มนต์เสน่ห์ของ(เขา) ถ้าใครได้ต้องมนต์จำเป็นต้องหลง หลงเสน่ห์เขา ใช่มั้ย เปล่าหลงทาง อะแฮร่ (ยัง ยัง ยัง ยังเล่นไม่เลิกอีก)

เคยคิดมั้ย ว่าถ้าคิดถึงเขาแล้วคุณจะคิดถึงที่ไหน ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก

ไม่รู้เหมือนกานอะ ฮ่าๆ อย่าคิดมากไปเลย ถ้ายังไม่รู้จะคิดถึงเขาที่ไหน คิดถึงเราก่อนก็ได้ แฮร่

(ยังไม่เลิกเล่นอีก ฮ่าๆๆ) แต่มีอยู่ที่นึง ที่เค้าว่าดี เขาก็เขียว อากาศก็ดี แถมเป็นสถานที่ที่มีโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก แถมยังได้สมญานามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน” อีกด้วยน้า งงละสิ ที่ไหน ที่ไหน มันคือที่ไหน

นั่นก็คือ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา นั่นเอง

โห่ อ่านแค่นี้แล้วงงเด้ งงเด้ โม้รึเปล่า เอาข้อมูลมาหรอกกันเปล่า

ผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่ามันจริงรึเปล่า จนผมได้ไปสัมผัสเองกับตัวว่ามันดีอย่างที่ใครเค้าว่ากันเปล่า พอได้ไปสัมผัสแล้ว ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ที่รู้คือหลงมนต์เสน่ห์ของที่นี่เข้าแล้วแหละ

นอกจากอากาศจะดีแล้ว แล้วที่วังน้ำเขียว นั่นมีอะไรเด็ดๆบ้าง ไปดูกันดีกว่า ว่าอะไรถึงทำให้ผมหลงเสน่ห์ที่นี่ได้

- พาตัวและหัวใจ ไปสัมผัสหมอก กระทบไอน้ำค้าง ที่ผาเก็บตะวัน

- สูดดมกลิ่นไอ สายลม แสงแดด ที่เขาสลัดได

- บุกป่า ผจญภัย ตามล่าหาน้ำตกม่านฟ้า และน้ำตกห้วยใหญ่ (ถึงน้ำจะน้อย แต่ก็ฟินเหมือนกัน)

- ลุ้นระทึก ตื่นเต้นไปกับการนั่งรถดูวัวกระทิง ว่าจะออกมาให้ดูตัวกันมั้ยน่า คืนมีจะมีรึเปล่า ลุ้นกันตลอดทางกันเลยทีเดียว)

- กินจนพุ่งปลิ้น อาหารรสเด็ดที่ครัวคุณต๋อย

- ชา กาแฟ เค้ก เบเกอร์รี่ ขนม นม เนย กินจนเดินแถบไม่ได้ อร่อยจริงๆ ที่ร้าน Khuntoi Coff & Cake At Wangnamkeaw

- กินอิ่มนอนหลับ กับที่พักสไตล์บาหลี ที่ Villa KPM (แนะนำให้มาพัก ดีมากจริงๆ พูดเลย)

โห่ แค่เรียกน้ำย่อย น้ำไม่ย่อย นะเนี่ย แล้วมาดูกันว่า 2 คืน 3 วัน ที่วังน้ำเขียว กับบันทึกการเดินทางของพวกเราผู้บ่าวขาเที่ยวในครั้งนี้ จะเป็นอย่างไร จะฟินแค่ไหน จะดีแค่ไหน จะอิจฉาเราแค่ไหน ป่ะๆๆ มาร่วมเปิดอ่านบันทึกการเดินทางไปพร้อมกับพวกเราเลยดีกว่า ตามอ้ายมาโล้ด อ้ายจะพาไปเลาะเองจ้า ฮ่าๆๆ



Day 01 - 15/08/60

ขอบอกเลยว่าทริปนี้เป็นการเที่ยวการคนแปลกหน้า ที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเที่ยวด้วยกันมาก่อน
รู้สึกยังไง เฉยๆครับ เฉยบ้าสิ ตื่นเต้นโคตร
เราจะเข้ากับเค้าได้มั้ย เค้าจะว่าเรามั้ย แต่พอได้คุยกันแล้วนั้น........รู้เลย รู้เลยว่าจะเป็นยังไงติดตามได้ท้ายรีวิว เดี๋ยวจะมาบอกว่าเค้าเหล่านั้นเป็นไง

