สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว readme

กระทู้นี้ผมจะมาบอกเล่าเรื่องราวที่ได้ไปพบมา

เกาะหมากครั้งแรกในชีวิต



สืบเนื่องจากผมรับคำเชิญ จากอพท. องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ในฐานะสื่อ ทราเวลบล็อกเกอร์ เพราะว่าในบล็อกผมนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวท่องเที่ยวนั่นเองครับ

ทีแรกผมก็ว่าจะปฏิเสธ ทำไมหน่ะเหรอครับ ไปทะเลหน้าฝนนี่นา low season! แม้เดี๋ยวนี้เรานิยมเรียกกันว่า Green season แล้ว



แหม ชอบมากคำนี้ กรีนซีซั่น แต่แล้ว ก่อนจะปฏิเสธมีอยู่วันหนึ่งผมก็ได้มีโอกาสไปนั่งฟัง อพท.เค้าจัดงาน "คนไม่เอาถ่าน" เฮ้ย

มันคือไร โปสเตอร์มีคนสองคน คุณวรรณสิงห์ นักคิดนักเขียนดังและผู้จัดรายการพื้นที่ชีวิต กับคุณมิ้นท์ หญิงเก่งที่เที่ยวคนเดียวไปแทบทั่วโลกที่โลกโซเชียลรู้จักเธอในนาม I Rome Aloneฟีสข่าวปชส.ขึ้นหน้าวอลเฟสบุ๊ค จัดที่หอศิลป์กรุงเทพ ผมงี้อยู่ใกล้ๆ ก็เลยฉิ่งหนีโต๊ะทำงานอันน่าเบื่อ ไปนั่งฟังอยู่มุมห้อง



คนไม่เอาถ่าน ก็คือคนไม่เอาก๊าซคาร์บอนงี้เอง แหม่ เท่อ่ะ ผมคิด เมื่อนั่งฟังคอนเซ็บแล้วก็เก็ตสิครับ ชอบเลย คร่าวๆ คือโลกเราทุกวันนี้มนุษย์พากันปลดปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศจนโลกน่าอยู่ของเราเข้าสู่ภาวะโลกร้อนอย่างที่รับทราบกันดีแล้ว จากความเจริญอย่างมากทางวัตถุนั่นเอง และโลกยุคใหม่ศตวรรรษนี้การท่องเที่ยวก็เป็นกิจกรรมของมวลมนุษยชาติไปแล้ว ทุกคนพากันท่องเที่ยว แต่กลับเป็นตัวเร่งให้กระบวกการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้



มีท่องเที่ยวก็ต้องมีการขนส่งคน มีพลังงานเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ รีสอร์ท โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ ที่เนรมิตจากคน ย้าย left style คนออกจากที่ตั้ง เดินทางเปลี่ยนที่พักผ่อน เราเปิดแอร์กันเต็มเหนี่ยวแม้ตัวเองจะไม่ได้อยู่ห้อง เราอาบน้ำอุ่นแม้อากาศจะไม่หนาว เราเลือกกินเมนูดังๆ ที่ต้องสรรหาวัตถุดิบจากการนำเข้ามากมาย สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งแนวคิดใหม่ทำยังไงภาคท่องเที่ยวทั้งหมดจะร่วมไม้ร่วมมือกันลดภาระให้โลกของเรา จึงเกิดโครงการ

Low Carbon Destination ขึ้น อพท. โดยการสนับสนุนและร่วมมือด้านวิชาการจากเยอรมัน จึงเกิดขึ้น และพื้นที่แรกของประเทศไทยที่จะทดสอบก็คือ



เกาะหมาก



หลังฟังบรรยาครั้งนั้นผมตื่นเต้น อยากไปเกาะหมากมาก รับคำและถึงวันเดินทางในที่สุด



แถ่นแท้น วันเดินทางมาถึง ไหง เราเป็นสื่อคนเดียวในรถเนี่ย นอกนั้นคือจนท.อพท.ทั้งหมด โอ้ว ม่าย ( ดีนะผมขอผู้ติดตามมาด้วยคนนึง )



เอาล่ะ เริ่มเข้าสู่เรื่องราวถูกปล่อยเกาะ ณ บัดนาว



เราเดินทางโดยรถตู้ 1 คัน จากกทม. สู่ตราด ด้วยระยะทาง 300 กิโลเมตร เรื่องราวเกิดขึ้นในเดือนกรกฏาคม เดือนแห่งฝน เดือนที่แล้วมานี้เอง

ก่อนลงเกาะขอแวะที่นี่กันก่อนครับ เติมพลังงานมื้อเที่ยงกันด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวกั้ง



ชื่อร้านเค้าชื่อ ก๋วยเตี๋ยวปู สุขุมวิท แต่เมนูเด็ดขึ้นชื่อของเค้าคือก๋วยเตี๋ยวกั้ง
พิกัดครับ N12° 14.576' E102° 30.743'



แต่ผมผ่าไปสั่งข้าวผัดกั้งครับ เนื้อกั้งไหงซ่อนอยู่ใต้ข้าว มองไม่เห็น ภาพจานข้าวผัดเลยไม่น่าโพสเท่าชามนี้ของเพื่อนร่วมทริปที่ผมเชิญชวนมาเป็นผู้ติดตาม



ก๋วยเตี๋ยวกั้ง


เครดิตภาพ : จากเพจสะพายเป้ดอทคอมครับ ถ่ายโดย โดม สะพายเป้ เพื่อนร่วมทริป



หน้าตาน่ากินมว้าก เน้อะครับ ชามนี้สี่สิบห้าสิบบาทประมาณนี้

ร้านก็อยู่ในเทศบาลเมืองตราด บนถนนเทศบาลแล้วแยกเข้าซอยสุขุมวิท เข้าไปหน่อยร้านอยู่ซ้ายมือ



