สวัสดีครับพบกับเราเพจ เดี๋ยวพาไป - Deawpapai รีวิวนี้เป็นรีวิวต่อจากรีวิวทริปเชียงใหม่.....จากที่เป็นคนชอบท่องเที่ยวสไตล์เเบ๊คเเพ็คตามเส้นทางรถไฟไทย อยู่ๆในหัวก็นึกถึง "สังขละบุรี"อำเภอเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเขื่อนเขาเเหลมเเละภูเขาเสมือนว่าเป็นเมืองที่เเยกออกมาอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติว่ากันว่าอากาศดีมากๆเมืองที่มีหลายภาษาหลายเชื้อชาติเเต่ความเป็นมิตรความมีน้ำใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนสังขละทำให้เป็นสถานที่ที่เราอยากไปมานานเเล้วเป็นอันดับต้นๆเเต่ไม่มีเวลาได้ไปสักที หลังจากสิงสถิตถ์อ่านรีวิวในเวปพันทิพย์มานานก็ถึงเวลาที่เราจะได้ออกไปทำตามฝันสักที การเดินทางครั้งนี้เราได้เพื่อนร่วมเดินทางด้วย1คนเราเพิ่งรู้จักกันได้3เดือนเเต่เรานิสัยเหมือนกันอุดมการณ์เดียวกันเลยตกลงที่จะไปเที่ยวด้วยกันในเเบบสไตล์คนโสดเเนวอินดี้ๆ
เราตื่นกันตั้งเเต่ตี4เพื่อที่จะนั่งรถไปเจอกันที่สถานีธนบุรี ด้วยความที่เป็นคนง่ายๆการเตรียมตัวของเราก็ไม่มีอะไรมากเเค่เสื้อผ้า เสื้อกันฝน ขาตั้งกล้อง กล้องถ่ายรูป มือถือคู่ใจเเละพาวเวอร์เเบงค์
กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ เราเริ่มทริปนี้ด้วยการกินข้าวมันไก่หน้าสถานีรถไฟธนบุรีกันก่อนครับ
กินเสร็จเรารีบเดินไปรับตั๋วรถไฟฟรีกันก่อนเลยครับต้องใช้บัตรประชาชนในการรับตั๋วฟรีด้วยนะครับ
หลังจากได้ตัวรถไฟฟรีมาเเล้วก็ถ่ายรูปที่สถานีรถไฟธนบุรีเป็นที่ระทึกกันสักหน่อย
ขอซัดกาเเฟเซเว่นก่อนเลย เพราะเราจะต้องนั่งรถไฟกันราวๆ4 ชั่วโมงกันเลยครับ
โฉมหน้าเรา2ที่จะไปเที่ยวกันในสไตล์อินดี้ๆ
07.50 น. ได้เวลารถไฟฟรีขบวนที่ 257 ธนบุรี-น้ำตก ออกจากสถานีธนบุรีครับ ต้นทางผู้โดยสารยังไม่เยอะเท่าที่ควรครับ
วิวระหว่างการเดินทางของรถไฟถึงจะร้อนเเต่มันธรรมชาติม๊ากกก !!
นั่งมาสักพักใกล้จะถึงกาญจนบุรีผู้โดยสารเริ่มเยอะขึ้นครับชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวกับรถไฟค่อนข้างเยอะครับ
10.50 น.รถไฟมาถึงที่หยุดรถสะพานเเควใหญ่ครับ เราอยากบอกว่าวิวมันสวยมาก
นั่งมาสักพักเวลา 11.50 น.เราก็มาถึงไฮไลท์ของเส้นทางรถไฟสายมรณะครับ "@ที่นี่สะพานถ้ำกระเเซ"
เราว่าเที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้จริงๆนะว่ามันสวยงามขนาดไหน
ร ะ ห ว่ า ง ท า ง มันเพลินจนทำให้ลืมไปว่า ร ะ ย ะ ท า ง มันไกลเเค่ไหน
นักท่องเที่ยวลงที่สะพานถ้ำกระเเซกันค่อนข้างเยอะครับ
12.50 น.รถไฟมาถึงสถานีน้ำตกตามเวลา ตอนเเรกเราคำนวนเผื่อรถไฟเสียเวลาไป1ชั่วโมงเลยนะ ปรบมือให้รถไฟไทยหน่อยคร๊าบบบบ !!
