Myanma•ย่างกุ้ง•อินทร์แขวน•พะโค•หงสาวดี•สิเรียม
ชื่อนี้เราคุ้นเคยดี และเป็นประเทศที่ใฝ่ฝันจะไปให้ได้เชียวล่ะ >>> แถมตอนนี้ฟรีวีซ่าอีก ดีงามมม เพราะ วีซ่า เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราไมไ่ด้มาพม่าซักทีนั่นละ ... กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ยุ่งยาก .. แต่เดี๋ยวนี้ฟรีแล้ว ก็ไปสิ จะรออะไร เนอะ !
จริงๆ คนไทยหลายคนก็ไปกันเยอะมากนะ ส่วนใหญ่ก็จะไปขอพร ขอให้กลับมามีโชคมีลาภ กลับมาค้าขายร่ำรวยงิ หนึ่งในนั้นก็น้องสาวของข้าพเจ้าจร้าาา นางกลับมาละก็ ถูกล็อตตารี่เลยยยย พี่ๆที่ออฟฟิศก็ถูกเลยยยยสิ ... ไม่เชื่อไม่ลบหลู่นะ
สำหรับทริบนี้ เดินทางทั้งสิ้น 3 คนค่ะ (ตอนแรก 4 คน หญิงสามชายหนึ่ง แต่ชายติดภาระกิจเลยอด!)
สรุป มีแค่สามสาวพาวเวอร์พ๊อบเกิน ที่ต้องตะลุยพม่ากัน
เอาว่ะ! ถึงแม้หน้าตาพี่ๆพม่าเค้าจะทำให้เราจินตนาการไปถึงข่าวฆ่าปาดคอหน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์ก็เถอะ !
อย่าไปกลัว .... เราต้องเดินตามความฝัน คนอื่นๆเค้าไปคนเดียวยังได้เลย ... เน๊อะ (ปลอบใจตัวเองเบาๆ)
- เดินทางเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 60 กลับวันที่ 9 พ.ค. 60 (3 วัน 4 คืน)
- ได้ตั๋วแอร์เอเชีย (ราคาโปร) ไปกลับ 1,900 นิดๆ
- ที่พัก นอนย่างกุ้ง 2 คืน นอนไจ้ทิโย(พระธาตุอินทร์แขวน) 1 คืน รวมราคาที่พัก 3 คืน/ 2,400 ต่อคน รวมอาหารเช้าด้วยยย
- สำหรับราคาเหมารถรับส่งไปที่ต่างๆ ของเราได้มาที่ 200$ ต่อ 4 คน ต่อ 4 วัน ง่ายๆก็คือตลอดทริปเลย
วันที่ 6 พ.ค. 60 บินเวลา 16.20 น.
ถึงย่างกุ้งประมาณเกือบ 6 โมงเย็นค่ะ (แอร์เอเชียเลท) เวลาที่พม่าจะช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมงค่ะ สำหรับการเดินทางในพม่า เราใช้บริการของคุณ Nanda Traveller (เราเจอในเฟสค่ะเห็นมีคนใช้บริการเค้าเยอะเหมือนกัน ก็เลยอินบ๊อกส์เข้าไปสอบถามดู ก็แจงรายละเอียดว่าทริปเราไปไหนบ้าง พักที่ไหน กี่คืน เดินทางกี่คน เสร็จละนันดาก็จะคำนวณค่าใช้จ่ายให้ค่ะ คุยกันไปมาทั้งในเฟสและก็ในไลน์ก่อนเดินทางประมาณ 3 เดือนค่ะ ไม่ได้มัดจำอะไรทั้งสิ้น ใจล้วนๆอ่ะ 5555 ใครสนใจลองไลน์ไปสอบถามราคาได้ค่ะ (Line ID : nandatraveller) นี่ไม่ใช่นายหน้า แต่เจออะไรดีๆก็อยากแบ่งปันค่ะ ^^
สำหรับเรทค่าเงินที่แลกไป 1$ เท่ากับ 34.50 บาท / 1,000 จ๊าต เท่ากับ 40 บาท ประมาณนี้ ....
เราแลกเงินดอลล่าห์จากซุปเปอร์ริชสยามค่ะ บอกเค้าไปว่าเราจะไปพม่า เค้าจะคัดแบงค์ใหม่ๆให้ เสียค่าคัดอีก 10 สตางค์ เช่น จากเรท 1$ เท่ากับ 34.50 บาท ก็จะเป็น 34.60 บาท ค่ะ
ก้าวแรกของพม่า .... ผ่านตม.มาง่ายๆค่ะ ออกมาทางออกปุ๊บ คุณนันดาก็มายืนรอรับเลย น่ารักมาก ต่อด้วยพาไปแลกเงิน จากดอลล่าห์เป็นเงินจ๊าตค่ะ ในสนามบินเลย ปลอดภัย แถมเรทไม่ต่างกันมากค่ะ
สำหรับสถานที่แรกของเราวันนี้คือ เชคอินโรงแรม ซึ่งเราจองผ่านอะโกด้าไว้ค่ะ ห้อง 3 คน ราคาตกคนละ 500 กว่าบาท รวมอาหารเช้าค่ะ ที่พักชื่อว่า business alliance hotel
ห้องดีงามมากกกกกกกกกกกก ใหญ่ สะอาด พนักงานน่ารัก แถมไม่แพงอีก
หลังจากเช็คอินเรียบร้อย เราไปต่อกันที่ ไชน่าทาวน์ ... เพราะเรารู้มาว่า ที่นั่นอาหารเยอะมาก ...