**หมายเหตุ พบพูดคุยนอกรอบฝากข้อคิดเห็นหรือสอบถามต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่อยู่อีกที่ครับที่

Facebook Page: www.facebook.com/Namfapakhao



อ่านแล้วชอบเกาะหมาก ชอบคอนเซ็บ Low Carbon กด Like กด Share บอกต่อกันได้นะครับ มารณรงค์ท่องเที่ยวมิติใหม่กัน**

จากนั้นเดินทางต่อ ไปท่าเรือกรมหลวงชุมพร จุดขึ้นสปีดโบ๊ทไปเกาะหมาก



พิกัดท่าเรือกรมหลวง N12° 10.534' E102° 23.247'
ท่าเรือนี้อยู่แหลมงอบ ตั้งอยุ่บริเวณอนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้างครับ



บรรยากาศที่ท่าก่อนลงเรือ ถ่ายตารางเวลาลงเรือมาด้วย มีสองรอบ 10โมงครึ่ง กับบ่ายสอง ของเราเป็นบ่ายสองครับ

ระยะทางสู่เกาะหมาก 46 กิโลเมตร
ระยะเวลา 50 นาที
ใช้เรือลีลาวดี ขึ้นเกาะที่ท่าเรืออ่าวนิด

ดูเหมือนจะมีเรือไปเกาะหมากอยู่ 3 บริษัท รายละเอียดผมไปอ่านเจอจากเวปนี้ ilovekohmak.com http://goo.gl/6RDLO3

บ่ายสามเราก็ถึงเกาะหมาก เรื่องราวโดนปล่อยเกาะก็เริ่มตั้งแต่ตรงนี้ล่ะครับ!!

พอขนกระเป๋าขึ้นจากเรือ จนท.ก็มาส่งเราขึ้นสองแถวตรงท่านี้ หน.ทีมเดินมายิ้มๆ แล้วถามผมว่ามีแพลนจะไปไหนกันบ้าง !!!

หา!!! แพลนอะไรนะ //นี่ไม่ใช่จะไปไหนไปด้วยกันหรอกเหรอ!

งงสิครับ ผมก็กระซิบถามน้องผู้ประสานงาน น้องบอกว่าวันนี้อพท.จะมีประชุมกะชาวเกาะ พี่ทั้งสองขึ้นรถคันนี้ไปกันก่อนนะ จะไปไหนหนูบอกคนขับไว้แล้ว
เอาล่ะสิ รักษาฟอร์มสื่อฯก่อน ทำนิ่งๆ สงวนท่าที จะพาไปไหนก็ไป

ทั้งคันก็นั่งกันมา 2 คนนี่ล่ะครับ กับสัมภาระทั้งหมดเท่าที่เห็น นั่งทำหน้าเลิกลั่กงงๆ ยิ้มมั่ง หัวเราะมั่ง
เพื่อนถาม: เค้าให้พี่มาทำอะไร ทำไมแยกกันไปหมด
ผม: พี่ไม่รู้ว่ะ งงแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวเค้าคงส่งคนมารับไปเที่ยวมั้ง

ผมงี้รีบเคาะกระจกบอกพี่คนขับเลยว่า เจอร้านข้างทางแวะหน่อยนะ
อะไรไม่อะไร ขอตุนเบียร์ไว้ก่อน อิอิ เจอแระ ร้านมีตู้แช่ จัดมาก่อนเบี่ยร์ครึ่งโหล

เรียบร้อยครับลูกพี่ ไปต่อเลย ... แล้วผมก็โดดขึ้นรถ ปุเรงๆ ไปต่อ

5 กิโลจากท่าเรืออ่าวนิด
แล่นรถมาครึ่งชั่วโมง ที่แท้พาเรามาเช็คอินที่นี่
The Cinnamon Art Resort and Spa
คงให้เรามาเก็บกระเป๋า เดี๋ยวคงส่งคนมารับ //เบียร์หมดไปฉองป๋องแระ 55555

รั้วหน้าทางเข้าซินนาม่อน
เพื่อนโดมบอกว่าสวยนะที่นี่เคยเห็นรูป เหรอ ก็น่าจะสวยนะ รั้วเป็นสีสีเลย อาร์ตดี //ผมไม่เคยเห็นรูป

2 หนุ่มพเนจร ลากกระเป๋ากันเข้าไป

เงยหน้ามองท้องฟ้าครับ ก็ครึมเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่เช้า แม้จะไร้แดด แต่ยังไงก็ดีกว่าฝนตก

ตรงไปล๊อปบี้แล้วก็ เอ้อ งื้อๆง่าๆ เดินตรงไปบอกเค้าว่า รถเค้ามาส่งที่นี่อ่าครับ ผมเป็นบล็อกเกอร์ จากอพท.

เท่านั้นล่ะครับ เค้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าเราจะมา ก็จัด welcome drink มาให้ และนี่คือความประทับใจแรกจากที่ไปฟังที่หอศิลป์มานะครับ
ที่ว่า low carbon คือการช่วยกันลดมลพิษ การพึ่งพาวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่นให้มากที่สุด
ที่รองมือจับแก้ว ใช้วัสดุธรรมชาติใบตองครับ เก๋เลย

วิวแรกตรงล๊อบบี้ครับ หันหลังให้ล๊อบบี้เดินไปริมๆระเบียงหน่อย เฮ้ย สวย
ดูเสะๆๆๆ ตาโดม สะพานคลาสสิคเว่อร์

