การเดินทางครั้งนี้ วันที่ 28-29 July 2017 เราใช้เส้นทาง เขาค้อ ตั้งใจว่าจะแวะทุกจุดชมวิว จนถึงภูทับเบิก

Start..

เราเริ่มเดินทางออกจากรังสิต เวลาตี 3 ตั้งใจจะไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ในจุดที่จะไปจุดแรก คือ เขาตะเคียนโง๊ะ

เราใช้เส้นทาง ถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่ สระบุรี เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรี ใช้เส้นทางไปสู่ ลพบุรีต่อ จนเจอแยกที่จะเลี้ยวขวาไปสู่ถนนหมายเลข 21 ไปเพชรบูรณ์ ถึงแยกนางั่ว จะเจอป้ายเลี้ยวซ้ายไปเขาค้อ (เส้นทางนี้ถนนดีทั้งเส้น) ขับไปจนเจอแยกเลี้ยวขวาไปเขาค้อ แต่ เราขับตรงไปเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายแรก คือ เขาตะเคียนโง๊ะ


ในขณะที่เราขับรถอยู่ในความมืด ตั้งแต่ ตี3 เกือบถึง6โมงเช้า แสงสว่างของวันใหม่เริ่มโผล่ขึ้นมา ตอนนั้นเรายังอยู่บนถนน หมายเลข21 เลย อ.วิเชียรบุรีมาซักระยะ ทั้ง2ข้างทาง มีหมอกให้เราเห็นตั้งแต่แสงแรก ถึงแม้ช่วงที่เราไปเป็นช่วงพายุเข้า ฟ้าและพระอาทิตย์ เกิดไม่เป็นใจ เรามองไม่เห็นแม้แสงของพระอาทิตย์บวกกับ ท้องฟ้าที่ขาวโพลน เราเริ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จนมาเจอทุ่งนาแห่งหนึ่งอยู่ริมถนน บรรยากาศที่มีทุ่งนา และเบื้องหลังเป็นภูเขา ยังมีหมอกเข้ามาเติมแต่งให้รู้สึกเหมือนอยู่ ซาปา เวียดนาม อะไรประมาณนั้น

เรายังคงเดินทางต่อไป เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าเส้น เขาค้อ ตรงแยกนางั่ว บรรยากาศ อากาศ มันสุดจริงๆ เราค่อยๆเลื่อนกระจกลง พร้อมกับปิดแอร์ สูดอากาศตรงนี้ได้อย่างเต็มปอด ..อ๊าา สดชื่นนนน

บนถนนสีดำ หมอกที่ซึมซับอยู่ตามภูเขา เราจอดรถบันทึกภาพนี้ไว้ ด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มจริงๆ "บ้าใช่ไหม ถ่ายรูปไปยิ้มไปคนเดียว 5555"


จุดที่ 1...เขาตะเคียนโง๊ะ

เขาตะเคียนโง๊ะ ขับเลยแยกที่จะเลี้ยวขวาไปเขาค้อมา ประมาณ 2กิโล จะมีป้ายบอก เป็นทางหักศอกขึ้นไป

เรามาถึงที่นี่ ประมาณ 8โมงเช้า มีเพียงลุงคนหนึ่ง แกคงเป็นคนดูแลที่นี่ บนนี้รู้สึกเงียบสงบ ไร้ผู้คน ไร้ความวุ่นวาย

ราคาทุกอย่างสำหรับที่นี่

ค่าบำรุงสถานที่ 10 บาท

ค่าเช่าเต้นท์ 450 บาท 1หลัง นอนได้ 3 คน

นำเต้นท์มาเอง 100 บาท ค่าเช่าสถานที่

มีห้องน้ำ 3ห้อง ห้องอาบน้ำ 1ห้อง

หากมาจุดนี้ ในวันที่ฟ้าเปิด จะได้เจอพระอาทิตย์ขึ้น และตก เพราะที่นี่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา


จุดที่ 2..จุดชมวิววัดกองเนียม

เราขับรถย้อนกลับมาที่แยกไปเขาค้อ จุดชมวิววัดกองเนียมจะอยู่ฝั่งขวามือ แต่สายมากแล้ว ไม่มีหมอก ไม่มีคน มีเพียงพระที่กำลังตัดหญ้า จึงไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย แต่เราเคยเห็นรูปจากจุดชมวิวนี้ ตอนพีคๆ มันสวยมากๆเลยแหละ


จุดที่ 3..ทุ่งกังหันลม

ค่อนข้างที่จะลังเล ตอนเจอแยกเลี้ยวขึ้นไป เพราะตั้งใจว่าจะมาถ่ายพระอาทิตย์ตกที่นี่หลังลงจากภูทับเบิก

แต่ไหนๆก็ผ่านแล้ว ขึ้นไปสำรวจซะก่อนก็ดี ทางมาทุ่งกังหันลมจะมีป้ายบอกตลอดทาง จากแยกขับมา 6กิโล เสียค่าจอดรถ 20 บาท เราเดินสำรวจได้แค่แปปเดียว ฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ เมฆ หมอกเริ่มลงมาปลกคลุมกังหันลม ฝนตกๆหยุดๆ ตลอดการเดินทางครั้งนี้เนื่องจากพายุเข้า คงหมดหวังที่จะได้แสงสวยๆ