09.00 น. เรานัดนวมตัวกันที่ลาดพร้าวซอย 19
เมื่อบรรดา 5 หนุ่ม ผู้บ่าวขาเที่ยวมาเจอกันรู้สึกยังไง คนอื่นยังไงไม่รู้นะ ผมถือว่าเกร็งอยู่ ยังไม่รู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง คุยแบบไหนได้บ้าง พอเดินทางไปด้วยกัน กินข้าวกัน นอนด้วยกัน แล้วเราก็สนิทกันไปเลย

เวลาประมาณ 14.00 น.พวกเราผู้บ่าวขาเที่ยว ก็มาถึงที่ Villa KPM ที่พัก ที่กิน ที่นอน สำหรับทริปนี้ของเรา


เชคอินแปบ เห็นนายแบบเปล่า อ้ายเองน้าา หล่อจนเบลอเลยทีเดียว

ถีงที่พักแล้ว เก็บข้าวเก็บของเข้าห้องพัก
ทางรีสอร์ตจะมีพนักงานคอยเก็บของเราไปไว้ที่ห้องพักให้นะครับ ไม่ต้องห่วง สบายใจ

ได้เวลาสำรวจห้องพักของทางวิลล่า เขาแผงม้า
ห้องพักของทางวิลล่าเขาแผงม้า จะเป็นสไตล์บาหลี
มาดูกันว่าจะสวยขนาดไหน
ราคาที่พักก็จะคิดตามราคาของห้อง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปครับผ
ป่ะๆ ตามอ้ายไปดูห้องกันดีกว่า

ห้องโทนขาว เหมาะกับคนสะอาดอย่างเราเลย นอนปุ๊บ เปื้อนปั๊บ ฮ่าๆๆ


อ้าวๆ แอดมินครับ ผมจะถ่ายห้องครับ หลบไปก่อนเด้ เฮ้ย


เห็นแล้วอยากมาพัก ใช่เปล่า รีบๆเลย ติดต่อทางที่พักที่เลยครับ รับรองว่าติดใจแน่นอน


นั่งปุ๊บถ่ายปั๊บ ถ่ายรูปห้องหรอ เปล่า ถ่ายรูปกันเอง ฮ่าๆ



และนี่คือห้องที่เราพักเอง ฟินมาก ตอนนี้ก็ยังคิดว่าอยากกลับไปพักอีก เตียงนิ่มมาก


อากาศร้อน ร่างกายต้องการความเย็นซะเเล้ว
ได้เวลาลงอ่างแล้ว แฮร่ ลงสระสิ ฮ่าๆๆ

ผู้บ่าวขาเที่ยวลงสระแล้ว เลือกได้เลยจะเอาลงไปไหน ฮ่าๆ คุณสมบัติมีพร้อม
นิ่งไปหลับ ขยับเป็นแดก ถ่ายรูปก็ได้ เดินทางก็เก่ง หลงก็บ่อย หลงทางหรอ เปล่า หลงเธอนั่นแหละ ฮ่าๆ

สะบัดน้ำ เผื่อให้ได้ฟิลลิ่ง
สดชื่นเลยทีเดียว

ตะวันลับขอบฟ้า
ท้องเริ่มทักทาย
หิว หิว หิว

บริเวณสวนอาหารของทางรีสอร์ต วิวดี อากาศเด็ด ฟินฟุดๆ

อาหารมาแย้ว
อิ่มหน่ำ สำราญไปกับเมื่อค่ำ

กินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว
ภารกิจต่อไปของเรา ผู้บ่าวขาเที่ยว
นั่งรถดูวัวกระทิง
มาร่วมลุ้นกันว่าจะเจอเจ้าวัวกระทิงรึเปล่า ป่ะๆๆ ตามอ้ายมาโล้ด