ขอรหัส WiFi เค้าแล้วก็ลากกระเป๋าไปห้องพัก เค้าบอกว่าอัพเกรดให้ไปอยู่ Beach Front

ถึงแล้วครับ Beach front ติดวิวหาดเลย

เงียบสงบ ดูเหมือนเราจะเหมารีสอร์ท! ชัวร์เลย! คืนนี้ที่นี่ ไม่มีแขกอื่นเข้าพักอีกแล้ว
เอาไงดี เค้าส่งเรามาทำไรนี่ หรือจะให้รีวิวรีสอร์ทหว่า เอ๊ะ แต่เค้าก็ไม่ได้บอกไรนิ สงสัยให้พักผ่อน งานคงอยู่วันพรุ่งนี้
สองคนมองหน้ากับแพ๊บก็เอาเบียร์ที่เหลือไปแช่ตู้เย็น นั่งเปิดอีกฉองป๋องมากินต่อตรงเฉลียงนี้

ลงไปมองจากหน้าบ้านพักขึ้นมาหน่อยซิ

เวลาผ่านไปผมเริ่มมั่นใจแระว่าวันแรกนี้เดินทางกะพักผ่อน Wifi ที่นี่ต้องถือว่าแรงใช้ได้ แม้จะห่างล๊อบบี้ขนาดนี้ แสดงว่าติดเร๊าเตอร์แยกมาที่ห้องพักนี่ด้วยแหง๋ สักพักน้องประสานงานก็โทรมา บอกให้เราพักผ่อนเลย พรุ่งนี้ 9โมงจะมารับเอ้า ถ้างั้นวันแรกนี้ก็ Free Day สิ ชะอุ๋ย ลั่นล้าเต็มที่แระ

ในเมื่อตกงานไม่มีไรทำ ก็มาเดินเล่นนั่งเล่นกันที่สะพานนี้ครับ เค้าบอกว่าสะพานนี้เนี่ยยาวววววที่สุดบนเกาะหมาก

ตามสบายพัก ปฏิบัติ

เจอแผง Solar Cell บนสะพานด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามของผู้ประกอบการบนนี้ที่พร้อมใจกับร่วมลงมือลงแรงทำให้เกาะหมากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ ดึงพลังงานสะอาดมาใช้ทดแทนเท่าที่จะเป็นไปได้ มีหลายแผงเลยบนนี้ แล้วก็เห็นเค้าบอกว่าบนเกาะนี้บางที่มีเงินมากหน่อยเค้าก็บุกเบิกทำเป็น Soloar farm แล้วบ้างก็มี บางที่เอาพลังงานที่ได้มาเป็นพลังงานทำความสะอาดสระว่ายน้ำด้วย
ชื่นชมครับ นี่สิ Low Carbon Destination

มุมมองย้อนกลับไปหาล๊อบบี้มั่ง ส่วน beach front บ้านพักที่เราได้พักอยู่เยื้องไปทางซ้าย รู้สึกจะหลุดออกนอกเฟรมไปหน่อย 555
ชอบสะพานนี้มาก มีต้นไม้กิ่งหงิกๆงอๆ แซมข้างๆ มีมานั่งยาวตลอด มีศาลาพักหลบแดดหลบฝนเป็นระยะๆ

ที่เด็ดมาก เล็งมาตั้งแต่ตอนเข้าบ้านพักก็นั่นเลยครับ โน่นนน เรืออับปางหูยยยย คลาสสิคเว่อร์อ่ะ ชอบมาก โพสอวดเพื่อนๆ บอก 6 ปีที่แล้วใหม่กว่านี้เยอะ อ๋อ แสดงว่าจมมาไม่น้อยกว่า 6 ปีแล้ว โทรมเชียว แต่ยิ่งทรุดโทรมยิ่งมีเสน่ห์นะ

เดินสะพานเบื่อแล้ว ก็มาเดินเล่นที่อื่นต่อ แบบว่าไม่มีไรทำ
ผ่านบ้านพักโซนที่มีสระ อ่ะ ไปนั่งหย่อนขาเล่นเน็ตต่อ 555 ชีวิตก้มหน้า ชัดชัด

มองวิวแบบเหงาๆ มั่ง มาสองคนเหงามว้าก เบียร์ 6 ป๋องก็หมดไปเรียบร้อยแระ _ _"

เลิกงานได้เวลากลับบ้านพอดี คืนนี้จะกลับมาอัพเพิ่มต่อครับ ขอบคุณล่วงหน้าที่แวะมาชม ชอบกด like ใช่กด share กันได้นะครับ เด๋วจะมาเล่าต่อว่าเกาะหมากมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย

กลับมาต่อนะครับ ดึกไปหน่อย ดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว ฟ้าเริ่มมืด แสงเริ่มสลัวและดูเหมือนฝนจะมา

เมนูเย็นวันนี้ก็แบบง่ายๆ คอนเซ็บ Low Carbon เต็มที่ครับ กับวัตถุดิบที่สรรหาจากเกาะนี้เองโดยตรงไม่ต้องขนส่งจากฝั่งให้สิ้นเปลืองน้ำมันและลดการเพิ่มก๊าซคาร์บอนสู่อากาศ

และสิ้นสุดวันด้วยการนอนฟังเสียงคลื่นที่เฉลียง ปิดไฟหน้าบ้านมองฟ้า มองไปมองมา เอ๊ะ ฟ้าโปร่ง พอสายตาปรับเข้ากับความมืดได้ โหย ดาวเต็มฟ้าเลยแฮะ เลยคว้ากล้อง ขาตั้ง ไฟฉายคาดหัว เดินลงมาชายหาดหน้าบ้าน ถ่ายบ้านติดดาวซะหน่อย
ตอนถ่ายไปยังไม่รู้เลยว่านี่ทางช้างเผือก 555 ต้องมาเปิดบนคอมถึงจะเห็น แต่แหม่ เลนส์ไม่ดีพอ น๊อยตรึมไปเลย แต่ประทับใจครับ Milky way ครั้งแรกของผม เอ้าะ ตอนถ่ายๆ อยู่เนี่ยมีหิ้งห้อยบินวับๆๆๆวาว ผ่านมา 2 ตัวด้วย