แต่จะกินได้รึเปล่าอีกเรื่องนุงนะ
จาก รร.มาถึงไชน่าทาวไม่ไกลค่ะ นันดาพาทัวร์ เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ โดยก่อนจะไปสตรีทฟู๊ดส์ นันดาพาแวะวัดจีนก่อนค่ะ เราเข้าไปไหว้แป่บนึงก็ออกมา ... ละแวกนี้ นันดาบอกว่าแต่ก่อนร้านค้าจะเยอะกว่านี้ แต่โดนรัฐบาลจัดระเบียบ เลยถูกจัดให้อยู่อีกฟากนึง ซึ่งเราก็ข้ามถนนกันวุ่นวายไปหมด มีทั้งเสียงแตรอีก โอ้ยยย บีบสนั่นหวั่นไหววว แม่เจ้าาาา
สำหรับอาหาร มาดูอาหารซิ .... บางที เราก็ไม่จำเป็นตองเสี่ยงนะ ตอนแรกกะจะมาตามรอยรีวิวคนอื่น แต่มาเจอของจริงละ ถอยดีกั่วววว ... คนธาตุอ่อน ไม่ควรลองนะคะ เพราะเจอกลุ่มครอบครัวที่สนามบินดอนเมืองขากลับ บ่นว่าไมไ่ด้เที่ยวเลย นอนเฝ้าไข้ลูกทั้งคืน เพราะท้องเสีย เรายังเหลือทริปอีกหลายวัน ... จ ง มี ส ติ ! ! !
เดินครบทุกซอยแล้วววว ยังหาไรกินไม่ได้เลย เราก็เลยบอกนันดาว่า " ไอว้อนอาหารไทยมากๆเลย ช่วยพาไปทานหน่อยนะ" เพราะตอนนี้หิวมว้ากกก ... อ้อ นันดาพูดอังกฤษได้ค่ะ แต่พูดไทยไม่ได้เลย แต่บางคำก็ได้นิดหน่อยค่ะ เช่นคำว่า สวัสดี ขอบคุณ ไม่เป็นไร ... เป็นต้น แต่ก็สื่อสารไม่ยากนะ เพราะเราก็ปะกิดไม่แข็งแรงเหมือนกันก็ยังสื่อสารกันได้อยู่ แต่ถ้าพูดได้แข็งแรงคงจะได้ความรู้มากกว่านี้เพราะนันดาเค้าก็พร้อมจะเล่าทุกอย่างค่ะ ไม่กั๊ก มีแต่เรานี่แหล่ะ ถูๆไถๆไป ... ซ อ รี่ นะ นั น ด า
เกือบ สามทุ่ม ในที่สุดเราก็ได้กินอาหารไทยมื้อแรกในพม่า โดยเจ้าของร้านเป็นคนไทยค่ะ พนักงานก็พูดไทยได้ชั๊ดชัด อยู่ใกล้ๆไชน่าทาวน์เลย
รสชาติอร่อย สะอาด ข้าวกะเพราปลาหมึกไข่ดาว 160 บาท ข้าวคลุกกะปิ อร่อยมากกกกกกกก อร่อยกว่าไทยอีก เชื่อป่ะ จานละ 150 บาท อาหารอื่นๆ ก็ร้อยกว่าบาทค่ะ ... สำหรับชื่อร้าน ตามภาพเลย
อิ่มล้าววววววววว เข้าที่พักได้ ระหว่างทาง เจอชะเวดากองอ่าา สวยงามมมมมมมมมมมม อร่ามมากกก เจดีย์สุเล่ ก็สวย โอ้ย อยากไปดูใกล้ๆ แต่วันนี้ไม่ใช่ทริปนะคะ พรุ่งนี้เช้าเราจะต้องเดินทางไปพระธาตุอินทร์แขวนแต่เช้า ... เข้าห้อง อาบน้ำนอนค่ะ
เช้าวันที่ 7 ที่สดใส ...
