" สงกรานต์ไปไหนดีอะ " มีเพื่อนคนนึง ทักมาใน Line มันกำลังหาที่ไป

อืม...คำถามง่ายๆ แต่ตอบยาก ฉมัด

ปกติสงกรานต์ผมไม่ค่อยไปไหนหรอกครับ ปีที่แล้วก็สิงสถิต กทม. มีแว๊บไป RCA นิดนึงตอนกลางคืน 55+

" ไปเล่นสงกรานต์ ............ ป่าว "

ไปดูความขาว เอ้ย ไปดูความสาว เอ้ย ไปเล่นสงกรานต์ นะแหละ แฮ่......


ครั้นจะให้กลับบ้าน ต่างจังหวัดนะเหรอ โห....ไม่มีทางครับ คนเยอะมาก ที่สำคัญ รถติด....โคร.......ต

ไปเที่ยวนะเหรอ คนก็เยอะ อีกนะแหละ ( ไอ้นี่ ชักเรื่องเยอะ จะเอาไงเนี่ย มะรึง 55+ )

ก็คนเยอะครับ แย่งกันกิน แย่งกันใช้ บ้านเราเทศกาลหยุดยาวๆ นี่เป็นอะไรที่ ไม่สมควรเที่ยวไทยเลยจริงๆ


เอ๊ะ เดี๋ยว ๆ ๆ ไม่สมควรเที่ยวไทย

ใช่แล้ว.... งั้น ไปต่างประเทศมันซะเลย 55+

ว่าแต่ไปประเทศไหนดีอะ เพื่อนบอก.. อยากไปมาเลเซีย ห่ะ...

มาเลเซีย.....

มันมีไรเที่ยวฟร่ะ ไม่เคยอยู่ในหัวเลย รู้แต่มันมีตึกคู่สูงๆ เป็นสัญลักษณ์ ใครไป มาเล ต้องมีเซลฟี่อะ

ไอ้ผมก็ไม่ใช่สายเที่ยวตึก แสงสี ชอบแนวภูเขา ทะเล ธรรมชาติมากกว่า เลยต้องมานั่งหาข้อมูล แล้วก็มาเจอที่นี่แหละครับ

" ไร่ชาฉุยฟง "

ถุ๋....ย

ไอ้บร้า.. ไม่ใช่ นั่นมันของไทย ที่เชียงราย ( แหม.. เอาสักมุขครับ 55+ ) แต่มันคือ

" Cameron Highlands "

ใช่ครับ หาข้อมูลมาจนเจอที่นี่แหละครับ Cameron Highlands เห็นแว๊บแรก ใจ..บอกว่าใช่เลย

โห...ไร่ชาอะไรมันจะสวยขนาดนี้ฟร่ะ นี่น่าจะสวยกว่าฉุยฟง ของบ้านเราอีกนะ เอาฟร่ะ ไปมันที่นี่แหละ


จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลครับ มีเวลาเดือนกว่าๆ ในการเตรียมตัว หาสมาชิก ก็มีแค่ 2 คนเองนิ

เรื่องภาษาผมเองนิ อย่าให้พูดครับ เก่ง... ป่าว ห่วยแตก เลยแหละครับ 55+

ดีที่ว่า เพื่อนที่ไปด้วย มันพอไปวัดไปวาได้หน่อย เลยอุ่นใจขึ้นมานิส 55+ สิงคโปร์ก็เคยไปมั่วมาละ กลัวไร 55+


หลังจากนั้น ผมก็เริ่มแพลนทริป ครั้นจะไปแต่ที่นี่ ที่เดียว ก็เสียเที่ยว หยุดยาวขนาดนี้ เลยลองหาที่เที่ยวที่อื่นไปด้วย

เลยมาสะดุด เข้าที่เกาะลังกาวีครับ ดินแดนต้องคำสาป เอ๊ะ ชักน่าสนใจเฮอะ แถมมีกระเช้าไฟฟ้าด้วย อืม..งี้ ต้องจัด อิอิ

แพลนของผม คร่าวๆ จึงออกมาแบบนี้ครับ

กทม.--> สตูล --> เกาะลังกาวี --> ปีนัง --> คาเมร่อน --> ปีนัง --> หาดใหญ่ --> กทม.

ได้แพลนละ จากนั้น ก็หาสมาชิกเพิ่มครับ เลยได้ผู้ร่วมชะตากรรมมาอีก 4 คน เป็น 6 คนสุดท้าย

จาก The Stars ค้นฟ้าคว้าดาว.. 55+

ป๊าบ..... ไม่ใช่ละ

เลยได้สมาชิกมา 6 คนครับ เหมารถกะลังพอดี สนุกละซิทีนี้ อิอิ

เรามาออกเดินทางไปพร้อมกันครับ ความสนุก ตื่นเต้น ความประทับใจ อยากรู้ว่ามาเลเซีย มีอะไร รอเราอยู่ ไปลุยส์....กันครับ เย้..


11 เม.ย. 2559 จุดหมายแรก เกาะลังกาวี


การเดินทางไปเกาะลังกาวี เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือตำมะลัง จ.สตูล นะครับ ที่ขนส่งสตูลมีรถตู้ จะเหมา

หรือออกมารอ 2 แถว ด้านหน้าได้ครับ
ผมไป 6 คนเหมารถตู้ ได้คนละ 50 บาท ส่วน 2 แถวคนละ 30 บาทครับ อ้อ..ห้องน้ำที่ขนส่งสตูล อย่าได้เข้าไปนะครับ

นรกเลย น้ำก็ไม่ไหล 55+
แถมของกิน ของขายไม่มีนะครับ แนะนำว่ามา ล้างหน้า ล้างตา กินข้าว ที่ท่าเรือตำมะลังดีกว่าครับ