เช้าวันใหม่ครับ อรุณสวัสดิ์เกาะหมาก

ตั้งใจว่าเช้านี้จะถ่ายเรือจมน้ำซะหน่อย ที่ไหนได้ น้ำลง ทะเลแห้งไปเยอะเลย เหอะๆ

ลงมาเดินเล่นซะเลยครับ ตั้งใจเดินๆ ไปให้ถึงเลย พื้นเป็นทรายหม่นๆ รอนคลื่นแข็ง เหยียบไม่ยุบเลย

ใกล้เข้ามาอีกนิด

อาร์ ทะมึนมาก เก่าได้ที่ เก่าจนคลาสสิคอ่า โชดดีมีเมฆเป็นริ้วๆ แบบนี้ด้วย นี่ถ้ามานอกฤดูฝนไม่ได้เมฆแบบนี้มั้ง สวยดี โชคดีคว้าเลนส์มาถูกตัวด้วย คือหยิบเลนส์ติดกล้องมาตัวเดียวแหละ กะเดินเล่นชิลๆ

วนถ่ายซะให้รอบๆ

ลงภาพเรือเยอะนิดนึงนะครับ เพราะเหตุว่าอะไรรู้มั้ย คือจะบอกว่าหลังกลับจากทริปเกาะหมาก เค้าทำการรื้อไม้ของเรือลำนี้ !! ตกใจมาก เข้าไปดูอัพเดทล่าสุดรื้อไปบางส่วน แต่ก็เยอะอยู่ ไม่รู้จะรื้อจนหมดเกลี้ยงหรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็เสียดายมากกก มันเป็นแลนด์มาร์คที่มีเสน่ห์นะผมว่า

เดินไปดูบริเวณอื่นมั่ง โต๋เต๋ได้ครับ เพราะว่าจนป่านนี้ยังไม่รู้ว่ามาเกาะหมากทำอะไรเลย เนี่ยแหละ อารมณ์เหมือนโดนปล่อยเกาะ

หาดบางส่วนบางมุมบ้างก็กลายเป็นแอ่งน้ำ ลำธาร บ้างก็เป็นหินๆ แบบนี้

เดินมาถ่ายใต้สะพานบ้างข้อดีของน้ำลดคือได้มาเดินใต้สะพานเนียแหละ

แล้วก็เดินกลับมาที่พัก น้องประสานงานโทรมาบอกเลื่อนเวลามารับออกไปอีกชั่วโมง ซะงั้น โต้เต๋ต่อ

ไอ้เราสองคนก็เช็คเอาท์ซะแล้วด้วย เลยกองของไว้แถวหน้าล๊อบบี้นี่แหละ

จะเช็คอินใหม่ไปนอนตากแอร์รอในห้องก็เกรงใจ อากาศไม่ร้อน ภาพนี้โถงล๊อบบี้ครับ

คือระหว่างรอก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ถ่ายไปเรื่อยเปื่อยล่ะ ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

มุมข้างๆ ล๊อบบี้มั่ง ด้านนอก ร่มรื่นเชียว ผมมามุมนี้เพราะว่าจะมาหาห้องน้ำเข้าแหละ

ว่าแล้วลืมอะไร ลืมกินข้าวเช้าครับ พนง.มาสะกิดบอกเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ละ เพราะเห็นแผนเปลี่ยนกัน



และแล้วก็ฝนตกนะครัช สลัดเอ๊ย //ผมสบถในใจ 555 ทริปนี้จะหัวจะก้อยเนี่ย สายโด่งแระ วันนี้ก็วันที่สองแระ คือกำหนดการเนี่ยพรุ่งนี้เช้าเดินทางกลับ นี่ผมยังไม่รู้จักมุมไหนๆ ของเกาะหมากเลย นอกจากที่นี่ เหอะๆ ถ่ายเรือต่อ ซูมไกลๆ จากโต๊ะกินข้าว

ไม่รู้จะทำไรก็หาเรื่องกินต่อสิครับ น้องมีอะไรให้พี่กินอีก อ่า ได้ข้าวต้มมาอีกถ้วยนึง

จากนั้นสายตาผมก็เหลือบไปเห็นโต๊ะสนุ๊ก อาร์ ดีเลย เลยชวนกันโดดเหยงๆ เขย่งๆ ฝ่าฝนหน่อยนึง ไปเล่นสนุ๊กกัน เล่นกันร่วมชั่วโมงกว่าฝนจะหยุด ดูโมบายห้อยๆ กันไปก่อนระหว่างผมเล่นสนุ๊กนะครัช ฮวี่

ในที่สุดฝนก็หยุดตก แดดก็ออก และน้องประสานงานก็มา พาคนมาด้วยอีกคน บอกว่าจะเป็นคนพาเราเที่ยวชมเกาะ ส่วนตัวน้องว่าเสร็จก็เผ่นต่อ อ้าว เดี๋ยวๆ คือยังไง แต่ไม่ทันแล้ว ดูเหมือนน้องเค้าก็รีบ อะไร ๆ คงสายไปหมด อาร์ นี่ภารกิจของเราคืออะไรกันนะ งงต่อมองสะพานไม้เป็นครั้งสุดท้าย ก็โบกมือลาซินนาม่อนครับ ชอบนะที่นี่ ไว้จะกลับมานอนใหม่ ขอบคุณที่ให้พักหนึ่งคืนครับ พร้อมอาหารสองมื้อ แถมทางช้างเผือก และที่สำคัญ WiFi แรง ชอบตรงนี้ด้วย

การเดินทางน่าจะเริ่มต้นได้สักที มาครับ สำรวจเกาะหมากกัน ฝนยังมีโปรยปรอยนิดๆ แต่บ่หยัน ถึงไหนถึงกันล่ะ