ปล.ใครที่สนใจอยากนั่งรถไปดูวัวกระทิง สามารถติดต่อทางวิลล่าได้เลยนะครับ

และแล้วเราก็ไม่ผิดหวัง
เจอเจ้าวัวกระทิงด้วย
เห็นได้แค่นี้แหละ ถ่ายรูปมุมมืดๆไม่ค่อยเป็น เลยได้ภาพมาเท่านี้ ขอโทษด้วยน้าา
และที่สำคัญไม่ค่อยได้ถ่ายรูปตอนดูวัวกระทิง เพราะมัวแต่ live สดอยู่ ถ้าใครได้ดูจะเห็นอยู่ ฮ่าๆๆ มืดสนิท มองอะไรไม่เห็นเลยนอกจากหน้าเก๊าเอง

หลังกลับจากดูวัวกระทิงเสร็
คิดว่าจะรีบนอนมั้ย
ตอบเลยว่ามั้ย ฮ่าๆๆ
มีปาร์ตี้ สังสรร กันเล็กนอย
และก็ถ่ายรูปกัน
อาร์ตเปล่า กว่าจะได้แต่ละรูป หืดแถบจับเลย แต่รูปสวยมาก

ดึกมากแล้ว
ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันเข้านอน
พรุ่งนี้เรามีนัดกันแต่เช้า


Day 02 - 16/08/60

เค้านัดกันหกโมงเช้า แต่เรานั้นมาเกือบเจ็ดโมง ฮ่าๆๆ นอนเพลินไปนิด

วันนี้เรามาถ่ายรูปจุดชมวิวไร่ข้าวโพดหน้ารีสอร์ท
ได้บรรยากาศมาก เหมือนชาวไร่ ชวนสวน มาทำสวน กลมกลืนไปอีก ฮ่าๆๆ

วิวสวยมาก

เก๊กหน้าถ่ายรูปแป๊บ ถามว่าพร้อมมั้ย ตอบเลยว่าพร้อมเสมอ ฮ่าๆ

มุมนี้โดน
โดนใจ
เปล่า
โดนใบข้าวโพดบาด ฮ่าๆๆ

เพราะการเดินทางทำให้เจอเพื่อนใหม่
ชอบเที่ยวเหมือนกัน
คุยแนวๆเดียวกัน
คุยรู้เรื่องบ้าง
ไม่รู้เรื่องบ้างเหมือนกัน
แต่ก็คือเพื่อนกัน

ถ่ายรูปกันเต็มอิ่มแล้ว
แต่ท้องยังร้องอยู่ ก็ต้องเดินกลับรีสอร์ทสิครับ หิวๆๆ

กินรายดีน้าาา

สรุปข้าวต้ม ฮ่าๆๆ

กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว
เราไปร่วมกิจกรรมต่อไปของทางรีสอร์ทกันเลยดีกว่า
นั่นก็คือ สาธิตวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
ก่อนที่จะได้ผักสลัดต้นๆหนึ่งนั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

กลัวจะโตมาขนาดนี้

โดนตัดไปกินซะละ ฮ่าๆๆ
ผักสดๆ กับน้ำสลัดแซ่บๆ พร้อมน้ำมะพร้าวที่หอมอร่อย ฟินสุดๆๆ บอกเลย ต้องไปให้ได้นะ

หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว
แยกย้ายกันไปอาบน้ำ อาบท่า เพื่อที่จะไปเลาะที่อื่นกันต่อ

ขับรถออกจากรีสอร์ทมาสักพัก
ก็มาถึงวิวผาสลัดได ซึ่งมีจุดชมวิวให้ชมกันสองจุด จุดแรกจะเป็นลานกว้าง

สมญานามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน”
เป็นไงบ้างครับ

ถ่ายรูปรวมกันสักนิด ชิคๆ คูลๆ กันไปเลย

หลังจากนั้น เราก็ขับรถลงมานิด ถึงจุดชมวิว จุดที่สอง
ยืนคนเดียวมาเหงาเนาะ
ถ้าว่างก็มายืนกับเราได้นะ

กระโดดถ่ายรูปแปบ
เห็นตันๆ แบบนี้ก็โดดขึ้นเหมือนกันนะ สูงไม่สูงว่ากันอีกที

ถ่ายรูปคู่กับต้นสลัดได
บ่งบอกว่าเรามาถึงเขาสลัดไดแล้วนะ

บ่ายแล้ว ท้องร้องอีกแล้ว

อย่ารอช้าสิครับ ไปโล้ด
มื้อนี้เรามาฝากท้องไว้กับหมอต๋อย เด๊่ยวๆๆ ไม่ใช่แย้ว ฮ่าๆ
เรามาฝากท้องไว้กับครัวคุณต๋อย ตำนานความอร่อยกว่า 25 ปี อร่อยดี อร่อยเด็ด จนอยากจะขนกลับบ้าน แต่ทำม่ายร่าย ฮ่าๆ