ส่วนใครจะนั่งเครื่องมาลงหาดใหญ่ก็ได้ครับ แต่เชคเวลากันด้วยนะครับ

เพราะรอบเรือมี 3 รอบ 9.30 น. 13.30 น. และ 16.30 น. นะครับ
เพราะงั้นใครจะลงเรือรอบเช้า 9.30 น. บริหารเวลากันให้ดีๆ นะครับ ควรมาไฟล์เช้ามากๆ

เพราะจากหาดใหญ่มาท่าเรือ ใช้เวลาราวๆ 2 ชม. ครับ

ท่าเรือตำมะลัง มีร้านข้าว ร้านขายของชำ มีห้องน้ำ ครบเลยนะครับ สบายๆ

มาถึงกะเข้าคิวซื้อตั๋วครับ แต่ผมมี เอเย้น จากไหนมะรู้ มาเสนอซื้อตั๋วให้

แถมจะเขียนใบ ขาเข้า - ขาออก ประเทศให้ด้วย แหมดีจัง แต่ก็แอบเสียวๆ ครับ เล่นมาเอาพาสปอร์ตไป

แต่ก็ไม่มีอะไรครับ ราคาเท่ากัน แค่มาอำนวยความสะดวกให้ อาจได้ % ไรของเค้าด้วยมั้งนะ ผมก็ไม่แน่ใจ

เข้าแถวซื้อตั๋วได้ที่นี่ครับ

ตั๋วเรือเฟอรี่ราคา 300 บาทครับ มีที่นั่งระบุให้ชัดเจน ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นั่งครับ มีแอร์ นั่งสบายเย็นฉ่ำ หลับกันเป็นแถวครับ 55+

ซื้อตั๋วเสร็จ ก็มาต่อคิวตรวจหนังสือเดินทาง จากนั้นก็เดินไปลงเรือครับ

เรือเป็นแบบนี้ครับ

หลับ...เอ้ย...เดินทาง ใช้เวลากันประมาณ 1 ชม.นิดๆ ก็มาถึงเกาะลังกาวีครับ 55+

(แอร์เย็นๆ จะเหลือรึครับ หลับซิครับ รอไร 55+)

อ้อ ลืมไปบอก เอ้ย ... ลืมบอกไป 55+ เวลาที่มาเล จะเร็วกว่าไทย 1 ชม. นะครับ

เราออกจากไทย 9.30 น. ไปถึงลังกาวี ต้อง 10.30 น. แต่เวลาที่มาเลจะเป็น 11.30 AM นะครับ

อย่าลืมปรับเปลี่ยนเวลากันด้วยนะครับ

มาถึงกะต้องเซลฟี่กันหน่อยครับ อิอิ

มาต่อกันครับ ลืมบอกไป ว่าเราสามารถแลกเงินได้ที่ท่าเรือตำมะลังนะครับ เรทวันที่ผมไป 1 RM = 8.59 บาทครับ

มาถึงเกาะ พอลงเรือเสร็จก็เดินตามเค้าไปเรื่อยๆครับ จะมาเจอด่านตรวจคนเข้าเมือง
ก็สแกนนิ้วชี้ 2 นิ้ว ตรวจสอบข้อมูล ก็ได้เข้าประเทศมาเลเซียกันครับ

มาถึงเราก็จะเจอศูนย์การค้าย่อยๆ ครับ

เราจะเดินออกมาจากทางด้านขวาครับ ข้างในจะมีร้านขายซิมการ์ดครับ เลือกซื้อกันได้เลย

ของผมเลือกของ Tune Talk ราคาเหมาะสมสุดแล้ว โปรโมชั่น ก็แล้วแต่ช่วงที่ไปนะครับ จะไม่เหมือนกัน

ทางด้านซ้ายเดินมาข้างเซเว่นจะเจอร้านเช่ารถครับ มีหลายแบบหลายราคา ของผมจัด Nissan Serena เนื่องจากมี 6 ที่นั่ง

ราคาอยู่ที่ 140 RM ค่ามัดจำ 100 RM ตกคนละ 24 RM ประมาณ 216 บาทครับ ถูกมาก รถเก๋ง 4 ที่นั่งราคาราว 80 RM ครับ

ได้รถแล้ว พร้อมลุย 55+

หลังจากได้รถแล้ว ขับออกมาไม่ไกล เราจะเจอกับสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวีครับ Eagle Square


จากนั้นเราเลือกที่จะไปเที่ยวกันเลยครับ เพราะที่พักเราจอง และชำระเงินไว้แล้วกับทาง Agoda ครับ

ที่พักเรา Island time motel ครับ

ได้ห้องละ 566 บาท + อาหารเช้า เราจอง 3 ห้อง เป็นเตียงคู่ 2 ห้อง เตียงเดี่ยว 1 ห้อง ก็เหมารวมแล้วหาร 6 เลยทีเดียวครับ

ตกคนละ 277 บาท

จุดหมายแรกของทริปนี้ คือที่นี่เลยครับ Cable car หรือ Skycab หรือกระเช้าลอยฟ้า บ้านเรานะแหละครับ

เส้นทางก็เปิด GPS เลยครับ 55+ ไม่ต้องกลัวหลงครับ เพราะหลงแน่นอน 55+ อะล้อเล่ง

ไม่ต้องกลัวครับ มันจะมีป้ายบอกทาง เรื่อยๆครับ

ง่ายๆ ให้เราตรงไปทางสนามบินลังกาวีครับ พอใกล้ๆ สนามบินจะเริ่มมีป้ายบอกทางไป Cable Car ครับ

จุดขึ้น Cable Car จะอยู่ในหมู่บ้านนี้เลยนะครับ Oriental Village มีที่จอดรถฟรีครับ


ค่าขึ้น Cable Cal หรือ Skycab จะอยู่ที่คนละ 45 RM ครับ ประมาณ 405 บาทครับ


กระเช้าที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นกระเช้าที่ชันที่สุดที่นึง ในเอเชียเลยนะครับ ต้องไปลอง ถ้าถามผม ก็มีเสียวๆ นิดนึงครับ 55+