พรุ่งนี้มาอัพต่อนะครับ ดึกแระ ตาเริ่มจะปิด >"< ชอบกด Like ใช่กด Share กันนะครับ เกาะหมาก บอกเลย ทริปนี้ทำให้ผมหลงไหล ถูกชะตาเกาะหมากมาก ไม่ใช่แค่วิว แต่ที่นี่มีอะไรที่พิเศษๆ แตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง สิ่งนั้นคืออะไร พรุ่งนี้มาว่าต่อ



Low Carbon Destination at เกาะหมาก คืนนี้นอนหลับฝันดีกันทุกคนครับ และขอบคุณทุกคนที่แวะมาชม โดยเฉพาะใครทิ้งร่องรอยเยี่ยมเยือนหรือฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจนอกจากใจดีแล้วเดาว่าต้องหน้าตาดีและน่าร้ากกกกันทุกคนนะครับ โย้วๆ

อรุณสวัสดิ์ครับ มาอัพต่อ
ปุเรงๆ ไปบนหลังรถกระบะ น่าจะเป็นแท็กซี่ครับ เกาะหมากจะมีแท็กซี่ไม่ประจำทาง ในรูปแบบรถกระบะ มีหลังคาบ้าง ไม่มีหลังคาบ้าง คอยรับส่งคน รับส่งนักท่องเที่ยวทั่วเกาะ คันนี้ทางอพท.คงประสานกับซินนาม่อนให้มารอรับพวกเรา

เส้นทางหลังจากเช็คเอาท์ออกจากซินนาม่อน จับจีเอสได้มาแบบนี้ วิ่งข้ามฟากจากทิศตะวันออกไปโผล่ริมหาดฝั่งทิศตะวันตก ปลายทางกลายเป็นอีกรีสอร์ทนึง คือ Seavana Resort ครับ เอ๊ะ ยังไง ลากเป๋าเข้าไปจึงได้รู้ว่าวันนี้จะนอนที่นี่ ตอนนี้แวะมาเพียงฝากกระเป๋าไว้ที่นี่

และได้พบกับมัคคุเทศน์สาวที่รอเราอยู่แล้ว

มัคคุเทศก์สาวก็กล่าวทักทายแนะนำตัว เธอชื่อคุณสุ ส่วนตำแหน่งของเธอนั้นผมแอบกระซิบถามน้องประสานงานได้ความว่าเป็นผู้ช่วยอบต.ที่นี่ เมื่อทุกคนพร้อมเราจึงออกเดินทางท่องเกาะหมากทันที แหม่ ผมงี้พร้อมมาตั้งแต่มะวานแล้วครัช เหอะๆ

ว่าแล้วคุณสุก็หันมาถามว่าอยากไปไหนกัน หา!! นี่ตั้งแต่ขึ้นมาบนเกาะเนี่ยโดนคำถามนี้มาสองหนแล้วนะ 5555 ไปไหนดีล่ะ เกาะหมากมีดีอยู่ที่ไหนพาไปดูเลย

คุณสุเลยนำเสนอว่าไปดูทะเลแหวกกันหือ จริงดิ เกาะหมากก็มีทะเลแหวก และเพราะว่าวันนี้น้ำลงแต่เช้าใช่มั้ย ดังนั้นตอนนี้รีบไปดูทะเลแหวกดีกว่า ก่อนที่น้ำทะเลจะขึ้น ปะปะไปกัน ด่วนจี๋ ขับรถออกจากซีวาน่า ระยะทาง 2กิโลครึ่งครับ

แต่ช้าแต่ เรามาสายไปแล้ว ทะเลขึ้นจนสันดอนทรายไม่โผล่ทะเลไม่แหวกแล้ว แย่เลย อดเห็น
เกาะข้างหน้านี่คือเกาะระยั้งในครับ เป็นเกาะใกล้ฝั่ง 1 ใน 8 เกาะที่ล้อมรอบเกาะหมาก ยามน้ำลดแผ่นดินจะเชื่อมต่อกันเป็นสันดอนทรายไปถึงเกาะระยั้งใน ตอนนี้ก็ได้แต่ชมเกลียวคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาแบบสองทิศทางถ้าสังเกตดีดีจะเห็น นั่นคือคลื่นกำลังตีกลบสันดอนทรายอยู่นั่นเอง ทำให้ผู้พอมองเห็นว่าเป็นจริงดังนั้น ว่ายามทะเลแหวกจะแหวกประมาณไหนอย่างไร วันข้างหน้ามีโอกาสมาเกาะหมากอีก จะไม่พลาดอีกเลย

//นี่โปรแกรมทัวร์แรกก็พลาดแล้วเหรอเนี่ยเรา !!

สมหวังแรกก็มาถึง ไม่ใช่มีแต่ผิดหวังอย่างเดียว ชายหาดอ่าวบ้านใหญ่นี้ดูแล้วสวยลงตัว แม้ทรายจะไม่ขาวจั๊วะ แต่ว่าดูครับ
ตามแนวชายหาดมีต้นมะพร้าวโน้มลำเกือบเรี่ยขนาดชายหาดขนาดนี้ ก่อนจะหักลำแทงยอดขึ้นเสียดฟ้า สวยมากนะ ผมชอบเลยแบบนี้ ถูกใจ บ่องคง

นั่น มัคคุเทศก์ของเราปีนขึ้นไปนอนเล่นบนต้นมะพร้าวแระ อิอิ

เขียนทรายเล่นนี่อินเทรนใช่ป่าว

เขี่ยทรายเล่น ปีนต้นมะพร้าวอิ่มเอมใจแล้วเราก็ไปยังจุดต่อไป อ้อ ณ ที่อ่าวบ้านใหญ่นี่มีมัคคุเทศก์หนุ่มอีกคนอาสามาเสริมคุณสุด้วย เพื่อให้การพาชมเกาะหมากสมบูรณ์ขึ้น เค้าคือคุณบอล หนุ่มใหญ่ไฟแรงจับโปรเจ็คใหญ่ระดับประเทศมาเยอะ แต่ผันตัวเองมาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่เกาะหมากมาถึง 13 ปีแล้ว และเป็นคนคอยช่วยขับเคลื่อนให้เกาะหมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าอยู่ด้วย

