“โรคเบื่อเมือง” เชื่อว่าหลายคนกำลังเป็นอยู่

โรคนี้หายยาก และไม่หายขาด มักจะกำเริบขึ้นมาเป็นพักๆ

หนทางรักษาคือต้องพึ่งพาธรรมชาติให้ช่วยบำบัด

เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับมาลุยงานสานฝันในชีวิตกันต่อไป


ลองจินตนาการถึงหลูปชีวิตเดิมๆ ที่แสนซ้ำซากน่าเบื่อ

ตัดสลับไปเป็นภาพภูเขา ต้นไม้และสายหมอก

กับกาแฟร้อนๆ กลิ่นหอมๆ ตอนเช้าหน้าเต๊นท์

แน่นอนว่าเพียงแค่จินตนาการ

มันไม่สามารถบรรเทาอาการ “เบื่อเมือง” ให้ทุเลาลงได้

เหมือนกับโรคทั่วๆ ไป ที่ควรรับยาไปทานเบื้องต้นเสียก่อน

ยาตัวนี้มีชื่อ “อ่างเก็บน้ำวังบอน”

สรรพคุณคือ บรรยากาศดี สงบเงียบ ไม่วุ่นวาย และใกล้กรุง


แม้จุดหมายปลายทางจะอยู่ห่างไปเพียงแค่ร้อยกว่าโล

แต่พวกเราก็ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า

เนื่องจากการไปหาที่กางเต๊นท์ใกล้กรุงนั้น สำคัญก็คือความเร็ว

ยิ่งไปถึงเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสได้เลือกทำเลปักเต๊นท์ดีๆ ก่อนใคร

พวกเราใช้เวลาเดินทาง เเวะปั้ม ซื้อเสบียง รวมเเล้วราว 2 ชั่วโมง

เมื่อไปถึงเราก็เจอหนุ่มคนนึงที่กำลังเก็บเต๊นท์อยู่พอดี

“มาเเทนผมตรงนี้เลยครับ วิวดีที่สุดเเล้ว”

“อ้อ จะกลับเเล้วหรอครับ”

“ครับผม”

“ขอบคุณนะครับ”

เราพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยตามประสาคนเผ่าเดียวกัน

เเล้วก็เดินไปลงทะเบียนกับพี่เจ้าหน้าที่ ค่าเสียหาย 1 คืนคิดหลังละ 50 บาท

จัดเเจงปักเต๊นท์กันเสร็จเรียบร้อยก็ขับออกไปหาร้านกาแฟนั่งคลายร้อนกัน


ก่อนเดินทาง ผมทำการบ้านมานิดหน่อยเรื่องคาเฟ่เเถวๆ นี้

ตัดสินใจเลือก “เนินหอม คาเฟ่” เพราะหลายรีวิวแนะนำว่าบรรยากาศดี

กาแฟ อาหาร รสชาติดี ราคาไม่แรง ตามสั่งจานเดียวเริ่มต้นที่ 40-50 บาท

ที่สำคัญใกล้กับตัวอ่างเก็บน้ำมากๆ อยู่ติดกับด่านเนินหอมเลย

บรรดานักปั่นนิยมมาเเวะพักกันที่นี่ก่อนขึ้นเขาใหญ่


นั่งชิลจิบกาแฟตากแอร์กันจนหายร้อนเเล้ว

เราก็แวะกันเข้าไปที่ “วัดเขาพระธรรมขันธ์”

ตัววัดจะอยู่บริเวณครึ่งทางระหว่างอ่างเก็บน้ำกับด่านเนินหอม

ภายในวัดนั้นเงียบสงบมาก ออกจะดูร้างๆ เสียด้วยซ้ำ

ที่น่าสนใจกว่าเห็นจะเป็น “อุโมงค์ต้นไม้” ที่อยู่ในสวนข้างวัดมากกว่า


ถ่ายรูปกันจนพอใจเเล้ว ก็กลับเข้าไปที่วังบอนกัน

เดินสำรวจดูรอบๆ เห็นจะมีคนมาไม่ถึง 10 กลุ่ม

บ้างกำลังพายเรือคายัคไปที่น้ำตก บ้างก็ปั่นจักรยานกันมาเป็นครอบครัว

หนุ่มสาวนั่งฟังเพลงชมวิว เดินทอดน่องคุยกันเป็นคู่

กลุ่มวัยรุ่น 4-5 คนกำลังกระโดดถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

ขณะที่บางเต๊นท์ก็เริ่มติดเตาก่อไฟทำกับข้าวกันบ้างแล้ว


ใครเคยไป “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า” จังหวัดสระบุรี

2 ที่นี้บรรยากาศจะคล้ายๆ กัน วิวทิวทัศน์กินกันไม่ลง

เเต่ถ้าเทียบกันที่จำนวนคน วังบอนจะดูเงียบสงบกว่ามาก


ผมเอนหลังลง ปล่อยใจไปกับเสียงกีต้าร์โปร่งที่ดังมาจากเต๊นท์ข้างๆ

มีเสียงน้ำตกที่กำลังไหลลงอ่างคลออยู่ไกลๆ

กับบางทริปที่เราไม่ได้อยากลุย เดินป่า ปีนเขา หรือทำกิจกรรมแน่นทั้งวัน

เพียงเเค่อยากหาที่นอนไหล หรือไปนั่งโง่ๆ ริมน้ำ

สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด

ให้มันเข้าไปออกฤทธิ์เยียวยารักษา “โรคเบื่อเมือง”

“อ่างเก็บน้ำวังบอน” ดูจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการบรรเทาอาการที่ว่าลงได้



อ่างเก็บน้ำวังบอน อยู่ในเขตอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก

เป็นรอยต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี (ใกล้ด่านเนินหอม)

อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

มีลานกางเต๊นท์ ค่าธรรมเนียมหลังละ 50 บาท / คืน

ห้องน้ำกว้าง สะอาด มีร้านขายอาหารตามสั่งง่ายๆ

เช่น ข้าวไข่เจียว ลูกชิ้น น้ำอัดลม

จะให้ดีควรเตรียมเสบียงเข้าไปให้พร้อมครับ

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ พายเรือคายัค ปั่นจักรยาน ตกปลา ฯลฯ



ขอบคุณที่ติดตามครับ
https://www.facebook.com/blue.eyes.photo.graphic/










Blue.Eyes.Photo

 วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.29 น.

ความคิดเห็น