัก ให้หายเหนื่อย

แต่ผมนี่ซิ โครตรู้สึกดีเลยครับ 555

บรรยากาสก็ดี ได้มานั่ง ดูพระอาทิตย์ตกกัน 2 คนแบบนี้

โอ้ย.... โครตฟิน ครับ 55

สวยดีเหมือนกันนะ

ลากันด้วย ภาพความฟินครับ เดี๋ยวมาต่อนะ เลิกงานพอดี อิอิ

หลังจากดูพระอาทิตย์ตกกัน 2 ต่อสอง แบบแอบๆ สวีทนิดนุง (คิดไปเอง อีกละ 55+ ) ก็ได้เวลาอาบน้ำกันละ
จะบอกว่า วันที่ไป น้ำเย็นมากกกกกก ก ไก่ล้านตัว ยังกะเอาน้ำ ในช่องฟิตมาอาบ เหมือนเอาเข็มมาแทงที่ตัว เป็นร้อยๆ บรึ๊ย..

แต่ก็ต้องอาบครับ เดินทางมาทั้งวัน เหงื่อท่วมเลย ห้องน้ำที่นี่ดีมากครับ
มีหลายห้องด้วย เป็นแบบนั่งเหมือนชักโครก แต่ราดน้ำเอา มีสายฉีดก้น มีฟักบัว จัดว่าดีเลยทีเดียว

อาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาหม่ำๆ ละ บนลานกางเต็นท์ จะมีร้านค้าอยู่ร้านเดียวนะครับ
ใครไปวันธรรมดา โทรเชคหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อร้านไม่เปิด จะไม่มีอะไรกินเอา แกชื่อพี่หน่อยครับ 087-1853585

เมนูอาหาร ก็ตามนี้ ฟินตรงมีหมู่จุ่มนี้แหละครับ 55+ แต่แอบแพงไปนะ ไม่เป็นไร แลกกะความฟิน


500 กะต้องจัดละ นาทีนี้ 55+ แนะนำว่ามาหลายคน สั่งสักชุด แล้วซื้อหมู่กะผักมาเพิ่มเอาก็โอเครนะครับ


หลังกินข้าวเสร็จ ก็มานอนคิด เอาไงดีว้า เหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกแค่วันเดียว คืนนั้น ผมเลยตัดสินใจ

" ขอเธอเป็นแฟนครับ "

ผมบอกกับเธอ ประมาณว่า ขอให้เราทำเหมือนเป็นแฟนกันได้มั้ย อยากให้เวลาที่เหลือ แค่วันเดียว มันมีความสุขที่สุด

อยากทำตัวเหมือนเรา เป็นคนรักกัน อยากดูแล แบบคนรัก อะไรแบบนี้

เธอ ก็ อึ้งๆ ครับ ก็ไม่พูดอะไร บอกแค่ว่า เราเพิ่งจะรู้จักกันเองนะ

ผมเลยบอก ไม่เป็นไรงั้น เดี๋ยวพี่จะดูแลเรา เหมือนแฟนเอง อยากทำให้เรามีความสุข ช่วงเวลา ที่เราต้องอยู่ด้วยกัน อีก 1 วัน

คืนนั้นก็นอนกันไปแบบ งง งง 55+ น้องเค้าคงคิด อะไรของอ้ายพี่คนนี้มันว่ะ เจอกันวันเดียว มาขอเค้าเป็นแฟน 55+

เอาน่า..ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แต่ผมก็คิดแค่ว่า จะทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอมีความสุขที่สุด

ในช่วงเวลาที่เรายังอยู่ด้วยกันแค่นั้นเอง

แล้วมาต่อกันครับ ว่า สิ่งที่ผมขอเธอไป มันจะเป็นยังไง .. รอติดตามกันนะครับ


วันที่ 3 วันอาทิตย์ 03.30 น.

เสียงเจ้าหน้าที่ ประกาศแต่เช้า ให้คนที่จะขึ้นยอดดอยผ้าห่มปก เตรียมตัวกัน

ตื่นมาแบบ งัว เงีย เพราะอากาศมันหนาว มากกกก....

เรียกว่าผ้าห่มนวมที่เช่ามา นี่เอาไม่อยู่เลยครับ หนาวจริงๆ น่าจะ 6 - 7 องศาได้เลย
แต่ก็ต้องตื่น เพราะเราต้องเดินอีก 3.5 กม. เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุดดอยผ้าห่มปก

กว่าจะจัดแจ้ง ทำธุระเสร็จ กะปาไปตี 4 นิดๆ เหลือเราแค่ 2 คนละครับ 55+
คนอื่นเค้าทยอยขึ้นไปกันหมดละ เห็นไกลๆว่ามี กลุ่มนำหน้าเราไป อยู่กลุ่มนึง

จริงๆ การจะขึ้นไปยอดดอยผ้าห่มปก ต้องจ้างคนนำทางนะครับ กลุ่มละ 300 บาท ต่อคนนำทาง 1 คน
แต่วันที่ไปคนเยอะมาก เลยเหมือนเค้าจะเดินตามๆ กันไปเอา ยังไงถ้าคนน้อย ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ หาคนนำทางด้วยนะครับ