คุณสุกับคุณบอลปรึกษากันแระ ว่าจุดต่อไปคือพาเราไปรู้จักกับองค์ประกอบสำคัญของคอนเซ็บ Low Carbon Destination

นั่นคือการลดการนำเข้าวัตถุดิบจากบนฝั่ง ด้วยการปลูกเองใช้เองกินเอง และป้อนสู่ครัวอาหารของทั้งร้านอาหารและรีสอร์ทต่างๆ บนเกาะหมากด้วยกันเองครับ

แปลงปลูกผักปลอดสาร

ด้วยแคมเปญ Eat it Fresh หนึ่งในโครงการของ อพท. ซึ่งรณรงค์ให้ชาวเกาะหมากหันมาใช้วัตถุดิบผลิตเองปลูกเองในท้องถิ่น



เพื่อให้ได้เมนูอาหารสด สะอาด ปลอดสาร กับผักผลไม้ตามฤดูกาล แถมยังช่วยลดการขนส่งที่ต้องเผาผลาญน้ำมัน อันเป็นเหตุให้เกิด



การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก



แปลงผักกางมุ้ง ปลอดสารแปลงนี้เป็นของคุณจักรพรรดิ ตะเวทีกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ตราด



และเจ้าของเกาะหมากรีสอร์ท หรือคุณอาจักร ทายาทใหญ่หนึ่งในห้าตระกูลที่บุกเบิกเกาะหมากและริเริ่มโครงการปลูกผักปลอดสาร



ที่นี่ แปลงผักนี้ก็อยู่ด้านหลังเกาะหมากรีสอร์ทนี้เองระยะทางห่างมาจากอ่าวบ้านใหญ่สองกิโลกว่าๆ ย้อนทางเดิมกลับมาผ่านSeavana อีกครั้งและเลยต่อไปอีกหน่อย คุณอาจักรเป็นอีกหนึ่งหัวจักรสำคัญที่ช่วยนำร่องทิศทางเกาะหมาก



สู่แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว Low Carbon Destination



สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผมไม่ใช่แปลงผักอย่างเดียว แต่คือเหล่า แมงมุม ประจำแต่ละมุ้ง



ที่เค้าจงใจเลี้ยงไว้เป็นกับดักธรรมชาติ คอยดักจับดักกินแมลงศัตรูพืชอีกทีหนึ่ง ดูสิครับแมงมุมมันกำลังเคี้ยวเหยื่อของมันอยู่



เป็นกลยุทธที่แยบยลจริงๆ

ได้เวลากินข้าวเที่ยงครับ ชีวิต slow life ให้สุขใจ ต้องสัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นให้ใกล้ชิดนะครับ นั่นคือเสน่ห์อย่างสำคัญ
เราเลือกหม่ำเที่ยงกันที่ร้านข้างทางนี่ล่ะครับ

ป้าแป๊ว ร้านอาหารตามสั่ง

พิกัดร้าน N11° 48.751' E102° 28.737'

เป็นร้านธรรมดาที่ไม่ธรรมดานะ ป้าแป๊วเคยได้ลงยูทูปแล้วด้วย ฝรั่งหลายคนเดินทางมาพักเกาะหมากเนี่ยรู้จักป้าแป๊วก่อนมาแระ ผ่านยูทูปนี่เอง 555

ป้าแป๊วพูดฝรั่งได้ไม่กี่คำ เช่นเดียวกับลูกค้าฝรั่งที่พูดไทยแทบไม่ได้

แต่สองชาติก็ส่งภาษากันได้เข้าใจ

ต่างชาติพูดอังกฤษมาป้าแป๊วก็ตอบไทยไปสั่งอาหารได้อย่างเป็นที่เข้าใจ อเมซซิ่งมาก


ที่ร้านป้าแป๊วนี่น้องประสานงานของอพท. 2 คนขี่รถเครึ่องมาจากไหนไม่รู้ เป็นนินจามาก โผล่มาตอนเช้าแล้วก็หายไป พอถึงเวลามื้อเที่ยงก็โผล่มาอีก 555 เลยได้นั่งทานข้าวกันพร้อมหน้า

อิ่มจากร้านป้าแป๊วเราก็ไปต่ออีกที่ที่น่าสนใจมาก ที่เกาะหมากนี้มีภูมิประเทศชายหาดหลากหลายมากๆ เกาะ

เมื่อมองจากมุมมองทางอากาศจะคล้ายเครื่องหมาย + หรือมองให้ดีดีจะเหมือนมังกรฝรั่ง Dragon ! ยามเมื่อนั่งเรือสู่เกาะ

เข้าเทียบฝั่งที่ท่าเรืออ่าวนิด ก็จะมองเห็นเกาะหมากมีลักษณะคล้ายมังกรจีน

เป็นชัยภูมิมงคลที่ซินแสประจำตระกูลจากเกาะปอ ถูกส่งมาเสาะแสวงหาแผ่นดินใหม่เพื่อย้ายถิ่นฐานใน

ครั้งนั้น ด้วยภูมิประเทศรอบเกาะที่เว้าๆ แหว่งๆ เกิดเป็นอ่าวและชายหาดมากมาย

ที่แปลกตาคือหลายๆ อย่างหาดที่เรากำลังจะไปลำดับต่อไปนี้มีลักษณะเฉพาะตัวต่างกับหาดอื่นคือ