สูงจริงไรจริง เริ่มชันละ ขึ้นมาใกล้จะถึง เริ่มได้ยินเสียงลม แหม เสียวได้ใจดีแท้ 55+

ข้างบนจะมีจุดจอดให้เราชมวิว 2 จุดนะครับ มาดูจุดชมวิวจุดแรกกัน วิวอลังการงานสร้างมากครับ


ต้องเซลฟี่กันหย่อย อิอิ ขออนุญาติเบลอหน้า 2 คนนะครับ ไม่ค่อยอยากออกสื่อ

คนขวานิพี่ชายปมเอง สายลุย เหมือนกัน แกฝากมาบอก " โสด และ สดใหม่ นะครับ 55+ "

วิวสวยแบบนี้ ไม่ถ่ายเดี่ยวได้ไง ต้องจัดครับ อิอิ


ถ่ายจนหนำใจ (ถ่ายรูปนะครับ ไม่ใช่ถ่าย... 55+) กะไปต่อจุดที่ 2 กันครับ จุดสูงสุดของที่นี่

ไม่ไกลมากครับ มองเห็นอยู่ลิบๆ

บนจุดสูงสุด จะมีจุดชมวิว อยู่ 2 ฝั่งนะครับ ฝั่งเห็นวิวทะเล กะฝั่งเห็นวิวภูเขา ที่จะมองเห็นสะพาน sky bridge ครับ

แต่เราไม่ได้ลงไปเนื่องจาก ต้องเสียค่าเข้าอีกคนละ 8 RM ครับ เลยเลือกจะไปที่อื่นแทน

ฝั่งวิวทะเลครับ สวยสุดๆ

ฝั่ง sky bridge สวยไม่แพ้กันเลยครับ


ถ่ายรูป ชมวิวกันสักพัก เราก็กลับลงมากันครับ กะว่าจะไปไหว้พระนางมัดสุรี แต่ไปไม่ทัน เค้าปิดก่อน เลยไหว้แค่ด้านหน้าครับ

จากนั้นก็เข้าที่พัก อาบน้ำ พักผ่อน


## มีเรื่องแปลก ๆ ฮาๆ ของที่ มาเลเซีย มาฝาก อย่างนึงครับ คือห้องน้ำส่วนใหญ่ ที่มาเล มีสายฉีด แต่ไม่มีหัวฉีดน้ำนะครับ 55+

คือตอนแรกผมกะนึกว่า ทางที่พักมันคงทำพัง เลยไม่มี ไปโทษโรงแรมที่พักอีก ว่าห้องน้ำห่วยมาก ที่ฉีดก็ไม่มี

แต่ไม่ใช่ครับ หลังจากนั้นไปเข้าอีก 2-3 ที่ ก็ไม่มีครับ เลยเอามาคุยกันในกลุ่ม เลยรู้ว่า

ที่นี่เค้านิยมใช้กันแบบนี้เองครับ 55 แปลกดี

คือคุณมะรึง ต้องบิดปุ่มเปิดน้ำให้พอดีครับ แรงไปมี แหก ไม่ก็มีกระจายครับ 55+ ไงก็ระวังกันนิสนะครับ อิอิ

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในลังกาวีที่แพลนมา ก็ตามรูปเลยครับ แต่ก็ไปได้ไม่ครบครับ เวลาไม่พอ 55+


มี 1. Eagle Square ลงจากท่าเรือจะอยู่ใกล้ๆ ครับ
2. Awana porto หรือพิพิธภัณฑ์ อดีตนายกมาเลเซียครับ ไม่ได้ไปครับ ไปไม่ทัน 55+
3. Makam Mahsuri ไปถึงเหลือเวลาอีก ครึ่ง ชม.จะปิด เค้าเลยไม่ให้เข้าครับ เพราะต้องเข้าไปมีฟังบรรยายด้วย เวลาเลยไม่พอครับ
4. Resorts World Langkawi โรงแรมสวยๆ ริมทะเล อันนี้หลงทางครับ 55+ อด แนะนำว่าเปิด GPS ตลอดนะครับ ผมดันลืมเปิด หลงซิครับ 55+
5. Petronas Quay ปั้มน้ำมัน ที่สวยที่สุดในเกาะ อันนี้แค่ผ่านครับ ไม่ได้เวาะ กะไอ้รถที่เช่า ดันไม่มีน้ำมัน เลยต้องเติมปั้มใกล้ๆ กันไปก่อนละครับ
6. Panorama Langkawi หรือ Skycab นะแหละครับ
7. Seven Wells waterfall น้ำตกนะแหละครับ แต่ตอนขึ้นกระเช้า มองเห็นครับ ว่าไม่มีน้ำสักหยด เลยไม่ไปครับ 55+

และด้วยความโชคดีของเรา ที่มีน้องคนนึงในกลุ่ม รู้จักกับเจ้าถิ่นที่นี่ สอบถามกันไปมา เลยรู้มาว่า

ที่ลังกาวีก็มีบรรยากาศ ชิลๆ ริมทะเล แบบตามเกาะต่างๆ เหมือนบ้านเราเลยครับ รอช้าอยู่ใย ต้องไปดูครับ อิอิ

ระหว่างทางไป เพื่อนเค้าแนะนำให้มาซื้อของที่ห้างนึงครับจะปิดดึก เป็นแหล่ง Duty free อีกแห่งนึงเลยครับ
เลยได้ของฝากกันมานิดหน่อย

จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อครับ ชายหาดที่ว่าจะอยู่ Zone นี้นะครับ

ตามถนนก็จะมีโรงแรมที่พัก ผับบาร์ ร้านค้าเต็มเลยครับ เหมือนพัทยาบ้านเราเลยทีเดียว

ส่วนริมชายหาดจะมี ร้านนั่งกินชิลๆ ยาวไปตามชายหาดเลยครับ ไหนๆ มาแล้วต้องจัดครับ 55+

เจอร้านนี้เข้าไป ต้องเวาะเลยครับ

บางร้านก็มีโชว์ควงไฟด้วยนะครับ แหมอย่างกะฟูลมูน ก็เลือกกันตามใจชอบเลยครับ

แต่ผมถ้ามีโอกาส จะกลับมา แฮงเอ้าท์ ที่นี่สักคืน อิอิ..