เส้นทางการเดินขึ้น จะมีทั้งหมด 8 จุด อันนี้ถ่ายตอนกลางวันมาให้ดูกัน เพราะตอนเดินมันมืดมาก
ได้แต่ส่องไฟฉาย ก้มหน้าเดิน ไปตามทางเรื่อยๆ ครับ

เนื่องจากเราต้องเดินในความมืด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ไฟฉายนะครับ ต้องเตรียมกันมาทุกคน

เพราะใช้เวลาเดิน 2 - 2 ชม. ครึ่ง ใช้ไฟจากโทรศัพท์ อาจแบตหมดได้เลย

ถามว่า 3.5 กม. นี้เดินลำบากมั้ย บอกเลยว่า ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากครับ 55+

คือ 8 จุดที่บอก มี 2 ช่วงที่เดินขึ้นเขาหนักๆเลย แบบชันเอาเรื่อง

จากจุดที่ 1 กล้วยไม้ ไป จุดที่ 2 ปาด นี้ เห็นป้ายเท่านั้นแหละ ผมนิ ร้องป๊าด.. ทันที

เดินมาตั้งนานเพิ่งถึง จุดที่ 2 เนี่ยนะ 55+ สมชื่อ จุดเลย ผมตั้งให้ใหม่อะ เป็น ป๊าด แทนนะ 55+

ช่วงแรกนี้ เราจะเจอ ตัวโหด นั่นคือ เนินวัดใจ ขึ้นเนินกันยาวๆ เลยครับ 55+ อันนี้ถ่ายตอนขาลง

แต่ดีที่ มันจะมีทางราบ สลับกับเนิน เรื่อยๆ ครับ ก็ 3.5 กม. ผมเดินกันไปกะเธอ 2 คน ใช้เวลาไป 2 ชม. ครับ 55+

แต่ในระหว่าง เดินขึ้นไป สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อคืน เหมือนมันจะได้ผลนะ

ดูเธอเริ่ม ปล่อย มากขึ้น ขี้เล่นขึ้น ขี้อ้อนขึ้น น่ารัก เลยทีเดียว แอบชอบเธอก็ตรงนี้ อิอิ

จะว่าโรแมนติคมั้ย บางจุดก็ แปลกๆนะ มานั่งพิงกัน อยู่ในป่า มืดๆ 2 คน ตี 4 ตี 5 55+

จะว่าดีก็ดี แต่ก็หลอนๆ ไปอีกแบบนะ 55+

คือมันจะเดินกันเป็นกลุ่มๆ ละ แซงกันไป แซงกันมา ด้วยความที่มันมืดมาก

แต่ละคน ก็ได้แต่ก้มหน้า เดินๆๆ แล้วก็เดิน เหนื่อยก็หยุดพัก แล้วก็เดินต่อ

อ้อ ที่สำคัญอีกอย่าง ขาดไม่ได้สำหรับการเดินขึ้นยอดดอยผ้าห่มปก " น้ำดื่ม " ครับ ห้ามลืมเด็ดขาด

เพราะมันเหนื่อยเอาเรื่อง แถมขึ้นไปถึงข้างบน ไม่มีร้านค้า ไม่มีน้ำดื่มนะครับ

ก็เดินกันไปเรื่อยๆ หยอกล้อ เล่นกันไป คุยกันไปเรื่อยๆ

ในที่สุดเราก็มาถึง ยอดดอยผ้าห่มปกครับ ใช้เวลาไป 2 ชม.ได้

ช่วงสุดท้ายนี้ก็ขึ้นเนิน ยาวๆ เหมือนกันครับ ราวๆ 300 - 500 เมตรได้

แต่พอขึ้นมาได้ ก็หายเหนื่อยครับ เดี๋ยวพัก เรื่องเรา 2 คน ไปชมบรรยากาศสวยๆ บนยอดดอยผ้าห่มปกกันครับ


พระอาทิตย์เริ่มมาละ


วันที่เราไป คนเยอะพอสมควรครับ ข้างบน ราวๆ 100 คนได้ แต่ก้พอมีช่องให้ถ่ายรูปได้นิดหน่อย

พระอาทิตย์มาแล้ว สวยมากกกก....


ยิ่งขึ้น ยิ่งสวย ช่วงแรกๆ นิสวยมาก ทุกอย่างเริ่มเป็น สีทอง ...


เริ่มสว่าง แต่ก็ยังสวย อยู่


สวยจริงๆ ครับ คุ้มค่าที่ขึ้นมาเลยจริงๆ


หันไปดูข้างหลัง ว้าว... สวยมาก.. คือเป็นจุดชมวิว ที่ดูได้แบบ 360 องศากันเลยทีเดียว


นี่แหละครับ จุดสูงสุดยอดดอยผ้าห่มปก ดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย แต่วิวนิ ที่ 1 เลยนะ


ไหนๆ มาละ ขอถ่ายรูปคู่บ้าง แต่ขออนุญาติเบลอหน้านะครับ 55+ (แล้วมะรึงจะโชว์ทำไม)