(อยู่บริเวณใกล้ๆ Panorama resort) หินบนหาดมีลักษณะผิวดำด้านเหมือนจะเป็นเถ้าเก่าจากภูเขาไฟ!
ในขณะที่หาดอีกหาดหนึ่งซึ่งอยู่ถัดๆกันไปกลับเต็มไปด้วยหินแผ่นสีแดง! (อยู่บริเวณ Sunset resort)

เส้นทางแผนที่ครับ


เผยโฉมสองมัคคุเทศก์น่ารักของเราหน่อย คุณสุ กับคุณบอล ^___^

ผมไม่ค่อยได้ถ่ายหินแดงๆพรุนๆที่ Sunset Resort นะครับ เพราะน้ำทะเลตอนนั้นขึ้นมากแระ ลักษณะหินเลยไม่ค่อยเด่นชัด
ที่นี่ผมเริ่มแปลกใจแล้วว่ามัคคุเทศก์ของเราพาเข้าๆ ออกๆ รีสอร์ทโน้นนี้เนี่ย เห็นไม่ต้องขออนุญาตใครเลย จอดรถก็พาเดินดุ่มเข้าไป บางที่อย่างพานอรามารีสอร์ทก็ไม่มีคน ไกด์ของเราอธิบายอย่างภาคภูมิใจว่า นี่แหละๆๆๆ เสน่ห์สุดขีดอย่างหนึ่งของเกาะหมากคือ รีสอร์ทส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดนับแล้วก็เป็นเครือญาตกันทั้งนั้น และพร้อมใจกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่ว่าคุณจะเป็นแขกของที่พักไหน นักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่หน้ารีสอร์ทแห่งอื่นๆ ได้อย่างสะดวกใจ

ไปกันต่อครับ ผมรีเควซว่าอยากเห็นดงมะพร้าวดกๆ คุณสุกับคุณบอลรีบจัดให้ทันใด พาพวกเราบึ่งแท๊กซี่ประจำเกาะมาชมสวนมะพร้าวตระการตากันที่นี่

จากนั้นพวกเราก็มายังสถานที่ที่น่าสนใจที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วน่าจะเป็นสถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาเกาะหมากเป็นครั้งแรกสมควรแวะมา

If you want to know more about Koh Mak begins your journey here !

อยากรู้เรื่องเกาะหมาก ต้องตั้งต้นที่นี่

กม. 0
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาะหมาก

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาะหมาก เป็นบ้านไม้เก่าสองชั้นริมทะเล สีขาวอายุเก่าแก่กว่า 110ปี



ตั้งอยู่อ่าวนิด ใกล้ท่าเรืออ่าวนิด ที่ที่เรานั่งเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือกรมหลวงฯ แหลมงอบมาขึ้นเกาะ



คุณธานินทร์ สุทธิธนกูล หรือพี่เอก ภัณฑารักษ์เจ้าบ้าน,ผู้สร้างและผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหลังนี้ ต้อนรับและพาชม



พร้อมเล่าเรื่องราวแต่เดิมมาให้เราฟัง บรรพบุรุษเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่เกาะปอ เราอยู่เกาะปอ เกาะเล็กๆ ในเขตเกาะกงของกัมพูชา



ที่สมัยนั้นยังเป็นดินแดนของไทยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ต่อมารัชกาลที่ 5 ต้องทรงยอมแลกดินแดนเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณไป



เพื่อได้จันทบุรีกับตราดกลับคืนมา จึงย้ายจากเกาะปอมาอยู่ที่ตรงนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.2447 โดยรวมเราอยู่กันที่นี่มา 110ปี



นี่เป็นเรื่องราวเพียงบางส่วนจากปากคำของพี่เอก เราจะรู้จักความเป็นมาของคนบนเกาะหมากอย่างดียิ่งๆ



ขึ้นเพียงแวะมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาะหมากแห่งนี้กันก่อน แล้วมาฟังพี่เอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังพร้อมพาชม



พี่เอกยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงพาชุมชนคนเกาะหมากก้าวสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์



ตามคอนเซ็บ Low Carbon Destination เพื่อให้เกาะหมากยั่งยืนยาวนานที่สุด



เราอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาะหมาก นานนับชั่วโมงๆ เลยครับ เนื่องงานมีเรื่องราวต่างๆ น่าฟังมากมาย ยิ่งได้ฟังการเล่าตรงจากปากพี่เอกแล้วด้วยยิ่งอิน

จากนั้นก็มาชมชายหาดอีกอ่าวนึง

อ่าวขาว

ที่นี่ทิวมะพร้าวชายหาดงามเยอะไม่น่าจะแพ้อ่าวบ้านใหญ่แหละ แต่สถานการณ์เริ่มไม่ดี ลมแรง เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนมาก เริ่มน่ากลัว คลื่นก็ซัดแรง เลยมองๆ แป๊บเดียวแล้วไปต่อ

ระหว่างทางก็สังเกตเห็น Solar Cell บ้างปะปรายนะครับ อนาคตมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น่าชื่นใจ

เกาะหมากแม้มีพื้นที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างราบ แต่ก็มีภูมิประเทศหลายส่วนเป็นเนินเขา เป็นภูเขา เราขึ้นมาบริเวณที่เป็นเนิน

มีรีสอร์ทอยู่บริเวณนี้หลายแห่ง เป็นจุดชมวิวกว้างๆ ของท้องทะเลเกาะหมากทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

จุดชมวิวหาดสวนใหญ่
N11° 49.103' E102° 27.791'

ตรงนี้เราสามารถมองเห็นเกาะขามในมุมสูงด้วย เกาะขามอยู่ใกล้เกาะหมากจัง เห็นแล้วอยากจิข้ามไป

เดินลึกเข้ามาตรงนี้จะมีจุดชมวิวหน้าเฉลียงบ้านพักของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง Lazy Day Resort