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก
1. ค่ารถตู้ขนส่งสตูล - ท่าเรือตำมะลัง คนละ 50 บาท
2. ค่าเรือเฟอรี่ ตำมะลัง - ลังกาวี คนละ 300 บาท
3. ค่าซิมการ์ด 300 บาท
4. ค่าเช่ารถยนตร์ คนละ 24 RM คนละ 217 บาท
5. ค่าน้ำมัน 2 วัน เติมไป 50 RM คนละ 8.3 RM คนละ 72 บาท
6. ค่าขึ้น Skycab คนละ 45 RM คนละ 407 บาท
7. ค่าที่พัก คนละ 277 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก ไม่รวมค่ากิน = 1,623 บาท

สรุปแล้วลังกาวี เป็นอีกเกาะหนึ่งที่สวยมากครับ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย

อาหารการกินเยอะครับ ราคามีตั้งแต่ 6 RM ขึ้นไป ครับราวๆ 40 กว่าบาท น้ำเปล่าขวดละ 1.5 Rm ขึ้นไป ก็ราวๆ 10 กว่าบาทครับ

ที่นี่ยังเป็นแหล่ง Duty Free ครับมีหลายที่มาก ผมไปเจอเบียร์ ยี่ห้อนึง กระป่องละ 1.5 RM ครับ

ใช่ครับ 10 กว่าบาท แม่เจ้า ถูกมาก 55+ ถ้าไม่ติดว่าต้องขึ้นเครื่องไปปีนัง พรุ่งนี้ พ่อจะจัดสัก 2 แพ๊คติดตัวไว้เลย 55+

สรุปคืนนั้น เลยจัดมา 1 แพ๊คครับ 55+ มาวกันไปคืนนั้น อิอิ

ยังไง อนาคต ผมคงต้องกลับมาอีกสักรอบแน่นอนครับ ที่นี่ เพราะยังไปไม่ครบเลย แล้วเจอกันใหม่นะ ลังกาวี อิอิ

จบทริปวันแรกที่ลังกาวีละครับ เดี่ยวมาติดตามต่อกันครับ

สำหรับ ไฮไลค์ของทริปนี้ กับการเดินทางไป คาเมร่อนไฮแลนด์ และบรรยากาศสวยๆ กันครับ



12 เม.ย. 2559 คาเมร่อนไฮแลนด์


ได้เวลาออกเดินทางไป คาเมร่อนไฮแลนด์ กันละครับ
การเดินทางไป คาเมร่อน จากลังกาวี เราต้องไปเริ่มที่ ปีนังครับ จากนั้นจะไปรถบัส เหมารถ หรือเช่ารถขับเองก็ได้ครับ
ส่วนใครจะไปลงที่กัวลาลัมเปอร์ก็ได้ครับ มีรถบัส มาที่ คาเมร่อนเหมือนกัน

หรือใครจะเริ่มจากที่หาดใหญ่ก็ได้ครับ มีทัวร์ มีรถตู้เหมาเที่ยวเยอะครับ

เหมารถตู้ ราคาที่เคยถาม 2 วันอยู่ที่ 9,000 - 12,000 บาทครับ
ไปกันเยอะก็ถูกครับ แถมสบายด้วยมีคนขับพาเที่ยว แต่ผมไปกันแบบลุยๆ ขอขับเองสนุกดีครับ อิอิ

สำหรับตารางเวลารถบัส เชคและจองได้จาก 2 เวบนี้ได้เลยครับ

http://www.easybook.com/
http://www.busonlineticket.com/

ที่ปีนังจะมีจุดขึ้นรถบัสอยู่ 2 ที่นะครับ คือ Komtar จะอยู่ใกล้ จอร์จทาวน์
และ Sungai Nibong Bus Terminal อันนี้จะใกล้สนามบินปีนังครับ
ค่ารถจะอยู่ที่ 40 RM - 43 RM ครับ ราวๆ 360-387 บาทครับ

จากลังกาวีไป ปีนัง เราเลือกเดินทางด้วยเครื่องบินครับ 55+ ไวกว่านั่งเรือเยอะ ราคาไม่แพงด้วยครับ
รอบ 10.10 AM ถึง 10.45 AM ราคา 49 RM ครับ (441 บาท) แต่บางวันจะราคา 59 RM ครับ (531 บาท)

ได้เวลาออกเดินทางละครับ ลุย อิอิ

10.45 AM (เวลามาเลเซีย) เราก็มาถึงปีนังครับ ทริปนี้เรามา 6 คน เลยตกลงกันว่าเหมารถขับเองดีกว่า

ที่สนามบินปีนัง มีบริษัทรถเช่าเยอะมากครับ เดินลงมาเรื่อย ๆ ตามทางออก

ก่อนถึงทางออกจะเจอเค้าเตอร์ รถเช่าเยอะมากครับ 10 กว่าเค้าเตอร์ เลือกกันได้ตามใจเลย


ส่วนผม เป็นความโชคดี อีกแว้ว 55+ มีน้องคนนึงในกลุ่มเรา Speak อิงลิช ได้ครับ 55+

( นี่ถ้าตรูมาเองจะทำไงแว้ 55+ ) น้องเค้าก็พยายามคุย ต่อรองราคาให้ครับ


สุดท้ายได้ของบริษัทนี้ครับ แนะนำเลย Speedmex ครับ บริการดีมาก เป็นกันเอง

โดยเฉพาะสาว ๆ แหมต่อรองอะไรก็ได้ครับ นี่ให้มาคืนรถที่โรงแรม แกยังมาเลยครับ 55+ นิสัยดีจริงๆ