ถ่ายรูปเล่นสักเล็กน้อยเพื่อให้รู้ว่ามาถึงเเล้วน๊าาา
เดินออกมาหน้าสถานี ยืน งง งง กัน2คนว่าจะไปขึ้นรถที่น้ำตกไทรโยคน้อยยังไง
สุดท้ายได้ยินเสียงเรียก"ไทรโยคน้อยๆคนเต็มออกกกก"เป็นรถสองเเถวครับคนละ20บาทจากสถานีรถไฟน้ำตกไปน้ำตกไทรโยคน้อย ขึ้นสิครัชชขรออัลไล
นั่งได้10นาทีถึงน้ำตกไทรโยคน้อยเเล้วครับ คิดในใจเเค่นี้20เลยหรอ เรา2คนเข้าเซเว่นเตรียมเสบียงเพื่อไปต่อที่สังขละบุรีครับ
ยืนงงหน้าเซเว่น คืออัลไลเเล้วจากนี้จะไปยังไงต่อ !!สังขละบุรี .........??
..........ต่อครับ เรายืนรอรถตามรอยรีวิวเลยครับ รอใต้ต้นหูกวางหน้าเซเว่นรอนานมากครับ ตรงจุดนี้มีรถตู้จาก กาญจนบุรี - สังขละบุรีวิ่งผ่านนะครับเเต่รถตู้จะไม่จอดรับคนกลางทางนะครับ ถ้ามารอตรงนี้ต้องรอรถ"หวานเย็นครับ"เป็นรถทัวร์เเบบไม่มีแอร์เเนววินเทจครับ รอกันสักพักใหญ่ๆรถก็มาครับขึ้นสิรออะไร
คือในรถนี่จะเป็นพม่าซะส่วนใหญ่เลยนะครับระหว่างนั่งรถเพลินๆก็จะต้องจอดรถเพื่อให้ทหารตรวจบัตรประชาชนเป็นระยะๆครับ
น่าจะสัก4-5จุดตรวจนี่เเหละครับ ค่ารถจากน้ำตกไทรโยคน้อยไปสังขละค่ารถคนละ
135 บาทถ้วนครับ
เราว่าวิวระหว่างทางนี่มันไม่ธรรมดาเลยนะ
นั่งดูวิวเพลินๆฟังเพลงเพลินๆสุดยอดเลยนะ นี่ถ้าใครอกหักมา
นั่งรถเเบบนี้วิวเเบบนี้เราว่านั่งทำ MV ได้เลย
นั่งมาได้ราวๆ2ชั่วโมงรถเลี้ยวเข้าทองผาภูมิครับ
เราเข้าใจว่าเข้าไปรับคนที่ตัวอำเภอทองผาภูมิเเล้วจะวนออกไปสังขละเลย
ป่าวครับพี่โชเฟอร์ขอนั่งพักกินข้าวครัชชชชช !!