จะบอกว่า จริงๆ ช๊อตนี้ คือโครตฟิน เลยครับ เล่าเองยังเขิลเลย 55+

อยู่ๆ น้องที่ไปด้วยกัน ก็เดินมาถามว่า พี่ให้หนูถ่ายรูปคู่ให้มั้ย

เราก็มองหน้ากัน ทางเธอก็ปฏิเสธ แต่ผมก็บอกไปว่า อะ ไหนๆ ก็มาละ ขอถ่ายรูปคู่กัน สักรูปละกัน

เลยได้รูปคู่ รูปนี้มาครับ 55+


แล้วมัน ฟิน ตรงไหน ตรงจังหวะที่เรา ถ่ายรูปกันนี่แหละครับ

จังหวะที่เราถ่ายรูปเสร็จ อยู่ๆ เธอก็หันมามองหน้าผมครับ จังหวะที่เราสบตากัน มองตากัน

แล้วสักพัก มันก็เขิล แล้วก็หลุดยิ้มออกมา แบบว่า น้องเค้าถ่ายไว้ได้ ทุกช๊อตเลย ครับ 55+


คือเหมือนคนเพิ่งเป็นแฟนกัน แต่มาเที่ยวด้วยกัน ต่างคน ต่างยังมีความอายอยู่

จังหวะที่สบตา มันเลยเขิลมากๆ น้องที่ถ่าย ยังบอกว่า น่ารักดีอะพี่ 55+


ไม่รู้จะบอกน้องยังไง พี่ก็เพิ่งชอบเค้า เพิ่งเจอเค้าเมื่อวาน นี่แหละน้อง 55+

แต่พูดไป เดี๋ยวคนจะมอง ไม่ดี เลยไม่บอกดีกว่า แล้วก็เสียดาย ที่เอามาให้ทุกคนดูไม่ได้จริงๆ ครับ ขอโทษก๊าบ


หลังจาก ดื่มด่ำ บรรยากาศ ความสวยงามจนสะใจ ก็ได้เวลาลงครับ

เวลาของความสุข มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เดี๋ยวลงไป ก็ต้องกลับ ต้องแยกทางกันแล้ว เฮ้อ...

แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลา ที่ผมมีความสุขมากเลยนะ

คุณเคยแอบชอบใคร รึป่าว ... แล้วการที่เราได้ไปเที่ยวกับคนที่เราชอบ แบบ 2 ต่อ 2 นี่คือที่สุดเลยนะ

ที่สำคัญ เราดัน ทำเหมือน เป็นแฟนกันซะอีก เรียกว่า มีมาซบ มากอด โอบกัน เล่นกัน หยอกกัน

บอกเลยว่า ในชีวิตนี้ โมเม้น ณ ตอนนี้ มันช่างมีความสุข ที่สุดเลยครับ

ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ วิวสวยๆ แถมยัง อยู่ข้างๆ กับคนที่เราชอบ มัน ฟิน มันมีความสุข มากๆ เลย

ถึงแม้ จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ถึงแม้จะเป็นแค่ อารมณ์ ความรู้สึก ที่เราแกล้งหลอกตัวเอง ว่าเราเป็นแฟนกัน

แต่อย่างน้อย มันก็เป็นความทรงจำ ที่ดีมากๆ เป็นช่วงเวลา ที่มีความสุขที่สุด

อยากบอกเธอคนนั้นนะครับว่า...

ขอบคุณมากๆ ที่ชวนมาครั้งนี้

ขอบคุณมากๆ ที่ ทำให้ผู้ชาย คนนี้ มีความสุข ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

เธออาจแค่ต้องการมาพัก ต้องการลืมใครสักคน เธออาจไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ก็ได้

แต่สิ่งที่ผมได้รับ มันเป็นความรู้สึก ที่ดีมากๆ เป็นความทรงจำที่ดีที่สุด ครั้งนึงในชีวิต ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย

ขอบคุณนะ ยายเพี้ยน ..


เดี๋ยวมาติดตามต่อกันนะครับ ว่าการเดินทางของเราจะเป็นยังไงต่อไป จะมีอะไร ให้เซอไพร์ อีกมั้ย

เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงยังไง รอติดตามกันได้เลยครับ ...


มาต่อกันครับ หลังจากฟินกันไป เรียบร้อย กับบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ พร้อมกับสาว น่ารักๆ แฟนเดย์ของผม
ก็ได้เวลากลับไปที่เต็นท์ละ อยากอยู่นานๆ จัง อิอิ

สัก 8 โมงเราก็เริ่มเดินลงมากันครับ ขาลงใช้เวลา แค่ 1 ชม. ก็เดินชิลๆ ครับ ขาลงสบายมาก 55+

ช่วงขาลง ก็เริ่มสว่างแล้ว แล้วก็เดินชิลๆ ทำให้เรา 2 คน ได้คุยกันมากขึ้น
คราวนี้ เหมือนเป็นแฟนกัน หนักก่าเดิม 55+ ผมทั้งอ้อน หยอกเธอ ขอกอด ขอพิง โอ้ย.. มีความสุข 55+

ใจผมอะอยากให้ เดินสัก 10 กิโลไปเลย จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ 55+ ( แหมเก่งเลยนะ ขาลงเนี่ย 55+ )
ด้วยความที่เหนื่อย อากาศหนาวๆ เดินไปก็หยุดพักไป เล่นกันไป มันมีความสุขมากเลยครับ

