ทักทายเพื่อนๆ ชาว Read me
เข้าสู่เดือนสิบ และฉบับที่สิบเอ็ดของเราแล้ว
ฝากตามรอย ไปเที่ยว ไปกิน ไปพัก
ไปหลงรักสถานที่ที่เราเดินทางไปสัมผัสกันด้วยน้า
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ท่องเที่ยวไปแบบสองล้ออีกครั้ง
สืบเนื่องจากหน้าฝนปีที่แล้ว
เราได้ขี่สองล้อไปล่าทะเลหมอกกันที่ภูทับเบิก
แต่ปีนี้ . . .
เราจะพาไปล่าทะเลหมอกกันที่กาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน
สุดชายแดนไทย...ในดินแดนสุดฟิน
ช่วงกรีนซีซั่นแบบนี้ มันก็จะเจอฝนหน่อยๆ
ภูเขา ป่าไม้ ใบหญ้า เขียวขจี
จะสนุกและฟินขนาดไหนนั้น...ปักหมุดรอเลย
Journey Travel With us พร้อมรายงานแล้วจ้า
- DAY : 1 ( 13 / 8 /17 )
ออกเดินทางไปเจ้า HONDA CB500X มอเตอร์ไซค์คู่ใจคันเก่าคันเดิม แวะเติมน้ำมันก่อน
มีเพื่อนร่วมเดินทางเราไปอีก 2 คัน คือ
Ducati Scrambler และ Kawasaki Versys 650
เข้าเขตจังหวัด ก า ญ จ น บุ รี .... ยิ น ดี ต้ อ น รั บ
บรรยากาศเย็นหน่อยๆ บวกร้อนนิดๆ ถนนโล่งๆ ขับตามกันไปแบบชิลล์ๆ
เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนจังหวัดนี้...มองผ่านตามป้ายที่เที่ยวเยอะเหมือนกันแฮะ ไม่รู้จะเก็บครบไหม
เราแวะหาข้าวเช้ากินกันที่นี่เลย เทศบาลตำบลทองผาภูมิ
ขี่เข้ามาสักหน่อยจะเจอร้านข้าวราดแกง ตักราดเองได้เลยตามใจชอบ
นอกจากข้าวราดแกงแล้ว ยังมีก๋วยเตี๋ยวด้วยนะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบกินเส้น
อิ่มท้องแล้ว...เราก็หวดกันต่อยาวๆ เพราะจุดหมายเราวันนี้ก็คือ หมู่บ้านอีต่อง
การออกเดินทางในแต่ละครั้ง บางเส้นทางเราอาจจะเหงา และก็มีบางเส้นทาง ที่ทำให้เรามีเพื่อนร่วมทางแปลกหน้าแปลกตา หลากหลายรูปแบบ เพียงเพื่อจุดหมายเดียวกัน
จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอให้เหนื่อย
ลักษณะเส้นทาง : เป็นทางลัดเลาะตามไหล่เขา ถนนค่อนข้างแคบ แต่รถสามารถสวนกันได้ ผ่านมากี่โค้งแล้วไม่รู้ 55555 ไม่ได้นับเลย แต่รู้ว่าโค้งถี่มากจริงๆ ถนนดีเป็นบางช่วง บางช่วงก็เป็นหลุม เป็นบ่อ
ขี่มาสักระยะเราจะเจอจุดชมวิว กม.12 อีกทั้งยังเป็นจุดรับสัญญาณโทรศัพท์ด้วย ถือเป็นจุดชมวิวที่ใช้ได้เหมือนกัน ฝนเจ้ากรรมดันมาลงมาถูกจังหวะ ให้เราได้นั่งพัก หลบฝนพอดี
แวะพักพอสมควรแล้วเราก็ลุยกันต่อยาวๆๆๆ
W e l c o m e t o อี ต่ อ ง
แต่ไม่ใช่ว่าเห็นป้ายแล้วเข้าไปจะเจอหมู่บ้านเลยนะ ต้องขี่เข้าไปไกลพอสมควรค่ะ แต่ถนนดี ขับชิลล์มากๆ
ขี่มาจนเห็นวิวภูเขาไกลๆ สวยมาก >o< ไม่รู้ว่าใช่...เขาช้างเผือก ที่คนนิยมไปเดินกันรึเปล่า
ฮัลโหล .... อีต่องจ๋า พี่มาแล้ววววววววววววววว
ขี่เข้ามาเช็คอินที่พักคืนนี้ของเรากันก่อนเลย ซึ่งหมู่บ้านอีต่องนั้น...มีโฮมสเตย์ให้เลือกหลายเจ้า
แต่เราพักกันที่ ฮิลล์ เฮ้าส์ ปิล็อก Hill House Pilok
ราคาห้องละ 800 บาท
ต้องเดินลงเนินมาสักหน่อยนึง แล้วเลี้ยวเข้าช่องเล็กๆด้านซ้าย
ภายในเป็นห้องพัดลม สะอาด มีทีวี และสามารถเสริมที่นอนเพิ่มได้อีกที่ข้างๆเตียง
สำหรับห้องน้ำกว้างขวางดี มีเครื่องทำน้ำอุ่น อีกทั้งยังมีระเบียง ไว้ออกไปนั่งรับลม ชมวิว ผ่อนคลายได้ดี
ท้องเริ่มร้อง ตุนเสบียงพร้อม ออกไปลั้ลลาเที่ยวกันเถอะพวกเรา !!!!