เราทำการเช็คเอ้าท์ จาก BAH ตอนเก้าโมงเช้า เพื่อไปยังพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ แล้ววันที่ 8 ถึงจะกลับมานอนที่นี่อีกครั้ง ... วันนี้เรานัดนันดามารับเก้าโมงเช้าค่ะ ระยะทางจากย่างกุ้งสู่ไจ้ทิโย หรือว่า พระธาตุอินทร์แขวนนั้นประมาณ 3-4 ชม.ได้ค่ะ (ไกลไม่ว่า แต่ถนนไม่เรียบนี่สิ ทรมานนสุดๆๆ นอนไม่หลับเลยค่ะ ถนนไม่ได้เป็นหลุม แต่ถนนต่างระดับกัน เอ๊ะ จะงงมั้ยนะ 5555) ออกจากย่างกุ้งเก้าโมงเช้า ถึงไจ้ทิโยประมาณ บ่าย 2 นิดๆค่ะ ... ก่อนถึงเบสแคมป์ (หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ตีนเขา ก่อนจะขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ มีที่พักราคาถูกมากมาย หากไม่อยากขึ้นไปนอนข้างบน ... แต่เราอยากไปสวดมนต์ตอนเช้าตรู่ เลยต้องขึ้นไปนอนข้างบนค่ะ) นันดาพาแวะทานอาหารเที่ยงด้วยนะ แต่เราจำชื่อไม่ไ่ด้แล้ว ... ถ้าใครผ่านควรรีบตุนสเบียงไว้นะคะ เพราะข้างบนถึงแม้จะมีอาหารขายตามรายทาง แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าใจคุณจะกล้าและปลอดภัยกลับมารึเปล่า ... แต่สำหรับเรา ... มาม่าคือทางออกที่ดีที่สุดค่ะ 55555555 (ข้างบนมีขายนะ แต่แพงมากก)
ด้านหน้า รร. จะติดถนนใหญ่ค่ะ ทั้งรถโดยสาร รถแท๊กซี่ วิ่งเต็มไปหมด รถแน่นทุกคันเลย นี่นึกสภาพถ้ามาโบกเองละก็ ไม่ไหวแน่ๆ อากาศก็ร้อนมากกกขนาดนี้ แต่เราโชคดีที่ได้เหมารถของนันดา
ระหว่างทาง เราก็ชมวิวไปเรื่อยๆ จนมาเจอกระบวนการผลิตน้ำดื่มโดยวิถีชาวบ้านของพม่าค่ะ ....
มีน้ำแข็งมาหนึ่งก้อนแล้วก็ตักน้ำราด เสร็จแล้วก็ตักน้ำที่ราดลงไปนั้นกรองใส่ขวดนำจำหน่ายต่อไปค่ะ .. ได้หมดถ้าสดชื่นนนน
รถกำลังเข้าสู่สะพานข้ามแม่น้ำสะโตง ... ตามประวิติศาสตร์ " สมเด็จพระนเรศวรฯทรงยิงพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสโตงไปถูกสุระกำมา"
"...ครั้นพระเจ้าหงสาวดีแจ้ง จึงให้พระมหาอุปราชาถือพล ๑๐๐,๐๐๐ ให้สุระกำมาเป็นกองหน้า ตามมาเถิงแม่น้ำสะโตงฟากหนึ่ง สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ให้นายทัพนายกองนำพระมหาเถรคันฉองกับครอบครัวรีบไปก่อน แต่พระองค์กับทหารลำลอง ๑๕,๐๐๐ นั้นยังรออยู่ริมฝั่ง จึงทอดพระเนตรไปเห็นสุระกำมากองหน้า ใส่เสื้อแดงขี่ช้างยืนอยู่ริมฟากน้ำ ตรัส ให้ทหารเอาปืนหามแล่น และปืนนกสับคาบชุดยิงระดมไปเป็นอัน มากก็ไม่เถิง จึงสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็ทรงพระแสงปืนนกสับยาวเก้าคืบ ยิงไปต้องสุระกำมาตกจากคอช้างตาย รี้พลรามัญทั้งนั้นเห็นอัศจรรย์ ด้วยแม่น้ำนั้นกว้างเหลือกำลังปืน ก็กลัวพระเดชเดชานุภาพ และพระมหาอุปราชามิอาจจะตามมาได้ ก็เลิกทัพกลับไป..."