เราเช่ารถ 6 ที่นั่ง 2 วัน ในราคา 240 RM มัดจำ 100 RM ตกคนละ 40 RM หรือ 362 บาท ถูกมากครับ

เพราะราคารถบัส แค่ขาไปก็ 40 RM ละครับ ยังไม่รวมขากลับ และเหมารถเที่ยวบนคาเมร่อน อีกนะครับ


## เพิ่มเติมนะครับ สำหรับใบขับขี่ใช้ของบ้านเราได้เลยนะครับ แต่ต้องเป็นแบบบัตรแข็งนะครับ ตอนจ่ายเงิน เดี๋ยวเค้าจะขอใบขับขี่คนขับครับ ##

อ้อมีประกันให้ด้วยนะครับ ในเงื่อนไข ชนทุกกรณี ถ้าไม่ถึง 1,000 RM เราจ่ายเองครับ

ถ้าเกินเค้าจะจ่ายให้เราครับ ทางที่ดี อย่าชน อะไรเลยนะดีที่สุด ละครับ 55+

ได้เจ้าคันนี้มาครับ 6 ที่นั่งพอดี

ออกจากสนามบินปีนังมา เราต้องผ่านสะพานนี้เลยครับ สะพานที่ยาวที่สุดแห่งนึงของโลก สะพานปีนัง 2 ยาวกว่า 13.5 กิโลเมตร ครับ

ยาว.......มากกกกก... แถมวิวสวยสุดๆ ข้อดีของการเช่ารถขับเอง คือ...

เราได้เวาะเซลฟี่ครับ 55+ จัดกันไป ชุดใหญ่ อิอิ

จากปีนัง ไปคาเมร่อน ทางช่วงแรก ปีนัง - อิโปร์ ทางดีเลยครับ เป็นมอเตอร์เวย์บ้านเรานี่เอง

ก็วิ่ง (หมายถึงขับรถนะ อย่าไปวิ่งจริงๆละ 55+) ตามป้ายบอกทางไป อิโปร์เลยครับ ถนน AH2

การขึ้นมอเตอร์เวย์ก็เหมือนบ้านเราแหละครับ จุดแรกก็รับบัตร ตอนขาออกก็จ่ายตัง

ราคาก็แล้วแต่ระยะทางครับ ไป - กลับ ผมจ่ายไปประมาณ 16 RM ครับ

## อ้อ มีเรื่องตลก และข้อระวังอย่างนึง มาเล่าให้ฟังนะครับ คือ ขากลับเข้าปีนัง ให้กลับทางเดิมนะครับ คือสะพานปีนัง 2

เพราะสะพานปีนัง 1 หรือสะพานเส้นเก่า มันต้องใช้บัตรเติมเงิน เหมือน Easy Pass บ้านเรานะครับ

เพราะพวกผมโดนกันมาแล้ว 55+ ขากลับจะเข้า จอร์จทาวน์ เลยวิ่งตรงมาทาง สะพานปีนังเก่า ไม่ได้กลับทางเดิม

เจอด่านทางขึ้น นึกว่าหยุดรับบัตรเหมือนเดิม

No........ มันให้ชำระเงินเลยครับ แล้วต้องใช้บัตรด้วย งง ซิครับ

แล้วที่อยากจะ สะบด เป็นภาษา มอนเตเนโกร ว่า เฟ....ด เฟ.... คือ....

ไอ้เจ้าหน้าที่ ที่ด่าน มันพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้ครับ ...ย... มั้ยละ งง กันทั้งคัน ซิครับ 55+

มันก็พูดไม่ยอมหยุดนะครับ จะบ่น...หาอะไรก็ไม่รู้ เป็นชุด กะตรู บอกอยู่ อิงลิช พลีซ.... มะรึง ก็ไม่ฟังกรูเลย อินี่...

สุดท้ายจำได้ว่า ตาคนให้เช่ารถ ให้บัตร Easy pass ของเค้า ให้เรายืม มานี่หว่า เผื่อไว้เติมเงิน ขึ้นทางด่วน (แต่ก็ไม่เติม เพราะไม่รู้จะเติมเท่าไหร่)

เลยยื่นให้อินางนี่ไป มันกะเอาไปแตะที่เชคเงิน มันเหลืออยู่แค่ 1 RM ครับ มันเลยบอกให้ Top Up เออ เติมก็เติม เลยหยิบเงินให้ไป 20 RM

แต่ค่าขึ้นทางด่วนมันแค่ 7 RM ใช่ครับ.... อินาง มันไม่ทอนครับ 555+ คุณนางล่อเติมไป 20 RM เลย


เอาว่ะ เสียค่าโง่ ไม่เป็นไร ถือว่าให้ค่า service กะคนให้ยืมมา ไม่งั้น ไม่รู้จะรอดจากด่านมารึป่าว

ไอ้คันหลัง มะรึงก็ กดดันตรูจริง บีบแตรอยู่นั้นแหละ 55+ ตื่นเต้นดีครับ

แต่จริงๆ ผมว่ามันน่าจะซื้อตรงนั้น ได้เลยนะครับ ราคาบัตรน่าจะ 10 RM แล้วค่อยเติมเงินเอา แต่อินางนี่ ดันสปีค อิงลิช ไม่ได้ซะงั้น .. 55+

เป็นประสบการณ์ขับรถต่างแดนที่ขำๆ ครับ บางทีเราคิดว่า มันอาจจะเหมือนบ้านเรา แต่บางอย่างก็ไม่ใช่

แล้วบางที ดันไปเจอเหตุการณ์แบบนี้ เจอคนพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้ ซะงั้น 55+ ก็สนุกดีครับ