พี่นั่งกินสบายไอ้เราก็นั่งรอไปสิยาวๆ
15.30 น.รถออกจากทองผาภูมิมุ่งหน้าสู่สังขละบุรีอย่างเป็นทางการครับ
เส้นทางทองผาภูมิ - สังขละ
นี่เราว่าสวยใช้ได้เลยนะอากาศเย็นๆเหมือนจะหนาวเลยเพราะวิ่งผ่านขึ้นเขาลูกนู้นทีลงเขาลูกนี้ที
จะว่ามาง่ายก็ไม่ง่ายจะยากก็ไม่ยากเพราะเส้นนี้มีบางช่วงที่ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันประกอบกับทำถนนใหม่ด้วยใครเอารถมาเองก็ขับอย่างระมัดระวังกันด้วยนะครับ
วิวระหว่างช่วงเขื่อนเขาเเหลมครับ
17.40 น. พี่โชเฟอร์พาเรามาถึงสังขละบุรีโดยสวัสดิภาพ กรุงเทพ - สังขละบุรี ระยะทาง400กว่ากิโลไม่น่าเชื่อเราใช้เวลาเดินทางตั้งเเต่ตี5ถึงสังขละเกือบ6โมงเย็นนานพอๆกับไปเชียงใหม่เลย !! พอลงรถเราก็เรียกวินไปพีเกสเฮาท์เลยครับค่าวิน 20บาทใกล้นิดเดียวเองเราดูจากกูเกิลทำไมมันไกลจากท่ารถจัง 55 ซึ่งพีเกสเฮาท์เราดูจากรีวิวว่าเป็นที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน เลยตั้งใจต้องมาพักที่นี่ให้ได้ครับ ........
......ถึงเเล้วพีเกสเฮาท์เราเช็คอิน3คืนรวดเลยครับ ค่าห้องไม่เเพงครับพัดลมคืนละ 400 บาท แอร์คืนละ 1000 บาท
บรรยากาศในรีสอร์ทครับ
มีวิวให้นั่งชิลริมน้ำด้วย
ภายในห้องพักครับเเนวคล้ายมนุษย์หินฟริ้นโตนเลย
เก็บของเสร็จเเล้วเราก็ออกมานั่งโง่ๆตรงระเบียงเพื่อซึมซับบรรยากาศก่อนออกไปตลาดสังขละช่วงกลางคืนครับ
ไม่ธรรมดาใช่มั้ยวิวที่นี่ สามารถมองเห็นสะพานมอญได้สบายๆ
เราได้เช่ามอเตอร์ไซร์จากพีเกสเฮาท์วันละ 200 บาทน้ำมันเต็มถัง เริ่มเช่าตอนกี่โมงก็นับไป24ชั่วโมง ต้องคืนวันต่อวันตอนคืนน้ำมันต้องเต็มถังเช่นกันครับ พอเช่ารถเสร็จเรา2คนก็เเว้นไปตลาดสังขละกันเลยครับเพื่อตามหา"หมูจุ่มพม่าไม้ละ1บาท" ตัวตลาดห่างจากพีเกสเฮาท์ประมาณ1กิโลครับเราขับมาตั้งต้นที่เซเว่นเพราะที่ไหนมีเซเว่นเราไม่อดตาย 55
บรรยากาศตลาดสังขละตอนกลางคืนเงียบเหงาอาจจะเพราะเรามาดึกด้วยละ
หมูจุ่มพม่าอยู่หนายยยยยย !!
หลังจากเดินหาก็เจอครับ คนนั่งกินเยอะเพราะมีเเค่2ร้านเท่านั้น 55 เป็นร้านเล็กๆริมถนนครับ
กินคำเเรกอื้อหือ อร่อยว่ะ !! เป็นหมูเเช่ในน้ำพะโล้ครับ
ไม้นึงก็เเค่นี้ครับเเต่เด็ดที่น้ำจิ้ม น้ำจิ้มจะมี2ถ้วยครับ
น้ำจิ้มเหมือนน้ำจิ้มสุกี้เเต่จี๊ดจ๊าดกว่า
อีกถ้วยนึงจะคล้ายๆน้ำจิ้มซีฟูดครับ
ตั้งใจกินกันเอารสชาติ กินกันไม่เยอะครับ
ไม่เยอะจริงๆนะเเค่ร้อยกว่าไม้ ตอนเเรกกะว่ากินเอารสชาติ กินไปกินมาเพลินครับบอกเลย เล่นเอาอิ่มกันเลยทีเดียว 55