เห็นเราเปลี่ยนมานั่งกะบะแบบนี้ เราไม่ได้ทิ้งมอไซค์ไปไหนนะ
พอดีมีพี่อีกสองคนขับตามเรามาเที่ยวด้วย ขามาเลยไม่ค่อยมีรูป ฮ่าาๆ
ทริปนี้เลยดีตรงที่มีรถขนกระเป๋าและเสบียงนี่แหละ 555555
ที่แรกของวันนี้เริ่มที่ " น้ำตกจ๊อกกระดิ่น "
จ่ายตังค์ค่าเข้าเรียบร้อยคนละ 40 บาท หน้าทางเข้ามีประวัติความเป็นมาคร่าวๆ เกี่ยวกับจ๊อกกระดิ่น
จากนั้นเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร
บอกให้โลกรู้ว่า >> กูไปไหนมามั่ง << ฝากเพจท่องเที่ยวของเพื่อนสองคนนี้ด้วยจ้าาา
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
เป็นหนึ่งในน้ำตกของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นน้ำตกชั้นเดียว ไหลผ่านหน้าผาสูง และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีความสวยงามมากเวลาน้ำสาดกระเซ่นลงสู่พื้นล่างกลายเป็นกลุ่มไอน้ำลอยตัวขึ้นมา
ไฮไลท์ คือ เมื่อน้ำตกเมื่อไหลลงสู่พื้นล่างนั้นจะเกิดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นทะเลขนาดย่อมๆ มีคลื่นซัดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นช่วงกรีนซีซั่นแบบนี้ด้วย น้ำยิ่งแรงและเยอะมากๆ เป็นสีฟ้าครามปนเขียว และยังเป็นพื้นทรายที่เหมาะแก่การเล่นน้ำไม่น้อย
เปียกปอนกันไปแล้ว ก็มานั่งตามลมเย็นๆกันต่อใน อช.ทองผาภูมิ
เราจะพาเพื่อนๆ มาดูวิวที่เนินช้างเผือกกัน
Wow Wow Wow วิวด้านหน้าทำให้เราตาลุกวาว
พื้นดินรอบๆ มีมอสขึ้นปกคลุมไปทั่ว เห็นได้ชัดเลยว่า มาเที่ยวช่วงหน้าฝนแบบนี้...มันก็จะเขียวหน่อยๆอ่ะ
เนินกูดดอย
เป็นอีกจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาขึ้นสลับซับซ้อน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์และชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกหนึ่งที่เลยใน อช.ทองผาภูมิ
ระยะทางจาก อช.ทองผาภูมิ มายัง จุดเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ไทย-พม่า จะอยู่เลยหมู่บ้านอีต่องขึ้นมานิดนึง ตัวจะแห้งแล้วก็ต้องมาเปียกปอนกันอีกรอบ เนื่องจาก จุดนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง พม่า-ไทย ทำให้อากาศที่นี่แปรปรวน เดี๋ยวก็เจอฝน...ฝนมาหมอกก็ลง หยุดๆหายๆแบบนี้ ตลอดเวลา ไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอนด้วย
ขับรถเลยไปอีกหน่อย ตรงจุดนี้จะเรียกว่า ช่องทางมิตรภาพ ระหว่างพม่า-ไทย
หมอกฟุ้งมากๆเลย เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อกัน ก็จะมีฝนตกปรอยๆ และอากาศจะชื้นมากๆเลย
อยู่กันจนหนำใจละ กลับเข้าอีต่องไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกไปหาข้าวเย็นกินดีฟ่าาาา