ได้มาเห็นกับตาแล้วว่าแม่น้ำสะโตงกว้างใหญ่ยิ่งนัก
ร้านอาหารที่นันดาพามาแวะทาน อาหารอร่อย ร้านเป็นแบบข้าวราดแกงก็มี แบบตามสั่งก็มี แต่ส่วนใหญ่จะมันมากกกก น้ำมันเยิ้มๆเลย ... พวกเราเลือกตามสั่งแบบผัดผักรวมมิตรกับไข่เจียวค่ะ (ไข่เจียวอร่อย ไข่เหลืองมากน้ำมันก็มากเช่นกัน) ... ส่วนนันดากับน้องชาย(พิว พิว) อ้อลืมเล่า ทริปนี้ นันดาพาน้องชายมาช่วยด้วยค่ะ เพราะน้องเค้าจะมาเรียนรู้เรื่องการทำไกด์ด้วย (แต่ทริปของเรา เราไมไ่ด้จ้างไกด์นะคะ เราแค่เหมารถรับส่ง แต่นันดาก็ใจดี ไปที่ไหนนางก็ไปไกด์ ไปถ่ายรูปให้ทุกที่เลยค่ะ)
อิ่มแล้ว เดินทางต่อ ... ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เราก็จะถึงเบสแคมป์คิวรถสิบล้อขนหมูในตำนานแล้วค่ะ ตื่นเต้นจัง ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวเหมือนเขาคิชกุฏจันทบุรีเรามั้ย สำหรับค่ารถ ถ้านั่งด้านในกับคนขับ ราคาอยู่ที่ขาละคนละ 3,000 จ๊าต ถ้านั่งข้างนอก 2,500 จ๊าต ... สำหรับเรา เรานั่งด้านในค่ะ ด้านในนั่งได้ 6 คน รวมคนขับ ... ครั้งแรกในชีวิตที่ได้นั่งรถสิบล้อ 5555555555555
ระยะทางจากจุดขึ้นรถมายังพระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีค่ะ ถนนดีมากลาดยางตลอดสาย บางจุดที่เป็นโค้งก็หวาดเสียวนิดๆ เพราะถนนเป็นถนนเลนเดียว เวลารถจะขึ้นจะลงจะมีสัญญานจากเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ ต้องรอคิวขึ้นลง ...
ก่อนถึงที่พัก ต้องมาชำระค่าธรรมเนียมกันก่อน จกออกมาเลยคนละ 6,000 จ๊าด ... ละเดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะเจอที่พักเราค่ะ
ที่พักคืนนี้ เราบุ๊คส์ของ ไจ้โต โฮเทลค่ะ ... ขออภัยลืมถ่ายหน้าที่พักมาให้ชม ... ราคา 1,200 ต่อคน รวมอาหารเช้าค่ะ
ห้องพักสภาพเก่า แต่วิวหลังห้องสวยอลัง ที่สำคัญมองเห็นพระธาตุด้วยนะ
เก็บกระเป๋าเสร็จ ล้างเนื้องล้างตัว นันดานัดให้เรามาเจอหน้าที่พัก สี่โมงเย็นเพื่อจะเดินไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวนตามที่ตั้งใจไว้ และเตรียมตัวสวดมนต์ไหว้พระในตอนเย็นค่ะ
บรรยากาศยามเย็นช่างสวยงามมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ บรรยากาศดีมากกกก สวยมากกชอบมากขอลงรูปรัวๆละนะ
เรานั่งรอสวดมนต์ตอนค่ำเสร็จก็กับที่พักค่ะ ... อ้อ จากที่พักมาพระธาตุใช้เวลาไม่นานนะคะ ประมาณ 20-30 นาทีเองค่ะ
ด้วยแรงแห่งศรัทธา คนพม่าเค้าก็มานอนรอสวดมนต์กันข้างบนเหมือนกันค่ะ บนลานกว้างๆ มีห้องอาบน้ำ มีร้านค้าไว้บริการด้วยค่ะ
เทพที่ใส่ชุดชาวเขานี้ ... เค้าเชื่อว่า หากใครเจ็บป่วย ถ้าได้มาขอพร จะหายจากอาการป่วยนั้นๆ ค่ะ
เช้าวันที่ 8 เราตื่นแต่เช้า เพื่อจะเดินไปสวดมนต์เช้าที่พระธาตุ ... ตื่นตีสี่ครึ่งค่ะ ไปถึงก็เกือบตีห้า สำหรับการเดินทางไม่น่ากลัวเลยค่ะ คนแถวนั้นพร้อมนักท่องเที่ยวอื่นๆก็ต่างพากันตื่นแต่เช้า เพื่อไปสวดมนต์ที่พระธาตุกัน ดังนั้น ไม่ต้องกลัวค่ะ .... สำหรับพระธาต์อินทร์แขวน จนท.จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ชายนะคะ เค้าไปติดทองตรงก้อนหิน ส่วนผู้หญิงห้ามเข้าค่ะ ไหว้ได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้น
อากาศยามเช้าข้างบนเขาไจ้ทิโยในเดือนพฤษภาคมเย็นใช้ได้ค่ะ นี่ไม่อยากคิดว่าหน้าหนาวจะหนาวเย็นขนาดไหน ... ขนาดเราไขมันเยอะๆ ยังต้องอาศัยผ้าคลุมเลย
เราลงจากพระธาตุมายังโรงแรมประมาณหกโมงครึ่งค่ะ ... มาถึงก็มาทานอาหารเช้าเลย ..สำหรับไลน์อาหารเช้าก็โอเคนะคะ (ข้าวต้มอร่อยมาก) มีไส้กรอก ไข่ดาว ข้ามต้มกุ้ย ข้าวผัด