กินเสร็จเรากลับฐานบัญชาการใหญ่ พีเกสเฮาท์ กันครับเพื่อเตรียมตัวไปสะพานมอญกันตอนเช้าครับ บรรยากาสตอนกลางคืนของพีเกสเฮาท์
ห้องน้ำครับสะอาดดีครับ ^^
23.20น.อากาศเย็นๆนอนไม่หลับเลยออกมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศสักหน่อย
ด้วยความเงียบเลยเอา"ช้าง"มาอยู่เป็นเพื่อนครับ ฟิวนี้เหงาน่าดูทำ MV ได้เลย 55
เงียบสงบมากๆพยายามจะถ่ายให้ออกมาสวยๆเเต่เราทำได้เเค่นี้😆😆
ทิ้งด้วยภาพสุดท้ายก่อนนอนครับต้องข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เรา2คนนัดกันตื่นตี4ครับ
วันที่ 2
(05ต.ค.59)เราตื่นกันตั้งเเต่ตี4ครับเเต่บรรยากาศไม่น่าตื่นเลยจริงๆคือมันเย็นสบายมากๆ
เราอาบน้ำเตรียมตัวไปที่สะพานมอญห่างจากพีเกสเฮ้าท์ประมาณ1กิโลครับ
@"สะพานไม้อุตตมานุสรณ์" หรือที่ เรียกกันว่า
"สะพานมอญ”เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศ มีความยาวประมาณ 850
เมตรยาวเป็นอันดับ2ของโลกรองจาก"สะพานไม้อูเบ็งของประเทศพม่า"ครับ
หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนไทย
กะเหรี่ยงและมอญได้สัญจรไปมาหาสู่กันเพื่อเป็นการสร้าง
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามกลุ่มสะพานมอญเป็นจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า
กลายเป็นสัญลักษณ์ของสังขละบุรีไปแล้ว 😆😆
พวกเรามาเช้าขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ 55 คือมันเช้ามากเเค่ตี5เองครับ บรรยากาศมันเงียบกับมีน้ำค้างดีจริงๆ
ทักทายถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกับเจ้าถิ่นสักหน่อย
ถ่ายรูปวนกันไปครับตั้งใจจะรอพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อที่จะเก็บภาพสวยๆกัน
เริ่มเช้าเเล้วครับ..........
เก็บบรรยากาศรอบๆครับ คือตั้งใจว่ามาจะเจอหมอกเเต่ไม่เจอเลย 55
เริ่มมีผู้คนดำเนินวิถีชีวิตตามปกติเเล้วครับ ถ่ายรูปจนเพลินลืมดูเวลาว่าจะต้องข้ามไปฝั่งมอญเพื่อใส่บาตรเเบบชาวมอญครับ เดินตามเรามาเลยครับ
เดินมานิดเดียวก็ถึงฝั่งมอญเเล้วละครับ มาดูวิถีชาวบ้านมารอใส่บาตรกันครับ.....
ที่ฝั่งมอญจะมีการจัดชุดใส่บาตรไว้ให้เราด้วยนะครับชุดละ 99 บาทพร้อมชุดมอญสำหรับเปลี่ยนถ่ายรูปฟรีครับ
ระหว่างรอพระมาครับ
พระมาเเล้วใส่บาตรกันครับ 😉😉
ใส่บาตรเสร็จก็รีบหาร้านกาแฟกับอาหารเช้าเลยครับเพราะปกติไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้ 55 ได้โจ๊กร้อนๆกินตอนอากาศเย็นๆนี่สุดยอดไปเลยครับ
กินเสร็จเราก็เดินถ่ายรูปอีกนิดหน่อยที่ฝั่งมอญครับ
