ตราด
1 ใน 12 เมืองต้องห้าม ... พลาด



แคมเปญมาแรงของททท.ในปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 ที่คัดสรร 12 เมืองทางเลือกจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เน้นจุดเด่นเฟ้นเลือกจังหวัดต่อยอดเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวหลักเดิม จังหวัดตราดเป็น 1 ใน 12เมืองต้องห้ามพลาดที่ได้รับการคัดสรร และเป็นหนึ่งในสองจังหวัดทางภาคตะวันออก และหนึ่งในกิจกรรมโปรโมทเหล่าเมืองต้องห้ามพลาดนี้คือกิจกรรมประกวดประชันขันแข่งของเหล่า Travel Blogger ที่จะมาเล่าประสบการณ์ผ่านมุมมองของพวกเขาโดยแบ่งเป็น 12 ทีม นายน้ำฟ้าและผองเพื่อนอีกสามคนอยู่ในทีม TTBN09 กับภารกิจมุ่งหน้าสู่เมืองสุดแดนตะวันออก ตราด เมืองเกาะในฝัน มาดูกันว่าด้วยทริปที่ใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่วันตราดจะตรึงใจพวกเราไว้ได้หรือไม่







เอาล่ะ เริ่มกันเลย ทริปนี้เกิดขึ้นในเดือน กค. เดือนแห่งฟ้าฉ่ำฝน ต้องลุ้นฟ้าลุ้นฝน ถึงขนาดทำพิธีบนบานขอให้ฟ้าโปร่งต่อหน้าแฮมเบอเกอร์ //ใช่เหรอ ตราดขึ้นชั้นเป็นจังหวัดที่มีปริมาณฝนตกชุกที่สุดลำดับต้นๆ ของประเทศเสียด้วย ทีมเรานัดรวมตัวกันที่ร้านแม็คแถวบางนา เมื่อพลพรรคพร้อมกินแฮมเบอร์เกอร์เป็นมื้อเย็นเสร็จก็ล้อหมุนจับไมล์มุ่งหน้าสู่ตราด ด้วยระยะทางบางนา-ตราด 300 กิโลเมตรถ้วนๆ //จำง่ายๆ ใช้เวลาขับเคลื่อนแบบไม่เร่งรีบ 4 ชั่วโมง บนเส้นทางคร่าวๆ คือมุ่งหน้าชลบุรี เข้าบายพาสเลี่ยงเมืองชล จากนั้นแยกออกบ้านบึงใช้ถนนสาย 344 บ้านบึง-แกลง ถึงอ.แกลง จ.ระยอง ก็เลี้ยวซ้ายต่อเนื่องใช้ถนนสุขุมวิท แกลง-จันทบุรี-ตราด นี่น่าจะเป็นรูทที่สั้นที่สุดแล้ว มาถึงตราดห้าทุ่ม ขึ้นเกาะช้างทันที! //ยังครับยัง ดึกขนาดนี้แล้ว พวกเราจองเกสเฮ้าส์บนฝั่งกันก่อน เพื่อขอชมความงามตัวเมืองตราดในวันรุ่งขึ้น โดยเลือกเกสเฮ้าส์ในชุมชนแห่งนี้



ชุมชมรักษ์คลองบางพระ
ที่ได้ชื่อว่าเชียงคานแห่งแดนตะวันออก
พิกัดกลางชุมชน








ที่นี่คว้ารางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยวมาเมื่อปี 2550 มาแล้วด้วย เห็นรางวัลกับชื่อเสียงที่เปรียบเทียบว่าเหมืองดั่งเชียงคานแล้วก็นึกถึงทั้งเชียงคานที่เงีียบสงบ ปายในยุคเริ่มๆ แค่นี้ก็ชวนให้อยากมาเดินทอดน่องแล้ว นี่เป็นชุมชนเก่าแก่มาแต่ยุครัชกาลท่ี 1 ครั้งที่ถนนหนทางหลักยังเป็นแม่น้ำลำคลอง ที่นี่มีมรดกทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมให้ได้ยล คลองบางพระอยู่ตรงไหน ตามมาๆ เริ่มจากทะเลตรงปากแม่น้ำตราด ล่องย้อนแม่น้ำเข้าไปราวสองกิโล ซ้ายมือเราจะพบกับปากคลองบางพระ บริเวณเดียวกับที่ตั้งท่าเทียบเรือโชคสาครจุดนั่งเรือไปเกาะกูด จากปากคลองล่องเรือลึกเข้ามาในคลองบางพระ ถ้าล่องยาวตลอดลำคลองก็จะได้ระยะทางราวๆ สิบกว่ากิโลเมตรบรรจบสระสีเสียดที่มีวัดบุปผารามตั้งอยู่ไม่ไกล วัดนี้วัดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองตราดตั้งอยู่ สมัยก่อนจะมีสระสีเสียดคลองบางพระยาวนี้จะยาวไปถึงหน้าวัดเลย วัดบุปผารามจึงมีชื่อเดิมว่าวัดปลายคลอง