บรรยากาศในหมู่บ้านตอนหัวค่ำ ดูสงบและเงียบกว่าเดิม คงจะมีแต่นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรานี่แหละ ที่ตระเวณหาร้านทานข้าว เท่าที่เดินสำรวจร้านอาหารที่นี่มีไม่ค่อยเยอะ นับได้ประมาณ 3-4 ร้าน
แต่วันที่เราไปเห็นจะมีแต่ร้าน เจ๊ณี นี่แหละที่ยังเปิดอยู่ ร้านนี้มีอาหารทะเลจากทะเลอันดามันพม่าด้วยนะ แต่เราไปไม่ทันหมดเกลี้ยง เลยไม่ได้สั่งมาลองเลย
ครัวที่นี่จะปิด 3 ทุ่ม แต่เราสามารถนั่งทานต่อได้เรื่อยๆ
เราสั่งมาด้วยกัน 8 อย่าง อิ่มพุงกาง อาหารอร่อย ราคาไม่แพง มื้อนี้หมดไป 1,350 บาท เริ่มด้วย
- ปลากระพงทอดน้ำปลา
- กุ้งอบวุ้นเส้น
- ผัดเผ็ดหมูป่า
- ไข่เจียวฟู
- ไก่คั่วเกลือ
- กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา
- ถั่วหวานผัดน้ำมันหอย
- ต้มยำปลาคังน้ำข้น
อี ต่ อ ง ย า ม ค ่ำ คื น Zzz ฝั น ดี ร า ต รี ส วั ส ดิ์
- DAY : 2 ( 14 / 8 /17 )
ขณะนี้เวลา 6 โมง ตื่นๆๆไปชมทะเลหมอกที่เนินช้างศึกกัน
บรรยากาศทางไปเนินช้างศึก โดยรอบมีภูเขารายล้อม ถนนค่อนข้างแคบ และมีบางจุดที่เป็นดินทรายลูกรัง
แดดส่องฟ้า...เป็นสัญญาณวันใหม่
Good View & Morning เนินช้างศึก
วิวสวยๆ และอากาศดีๆแบบนี้ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก กทม.หรอกคะ ที่นี่ฟ้าจะเปิด-ปิด อยู่ตลอด เปิดเมื่อไหร่ รีบถ่ายให้ไวเลยคะ
เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่เห็นไกลๆ มีทะเลหมอกเยอะๆ นั่นประเทศพม่านะ เราอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆ
และก็เป็นโชคร้ายของคู่เราจริงๆ 55555 ฟ้าดันปิดพอดี๊ คราวนี้เลยได้รูปที่ติดหมอกฟุ้งๆมาแทน เรารอซ่อมอยู่นานมากจนท้อ ไว้เดี๋ยวกลับมาซ่อมรอบหน้านะ
สมาชิกเริ่มจะหิวกันแล้ว เราจะขี่ลงไปยังหมู่บ้านอีต่อง เพื่อหาข้าวกิน
และเที่ยวสำรวจรอบๆ ใน หมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านกลางหุบเขาและสายหมอก
ด้านหน้าทางเข้าตลาดอีต่อง เราจะเจอกับ ส ะ พ า น เ ห มื อ ง แ ร่
เอาล่ะ !!! มาบุกตลาดอีต่องกันต่อเลย
ภายในตลาดช่วงเช้า คนจะเดินขวักไขว่เป็นพิเศษ หาซื้อของกิน และของซื้อฝากมากมาย
เครปอร่อยๆต้องร้านนี้เลยยย มีอยู่เจ้าเดียวที่อีต่อง
และนี่เป็นอีกสิ่ง...สำหรับใครที่เดินทางมาเยือนที่อีต่องนั้น ก็มักจะมาเขียนแผ่นไม้เล็กๆแบบนี้ คล้ายกับการเช็คอินว่ามาถึงละนะ จะเขียนอะไรลงไปก็แล้วแต่เลยจ๊ะ ราคาชิ้นละ 20 บาทเท่านั้น
เขียนเสร็จแล้ว ก็นำมาห้อยไว้ที่ริมน้ำ สะพานหมู่บ้านอีต่อง
หรือถ้าหันมาอีกฝั่ง จะมาห้อยกรงเหล็กฝั่งนี้ก็ได้นะ
อี ต่ อ ง คือ หมู่บ้านกลางสายหมอกที่แท้ทรู !!!! เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบชาวบ้านดั้งเดิม ส่วนมากจะเป็นชาวไทยเชื้อสายพม่าอาศัยอยู่ ภายในหมู่บ้านยังมีทางไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเขาช้างเผือกอีกด้วย