Zoom ด้วยเลนส์เทเล 400mm. เห็นหาดกะโขดหินยอดนิยมบนเกาะขามเลย



มองเยื้องไปทางซ้ายเห็นสะพานที่ยื่นลงไปในทะเลของ Cococape Resort ด้วย

ไหนๆ ก็เห็นสะพานไม้บน CocoCape Resort แล้วเราลงไปใกล้ๆ ไปเดินเล่นนั่งเล่นบนสะพานกันเลยดีกว่า

สะพานไม้สุดโรแมนติก @

Cococape Resort

N11° 49.234' E102° 27.718'

มาดูอีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูง ทางขึ้นเขาแผนที่ ที่ยอดสูงของเขาแผนที่นี้น่าจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะหมากด้วย

สูงราว 80เมตร มีถนนขึ้นไปหน่อย แล้วต่อด้วยทางเดินเทรลอีกราว 15-30 นาที

ดูฟ้าฝนและเวลาแล้วพวกเราตัดสินใจชมวิวกันแค่ตรงจุดแวะแรก มองเห็นเกาะระยั้งในชัดเลยจากตรงนี้ (ที่เราตั้งใจไปชมทะเลแหวก

เมื่อเช้า) มองไกลออกไปเห็นเกาะระยั้งนอกอยู่ฉากหลัง และไกลสุดเลยคือเกาะกูด

จุดชมวิวทางขึ้นเขาแผนที่

N11° 48.792' E102° 27.012'

มื้อเย็นย่ำวันนั้นเราดินเนอร์ซีฟู๊ดกันที่ครัวอาหารชาวบ้านๆ อีกเช่นเคย ที่

ครัวคุณแหม่ม

N11° 49.003' E102° 27.765'

ถึงจะเป็นร้านธรรมดาๆ แต่ซีฟู๊ดสดๆ จากทะเลนะบอกเลย จิ้มซีฟู๊ดก็เด็ดมาก อร่อยแถมราคาประหยัดอีกต่างหาก
และก็อีกเช่นเคย เราเจอสองนินจาผลุบโผล่น้องประสานงานของอพท.ที่นี่ 5555 เจอกันทุกเวลากินข้าวเลย

แล้วก็ติดฝนอยู่ที่ร้านครัวคุณแหม่มนี้ยาวไปจนมืดค่ำ

จบวันร่ำลามัคคุเทศก์ของเราแล้วเช็คอินลากเป๋าเข้าที่พักที่ Seavana Resort ที่พวกเรามาทิ้งกระเป๋าฝากล๊อบบี้ไว้เมื่อตอนสาย

Seavana Beach Resort

N11° 49.268' E102° 28.012'

ตั้งอยู่แถวหาดสวนใหญ่ ห้องพักก็สวย เฉลียงมีเปลหลุม โฮะๆ ชอบเลย สุขีมาก หน้าบ้านพักก็ร่มรื่นมาก

ทำเป็นสนามหญ้าราบๆ มีต้นไม้ให้ร่มเงาไม้เยอะ บ้านพักแต่ละ

หลังเรียงรายขนานไปกับชายหาด

นอนตรงเปลหลุมฟังเสียงคลื่นเพลินเลย แต่เป็นที่น่าเสียดายผมเช็คอินดึกมาก และเช้าวันรุ่งฝนก็ดันมาตกอีกนี่สิ

ไปเกาะหมากคราวหน้าถ้าได้มาพักที่นี่อีก จะขอแก้มือใหม่

เก็บภาพให้ได้มากกว่านี้ นอนดูสายฝนอยู่นานกว่าฝนจะซาก็ได้เวลาแท็กซี่ของทางรีสอร์ทรอรับแล้ว

ไปส่งที่ท่าเรืออ่าวนิดเพื่อให้ทันเวลาเรือกลับฝั่งแล้ว มื้อเช้ายังทานไม่ทันด้วยซ้ำ บ๊ายบายเกาะหมาก

หลังฝนตก แดดออก ฟ้าแจ่มใส แต่ทางฟร้อนท์โทรมาตามว่าแท๊กซี่รออยู่ T T อดถ่ายรูป! เพราะพวกเราต้องเดินทางกลับเรือสปีดโบ๊ทเที่ยวเช้า น้องประสานงานรอกันอยู่ที่ท่าเรือแล้ว

เมื่อถึงท่าเรือ 2มัคคุเทศก์ของเราตามมาส่ง โอ้ว ดีใจได้พบกันอีกครั้ง


ก็เลยถือโอกาสชักภาพหมู่เป็นที่ระลึกอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งสองน้องประสานงานของอพท.ด้วย

ถึงเวลาเรือออก เราต่างโบกมือลากัน จากพวกเราในเรือที่เริ่มแล่นออกห่างท่า กับคุณสองมัคคุเทศก์ที่น่ารักของเราที่ยืนโบกมือกันอยู่บนท่า



ปิดทริปจากเกาะหมากไปด้วยคำคมๆ แฝงความจริงใจทิ้งท้ายจากคุณบอล



" here! everyone comes as a guest

and leave as a friend



that's it .... Koh Mak



ซึ้ง น้ำตาจะไหล T T แต่ก็กินใจ และรู้สึกจริงตามนั้นครับในวินาทีจากลานั้น และรู้ใจตัวเองเลยว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาเที่ยวเล่น slow life ที่เกาะหมากนี้เอง พร้อมรู้จักเกาะหมากให้มากขึ้น รวมถึงดูความก้าวหน้าของโครงการ Low Carbon at Koh Mak ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Low Carbon Destinationที่มีพื้นที่เชื่อมโยงทั้งหมู่เกาะช้าง โดยเริ่มต้นโครงการที่เกาะหมากนี้เป็นแห่งแรก



บรรทัดท้ายสุดนี้ขอขอบคุณ อพท. องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ให้เกียรติเชื้อเชิญมาสัมผัสเกาะหมากครับ



น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา

 วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 07.54 น.

ความคิดเห็น