แป้งทานาคาสำเร็จรูปครับ
เดินกลับมาฝั่งไทยครับ
เจอน้องคนนี้ในรูปโปสการ์ด ได้เจอตัวจริงๆเเล้วครับ
โปรเเกรมต่อไปของเราคือไหว้หลวงพ่ออุตมะครับ เราเดินย้อนกลับมาทางสามประสบรีสอร์ทครับเพราะรถมอเตอร์ไซร์จอดไว้ฝั่งนี้ครับ
ว่าเเล้วเปิด GPS นำทางครับขับมาถึงสะพานซองกาเรียเเวะเก็บภาพกันสักหน่อย
มองเห็นวิวสะพานมอญด้วยนะครับ
@ที่นี่สะพานซองกาเรีย
เราขับมอไซร์ออกจากสะพานซองกาเรียตรงไปทางด่านเจดีย์3องค์เลี้ยวขวาไปนมัสการหลวงพ่ออุตมะกันก่อนเลยครับไม่ไกลจากตัวอำเภอสังขละมากนัก
บรรยากาศค่อนข้างเงียบครับเนื่องจากเป็นวันธรรมดาประกอบกับฝนจะตกด้วยเราเลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมากนัก
หลังจากนั้นเราก็เปิด GPS ดูเพื่อไปนมัสการพุทธคยา พุทธคยาห่างจากวัดหลวงพ่ออุตมะปาะมาณ2กิโลครับใกล้ๆเลย
ภายในกำลังบูรณะอยู่ครับเลยไม่ได้ถ่ายอะไรมากมาย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จฝนตกหนักเลยครับพวกเราริดฝนที่นี่นานพอสมควรเลย หลังจากฝนหยุดเราตั้งใจว่าจะไปเเวะที่จุดชมวิวสังขละครับ ขับย้อนกลับมาทางอำเภอสังขละราว5กิโลก็จะเจอป้ายจุดชมวิวเมืองสังขละเลี้ยวเข้าไปเลยครับ
บรรยากาศฟ้าหลังฝนนี่มันสดใสจริง^^
ถ้ายืนจากมุมนี้จะเห็นสะพานมอญด้วยนะครับ
ถ่ายรูปไปเรื่อยๆครับ
เหมือนจะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไหร่ครับ ดูเงียบมากๆ
ภาพสุดท้ายก่อนกลับออกจากจุดชมวิวครับ
ตอนนี้เวลาประมาณเที่ยงครับ เหลือเวลาเยอะเลยหาที่เที่ยวต่อครับ
นึกขึ้นได้ว่ามีเเพซองกาเรียสำหรับกินอาหารนั่งชิลๆริมน้ำเราเลยหาพิกัดเจอเเล้วก็ลุยกันเลยครับ
เเดดกำลังร้อนเลยครับ เราขับไปตามเส้นทางไปด่านเจดีย์3องค์ครับขับไปเรื่อยๆก็เจอทางเข้าครับ
ค่อนข้างเงียบเลยครับวันนี้
ถ่ายรอบๆเก็บบรรยากาศก่อนครับ
ลองปรับสปีตชีทเตอร์กล้องเล่นครับได้ภาพน้ำไหลเหมือนสายไหมเลย
หาที่นั่งก่อนครับ เป็นกระท่อมเล็กๆประมาณ4หลังครับนั่งเอาขาเเช่น้ำได้เลย
มีเพื่อนร่วมนั่งกินชิลๆครับเป็นกลุ่มวัยรุ่น
คืออยากจะบอกว่ามันบรรยากาศสุดๆอะถ้าใครได้มาสัมผัสจะรู้ว่า เฮ้ยย !! มันผ่อนคลายเเบบสุดๆ
เริ่มหิวสั่งอาหารมากินครับ เเพซองกาเรียจะเน้นอาหารตามสั่งกับอาหารอีสานครับ จัดเลยส้มตำไข่เค็ม ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ข้าวผัดรวม รสชาติก็...........อืมมมมมม.....นะ 55 เราว่าเราทำเองอร่อยกว่านะ รสชาติอาหารเต็ม10เราให้3ครับ อีก7ได้วิวมาชดเชยครับเลยวินวินกันไป
น้ำค่อนข้างเยอะเเละเเรงครับ