จุดที่ 4...วันพระธาตุผาซ่อนแก้ว

จากแยกที่เลี้ยวขึ้นมา วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ฝนตกหนักตลอด เราขับรถเลยวัดมา จะเจอร้านกาแฟ Pino latte คนเยอะมากกกก..มีทั้งเครื่องดื่ม อาหาร บริการ ราคาแรงไปหน่อย แต่แลกกับวิวตรงนี้ก็คุ้มที่จะเสีย


จุดสุดท้าย ปลายทาง ภูทับเบิก

ผิดหวังกับ ฟ้าฝน เราเลยเดินทางต่อไปยังปลายทาง ที่ยอดภูทับเบิก ระหว่างทางก็ยังมีจุดชมวิวอยู่บ้าง ไม่มีชื่อบอกว่าจุดชมวิวนี้เรียกว่าอะไร ยังคงมองเห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จากไกลๆ

เวลา บ่ายแล้ว มุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก ถนนดีตลอดทาง ทางไม่น่ากลัว เป็นทางขึ้นตลอด จะน่ากลัวก็คงเป็นตอนลงเขามากกว่า

บ่ายแล้ว แต่หมอกยังคงอยู่ เรามองเห็นถนนได้เพียงระยะใกล้ๆ

ไม่แน่ใจว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่ขึ้นมาถึงนี่ แต่เรามาถึงตอน บ่าย 3 รีบหาที่กางเต้นท์ เราใช้บริการที่ของ ไร่ริมผา

**ค่าเช่าที่ 80 บาท ถ้านำเต้นท์มาเอง

**ค่าเช่าเต้นท์เล็ก 500 บาท นอนได้ 2คน /เต้นท์ใหญ่ 800บาท นอนได้ 4คน ราคาพร้อมเครื่องนอน

**มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ

บนนี้อากาศดีมากๆ เปิดประตูเต้นท์มาเจอแบบนี้ ฟินนน เลย

ตรงนี้เป็นจุดชมวิวของไร่ริมผา ห้องน้ำก็อยู่ใต้จุดชมวิวนั่นแหละ เดินหาตั้งนาน 5555

บอกตามตรงเลยว่า ประทับใจกับอากาศนะ แม้จะมีฝนบ้าง แต่บนนี้รีสอร์ทมันเยอะมากเกินไป เยอะจนรู้สึกหนาแน่น ถ้าใครมาช่วงเทศกาล จากความสนุก ตื่นเต้น จะกลายเป็นความน่าเบื่อแน่ๆเลย


เราใช้เวลาทั้งวัน นั่งเฝ้าช่วงหมอกเปิด มีเพียงเวลาไม่กี่นาที ที่จะได้ถ่ายรูป ด้วยลมที่แรง ฝนก็ตกๆหยุดๆ แต่ไม่ว่าหมอกจะเป็นแบบไหน มันก็มีความงดงามอยู่เสมอ

จากด้านล่างสุด เราเดินขึ้นมาบนจุดชมวิว ที่วัดอุณหภูมิ ตั้งใจจะถ่ายดาวที่นี่

จาดจุดชมวิวนี้ เราจะได้มองเห็น ถนนที่เราขึ้นมา อากาศตอนนั้น 18 องศา ลมแรงๆ จนเริ่มรู้สึกหนาวสั่นๆ อยากจะนั่งดื่มอยู่ที่นี่ในทุกๆคืน และตื่นมากินกาแฟตรงนี้ ในทุกๆเช้า

หมดเวลาสำหรับช่วงนี้ กลับไปที่เต้นท์รอลุ้นดาว ในคืนนี้ แต่ดวงไม่ดีอีกแล้ว นอนได้ซักพัก ฝนตก และยังตกทั้งคืน จนน้ำเริ่มซึมเข้ามาในเต้นท์ เราเก็บข้าวของ เข้าไปนอนในรถ ทิ้งเต้นท์ไว้นี่แหละ เช้าๆค่อยมาเก็บ

จบแล้วทุกอย่างสำหรับคืนนี้..


เช้าวันใหม่..29 July 2017

ฝนยังคงตกปรอยๆ หมอกปลกคลุมไปทั่วภูเขา สิ้นหวังอีกแล้วเช้านี้

การปลอบใจตัวเอง ด้วยมันเผา กองละ 20บาท ก็ไม่เลวแฮะ

เรารอลุ้นให้ฟ้าเปิดจนถึง 10โมงเช้า ก็ไม่มีวี่แวว เลยตัดสินใจขับรถลง

จากแพลนก่อนหน้านี้คือ ขับรถลงจากภูทับเบิก จะกลับเส้นเขาค้อเหมือนเดิม ไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ ทุ่งกังหันลม แต่เนื่องจากสภาพอากาศ ไม่ดีขึ้นเลย วันนี้คงไม่ใช่วันของเรา


แม้จะผิดหวัง แต่จะไม่สิ้นหวัง ครั้งหน้าฉันจะมาใหม่





การเดินทางของอีกา

 วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.13 น.

ความคิดเห็น