อันย๊องงงงงง งง ง . . . ฟิลลิ่งมันได้จริงๆ 5555555
มีบ่อน้ำขนาดย่อมๆเกิดขึ้นตรงกลาง และถูกรายล้อมด้วยบ้าน , โฮมสเตย์ , ร้านค้า และหุบเขา
399 โค้งที่ผ่านมา เราคือ ผู้พิชิตปิล๊อก
เราได้ร้านข้าวเช้าแล้ว มื้อนี้ที่ ครัวสุดแดน ร้านอยู่ติดบ่อน้ำเลย
ถ้าเดินมาเรื่อยๆจะเห็นเจ้าหมาน้อยตัวนี้ ชื่อ เจ้ากะปิ คอยต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือน
เช้านี้เราก็เบาๆ กับอาหารจานเดียว
แต่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านนี้เลยก็คือ ไข่ตุ๋นหม้อไฟ กินตอนร้อนๆ มันโคตรจะฟิน นุ่มๆนิ่มๆ อร่อยเหาะ
มื้อนี้เราหมดไป 480 บาท
อิ่มท้องแล้วก็ขอมาเดินเที่ยวต่ออีกหน่อย ที่ เหมืองปิล๊อก
ทุกคนอาจจะเคยได้ยินประวัติของที่นี่มาเยอะแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากเครื่องมือทิ้งไว้ ให้เล่าเป็นตำนานจวบจนปัจจุบัน
อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในเหมืองนั่นก็คือ ความสมบูรณ์ของแหล่งธรรมชาติที่แท้ทรู
เดินเข้ามาอีกหน่อย เราก็ได้พบเจอความฟินนั้น
มีบ่อน้ำและน้ำตกสายเล็กๆ ขึ้นอยู่ภายใน นี่แหละธรรมชาติสร้างขึ้นเอง
ความเขียวและความใสของน้ำ เหล่าปลาทั้งหลายล้วนแหวกว่าย มองแล้วมันก็เพลินตาดี
ส่วนตัวเราคิดว่า อาจจะได้กลับมาที่อีต่องอีก รู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้
ความเงียบสงบ ความเป็นอยู่ ความเป็นธรรมชาติ มันมีเสน่ห์มากนะ
เหมือนอยู่หมู่บ้านในภวังค์ เหมือนฝันเลยจริงๆ
สำหรับใครที่ต้องการหาที่กางเต็นท์ ที่อีต่องก็มีที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวสายนี้ด้วย
ก็พุงเรานั้น...มีสาม สี่ ชั้น จะทำเช่นไร ให้มองเห็นกัน ~ เล่นเอ็มวีอีกแหละ เจ้าหมู 55555555
ที่หมู่บ้านอีต่อง มีร้านกาแฟน่ารักๆ อยู่หลายร้าน เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟ และชิลล์กับบรรยากาศโดยรอบ
มีร้านโปสการ์ด และร้านขายของที่ระลึก ให้เราได้ซื้อไว้ฝากตัวเองและคนที่คุณรัก
ได้เวลาออกเดินทางต่อ แผนของเราในวันนี้ คือ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
บรรยากาศตอนขี่ออกมา ถนนโล่ง ขี่สนุก นั่งสบาย ยาวไปๆๆๆ
ไหนๆก็ผ่านแล้วขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยละกัน ที่นี่ เขื่อนวชิราลงกรณ
เนื่องจากคืนนี้เราจะเป็นสายแคมป์ปิ้งกางเต็นท์ เลยแวะหาซื้ออุปกรณ์ประกอบอาหารกันที่ตลาด
หลังจากซื้อเสบียงเสร็จแล้ว เราก็หวดกันต่อยาวๆ
ระยะทางไกลพอสมควร เพลียแดดด้วย อยากจะกระโดดลงเล่นน้ำจริงๆ
ถึงแล้วจ้าาาาา........