มาต่อกันครับ เส้นทาง ปีนัง - คาเมร่อน ระยะทาง 240 กม.ครับ ใช้เวลา 3 ชม.กว่า - 4 ชม. ครับ

ส่วนจาก อิโปร์ - คาเมร่อน จะเป็นทางขึ้นเขา ถนน 2 เลน แต่ทางดีครับ ไม่ชันมาก ผมขับเกียร์ D ได้ตลอดทางเลย

มีโค้งเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ชันครับ เป็นทางขึ้นเนิน เรื่อยๆ ครับ


ระหว่างทางขึ้นเขา วิวสวยมาก.. ต้องหยุดเวาะถ่ายรูปกันครับ อิอิ


มารู้จักกับ คาเมร่อน ไฮแลนด์ กันก่อนดีกว่าครับ


คาเมร่อนไฮแลนด์ เป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 4,500 ฟุต หรือ 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเลพัทยา

เอ้ย น้ำทะเลป่านกลางครับ 55+
ทำให้อากาศที่นี่ จะเย็นตลอดปีครับ เลยเหมือนเป็นเมืองตากอากาศของคนมาเลเซียกันเลยทีเดียว

คือโรงแรม คอนโด ที่พักเยอะมาก...ก

ขนาดหน้าร้อน ผมไปช่วงสงกรานต์ กลางวัน อุณหภูมิยัง 20 องษา ต้นๆ เลยครับ เย็นสบายดี ร้อนแดดนิดหน่อย
กลางคืนมาจะเย็นเลยครับ 10 กว่าๆ องษา ที่พักที่นี่จึงไม่มีแอร์ ไม่มีกัปตัน เอ้ย คนละแอร์ละ 55+
ถึงไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม แต่เปิดหน้าต่างนอนกะเย็นละ จริงๆ ครับ คอนเฟิร์มเลย

ที่คาเมร่อนจะมี 3 เมืองใหญ่ๆ นะครับ
1. Ringlet
2. Tanah rata
3. Brinchang ซึ่งพวกเราไปพักกันที่นี่แหละครับ เพราะโรงแรมเยอะ แล้วอาหารการกินก็เยอะมากครับ ไม่ต้องกลัวอดเลย 55+
ที่สำคัญอยู่ใกล้ไรช่า BOH Tea Center ที่เค้าว่าสวยที่สุด ด้วยครับ ประมาณ 7 กิโลเอง แล้วที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ก็จะอยู่ แถวๆ นี้ครับ

เนื่องจากทริปนี้ ที่คาเมร่อน เราไม่ได้แพลน หรือจองที่พักไว้เลย กะไปลุยเอาข้างหน้า

เลยขับรถ หาโรงแรมที่พัก ไปเรื่อย ๆ ครับ มาถึง Brinchang ก็ตกลงหาที่พักกันที่นี่เลย เพราะโรงแรมที่พัก และร้านอาหารเยอะมากครับ

ดูแล้วสะดวกที่สุด ส่วนอีก 2 เมือง เห็นรีวิว เค้าบอกจะเงียบสงบกว่า

ใครอยากพักแบบไหนก็ลอง สำรวจดูได้ครับ แต่ละเมืองไม่ห่างกันมากครับ 4- 5 กิโลเอง

มาดูแผนที่ ของคาเมร่อนไฮแลนด์จะเห็นว่า มาจาก อิโปร์ เราจะมาถึง Brinchang ก่อนเมืองถัดไปคือ Tanah rata

แล้วสุดท้ายคือ Ringlet นะครับ ใครที่มาจาก กัวลาลัวเปอร์ จะมาทาง Ringlet นะครับ

ระหว่างทางไป Brinchang จะมีจุดท่องเที่ยวเยอะเลยครับ ทั้งไร่สตอเบอรี่ ไร่ดอกไม้

แล้วเราก็ไปเจอไร่ชา เข้าที่นึงครับ ระหว่างทาง กะเลยเวาะเลย เข้าฟรีด้วย สวยใช้ได้เลยครับ

วิวสวย ๆ แบบนี้ เซลฟี่ กันหน่อย เย้.....

ต้องรูปเดี่ยว ซิครับ รอไร อิอิ


นี่แค่ทางผ่านนะครับ ยังไม่ใช่เป้าหมายหลัก ฟินกันไป อิอิ


จากนั้นก็ขับรถไปเรื่อยๆครับ พวกเราไปถึงแค่ Brinchang ก็พอละครับ 555+ เจอโรงแรมเยอะดี ร้านอาหารก็เยอะ

ร้านสะดวกซื้อ ก็เยอะครับ เลยตกลงหาที่พักกันที่นี่เลย

ขับมาเรื่อยๆ เจอวิวแบบนี้ คือถึงละครับ Brinchang ส่วนตัวผมชอบที่นี่ นะครับ เมืองเค้าสวยดี ตึกรามบ้านช่อง ยังกะอยู่ทางยุโรปเลย

เดินหาที่พัก กันพักนึง ก็สรุปพักกันที่นี่ครับ Hotel Green Garden ตกคนละ 480 บาท ก็โอเครครับ มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น มีลิฟท์

มี Wifi แต่ช้าครับ ใช้จากซิม ยังไวกว่าอีก โรงแรมซ้ายมืออะแหละครับ

วิวจากห้องพัก งามมาก แถมมาเจออากาศเย็นๆ ฟินกันไปซิครับ อิอิ

ซ้ายมือเราจะมองเห็น ก้อนเมฆวิ่งผ่านยอดเขาได้เลยครับ ฟินมาก


เมืองเค้าจะเป็นแบบในรูปเลยครับ ผมว่าสวยดีนะ


เย็นๆมาอากาศที่นี่เริ่มเย็นละครับ มีสั่นๆ กันนิดนึง ไม่น่าเชื่อว่า นี่ช่วงเมษายน ถ้าหน้าหนาวจะขนาดไหนเนี่ย