เราเก็บสัมภาระพร้อมเช็คเอ้าท์จากโรงแรมประมาณแปดโมงครึ่งค่ะ ...ขากลับก็นังรถสิบล้อขนหมูเช่นเดิม ละก็นั่งหน้ากับคนขับเช่นเดิม ... สำหรับขาลงใช้เวลาแค่ สามสิบนาทีค่ะ ... ก่อนออกรถแอบถ่ายสาวพม่ามาค่ะ หุ่นบางร่างน้อยจริงๆ ชุดก็สวยอ่ะ ชอบบบ
สำหรับสถานที่แรกของวันนี้ที่หงสา ได้แก่ (เราซื้อบัตรเข้าชมแบบเหมาจ่ายนะคะ 10000 จ๊าต ต่อคน ต่อ 4 สถานที่ ตามภาพเลยค่ะ
พระธาตุมุเตา #พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (อังกฤษ: Shwemawdaw Paya, พม่า: ရွှေမောဓောဘုရား) เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษามอญและคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธ าตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ [1]เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย
จากพระธาตุมุเตา นันดาพาไปทานอาหารเที่ยที่ร้าน .....บริการดีเลิศเลอค่ะ ไปถึงร้านปุ๊บ จะมีพนักงานนำร่มคันใหญ๋มากางรับคุณถึงประตูรถเลยค่ะ ... แหมมม วีไอพีฝุดๆอ่ะ ... เด็กในร้านก็บริการดีมากกกก มองตามแขกตลอดเลย วันที่ไปมีทัวร์จีนไปลง แต่พนักก็ยังคงต้อนรับได้อย่างทั่วถึงค่ะ ปรบมือ อ่อ ... อาหารอร่อยด้วยนะคะ มีแบบบุฟเฟ่ต์ด้วยค่ะแต่จำราคสไม่ได้ละ ..
สถานที่ต่อมา ได้แก่
#พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวพระนอนที่งามที่สุดในประเทศพม่า
ว่ากันตามตำนานแล้ว มีเรื่องราวเล่าขานของพระนอนชเวตาเลียว ถูกบันทึกเป็นภาพเขียนไว้ด้านหลังองค์พระ กันมาว่า.....
"มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงลัทธิบูชายักษ์มาก จนถึงขั้นสร้างรูปปั้นยักษ์ไว้เพื่อกราบไหว้บูชา วันหนึ่งขณะราชาเสด็จประพาสป่า พร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวชาวบ้าน เกิดความรักใคร จึงได้พากลับมาอยู่ด้วยกันที่วัง แต่หญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าว นับถือศาสนาพุทธจึงอัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชาทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้ทหารจับพระโอรส และคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่พอชาวบ้านผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนารู้ จึงพากันตั้งจิตอธิฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงขอให้พระโอรส และคนรักแคล้วคลาด จนเกิดเรื่องอัศจรรย์เชือกขาด และเกิดเหตุรูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาเห็นปาฏิหารย์ จึงหันมานับถือพระพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์ "ชเวตาเลียว" ไว้เป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นที่สักการะบูชาของชาวเมือง" นั่นเอง
สถานที่ต่อไป ได้แก่
#จุดอธิษฐานชัยชนะของพระเจ้าบุเรงนอง
ก่อนจะออกรบแต่ละครั้ง พระเจ้าบุเรงนองจะเสด็จมานั่งสมาธิ และขอพรให้ได้รับชัยชนะที่นี่ ...
จุดนี้ ไม่มีในเหมาจ่ายในตั๋ว แต่นันดาพาไปนอกตารางค่ะ เพราะเห็นเราบอกว่าเราไม่อยากไปพระราชวังบุเรงนอง นันดาก็เลยพามาไหว้ที่นี่แทน ... เข้าไปละขนลุกเนอะ ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดประวัติศาสตร์ขนาดนี้ ...
จุดต่อไป ได้แก่
#พระพุทธรูปสี่ทิศวัดไจ้ปูน เมืองหงสาวดี
ประวัติมีอยู่ว่า เดิมทีมีหญิงสาว 4 พี่น้อง ต่างสาบานกันว่าจะไม่ยอมแต่งงาน แล้วร่วมกันสร้างพระพุทธรูป 4 องค์เหล่านี้ขึ้น ต่อมาปรากฏว่าน้องสาวคนเล็กผิดคำสัญญา หนีไปแต่งงานกับชายในฝัน ปรากฏเช่นกันว่าพระพุทธรูปประจำองค์ของน้องสาวนั้นร้าว ต้องสร้างใหม่ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เรื่องความรักนั้นไม่มีอะไรในโลกจะห้ามได้แม้แต่คำสาบาน ดูแต่เพลง "คนจะรักกัน" ยังบอกเลยว่า ....