ขณะนี้เวลา 16.00 ตอนแรกกะมาให้ทันเล่นน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น แต่คิดไปคิดมามันก็เย็นแล้ว ถ้าลงเล่น ก็เล่นได้นิดเดียว แล้วต้องรีบมาเตรียมของทำอาหารอีก เลยเปลี่ยนแพลนไว้เล่นพรุ่งนี้เช้าละกัน
เปลี่ยนแพลนอีกกะทันหัน 555555 ตอนแรกที่ว่าจะนอนเต็นท์กัน ต้องเปลี่ยน
เพราะมีสมาชิกขอนอนเป็นบ้านพักภายในอุทยาน
เหตุเพราะกางเต็นท์ทีไรฝนตกทุกทีเลยไม่อยากเสี่ยง เพราะเรามาหน้าฝนด้วย
เราพักที่ บ้านวังหน้าผา
บรรยากาศโดยรอบ ร่มรื่น ลมเย็น และเงียบสงบดีค่ะ ลักษณะจะแบ่งเป็นห้องๆ ห้องนึงนอนได้ 3-4 คน
จ่ายเงินเรียบร้อย คืนละ 800 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้กุญแจห้องมาไขเอง
ภายในเป็นห้องพัดลมค่ะ มีฟูกนอน ห้องอาบน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ส่วนห้องส้วมจะอยู่แยกกัน แต่แปลกมากตรง อ่างล้างหน้าจะอยู่หน้าห้องส้วมเลย
เราสามารถออกมานั่งรับลมริมระเบียงได้ด้วยนะ เห็นวิวธรรมชาติสวยๆที่อยู่ตรงหน้า
ถึงเวลาอาหารเย็น .....
ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ เด็ดผัก ปิ้งปลา ย่างหมู
มุมนี้สามารถมองเห็น ทัศนีย์ภาพด้านหน้าได้ดีเลยทีเดียว
ของขาด !!!!!!! ต้องบึ่งมาซื้อร้านขายของชำ ตัั้งอยู่ภายในอุทยาน ร้านนี้เจ้าหน้าที่แนะนำมา
นอกจากขายของชำแล้ว ยังเป็นร้านอาหารตามสั่งด้วย
กลับมาที่การทำอาหารต่อ เชฟของเราในวันนี้ ดูจริงจังกับการหั่นกระดูกหมูมากเลยจ้ะ
ฮูเร่ !!!!! และนี้คืออาหารมื้อค่ำที่เราช่วยกันรังสรรค์กันขึ้นมา หน้าตาดูดี รสชาติก็เลิศ อวยไส้แตกไปอีก 555
กินเสร็จแล้วก็ล้างเก็บจานเรียบร้อย ณ ตอนนี้ โดยรอบมืดสนิท ขณะที่นั่งอยู่ไฟก็มีดับสนิทไปชั่วขณะ ดีที่ติดโคมไฟกันมาด้วย น่าจะปั่นไฟใช้กัน เพราะไฟมันดูกระพริบๆ หวืดๆ ตลอด
Morning เช้าวันสุดท้ายของทริปกาญจนบุรี
ได้เวลามากระโดดน้ำเล่นเย็นๆแล้ว (แต่เช้าเลยนะ)
มีข้อห้ามสำหรับนักท่องเที่ยวที่ควรปฏิบัติดังนี้
เดิน เดิน เดิน เข้าไปสักหน่อยนะค่ะ
จะบอกว่าเราไม่ได้เที่ยวครบทุกชั้นของ ห้วยแม่ขมิ้นนะ เพราะเวลาไม่พอ 555555
ต้องรีบเล่นและกลับไปเก็บของเช็คเอ้าท์ให้ทันเที่ยง
ห้วยแม่ขมิ้น มีน้ำตกจำนวน 7 ชั้น แต่ละชั้นไม่ได้เรียงต่อกัน
เราเลยมาโผล่กันที่ชั้น 5 มีชื่อว่า ไ ห ล จ น ห ล ง ชั้นนี้ไม่ค่อยมีน้ำ ผ่านจ้า
เดินมาเรื่อยๆจนถึง ชั้น 6 มีชื่อว่า ด ง ผี เ สื้ อ ชั้นนี้มีน้ำไหลผ่านตลอด น้ำไสสีเขียวธรรมชาติมาก
และชั้นสุดท้ายที่เป็นสถานที่เล่นน้ำในวันนี้ของพวกเราก็คือ ชั้น 7 ร่ ม เ ก ล้ า
หยุดพักกาย พักใจ ให้คลายร้อน มาสนุกกับน้ำตกเย็นๆเขียวใสธรรมชาติกันเถอะ
เล่นกันจนมือเท้าเปื่อยแล้วก็เดินออกไปหาข้าวกินดีกว่า เริ่มหิวละ !!!!!