มื้อคำวันนี้ เห็นเค้าบอกว่ามาที่นี่ต้องกินเจ้านี่ครับ Steamboat เค้าจะคิดเป็นหัวนะครับ ตกคนละประมาณ 18 RM ครับ

หม้อจะมี 2 ฝั่งเราเลือกน้ำซุปได้ครับ มีต้มยำ หมู ไก่ แล้วก็พวกสมุนไพร พวกเห็ดอะครับ

ถามว่าอร่อยมั้ย ตอนแรกไม่ได้ปรุงน้ำจิ้มครับ 55+ ไม่รู้ว่ามันมีพริก กระเทียมให้ใส่ด้วย

กินไปพักนึงอะครับ น้องอีกคนถึงไปหยิบมา ถึงรู้ว่ามันมี 55+ แต่พอปรุงแล้วก็อร่อยเลยครับ ใช่ได้เลยทีเดียว

ผมกินรสจัดนิสนึงอะครับ

เดี่ยวมาต่อตอนหน้ากันครับ กับไฮไลค์ของ คาเมร่อนไฮแลนด์กัน กับไร่ชา BOH Tea Center ในวันพรุ่งนี้กันครับ

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2

1. ค่าเครื่องบิน ลังกาวี - ปีนัง คนละ 442 บาท
2. ค่าเหมารถยนตร์ 2 วัน รถ 6 ที่นั่ง คนละ 362 บาท
3. ค่าน้ำมัน เติมครั้งแรก 79 RM เต็มถัง คนละ 120 บาท
4. ค่าที่พัก คนละ 480 บาท
รวมค่าใช้จ่ายวันที่ 2 ไม่รวมค่ากิน = 1,404 บาทครับ


13 เม.ย. 2559 ไร่ชา BOH Tea Center


มาถึงเช้าวันที่ 3 ซึ่งเป็นไฮไลค์ ของทริปนี้เลย คือการไปเที่ยวไร่ชา BOH Tea Center ครับ
เราตกลงกันว่าจะไปแต่เช้าเลยเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

สำหรับใครที่ซื้อทัวร์ เค้าจะมารับเรา 8.00 AM นะครับ หรือใครจะเหมา Taxi ก็ตกลงเวลากับเค้าดีๆ
เพราะแสงยามเช้าที่ไร่ชา สวยมากกก.......... ครับ บอกเลย

คนที่ซื้อทัวร์ เค้าจะพาไปหลายที่ครับ แล้วแต่เราเลือก มีหลายราคา
แต่พวกเราขอเน้นหลัก ๆ ไปที่ไร่ชา นี่แหละครับ ส่วนขากลับผ่านตรงไหนสวย ก็ค่อยเวาะครับ

มาดูแผนที่ แสดงไร่ชา ที่น่าสนใจ และ ที่เที่ยวอื่นๆ กันครับ

จากแผนที่ ไร่ชา จุดใหญ่ ๆ จะมี 2 จุดนะครับ คือ

1. Sungai palas tea center หรือ BOH Tea Center นะแหละครับ จะอยู่ด้านบนของเมือง Brinchang

2. Cameron valley tea house อันนี้จะอยู่ตอนล่างของเมือง Brinchang ครับ คนละทางกัน

ใครพักที่ Tanah rata ก็เวาะที่นี่ก่อนได้ครับ หรือจะเลือกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เดียวกับเราก็ได้ครับ


เราเลือกไปที่เดียว เพราะคิดว่า พอแล้วครับ คุ้มแล้ว มันสวยมาก

และด้วยเวลาที่น้อย เลยเลือกเอาที่เดียว จะได้เที่ยวแบบเต็มๆ ครับ

นัดรวมพลกัน 7.00 AM ก็ได้เวลาออกเดินทางครับ ใครเช่ารถขับเอง เปิด GPS เลยครับ ไม่ก็ดูเส้นทางให้ชัวร์

เพราะบางช่วง มันไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ บางช่วง GPS เลยไม่ทำงานครับ ผมเลยหลงไปรอบนึงครับ ขับเลย 55+

เส้นทางไป BOH Tea Center ระยะทางแค่ 7.4 กิโลครับ ให้ระวังตรงจุดที่ลูกศรชี้ครับ

เพราะเป็นทางเข้า ที่มันเล็กมาก แล้วป้ายบอกก็ดูยากมากครับ แทบจะไม่เห็นกันเลยทีเดียว

ขับไปจาก Brinchang สัก 4 กิโล ให้สังเกตโรงแรม Nova Highlands Resort and Residence จะอยู่ตรงข้ามทางเข้านะครับ

หรือดูตามรูปได้ครับ ทางเข้า ตามที่ลูกศรชี้เลยครับ จะเห็นว่าป้ายมันเล็กมาก ผมนิขับเลยไป หลายกิโลเลย ไม่นึกว่าจะใกล้ขนาดนี้

ขับเข้ามาปุ๊บ นี่สำคัญเลยครับ 55+ เราต้องเลี้ยวขวานะครับ เพราะผมดันขับตรงขึ้นไป มันเป็นเขตก่อสร้างครับ คนละทาง 55+

จากเส้นนี้ไปทางจะแคบมากครับ บางช่วงต้องจอดให้รถสวนกัน แต่เป็นทางลาดยางครับ ใช้ความระมัดระวังกันนิดนึง

ทางปกติ ไม่ได้ขึ้นเขา ขึ้นเนินอะไรมากครับ จะไปขึ้นเนินจริงๆ ตรงไร่ชานู้นเลยครับ

ขับมาสักพักเราจะเจอวิวนี้ก่อนเลยครับ ต้องเวาะครับ แสงกำลังสวยเลย อิอิ

แล้วก็ขับต่อไปเรื่อยๆ ครับ จะเจอ 3 แยกนี้ เลี้ยวขวาเราจะเข้าไปที่ BOH Tea Center เลยครับ