" ห้ามอาทิตย์ ห้ามดวงจันทร์ หยุดแค่นั้น ค่อยห้ามดวงใจ ฯลฯ "
😊
😊
😊
🤣
🤣
🤣
จุดต่อไป ได้แก่
#มหาเจดีย์ชเวดากอง ที่ตั้งตระหง่านส่องแสงเหลืองอร่าม ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ รวม 8 เส้น ของพระพุทธเจ้า มีประวัติตำนานเก่าแก่กว่า 2,000 ปี เหนังสือ Guinness Book of Records ได้จัดให้พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก นอกเหนือจากความสวยงามและความอลังการแห่งความศรัทธาของชาวพุทธแล้วนั้น รายรอบของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ยังประกอบไปด้วยสิงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่ควรแก่การไปนมัสการขอพร อาทิ ลานอธิษฐานซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเท่าที่ทราบก็เคยมีคนใหญ่คนโตของไทยไปตั้งจิตอธิษฐานจนประสบความสำเร็จมา หลายท่านแล้ว #หรือการร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์สัญลักษณ์ประจำวันเกิด ตั้งอยู่รอบ ๆ ลานเป็นคู่ ๆ ด้วย โดยเชื่อกันว่าการสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์เหล่านี้ จะสร้างความบริสุทธิ์และความสุขความเจริญแก่ผู้สรงน้ำ รวมถึงการร่วมบูชาแม่ยักษ์ ที่เชื่อการว่าการบูชาท่านจะช่วยในการตัดกรรมหรือศัตรู หรือพระพยุงโชคชะตาอยู่ในช่องแคบเข้าได้ทีละคน นำพวงมาลัยเข้าไปสักการะ และเอาหน้าแนบกระจกเพื่อขอพร เชื่อถือว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พระจินดามณีเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมาก ทั้งองค์ประกอบขึ้นจากเพชรนิลจินดาต่าง ๆ สักการะขอพรเพื่อให้มีโชคลาภ เพิ่มพูนเงินทองทรัพย์สิน และเทวดาสุริยัน – เทวดาจันทราสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ ควรสักการะเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยทำให้ธุรกิจราบรื่น ประสบแต่ความสำเร็จ เป็นต้น... สาธุ
นี่คือคุณนันดา สาระถีของเรา พร้อมราชรถในทริปนี้ค่ะ .... ดูแลดีมากมาย ข้อมูลก็แน่นนนนมว้ากกก
ก้าวแรกที่ได้สัมผัส ................ มันงดงามจนบรรยายไม่ถูก ... สวยไปทุกสิ่ง พยายามจะถ่ายรูปให้สวยได้เท่าตาเห็นแต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ ... ได้แต่กวาดสายตาไปรอบๆให้หมด เก็บทุกสิ่งไว้ในความทรงจำ ยิ่งแหงนมองพระธาตุแล้ว ก็ทำให้ย้อนนึกถึงกรุงศรีอยุธยาของเรา ... มันตื้นตันจนบอกไม่ถูก ... ตรงด้านหน้าพระธาตุมีจุดไหว้พระตรงนั้น เราสามคนก็ไปนั่งสวดมนต์กับเค้า ... อยากจะบอกว่าปริ่มใจมากกกก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มานั่งสวดมนต์ที่นี่ ... ทริปนี้สุดประทับใจ
บรรยากาศโดยรอบ ยิ่งมืดก็ยิ่งสวย ... แสงสีทองสว่างกระทบกับแสงไฟ ยิ่งทำให้เจดีย์ส่องสว่างอร่ามตา ... เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก แต่ไม่เบื่อเลย ... ลืมเวลาไปด้วยซ้ำ เดินแล้วเพลินมาก เพราะบริเวณพื้นที่นั้นกว้างจริงๆ
ถ้าแหงนมองดีๆ จะเจอหน้าคน ... ไม่เชื่อไปละลองดู ...
คนเกิดวันนี้เยอะเนอะ ... นี่สำหรับคนเกิดวันเสาร์ค่ะ
หลังจากที่เราอิ่มเอมใจกับการได้มาถึงที่สุดขอความตั้งใจแล้ว ได้มาสวดมนต์ขอพระต่อพระธาตุเจดีย์ชเวดากองแล้ว นันดาก็พาไปทานอาหารเย็นที่ร้านซีฟู๊ดค่ะ ... คนเยอะ อร่อย แถมไม่แพง ใครมีโอกาสไปเยือนย่างกุ้งลองไปโดนกันนะคะ อ้อ.. สำหรับน้ำจิ้มบ้านเค้า จะไม่เหมือนบ้านเรานะคะ เพราะบ้านเค้าใส่กะปิด้วย ... รสชาติแปลกปะแล้มๆ แต่อาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา สดมากค่ะ ยังว่ายไปว่ายมาอยู่เลย
เช้าวันที่ 9 พ.ค. 60 วันสุดท้ายในพม่า ... นันดามารับเราที่โรงแรมแต่เช้าค่ะ เราก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ไว้รอเลย