สุกี้มาแย้ว เค้าว่าเป็นเมนูเด็ดของที่นี่เลยนะ


ซีสยืดฟินสุดๆ

หิวจนตาลาย
รีบถ่ายรูป รีบกิน
เดี๋ยวจะไม่อร่อยเอาฮ่าๆ

กินของคาวแล้ว ต้องตบด้วยของหวานซะหน่อย
ร้าน Khuntoi Coff & Cake At Wangnamkeaw เป็นร้านกาแฟของลูกสาวคุณต๋อยนะครับ
นอกจากของคาวจะอร่อยแล้ว ของหวานก็เด็ดไม่แพ้กัน ชา การแฟ เอย
ขนม นม เนย เอย
เค้ก เบเกอร์รี่ เอย รสชาตินี่บอกเลยว่าอร่อยมาก อย่าเห็นแล้วใช่เปล่าว่าหน้าตาเป็นยังไงบ้าง ป่ะดูกัน

บรรยากาศภายในร้าน

ชาเขียวมาแย้ว

เค้กก็อร่อย

หูยๆๆๆ หน้าตาดี แถมรสชาติอร่อยเว่อร์ ไม่ลองไม่รู้นะจะบอกให้

ไปวังน้ำเขียวอย่าลืมแวะนะครับ

ชา ณวัง รสชาติดีมาก ฟินเลย หอมด้วย

หนังท้องตึงแล้ว หนังตาเริ่มหย่อน ได้เวลานอนได้
เดี๋ยวๆๆ จะนอนตอนนี้ไม่ได้นะ
ได้เวลา บุกป่า ผจญภัย ตามล่าหาน้ำตกม่านฟ้า และน้ำตกห้วยใหญ่

เดินทางไปประมาน 7 กิโล ทางเข้าใกล้กับตลาด 79 จะมีทางเข้าไปวัดสวนห้อม ขับรถไปสักพักจะเจอป้ายอุทยานแห่งชาติทับลาน ในอุทยานฯจะมี 3 น้ำตกที่เด็ดๆ คือ น้ำตกม่านฟ้า น้ำตกห้วยใหญ่ และน้ำตกสวนหอม ซึ่งน้ำตกม่านฟ้ากับน้ำตกห้วยใหญ่ สามารถเดินไปทางเดียวกันได้
การเดินทางซึ้งไม่ไกลมากครับผม ขับเข้าไปได้เลย ถ้าใครนำรถเก๋งมา ฝากระวังไว้ด้วยน้า ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังสามารถขับไปได้ ไม่ต้องกลัวครับผม

ถึงแล้วน้ำตกม่านฟ้า
เสียดายน้ำน้อยมาก ได้แต่เห็นน้ำแค่ปรอยๆ แ
แต่ก็สวยไปอีกแบบเนาะ สวยแบบน่าถนุถนอม ฮ่าๆ

ปล.ฝากระวังด้วยนะครับที่น้ำตกม่านฟ้า หินจะลื่นมาก เวลาเดินต้องระวังด้วยนะครับ เก๊าเกือบลื่นไปแย้ว ดีนะที่รอดตัวไป ฮ่าๆๆ

หามุมถ่ายรูปกันหน่อย
พร้อมแล้ว
แอคได้

หลังจากนั้นเราเดินไปยังน้ำตกห้วยใหญ่กันต่อดีกว่า ซึ่งห่างจากน้ำ 100 เมตรเท่านั้น
เดินไปเรื่อยๆ ก้มบ้าง เงยบ้าง
หลบกิ่งไม้แปบ เดี๋ยวมันจะบาดหน้าเอา ยิ่งไม่ค่อยระมัดระวังยุ ฮ่าๆๆ

เดินมาสักพักก็ถึงแล้ว น้ำตกห้วยใหญ๋
น้ำน้อยอีกแล้ว เสียดาย

แต่ดูรวมๆถือว่ามีเสน่ห์ สวยในระดับนึงเลยนะ เงรยบสงบ เหมาะแก่การพาไปใครสักคนมาเที่ยวด้วยกัน