พวกผมเลยเลี้ยวเข้าไปเลยครับ แต่... เค้ายังไม่เปิดครับ เปิด 8.00 AM 555+

แต่ด้วยความโชคดีของเรา ดันมาเช้าไป เลยโชคดี ได้ไปเจออีกจุดที่สวยกว่า ที่ศูนย์ไร่ชาอีกครับ ก็คือเลี้ยวซ้ายไปนั่นเองครับ



สวยงามขนาดไหน ไปดูรูปกันเลยครับ



สวยจนขนลุกเลยครับ ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ เลย สำหรับที่นี่


มุมไหนก็สวยครับ


หรือจะดูแบบ วีดีโอ ก็สวยครับ




มาต่อกันครับ เจอวิวสวย ๆ แบบนี้ ก็จัดหนักกันเลยครับ แบตแทบหมด เมมแทบเต็มกันเลยครับ 55+

แต่ขอเอามาเพียงบางรูปนะครับ เอามาหมดไม่ไหวเยอะเกิน 55+

ส่วนตัวชอบวิวมุมนี้มาก สวยดีครับ


ถ่ายรูปจนสาแกใจ 55+ เราก็กลับเข้ามาที่ BOH Tea Centre ครับ

ขับเข้าไปอีกนิดนึง ก็จะมีลานจอดรถครับ แล้วต้องเดินต่อขึ้นไปอีกราวๆ 200 เมตรครับ


เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอวิวนี้เลยครับ สวยใช่เล่นเลย

เดินเข้ามาด้านใน ก็จะเจอวิวแบบนี้ครับ


ก็นั่งจิบชา กินขนม กันสักพัก พวกเราก็กลับครับ มาเชคเอ้า แล้วก็กลับกันเลย กะว่าจะไปเวาะอีกที่ คือ Lavender Garden ครับ

ก็ขับรถมาทางเดียวกับที่ไปไร่ชาเมื่อเช้าครับ แต่ขับมาอีกราวๆ 4 - 5 กิโลก็ถึงครับ

เสียค่าเข้าอีกคนละ 8 RM ครับ ตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไร แค่แปลงดอกไม้ เล็กๆ แต่พอเข้าไป โอ้.. ใหญ่มากครับ ข้างใน

มีหลายสวนหลายโซนมากครับ รับรองว่าคุ้มครับ


บรรยากาศ ด้านในครับ


จากนั้นก็ขับรถกลับ ที่ปีนังครับ พักที่ ปีนัง 1 คืน จากนั้นพรุ่งนี้ถึงเดินทางกลับ หาดใหญ่ครับ

โดยจองรถตู้จากทางโรงแรม คนละ 45 RM ครับ

เราพักกันที่ Tune Hotel ครับ ตกคนละ 480 บาท ขออนุญาติ ไม่รีวิวที่ปีนัง ละกันครับ เพราะ มีคนไปกันเยอะแล้ว

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3

1. ค่าเข้า Lavender garden คนละ 72 บาท
2. ค่าน้ำมัน 60 RM คนละ 90 บาท
3. ค่าที่พัก ปีนัง คนละ 480 บาท
4. ค่ารถตู้ ปีนัง - หาดใหญ่ คนละ 45 RM คนละ 407 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3 ไม่รวมค่ากิน = 1,049 บาท

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ ไม่รวมค่ารถไปกลับ และ ค่ากิน ตกประมาณ = 4,076 บาทครับ

ส่วนตัวค่ากิน ผมหมดไปประมาณ 1,500 บาทครับ ค่ารถทัวร์ ไป - กลับ ประมาณ 1600 บาท
สรุปทริปนี้ 10 - 14 เม.ย. 2559 หมดไปประมาณ 7,176 บาทครับ

อะแอ่มๆ แต่จริงๆ ทริปนี้ไม่ได้จบแค่นี้นะครับ 55+ มีสมาชิกเรา 3 คนกลับวันที่ 14 ครับ แต่ยังเหลืออีก 3 คนไปต่อครับ 55+

มีผมและเพื่อนอีก 2 คน ไปต่อครับ เราซื้อ One day trip ไปเกาะหลีเป๊ะครับ คนละ 2,150 บาท

รวมค่ารถตู้ไป-กลับ หาดใหญ่ - ท่าเรือปากบารา ครับ โดยนอนที่หาดใหญ่อีก 2 คืน ตกคนละ 780 บาทครับ

แล้วขากลับ ก็ต้องไปขึ้นรถกลับที่สุราษครับ เพราะที่หาดใหญ่วันที่ 16 เต็มหมดเลย เลยต้องนั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปสุราษอีกคนละ 320 บาท

สรุปทริปนี้ ผมเลยหมดไป บวกเพิ่มอีก 2,150 + 780 + 320 และค่ากินอีก ราวๆ 500 ครับ รวมแล้ว 3,750 บาท

ส่วนตัวแล้วทริปนี้ 10 - 17 เมษายน 2559 ผมหมดไป 10,926 บาท ราวๆ 11,00 บาทครับ 55+ กลับมาไส้แห้งกันเลยทีเดียว

แต่ก็คุ้มมากครับ เที่ยวหลายแนว สะใจมาก มีทั้ง นั่งเรือ ขึ้นเครื่องบิน เช่ารถขับ นั่งรถเมย์ รถ 2 แถว รถตุ๊กๆ จักรยาน

นี่ถ้ามี ขึ้นรถไฟนี่ครบเลยครับ 55+


ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับรีวิว ทริปนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่อยากไป คาเมร่อน ไม่มากก็น้อยนะครับ

ใครมีอะไรสงสัย ก็ทักมาได้นะครับ จะทาง Pantip หรือ Facebook ก็ได้ครับ ที่ Alek Tawatchai ครับ


ขอบคุณที่ติดตามครับ แล้วพบกัน รีวิวหน้าครับ .... บายๆ



ความคิดเห็น