ข้าวเช้า+ข้าวกลางวัน ก็คือ ร้านที่ขี่มาซื้อของกันเมื่อวานเย็นนั่นแหละ
ชื่อร้าน ปิ่ น ไ พ ร
บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นมาก เย็นเพราะมีต้นไม้ขึ้นอยู่โดยรอบ ไม่ร้อนเลยสักนิด
อยากกินไรก็จดๆๆๆ แต่การเขียนมันก็จะแปลกๆหน่อย 55555 เขียนกลับหัวได้ ขั้นเทพปะล้าาาาาา
นอกจากขายอาหารแล้ว ยังมีขนม นม เนย เครื่องดื่มมีหมด ครบทุกชนิด
ณ ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้า แก๊งค์เราเลยอาสาโชว์ฝีมือช่วยป้าซะเลย
ป้าแกใจดีมาก ไม่หวงของที่ทำให้เรากินเลย แถมให้เราตักข้าวเองแบบเต็มที่ด้วย
เหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน แล้วช่วยแม่ทำกับข้าว สนุก ครื้นเครงดีจริงๆ ในครัวเนี้ยะ 55555
เพราะเหตุนี้นี่แหละที่เข้าไปช่วยป้า เพราะป้าทำอยู่คนเดียว กลัวป้าเหงา 55555 (ป่าวหรอก....กูหิว)
เราสั่งข้าวตามสั่งกันคนละจาน และ กับข้าว 3 อย่าง
หง่อววววววว...หน้าตาอาหารดูดีทุกจานเลยนะครัช ชมเพื่อนด้วย ชมป้าด้วย รสชาติก็อร่อย โอ้ยฟิน !!!!
จานนี้เป็น ไก่รวนเค็ม มันนัวมากจริงๆ แนะนำมาแล้วต้องสั่งนะจ๊ะ
ส่วน ต้มจืดเต้าหู้ไข่หมูสับ นั้น เพื่อนเราทำเอง หน้าตาดูดี รสชาติก็อร่อยมากจ้า
ส้มตำถาด ต้องมาลองนะคะ ให้เครื่องเคียงแน่นมาก โอ้ยยยย....รักป้า
คนพร้อม กับข้าวพร้อม หลังจากลั่นชัตเตอร์ภาพนี้ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เกลี้ยง !!!!!!!
ส่วนมื้อนี้เราหมดไป 830 บาท คุ้มมากที่ได้มากินร้านป้า แต่ป้าจะคุ้มหรือไม่นั้น ก็ไม่น่าถามนะ 55555
อิ่มแล้วก็กลับไปอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมเดินทางกลับกันแล้ว
โบกมือบ๊าย บาย ห้วยแม่ขมิ้น ไว้จะกลับมาเก็บให้ครบทุกชั้นเลย
สรุปทริปนี้ 3 วัน 2 คืน เที่ยวกาญจนบุรีแบบสองล้อ เราหมดกันไปคนละ 2,500 บาท รวมทุกอย่างแล้ว ทั้งค่ากิน ค่าที่พัก และก็ค่าน้ำมัน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยได้ไปเยือน สามารถตามรอยเราไปได้นะ ไม่ยากเลย ใกล้แค่นี้...แต่ได้แลกกับการที่ได้ไปเปิดโลกใบใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ วิวสวยๆ และอากาศดีๆ มีน้ำตกเล่น แค่นี้เรายอมจ่ายค่ะ 55555 ควักจ่ายให้ไว
สำหรับ หมู่บ้านอีต่อง คือ หมู่บ้านในความฝัน ที่นั่นอากาศจะชื้นๆเย็นๆหนาวๆ ตลอดปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่เที่ยวที่ควรมานอนพักผ่อนสักสองคืนกำลังดี จะได้ซึมซับบรรยากาศมากกว่านี้ แม้จะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำมากมายนัก แต่แค่ได้ไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ก็ฟินสุดๆแล้วสำหรับเรา
และการเดินทางขี่เที่ยวสองล้อในแบบเรา มันก็สวยงามไปอีกอย่างนะ มันทำให้เรารู้สึกว่าธรรมชาติอยู่ประชิดตัวเราใกล้กว่าเดิม อีกทั้งในการร่วมทริปกับผู้คนใหม่ๆ มันก็ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางด้วยกันสนุกมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทาง ที่ออกไปเปิดโลกกว้างร่วมกัน
By Journey travel with us
JOURNEY TRAVEL WITH US
วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.19 น.