เดินลงมาจนจะถึงละ อยู่ๆ ก็หันไปเจอวิวแบบนี้ ครับ โอ้ว..อลังการมาก มีทะเลหมอกใกล้ๆ ด้วยครับ

ใครผ่านมาเจอตรงนี้ ก็ร้องเหมือนกันทุกคนเลยครับ " ว้าว... " คือทะเลหมอกมาเต็มมาก แล้วก็อยู่ใกล้มาก

เราก็หยุดถ่ายรูปกันพักนึง ก็เดินต่อครับ สักพักก็มาถึงที่จุดกางเต็นท์

แต่ แต่ ... ใครจะไปคิดครับ ว่าที่จุดกางเต็นท์เรา ก็สามารถดูทะเลหมอก แบบอลังการได้

เรียกว่า ใครไม่ขึ้นยอดดอย ก็สามารถ ตื่นมาชม พระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกที่นี่ได้เลยครับ

สวยงาม .... แต่ยังไง ข้างบน ก็สวยกว่านะ 55+


วิวแบบนี้ ต้องจัดครับ 55+ ( มองหาใครบางคน )


และแล้ว เวลาแห่งความสุข ก็หมดลงซะแล้ว ต้องกลับกันจริงๆ ละครับ

เก็บเต็นท์ไป ก็ใจหายไป อีกไม่กี่ ชม. เราก็ต้องแยกจากกันแล้วซินะ


คือเรา 2 คนไม่ได้ กลับ กรุงเทพ พร้อมกันครับ เธอจะอยู่เที่ยวต่อ ส่วนผมต้องกลับไปทำงาน

แค่คิดถึงเวลาที่เรา ต้องแยกกัน ใจก็หวิวๆ ยังไงไม่รู้ครับ


เอ๊ะ .. หรือผมจะ ชอบ เธอ เข้าไปแล้วจริงๆ

ไม่น่า แค่ 2 วันนี่นะ ...

อืม.... มะรึง นะแหละ ชอบเค้า ...


ยอมรับเลยครับว่า ช่วงเวลา สั้นๆ แค่ 1 วัน ที่ผ่านมา ผมชอบเธอ ไปแล้วจริงๆ

ด้วยความน่ารัก ขี้เล่น ขี้อ้อน รอยยิ้ม ความเป็นกันเอง เป็นคนง่ายๆ สบายๆ


ผมหลงชอบเธอไปแล้วเต็มๆ ครับ เฮ้อ ... อยากให้เวลา มันนานกว่านี้จัง

ทำไมเวลาแห่งความสุข มันช่างสั้นเหลือเกินนะ ใครมันเขียนบท มาฟร่ะเนี่ย 55+

เก็บของเสร็จ นัดลุง คนขับกะน้องๆ กลุ่มที่ขึ้นมาพร้อมกันไว้ 10.30 น. ก็ได้เวลากลับละครับ

ตลอดทางลงมาจาก จุดกางเต็นท์ ผมก็คิดมาตลอด เอายังไงดีว้า .. อยากอยู่กับเธอ อีกสักวันจัง


เปิด Google Search หาการเลื่อนตั๋วรถทัวร์ เห้ย.. มันเลื่อนได้นี่หว่า แต่ต้องไปก่อนเวลารถออก 3 ชม.

ผมจองรถทัวร์ขากลับไว้ 21.30 น. ถ้าผมไปถึงขนส่งอาเขต ก่อน 6 โมงเย็น จะเลื่อนตั๋วไปอีกวันได้

เห้ย ... เห้ย .... เริ่มมีความหวังละเว้ย 55+

แต่ผมยังไม่ได้บอกเธอนะครับ ว่ามันอาจจะเลื่อนตั๋วได้


จากนั้น ลุงก็มาส่งเราที่ท่ารถ อ.ฝาง ครับ คือสามารถบอกรถได้เลยนะครับ ว่าให้ไปส่งที่อุทยาน หรือมาลงท่ารถ ใน อ.ฝาง

ก็ให้ค่าน้ำมัน แกไปนิดหน่อย ดีก่า เหมารถออกมาจากอุทยาน

มาถึงท่ารถ ก็ตกลงจะนั่งเจ้านี่กลับเชียงใหม่กันครับ

นี่หวานเย็นในตำนาน 55+


แอบตื่นเต้น ไม่ได้นั่งรถ ประจำทาง แบบนี้มานานมากกก ละ 55+

แต่ผมว่ามันได้บรรยากาศ สุดๆ เลยนะครับ แบบนี้ ลมเย็นๆ พัดมาทางหน้าต่าง ได้ฟิลแบบอีกแบบ

ขึ้นมาก็จับจองที่นั่งกัน ค่าโดยสาร แค่คนละ 80 บาท เท่านั้นเอง จาก อ.ฝาง ไปลง ขนส่งช้างเผือก


สักพักรถก็ออก เราได้รอบ 12.00 น. มีเวลาเหลือๆ เลยทีนี้ ยังไงก็ไป ขนส่งอาเขต ทันแน่ๆ

อ้อ รถหวานเย็น นี่ไม่มีห้องน้ำนะค๊าบ จะจอดเวาะแค่ที่เดียวคือ อ.เชียงดาว

เพราะงั้นก่อนขึ้นรถ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย อย่าให้เหมือนยายแฟนเดย์ของผม