อ้าวดึงมาม่าซะงั้น

หามุมถ่ายรูปกันแปบ 1 2 3 พร้อม แชะๆ ถ่ายรูปเสร็จ กลับได้

ทีแรกกะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาเก็บตะวัน แต่ดูจากเวลาแล่วคงจะไม่ได้เห็นตะวันกันแน่ๆ
เลยกับที่พักกันเลยดีกว่า

ได้เวลาปาร์ตี้มื้อเย็นของพวกเราแล้ว
เมนูวันเย็นนี้ก็คือบาร์บีคิว
ปิ้งๆ ย่างๆ วนไป
ปิ้งเองหรอ
เปล่า พี่ๆน้องๆ พนักงานปิ้งให้ 555

กินกันอย่างสนุกสนาน
เวลาแบบนี้ มันมีความสุขมากๆจริงๆนะ

ปาร์ตี้มื้อเย็นเสร็จแล้ว
เหล่าบรรดาผู้บ่าวขาเที่ยวก็มานั่งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แลกไปแลกมา ได้กิจกรรมใหม่ซะงั้น
กิจกรรมถ่ายรูปเล่นไฟ
ทีแรกก็ไม่สนใจอะไรหรอกนะ พอพี่ๆเค้าทำกันไปเรื่อยๆ ไอ้เราก็ไปดูรูป เห้ย แม่งเจ่งวะ อยากทำบ้าง อยากทำบ้าง
แล้วในที่สุดก็ได้มาดังรูปนั่นแหละครับ สวยเปล่า


พรุ่งนี้เรานัดกันหกโมงเช้าถ้าฝนไม่ตกเราจะไปดูหมอกกันที่ผาเก็บตะวัน
แต่ถ้าฝนตก นอนต่อจ้าา

ฝันดีครับ

Day 03 - 17/08/60

เวลาหกโมง เสียงนาฬิกาเริ่มปลุก แล้วเราก็ปิด
หกโมงกว่า เสียงนาฬิกาปลุก เราก็ปิด
หกโมงครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุก พร้อมเสียงคน จำเป็นต้องตื่น สังเกตได้ว่าเอะทำไมไม่มีเสียงฝน ฮ่าๆๆ ถ้าฝนไม่ตกเราต้องไปผาเก็บตะวัน รีบตื่น ใส่เสื้อผ้าสิครับ น้ำเนิ่ม ไม่องไม่อาบหรอก ประหยัด เปล่า เดี๋ยวไม่ทัน ฮ่าๆๆ

ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เราก็มาถีงที่ผาเก็บตะวัน กับสายหมอกบางๆ เพราะเรามาสายอ่า พลาดเลย

หยดน้ำค้าง
จะไม่ร่วง ถ้าไม่มีคนไปสะบัด
เราก็เลยไปสะบัดให้ ใจดีใช่เปล่า ฮ่าๆ

หมอกจางๆ หรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้

ยืนถ่ายรูปไปสักพัก สวรรค์เริ่่มเห็นใจ เเล้วในที่สุด ก็พัดสายหมอก มาสัมผัสกับร่างกายเราจนได้ สวยมาก ฟินมาก

รูปนี้แสดงให้เห็นว่า
ถึงเราจะชอบเที่ยวเหมือนกัน ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน
แต่ทุกคนก็ต้องมีมุมของตัวเอง

ลงจากผาเก็บตะวัน
แวะมาวังน้ำเขียวฟาร์มสักหน่อย
ที่นี้เห็ดเยอะมากๆ หลากหลายสายพนธ์ุ ใครที่ผ่านมา สามารถแวะมาเยี่ยมชม ซื้อของฝากกันได้นะครับ

กว่าจะถ่ายรูปปนี้ได้ เห็ดร่วงไปหลายดอก 555 เพราะเดินสะดุด ไปโดนเห็ด ฮ่าๆ

สายมากแล้ว ได้เวลากลับไปกินอาหารเช้าที่รีสอร์ท

กินซีเรียลบำรุงร่างกายแปบ 555
อิ่มมั้ย ตอบเลยว่ามั้ย ฮ่าๆๆๆ

ไข่ก็มีน้าาา

และนี้เมนูเด็ดของวันนี้
เป็นฝีมือของเชฟพี่แฮค กับเชฟพี่โจ้ ไฟท์กันสุดฤิทธิ์ว่าของใครอร่อยกว่ากัน บอกเลยว่าอร่อยทั้งสอง
ถ้าถามว่าผมได้ช่วยมั้ย ตอบเลยว่าช่วยชิมก็พอแล้ว ฮ่าๆๆ เดี๋ยวจะทำพวกพี่ๆลำบากไปกว่านี้