คลองบางพระนั้นไหลคดเคี้ยวผ่านไปทางทิศใต้ของที่ตั้งชุมชนเมืองตราด ไหลตามแนวออกตก ช่วงตอนที่ไหลผ่านที่เมืองก็กำเนิดชุมชนสองฝั่งคลองบางพระ ซึ่งเป็นชุมชนที่เคยรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต ปัจจุบันชาวชุมชมรักษ์คลองบางพระพร้อมใจกันอนุรักษ์วิถีชีวิต และมรดกทางสถาปัตย์ พร้อมกับปรับตัวต้อนรับกระแสท่องเที่ยววิถีไทย มีโฮมสเตย์น่ารักๆ เกิดขึ้นในชุมชมหลายแห่ง บางบ้านก็ประยุกต์มาเปิดร้านอาหารร้านกาแฟ บรรยากาศโดยรวมดูเข้ากับกระแส Slow Life มั่กๆ บอกเลย







ตัวชุมชมตั้งอยู่ในถนนแคบๆ ชื่อถนนธนเจริญ //ดูเหมือนเป็นซอยมากกว่า เนื่องจากเป็นถนนแคบๆ สั้นๆ ยาวเพียง 400 เมตร คลองบางพระขนาบอยู่ทิศใต้มีตรอกซอยเชื่อมถึงสองสามจุด มีทางเดินชมวิวเลียบคลองทำไว้อย่างดีมีศาลานั่งพักเป็นระยะ ความยาวกว่าครึ่งกิโล ทางเดินลัดเลาะขนานไปกับคลองข้างที่เป็นที่ตั้งชุมชน ทัศนียภาพอีกฟากฝั่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นป่าเป็นเรือกสวน





เป็นเช้าวันแรกเริ่มทริปที่สดใสมาก เกินคาด! จากทีแรกที่คิดว่าเจอฝนแหงๆ แต่ไหงกลายเป็นฟ้าแจ้งแจงแวง แดดสีทองสาดมาอ่อนๆ ในช่วงเวลา Golden Hour แม่เจ้าว้อยฤกษ์งามยามดีแล้วทริปนี้ เราใช้เวลาเดินชมชุมชนคลองบางพระ ไปเข้าซอยโน้น มาออกซอยนี้ เดินมองโน้นทีนี้ที บันทึกภาพอย่างสุข ผู้คนยังไม่ค่อยตื่นกัน มีสองสามคนวิ่งจ๊อกกิ้งผ่านมาบ้าน ขี่จักรยานผ่านไปบ้าง




สำหรับใครที่อยากจะถ่ายพระบิณฑบาตหรืออยากใส่บาตรยามเช้าก็มีบนถนนเหนือธนเจริญขึ้นไปเส้นนึง เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง คือถนนหลักเมืองนั่นเอง พระจะเดินออกมาจากวัดไผ่ล้อมตรงหัวถนน เดินเรื่อยไปตลอดถนนไปสุดทีศาลหลักเมืองประมาณนั้น





เดินมาทะลุปากซอยอีกฝั่ง //อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นถนนธนเจริญ หรือซอยชุมชมรักษ์คลองบางพระนี้เป็นซอยไม่ลึก คือยาวเพียงสี่ร้อยเมตร นี่ผมเดินทะลุมาฝั่งทิศตะวันออก มามองคลองบางพระเล่นๆ บนสะพาน แล้วมองย้อนกลับเข้าไปในเมือง