ไม่ยอมเข้าก่อนขึ้นรถ แล้วเป็นไง ออกมาได้พักนึง ปวดฉี่ ซิครับ 55+

เห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็แอบชอบ ในความ โก๊ะของเธอ มีจุดนึงเป็นด่านตรวจ

มันก็จะมีเจ้าหน้าที่ เดินขึ้นมาตรวจบัตรประชาชน ทุกคนบนรถ (นานแน่ๆ)

ผมก็บอกเธอว่า เนี่ยแหละ ลงไปเลย มีห้องน้ำตรงป้อมตำรวจ ตรวจแบบนี้ เข้าทันแน่นอน

ยายแฟนเดย์ ก็ เงอะๆ งะๆ ไม่กล้าไป สุดท้ายใช้เวลาตรวจ นานมาก แต่เธอ ก็ไม่ได้ลงไปครับ 55+

นั่งอั้นกันต่อไป คิดแล้วกะขำ 55+ สุดท้าย เสียงสวรรค์


" รถจอด เชียงดาว 5 นาที นะครับ ใครจะทำธุระอะไร ก็รีบๆ นะครับ "

แหม .. ยายแฟนเดย์ผม แทบจะกระโดด ลงทางหน้าต่าง 55+

รถจอดปุ๊บ แว๊บ.. ไปอย่างไว 55+ เนี่ยแหละครับ ประสบการณ์ ขำ ขำ ของการนั่งรถหวานเย็น


เข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จ สบายตัว ก็นั่งรถกันต่อครับ

ระหว่างนั่งรถมา ด้วยความที่เจ้ารถหวานเย็น มันคันเล็ก แถมมีลมเย็นๆ พัดเข้ามา

ยายแฟนเดย์ก็หลับซิครับ 55+

แต่ชอบตรงนี้แหละ เธอมาซบไหล่ผมครับ อิอิ ..

แหม.. นั่งรถหวานเย็นแบบนี้ ชมวิวสวยๆ ลมพัดเย็นๆ แถมมี สาวๆ น่ารัก มานั่งซบไหล่

โอ้ย.. ฟิน 55+

ผมเลยตัดสินใจ เอาว่ะ อยู่ต่ออีกสักวัน อยากอยู่กับเธอให้นานกว่านี้ ขอยืดเวลาความสุขไปอีกสักวันละกัน ลางานก็ยอมละว่ะ

ต้องไป เปลี่ยนตั๋วให้ได้ กะเลย บอกเธอไปว่า พี่จะลองไปเลื่อนตั๋วรถทัวร์ดูนะ

เดี๋ยวเราไปลง ช้างเผือก แล้วต่อรถไป ขนส่งอาเขตกัน

เค้าบอกเลื่อนได้ก่อนเดินทาง 3 ชม. เราน่าจะไปทัน แล้วจะไปไหนต่อจากนี้ค่อยว่ากัน 55+

คือเธอก็ยังไม่ได้คิด ว่าจะไปเที่ยวไหนต่อ

เราเลย กะไปลุยกันก่อน ว่าเลื่อนตั๋วได้มั้ย ถ้าได้แล้วค่อยคิดว่าจะไปไหนกัน 55+ เที่ยวแบบไม่มีแพลนกันเลยทีเดียว

แต่ความสนุกของการเดินทาง แบบไม่มีแพลน มันอยู่ตรงนี้แหละครับ

อยู่ตรงที่เรา สามารถไปไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนนานๆ ก็ได้ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

ได้ซึมซับ กับบรรยากาศ ระหว่างทาง ไม่ต้องรีบ

แถมวันนี้ โชคดี ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ คนนี้ แฟนเดย์ ของผมครับ อิอิ


15.30 น. เราก็มาถึงขนส่งช้างเผือกครับ
นั่นไง เวลาเหลือๆ เลย ก็ต่อรถแดง ไปลง ขนส่งอาเขต รอบนี้คนเต็มไว ค่ารถก็คนละ 20 บาท สบายๆ

แล้วเราก็มาถึง ขนส่งอาเขต ออฟฟิส บขส.จะอยู่อาเขตเก่านะครับ
ผมก็ไปติดต่อขอเลื่อนตั๋ว แล้วในที่สุด ก็เลื่อนได้ครับ เย้ๆๆๆ

ได้อยู่ต่ออีก 1 วันละเว้ย

แต่ก็แอบแกล้งเธอ เดินซึมๆ ไปหา แล้วบอกเธอว่า

" แย่ละซิ .. จะไปไหนกันต่อดี ละทีนี้ 55+ "

ไม่รู้เธอจะดีใจ รึเสียใจ ได้อยู่กับผมต่ออีก 1 วัน แต่ผมเนี่ย ดีใจโครตๆ 55+

เลื่อนตั่วได้ละ เอาไงต่อละทีนี้ แผนที่คุยกันมาคร่าวๆ บนรถหวานเย็น คืออยากไปเล่น Jungle Coaster กัน
มันจะอยู่แถว ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน เราก็ไปหาที่กางเต็นท์นอน แถวนั้นกันเอา