สถานที่แรกของวันนี้ ได้แก่
#เจดีย์เยเลพญา หรือ เจดีย์กลางน้ำ ตามตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยมอญเรืองอำนาจ เมื่อราวพันกว่าปีก่อน โดยมีคหบดีชาวมอญเป็นผู้สร้างและยังได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมองค์พระเจดีย์ ถ้ามีผู้คนมากราบไหว้จำนวนมากเท่าไหร่ก็ขอให้ไม่มีวันเต็มล้นพื้นที่ เพราะเจดีย์แห่งนี้สร้างบนเกาะมีสภาพเป็นเพียงเกาะเล็กๆกลางแม่น้ำกว้างใหญ่เท่านั้น และเจดีย์แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่อง ไหว้พระขอพรทำธุระกิจทางการค้า
🙏
🙏
🙏 ... ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชม.ได้ค่ะ จากย่างกุ้ง ถึง สิเรียม ... ไกลเหมือนกันนะ พวกเราชอบวัดนี้มากกก องค์พระสวยงาม เหลืองอร่ามงามตามาก
ก่อนถึงวัด เราต้องนั่งเรือข้ามไปค่ะ จึ๊ดเดียว ไปกลับ 5000 จ๊าต และค่าเข้าชมคนละ 2000 จ๊าต
นันดาเล่าว่า ณ วัดแห่งนี้ ถึงแม้น้ำจะหลาก หรือน้ำจะท่วมแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถท่วมเข้าไปถึงในวัดได้ค่ะ ... เหลือเชื่องจริงๆ
จุดต่อไป ได้แก่
#เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) หมายถึง "ทหาร 1,000 นาย" โดยมีความเชื่อเล่ากันมาต่อๆ กันว่าเมื่อประมาณสองพันปีที่แล้ว พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ ได้ให้ทหาร 1,000 นาย ตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุ (สารีริกธาตุ)ที่อันเชิญมาจากอินเดียเพื่อนำไปบรรจุไว้ที่ มหาเจดีย์ชเวดากอง และทรงบรรจุเส้นพระเกศาธาตุไว้ 1 เส้น ในเจดีย์นี้ วันเวลาผ่านไป ได้มีการบูรณะซ่อมแซมเจดีย์ผลจากความเสียกายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปรากฎว่าไปพบของมีค่าหลายอย่างภายในเจดีย์ จึงสร้างโครงสร้างใหม่โดยให้ฐานเจดีย์มีช่องซิกแซกคล้ายเขาวงกต ภายในสีทองอร่ามสวยงาม และนำวัตถุโบราณจัดแสดง อีกทั้งนำพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใสใจกลางเจดีย์อีกด้วย
😍 ได้ข้ามแม่น้ำย่างกุ้งด้วย ... ใหญ่กว่าเจ้าพระยาบ้านเราอีก น้ำออกสีแดงๆ
ถัดจาก #เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) เราก็เดิมอ้อมมาที่นี่ ......
#เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี
อยู่ที่ศาลาริมน้ำด้านข้างของเจดีย์โบตะตาวนั้นเอง ซึ่งชาวพม่ามีความเชื่อกันว่าไม่ว่าจะสร้างเจดีย์ใดๆ ที่ไหนก็ตาม จักต้องมีเทพคอยคุ้มครองดูแลเจดีย์ และแน่นอน เทพทันใจนี้ เป็นเทพที่คุ้มครองเจดีย์โบตะตาว นั้นเอง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้สมปรารถนารวดเร็วทันใจ สมกับคำ เทพทันใจ นั่นเอง
หากนักท่องเที่ยวต้องการสัการะเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเรื่องของสักการะอยู่ด้านหน้าของวัด ซึ่งจะประกอบไปด้วยมะพร้าว กล้วย ใบชนะ ผ้ าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้ ซึ่งสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยมสักการะเทพทันใจ อีกทั้งยังมีเงินเป็นธนบัตรจำนวน 2 ใบ (นิยมม้วนเป็นกรวย) สอดไปในมือของเทพทันใจ และนำมาแตะหน้าผากพร้อมอธิษฐาน เสร็จแล้วจึงดึงนำธนบัตรออกมา 1 ใบ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นคนทำพิธีจะให้ใบชนะแก่เรา และให้เรานำผ้าคล้องคอเทพทันใจ ก็เป็นอันเสร็จพิธี(ว่ากันว่าอธิษฐานได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น จึงจะสำฤทธิ์ผล)
" #เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย" ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจดีย์ มีนัตองค์หนึ่งกล่าวไว้ว่า เทพกระซิบเป็นธิดาของพญานาคที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เชื่อว่าถ้ากระซิบขออะไรแล้วจะสมหวังอีกด้วย