สายๆเดินไปหาข้าวมันไก่กินกันด้วย ชื่อร้านข้าวมันไก่กรุง อยู่เลยเรสิดังกัมปอร์ตไปหน่อย สูตรจีนๆ อร่อย ใกล้ๆ กันซอยละแวกนั้นมีร้านอีกร้านนึงมีเมนูก๋วยเตี๋ยวกั้ง น่ากินมากด้วย //กินมาแล้ว แต่เป็นคนละทริป ชามละ 40-50 เอง แต่ว่าให้กั้งเยอะมาก
















ก่อนเช็คเอาท์จากเกสเฮ๊าส์เพื่อออกเดินทางต่อเราไม่ลืมแวะสถานที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งในย่านนี้ เดินทะลุซอยชุมชนมาบนถนนหลักเมือง นั่นคือ





โบราณสถานจวนเรสิดังกัมปอร์ต
Residence Kampot
12.241750, 102.513344

โบราณสถานจวนเรสิดังกัมปอร์ต เป็นอาคารทรงครึ่งตึกครึ่งไม้สูง 3 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยาลดชั้น สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศสที่ถูกส่งมาให้ปกครองจังหวัดตราด นอกจากนี้ยังเคยใช้เป็นจวนผู้ว่าด้วย









จากนั้นก็ขับรถออกไปทิศตะวันตกของเมืองตราด ห่างชุมชนคลองบางพระไปเพียงสองสามกิโลเมตร ไปชมวัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดนี้

วัดบุปผาราม
( วัดปลายคลอง )
12.250147, 102.495010

นี่เป็นวัดในยุคกรุงศรีอยุธยาเลยเชียว ตัวอุโบสถหรือโบสถ์มีความน่าสนใจตรงที่เป็นโบสถ์ที่มีผนังสองชั้น คือชั้นที่สองหรือชั้นนอกสร้างหุ้มชั้นเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไป แม้การสร้างหุ้มจะไม่สวยงามนัก แต่ใครไปแล้วไม่ควรพลาดเดินเข้าไปชมภายในโบสถ์ ซึ่งจะแลเห็นสภาพเดิมและจิตรกรรมฝาผนังยุคกรุงศรีฯ อันงดงาม บริเวณวัดกว้างขวางใหญ่โต นอกจากนี้ยังมีหอระฆังตั้งเด่น และมีพิพิธภัณฑ์ที่มีสิ่งน่าสนใจมากมายให้ได้ชมด้วย แต่วันที่เรามานี้เหมือนๆ จะปิดปรับปรุง











ก่อนจากเมืองตราดมุ่งหน้าสู่แหลมงอบเพื่อขึ้นเกาะช้างเราไม่ลืมที่จะแวะมากราบศาลหลักเมือง เพื่อขอพรให้ทริปนี้อย่าได้เจออุปสรรค์เรื่องฟ้าฝน

ศาลหลักเมือง
12.243562, 102.508525

ตัวศาลมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากศาลหลังเมืองที่อื่นๆ มาก คือก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนเต็มขั้นเลย อย่าลืมแวะมากราบเป็นสิริมงคลเวลามาเยือนเมืองตราดกันนะครับ









จากเมืองตราดสู่แหลมงอบ จุดขึ้นเรือสู่เกาะช้าง ระยะทางบนถนนสายตราด-แหลมงอบมีระยะทางไม่ไกลมาก ขับรถเพียงสิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น และที่กลางทางเราจะผ่านที่น่าแวะมากๆ อีกที่หนึ่ง นั่นคือ

บ้านน้ำเชี่ยว
แหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน
12.189101, 102.461237





บ้านน้ำเชี่ยวอยู่อำเภอแหลมงอบ และที่นี่ก็คือแหล่งผลิตหมวกงอบ ที่มาของชื่อแหลมงอบเชียวล่ะ มาดูกัน 555 หมวกงอบยักษ์ใหญ่บักเอ้กมั่ก ขอใส่จุ๊ยซะหน่อย อิอิ











บ้านน้ำเชี่ยวนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาวิถีชีวิตชุมชน ที่ได้รับรางวัลดีเด่นการันตีมาแล้ว แต่เดิมเมื่อเก่าก่อนคนกลุ่มแรกที่ตั้งรกรากคือคนไทยพุทธ ต่อมาที่นี่มีการติดต่อค้าขายคนชาวจีนที่นำสินค้ามาขายโดยเรือสำเภาจีน ซึ่งก็ทยอยมาตั้งรกรากที่บ้านน้ำเชี่ยวด้วย กลายเป็นชุมชนสองเชื้อชาติ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 ก็มีชาวมุสลิมพวกแขกจามหนีภัยสงครามจากเขมรเข้ามาอาศัยเพิ่มอีก ตั้งรกรากเพิ่มอีกเชื้อชาตินึง กลายเป็นชุมชนหลากเชื้อชาติและศาสนา มีวิถีวัฒนธรรมผสมผสานอาศัยรวมกันอย่างกลมกลืนสมัครสมานอยู่กันอย่างสันติสุข