ไม่อยากให้ถึงเวลานี้เลย
เวลาที่ต้องกลับไปใช่ชีวิต ปกติที่เคยเป็น ต้องแยกย้ายจากพี่ๆ เพื่อนๆ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาเนาะๆ
ขอบคุณทาง Villa KPM ที่ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณมากๆนะครับ แล้วเจอกันใหม่ครับผม

หลังจากนั้นพวกเราทั้ง 5 คน ผู้บ่าวขาเที่ยวก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน
ประมาณ สี่ห้าโมงเย็นพวกเราก็ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
ส่งพี่ ส่งเพื่อ แยกย้ายเดินทางกลับบ้าน

ยังไม่จบน้ายังมีอีกรูป

ไม่เคยคิดว่าจากคนแปลกหน้า จะทำให้เราได้มารู้จักกันได้ขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพจากพี่แฮค พี่โจ้ พี่หมี และเจ ที่มีให้กัน ขอบคุณที่คอยแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ขอบคุณมากๆนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ

สัญญาว่าจะเก็บทริปนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไปครับ
ผู้บ่าวขาเที่ยว-วิศวะพาเที่ยว

ก่อนหน้านี้ได้เกิ้นไว้แล้วว่าเพื่อนร่วมทริปของเราหน้าตาเป็นไง แต่ยังไม่ได้บอกชื่อเลยว่าแต่ละคนชื่ออะไรบ้าง บุคคลิกเป็นไง
ผมแนะนำเพื่อนร่วมทริป(จากซ้ายสุดไปขวาสุด) นะครับ
พี่แฮค Where the Journey พี่ชายสุดหล่อ สายนิ่ง เฟรนลี่ ใจดี สปอร์ต

เจ เที่ยวจนวันลาหมด

ด้วยที่วัยเดียวกัน คุยกันง่าย เดินด้วยกัน ถ่ายรูปด้วยกัน เลยสนิทกัน

คุยแนวเดียวกัน บ้าเหมือนกัน ไม่ดิ มันบ้ากว่า กวนทีนเหมือนกัน ไม่ดิ

มันกวนกว่า ฮ่าๆๆ พอๆๆ เดี่ยวเพื่อนเสีย เลยทำให้ผมกับเจ

สนิทกันจนถึงทุกวันนี้

พี่โจ้ ไปเที่ยวกัน : HangTogether รู้จักกับพี่โจ้ทางเพจ ทางเฟส แต่ไม่เคยได้ร่วมทริปกัน พอได้มาเจอกันแล้ว พี่แม่งฮาวะ อารมณ์ดี เฮฮา สนุกสนาน

มิกซ์ วิ ศ ว ะ พ า เ ที่ ย ว เก๊าเองนะ เป็นคนดี มีเวลาให้ แต่ไม่มีตังค์ ฮ่าๆๆ นิสัยดีสุดๆบอกเลย 555 คนบ้าอะไรชมตัวเอง

พี่หมี ลุยเดี่ยวเที่ยวไทย พี่ชายสายช่างภาพ ถ่ายรูปสวย มุมมองเยี่ยม นิสัยดี ขอบคุณที่สอนเทคนิคถ่ายรูป เล็กๆน้อยๆให้กับผมนะครับ สุดยอดมากจริงๆ

สุดท้ายขอบคุณ #ผู้บ่าวขาเที่ยว ที่ทำให้เราได้เจอกัน
โอกาสหน้าหวังว่าเราจะได้ร่วมทริปกันอีกนะครับ มีงานก็เรียกน้องได้นะนะ ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงหน้าสุดท้ายนี้
ขอบคุณมากๆนะครับ

แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าครับผม

#วิศวะพาเที่ยว




























วิ ศ ว ะ พ า เ ที่ ย ว

 วันพฤหัสที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.12 น.

ความคิดเห็น