หลังจากไหว้ขอพระเทพกระซิบเสร็จ นันดาก็รีบบึ่งรถพาเรามาส่งสนามบินค่ะ เพราะเค้าลืมว่าเราต้องขึ้นเครื่อง 5 โมงเย็น ... นี่ยังจะพาไปต่อ คิดว่าขึ้นหนึ่งทุ่ม .... เกือบตกเครื่องซะแล้ววว ดีนะ ที่เราย้ำอีกรอบ เพราะเห็นว่านางชิลล์เหลือเกินนน แถมช่วงเวลานั้น รถติดหนักมากค่ะ ... แต่ก็ไปถึงสนามบินก่อน 40 นาที ทันเช็คอินที่เค้าท์เตอร์พอดีค่ะ แต่ก็ดีเลย์ครึ่งชม. ทั้งไปและกลับ สนามบินย่างกุ้งดูดีมากค่ะ สะอาด ใหม่เอี่ยม คนน้อย เจ้าหน้าที่น่ารักมากเดินให้ข้อมูลตลอด บริการด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ร้านค้าก็อินเตอร์ดี
*** เราร่ำลา นันดาซักพัก เพราะยังมีเวลาเหลือ โดยสัญญาไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะมาใช้บริการอีก กำชับนันดาให้ทำตัวให้ว่าง ... เพราะมัณฑะเลย์ กับพุกาม ยังงัยเราก็ต้องไปแน่ๆ .. อ้อ ใครสนใจจะบริการนันดา หลังไมค์มาได้นะคะ ... รับรองจะไม่ผิดหวัง
สุดท้าย ... ก่อนไป จะบอกว่าเป็นทริปที่กลัวมากกกกกกก เพราะไปแบบหญิงล้วน แถมพม่าตามความคิดของเราคือ น่ากลัว เถื่อน สารพัดอย่าง ... แต่ไปแล้วกลับสนุกที่สุด มันส์ ฮา ผู้คนเป็นมิตร เด็กน้อยบนเขามีน้ำใจ .... สิ่งที่เราเคยคิดไว้มันแตกต่างไปหมดเลย ... นี่ยกเว้นเรื่องอาหารนะ 55555555555 (เราแหลกม่ายล้ายเลยยย)
พม่า .... สวยไปหมดทุกอย่าง วัดเกือบทุกที่ห้ามใส่รองเท้า ถุงเท้าเข้าไป ... ขยะ ไม่ค่อยมีให้เห็น ... สินค้าราคาแพงกว่าบ้านเรามาก เช่น มังคุด 10 ลูก 180 บาท แต่ก็ซื้อ 5555 น้ำตาจิไหล อย่าถามเลยว่าอร่อยมั้ย 555 อาหารที่นั่นเน้นมันๆ น้ำมันลอยเยิ้มมม เพราะเค้ามีความเชื่อว่า คนพม่าแต่เดิม หุ่นบางร่างน้อย แถมหนักไปทางแคระแกรนด้วยซ้ำ อยากจะมีน้ำมีนวล เพื่อให้หุ่นอวบๆ ถึงจะดูสวยงาม จึงนิยมทานมันๆ ... เห็นเค้าว่างี้นะ
ท้ายสุด ... ขอบคุณช่วงเวลาดีๆในพม่า ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราได้ไปเจอ ... ไปแล้วคุณจะหลงรักโดยไม่รู้ตัว ! ! !
สำหรับทริปของเรานะคะ รายละเอียดหลักๆก็จะมี ดังนี้
Day 1 Arrive at the Yangon International Airport Sat 06 May 2017 05:00PM RGN Check In BAH Hotel And to Chaina town for dinner.
Day 2 Yangon to Kyikhtiyo still at night.( ออกจากรร.ในย่างกุ้ง 9 โมงเช้า ถึงเบสแคมป์ เกือบบ่ายสอง ใช้เวลาบนพระธาตุคุ้มมาก)
Day 3 Kyikhtiyo to Bago (Hongsawadee) Visit….
- Shwemawdaw Pagoda, Bago)เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา)
- Hanthawaddy ร้านอาหารไทย ทานอาหารเที่ยง
-
Shew Thalyang Budda)พระนอนชเวตาเลียว
-จุดอธิษฐานชัยชนะของพระเจ้าบุเรงนอง
- Kyaikpun Pagodaเจดีย์ไจ๊ปุ่น
-Shwe Dagon Pagoda // Yangon
-ร้านอาหารซีฟู๊ดส์ ทานอาหารค่ำ// Yangon
Day 4 visit ....
- (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา //สิเรียม
- (Botataung Paya)พระเจดีย์โบตาทาวน์ เกศาธาตุ// Yangon
-
เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี// Yangon
-เทพกระซิบ// Yangon
-
ทะเลสาบกันดอว์จี (Kandawgyi Lake)// Yangon
เหลือที่ไม่ได้ไปก็เยอะเหมือนกันค่ะเพราะเวลาไม่พอ ได้แก่
-Scott Market ตลาดสก๊อต
-วัดพระหินขาว(หินอ่อน) Kyauk Taw Gyi Pagoda
-พระเจดีย์กาบาเอ (Kaba Aye pagoda)
-พระเขี้ยวแก้ว Swe Taw Myat
-พระนอนตาหวาน เจาทัตยี Kyauk Htat Gyi Reclining Buddha
-พระเจดีย์สุเล (Sule Pagoda)
- (kyaikpawlaw)ไจ๊ปอลอ (พระไฝเลื่อน)
E N D
- ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ-
Whatdayistoday Playplern
วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.01 น.