ภาพบน สะพานโค้งๆ นี้มีชื่อว่า สะพานวัดใจ เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจรข้ามไปมาเชื่อมสองฝั่งคลองน้ำเชี่ยว ทรงโค้งสูงชะลูดน่าหวาดเสียวสำหรับคนที่เป็นโรคกลัวความสูง









ที่บ้านน้ำเขี่ยวนี่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล คลองน้ำเชี่ยวไหลลงใต้ไปหน่อยก็ออกสู่ทะเลแล้ว ทำให้มีพื้นที่ป่าชายเลนด้วย แถมยังเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์เนื่องจากชาวบ้านช่วยกันรักษาไว้










ที่สุดทางก่อนถึงทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนจะมีศาลากิจกรรม เราไปดูไปชมเค้าทำหมวกงอบได้ ผู้นำชุมชนที่นี่น่ารักมาก และนอกจากนี้แล้วบริเวณนี้ยังมีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบพักกับชาวบ้านและเรียนรู้วิถีชีวิตไปด้วยได้เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตเสี้ยวหนึ่งอยู่ในชุมชมบ้านน้ำเชี่ยวนี้ ซึ่งมีกิจกรรมน่าเรียนรู้มากมายแถมสนุกด้วย อย่างเช่นร่องเรือชมป่าชายเลนและโดดลงน้ำไปงมหอยปากเป็ด ! หอยหน้าตาแปลกประหลาดที่พบมากในดินเลนแถบนี้











เพียงแค่ครึ่งวันแรกของทริป ตราดเมืองเกาะในฝัน ..

เพียงแค่ยังอยู่แค่บนฝั่ง สองเท้ายังไม่ได้ย่างย่ำขึ้นเกาะ ..

ทีมเราก็สัมผัสได้ถึงความมีอะไรมากมายบนความคิดที่ว่าไม่น่าจะมีอะไร!
ตราดบนฝั่งมีสิ่งน่าสนใจใช่ย่อย
เพียงกระพี้เดียวที่เราใช้เวลา เปิดตา เปิดใจสัมผัส

Open Eyes, Open Mind, Open Though




สำหรับชุมชนรักษ์คลองบ้านพระก็น่ามาพักอย่างน้อยสองวันหนึ่งคืนเต็มๆ ใช้ชีวิต Slow Life ไปเนิบเนิบ
ที่ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวนี่ก็น่ามาพักสักสามวันสองคืน เปิดโสตประสาทการเรียนรู้วิถีชีวิตที่น่าสนใจให้เป็นภูมิรู้ และเติมต่อประสบการณ์ชีวิตเพราะว่านอกจากงมหอยปากเป็ดแล้ว ใกล้ๆ นี้ยังมีหาดทรายดำที่เรานั้นพลาดโอกาสที่จะได้เข้าไปเยือนอีก โห นี่ยังไม่ขึ้นเกาะก็ปาไปสามคืนแล้วนะ 555 อ่ะ ได้เวลาเดินทางกันต่อ จวนเวลาจะต้องรีบบึ่งรถไปท่าเทียบเรือเฟอรี่เพื่อนำรถขึ้นเกาะช้างกันแล้วล่ะ
ขอยกยอดที่เหลือไปบล็อกตอนหน้านะครับ ซึ่งจะเป็นบล็อกลุยบนเกาะช้างเต็มๆ แถมด้วยเกาะอื่นๆ อีกเล็กน้อย ส่วนจะเป็นเกาะอะไรบ้างนั้นขออุ๊บไว้ก่อน ติดตามชมกันนะครับ




ฝากคอมเมนต์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะครับ โย่ว ^ ^












ให้กำลังใจทีม T09 ได้ด้วยการกดโหวตที่ ลิงค์นี้จ้า ขอบคุณฮับ ;)


น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา

 วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 08.52 น.

ความคิดเห็น