แล้วจะไปกันยังไง เย็นขนาดนี้ วิธี ที่ง่ายที่สุด แล้วสะดวกที่สุด ก็คือ สายแว๊นส์ ครับ 55+
ช่ายแว้ว เช่ามอไซค์ขับ นี่แหละ ไวสุด สะดวกสุด ก็ใช้บริการ ร้านเดิมครับ

คอนเฟิร์มอีกราย ว่าร้านนี้บริการดี รถได้คุณภาพ Bikky เลยครับ

นี่เจ้ารถคู่ใจเราทริปนี้ ค่าเช่าวันละ 300 บาท ถือว่าโอเครเลย ขึ้นเขานี่ สบายๆ เลยครับ


ได้รถแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลย เย้ๆ ... จุดหมายเรา คือ ม่อนตะวัน ครับ

ดีที่ผมมาเชียงใหม่บ่อย เรื่องเส้นทาง นี่หายห่วง จากขนส่งอาเขต ไปม่อนตะวัน ก็ไม่ไกลครับ ราวๆ 40 กม.


วันที่เราไป ดันไปเจอ ขบวนเสด็จ อีกละ มาที่นี้ รอบแรกก็เจอ

ทำให้ จากที่น่าจะไปถึง 17.00 น. กลายเป็นไปถึง เกือบ 6 โมง คือฟ้าเริ่มมืดแล้ว

ยังดีที่ยังมีเต็นท์ว่างให้เธอ เหลือ 2 เต็นท์ สุดท้ายพอดี 55+ ส่วนผมก็กางใกล้ๆ กันนะแหละครับ

ค่าเต็นท์ คืนละ 800 บาท มีอุปกรณ์ครบ ค่าที่กางเต็นท์ก็ 300 บาท

กางเต็นท์เสร็จ เก็บของ ก็ได้เวลามื้อเย็น และแล้ว เมนู อาหารเย็นเรามื้อนี้ก็คือ

หมูกระทะครับ 55+

จัดไป รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ ชุดละ 450 กิงกะกิงฟร่ะ เพื่อความฟิน


กินข้าวเสร็จก็อาบน้ำ ห้องน้ำที่นี่ ถึงจะเป็นห้องน้ำรวม แต่ดีมากๆ เลยครับ เพราะมีเครื่องทำน้ำอุ่น 55+

สบายตัวกันไปคืนนี้ ได้อาบน้ำอุ่น หลังจากเอา น้ำแข็งในช่องฟิต มาผสมน้ำอาบเมื่อคืน 55+

คืนนั้น ก็ไม่ได้คุยไรกันมากครับ อาจเพราะเริ่มเหนื่อยจากการเดินทาง

เรากะเลยพักผ่อนกันเร็ว 4 ทุ่มกะนอนกันละ พรุ่งนี้ต้องมีภารกิจ อีก 1 วัน

โดยกิจกรรมพรุ่งนี้ของเรากะคือ การไปเล่น Jungle Coaster แล้วก็ไปตะลุย ขุนช่างเคี่ยนครับ อิอิ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ ฝันดี ลาตรีสวัสดิ์ ...


วันที่ 4 วันจันทร์ วันสุดท้าย

บรรยากาศยามเช้า หน้าเต็นท์ ที่ม่อนตะวัน สวยสุดๆ ได้เห็นพระอาทิตย์ ขึ้นจากหน้าเต็นท์ กันเลยทีเดียว

อยากตื่นมาเจอวิวแบบนี้ ทุกวันเลยจริงๆ โชคดี สุดๆ ที่มาได้ เต็นท์ ตรงนี้

วันนี้เป็น เช้าวันที่ 3 แล้ว ที่เราได้อยู่ด้วยกัน แล้วก็คง เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

ต้องใช้เวลาที่มี ให้คุ้มที่สุด 08.00 น. เรากะเลย เก็บของ เตรียมตัวออกเดินทางกันครับ

จุดหมายแรกของวันนี้ ก็คือ การไปเล่น Jungle Coaster ครับ

อิอิ อยากเล่นมานานละ เคยมีข่าว ชนกัน เลยปิดไปรอบนึง รอบนี้ปรับปรุงใหม่ ต้องไป พิสูจน์ว่าเป็นยังไง

จากม่อนตะวันไป Pong Yang Zipline & Jungle Coaster ก็ไม่ไกลครับ ราวๆ 4 กม.


ก็ขับลงไปตามทาง ที่เรามาเมื่อวานเลยครับ มันจะอยู่ขวามือ มาถึงตรงนี้กะเลี้ยวเข้าไปเลยครับ


ค่าเครื่องเล่นจะมีหลายแบบนะครับ มี Zipline ด้วย

ถ้าเล่นแบบ Full ทุกฐาน ราคา 2,000 บาท

แบบประหยัด 9 ฐาน ราคา 900 บาท

ส่วนค่าเครื่องเล่น Jungle Coaster คนละ 150 บาท เท่านั้นเองครับ

ไปดูบรรยากาศกันครับ


ถามว่าสนุกมั้ย ก็เสียวๆ ดีครับ เสียวมันหลุดจากรางเนี่ยแหละ 55+

แต่คิดว่าคงปลอดภัย แหละครับ เพราะยังไม่เคยมีใครหลุดไปนะ 55+

แต่มีข้อเสีย หรือข้อควรระวังอย่างเดียว คือ รถที่นั่งทุกคัน จะมีเบรก ถึงเค้าจะห้ามหยุด เด็ดขาดก็ตาม

เพราะงั้น ควรให้คนที่เล่นก่อน ไปให้ไกลที่สุด หรือ เล่นจบไปก่อนได้ยิ่งดี


เราจะได้ไม่ต้องกลัว ไปชนกะเค้านะครับ ผมนิกลัวคนข้างหน้าหยุด หรือช้า มากกก

แล้วเราก็เพลินๆ ไปชนท้าย อย่างที่เคยเป็นข่าวมานะแหละครับ


ยังไง ใครไปเล่น ก็ระมัดระวัง สังเกต คันข้างหน้าให้ดี แล้วก็อย่าเบรก จนคน ข้างหลังตามมมาทัน

เดี๋ยวชนกันมาจะวุ่นวายอีก นะครับ


ไปมันส์กันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ จุดหมายต่อไปคือ ขุนช่างเคี่ยน

ดีที่ผมพอจะมี ญาติ อยู่ในเมืองเชียงใหม่ เลยเอากระเป่าไปฝาก ไว้ก่อน

ไม่งั้นได้แบกเอากระเป่า และเต็นท์ขึ้นเขาไปด้วยแหง่มๆ 55+


12.00 น. เอากระเป๋า ไปฝากเสร็จ มื้อเที่ยง เรียบร้อย ก็ได้เวลาลุย ขุนช่างเคี่ยนครับ

ขุนช่างเคียน เป็นจุดชม นางพญาเสือโครง ที่สวยที่สุด อีกแห่งหนึ่ง ในเชียงใหม่เลยครับ


ทางขึ้นก็ ขึ้นตรงดอยสุเทพนะแหละครับ แต่เราต้องขับ ขึ้นไปอีก เลยพระตำหนักขึ้นไปอีก

ทางช่วงบนๆ ก็โหดเอาเรื่องครับ เพราะทางแคบมาก ใครจะไปก็ขับรถระวัง กันนิดนึง

13.00 น. เราก็ขึ้นมาถึง ขุนช่างเคี่ยนครับ ยังบานไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่ก็มีบางจุด ให้เราได้ไปถ่ายรูปกัน


ไปชมความสวยงามของขุนช่างเคี่ยนกัน


นางพญาเสือโครง เริ่มบานแล้ว


โมเม้น ตอนนี้ ก็เหมือนแฟนกันเรียบร้อยละครับ 55+

นั่งมอไซค์มา ก็มีกอด โอบเอว สงสัยจะกลัว ทางขึ้นเขา

แต่คนขับนิ ฟิน ครับ 55+

เราก็ถ่ายรูปกัน เซลฟี่ บ้าง ถ่ายรูปคู่บ้าง ใครไม่รู้ก็คงคิดว่า เป็นแฟนกันนะแหละครับ

เริ่มมีเรียก ตะเอง เรียก เค้า บ้าง 55+ ดูรักกันเนอะ อิอิ

เวลา ตอนนั้น มันช่าง มีความสุขเหลือเกิน

ไม่ต่างอะไร กับการพาแฟนมาเที่ยวเลยครับ

ไม่รู้เธอจะคิดเหมือนผมรึป่าว แต่สำหรับผม เวลาตอนนั้น มันมีความสุขจริงๆ

การได้อยู่ใกล้ๆ เธอ ได้ดูแลเธอ ได้เห็นรอยยิ้ม ของเธอ มันช่างมีความสุขจริงๆ ครับ

จากที่ต้องเอารถไปคืน บ่าย 4 เรากะเลยตกลงกันว่า ยอมเสียค่าปรับ นิดหน่อย แล้วไปคืนรถช้าดีกว่า

จะได้อยู่ด้วยกันอีกนานๆ 55+ ป่าวครับ จริงๆ เธออยากเวาะเที่ยว ซื้อของดอยปุย ตะหาก 55+

อะๆ จัดให้ เธอ หน่อย ไหนๆ ก็วันสุดท้าย แล้ว กะเลยไปเวาะ หมู่บ้านดอยปุย กันอีกที่นึง

จุดชมวิวดอยปุย ครับ

เวาะซื้อของกันสักพัก ก็ได้เวลาต้องกลับ กันจริงๆ ละครับ

เวลาแห่งความสุข มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน


ก็กลับมาเอากระเป๋าที่บ้านญาติ ผมก็ขออาบน้ำ เปลี่ยนชุด เราก็เอารถไปส่งร้าน Bikky ขนส่งอาเขต

เราต้องแยกกัน ที่นี่ จริงๆ ละครับ เธอจะไปเที่ยวต่อ ที่ จ.เลย ส่วนผมต้องกลับ กทม. ละ

ด้วยความที่เรามาช้า มาถึง 6 โมงครึ่ง รถเธอออก 19.00 น. ส่วนของผม 20.30 น.

ทำให้มาถึง เธอก็ต้องขึ้นรถเลย สิ่งที่ผมทำได้ คือยืนมองเธอ แล้วโบกมือ บายๆ พร้อมส่งยิ้มให้เธอ


เวลา ณ ตอนนั้น มันบอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนหัวใจมันสลาย..

ใจมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้ นี่เราต้อง แยกจากกันแล้วจริงๆ หรือเนี่ย


ข้างในใจ มันสับสนไปหมด จากนี้ไป มันจะเป็นยังไง ต่อไป ความสัมพันธิ์ ที่ผ่านมา มันจะเลื่อนหายไปมั้ย

ที่สำคัญ เราจะได้เจอกันอีกรึป่าว มันยังไม่พร้อม ที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย


" เดินทางปลอดภัยนะ แล้วเจอกันใหม่ "


ประโยคสุดท้าย ที่ผมกล่าวลาเธอ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสดใส ความน่ารัก ของเธอ

ไม่รู้ ผมจะได้เจอมันอีกรึป่าว เวลา แค่ 4 วัน ทำไม มันน้อยแบบนี้นะ


ใครเป็นคนเขียนบท ชะตาชีวิต ให้เรา 2 คนต้องมาเจอกัน แค่ 4 วัน

ให้ผมต้องรู้สึกดี มากๆ กับใคร บางคน แล้วมา กระชากมันไปจากผมอีกครั้ง


ไม่ชอบ วินาที แห่งการจากลา แบบนี้เลย

แต่ก็ต้องทำใจ ยอมรับมัน เห็นเธอขึ้นรถ ปลอดภัย ผมก็โอเครแล้ว


เดินจากเธอมา พร้อมความรู้สึกสับสนในใจ

ความรู้สึกดีๆ ที่ผ่านมา ทั้ง 4 วัน มันจะเป็นยังไง ต่อไปนะ

เธอจะรู้สึกเหมือนผมบ้างรึป่าว หรือเธอไม่เคยคิดอะไร กับผมเลย


กลับมานั่ง อยู่ร้านข้าว คนเดียว สั่งเบียร์มา กิน แล้วก็ดูรูปเธอ นั่งคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา ตลอด 4 วัน

นี่มันจบลงแล้วเหรอเนี่ย .....


คืนนั้น ผมนั่ง อยู่บนรถทัวร์ เปิดเพลงฟัง แล้วก็ดูรูปเธอ

อยู่ ๆ น้ำตา มันก็ไหลออกมา นี่เรา เป็นอะไรว่ะ ...

แค่คิดว่า ไม่รู้ว่าจะได้เจอเธออีกมั้ย น้ำตา มันก็ไหล ออกมาเองครับ

ในเวลา 4 วัน นี่ผม ชอบ เธอ ไปขนาดนี้เลยเหรอ

หลายคนอ่านมาถึง ตรงนี้ คงอยากรู้บทสรุป ว่าหลังจาก คืนนี้ เหตุการณ์จะเป็นยังไง ต่อไป

ผม และ เธอ จะสานต่อความสัมพันธ์ กันได้มั้ย เธอ จะชอบผมบ้าง มั้ย หรือ ผม ที่คิดไปเองข้างเดียว



แต่ชีวิตจริง มันโหดร้าย ครับ เรื่องที่จะจบ แบบ Happy ending มันคงมีแค่ในละคร

สุดท้าย เรื่องราว ดีๆ ที่ผ่านมา 4 วัน สำหรับเธอ ก็ยังคงลืม ผู้ชาย คนนั้น ไม่ได้อยู่ดี

สุดท้าย ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้เธอ มันก็แค่ ช่วงเวลา ดีๆ ที่มีให้กัน


สุดท้าย เรา 2 คนก็ไม่ได้ เป็นแฟนกัน อย่างที่หวัง


ใครจะไปคิดละครับ ว่าในชีวิตคนเรา จะได้เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

4 วัน ที่ผ่านมา มันมีเรื่องราวอะไร มากมาย เหลือเกิน เกิดขึ้น ทั้ง สุข สนุก ทุกข์ เศร้า เสียใจ

แต่มันเป็น 4 วัน ที่ผมกลับมีความสุขมากมาย

จากวันนี้ไป ไม่รู้ผมกับเธอ จะได้เจอกันอีกมั้ย ไม่รู้ว่า เราจะได้เป็นแฟนกันจริงๆ รึป่าว


แต่สิ่งหนึ่ง ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย คือ ความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา ใน 4 วันนี้



ขอบคุณ ข้อความสั้นๆ ที่ชวน ให้มาด้วยกัน ในวันนั้น

ขอบคุณ ทุกความทรงจำ ที่ทำให้ ผู้ชายคนนี้ มีความสุข

ขอบคุณตลอด 4 วัน ที่ทำเหมือน เราเป็นคนรักกัน

และขอบคุณ ทุกความทรงจำดีๆ ที่มีให้กัน ตลอด 4 วันที่ผ่านมา



สัญญา ว่าจะเก็บทุกเหตุการณ์ ทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึก

สัญญา ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ มันจะไม่เลื่อนหายไปไหน

สัญญา ว่าความรู้สึกดีๆ แบบนี้ จะมีให้เธอ ตลอดไป

และสัญญาว่า จะจำไว้ ว่าวันนึง ผมเคยได้เป็นแฟนกับเธอ



" แฟนเดย์ "

แฟนกันแค่ทริปเดียว


ขอบคุณนะ...


เที่ยวไปเมาไป

 วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.22 น.

ความคิดเห็น