กินอิ่มก็นอนครัชชช !! นอนเล่นจนเกือบหลับ 55
เราได้เห็นวิถีชาวบ้านเเถวนี้ด้วยนะอยู่กันเเบบเรียบง่ายสุดๆหาปูหาปลาตามธรรมชาติ😆😆
นอนไปเรื่อยๆจนตัดสินใจว่าเวลาเหลือเราจะขับไปด่านเจดีย์3องค์กันครับห่างจากเเพประมาณอีก25กิโลครับทิ้งท้ายภาพนี้
@ที่นี่เเพสะพานซองกาเรีย
ออกจาเเพก็ขับตรงขึ้นไปเลยครับจะเตอด่านทหารตรวจบัตรประชาชน2ด่านครับเราโชคดีเป็นรถเช่าเลยไม่โดนเรียกตรวจครับขับผ่านชิลๆ ..... วิวระหว่างทางจะว่าร้อนก็ร้อนนะเเต่ถ้าช่วงไหนขับผ่านภูเขาก็จะเย็นสบายครับ
ขับไปเรื่อยๆเจอวิวระหว่างทางสวยๆเราจอดถ่ายรูปตลอดทางครับ
คนขับรถผ่านไปผ่านมาก็มองพวกเราครับคงนึกว่าไอ้2คนนี้มันบ้าอะไรของมันจอดรถถ่ายรูปกลางถนน 55
รถคู่ใจที่จะพาเราไปไหนถึงไหนตามใจที่เราอยากจะไปครับ
ขับไปสักพักบ่าย3เราก็ถึง @ที่นี่ด่านเจดีย์3องค์ครับ
ถ่ายป้ายสักหน่อยเพื่อบอกให้รู้ว่าพวกเรามาถึงเเล้วน๊าาาา
เจอทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สั้นๆตั้งเป็นอนุสรณ์ให้ประชาชนรุ่นหลังได้เห็นครับ
ปัจจุบันทางรถไฟจะสิ้นสุดที่ปลายทางน้ำตกไทรโยคน้อยนะครับ
ข้างๆจะมีที่ขายของคล้ายๆตลาดโรงเกลือครับ
อากาศไม่ร้อนธรรมดานะ ร้อนนนนม๊ากกกก
ที่จุดนี้เราสามารถข้ามไปฝั่งพม่าได้นะครับ
เพื่อยืนยันว่าที่นี่สุดชายเเดนประเทศไทยจริงๆ
ทิ้งท้ายด้วยภาพด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านเจดีย์3องค์ครับ ...... ตอนนี้ประมาณเกือบๆ5โมงเย็นเเล้วฝนทำท่าจะตกเราเลยรีบเเว้นกลับสังขละด้วยความรวดเร็วครับ 55
เรารีบกลับมาตั้งต้นที่พีเกสเฮาท์ก่อนครับเพราะฟ้าครึ้มๆ
อยู่ห้องพักเบื่อๆเวลาเหลือเลยไปสะพานมอญกันอีกรอบเพื่อเก็บบรรยากาศตอนเย็นสักครั้งในชีวิต
บรรยากาศมันใช่ะ เราว่าไม่มาไม่รู้จริงนะ
เดินกันจนเมื่อยเเล้วได้เวลากลับครับ ขากลับผ่านสะพานเเดงด้วยนะวิวสวยมาก
ทิ้งท้ายกับการนั่งโง่ๆกับบรรยากาศเงียบๆ@ที่นี่พีเกสเฮาท์ครับ
วันที่3 (06 ต.ค.59)
ฝนตกทั้งคืนครับเเรงด้วยทำให้เราอดไปถ่ายรูปที่สะพานมอญตอนเช้าตามที่ตั้งใจไว้
ได้เเต่นอนรอให้ฝนหยุดเพราะเราเชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมมีอะไรเจ๋งๆเสมอ
หลังจากฝนหยุดก็เเว้นมอไซร์คู่ใจไปจอดที่สะพานเเดงครับเพื่อที่จะเดินข้ามไปฝั่งมอญเผื่อตามล่า
"ขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย"
ฟ้าหลังฝนนี่มันสวยจริงๆ😆😆
เดินมาเเวะเก็บบรรยากาศที่สะพานมอญอีกหน่อย
เก็บภาพจนจุใจเสร็จก็หิวครับ หาของกินที่ฝั่งมอญดีกว่า 555 เดินหาร้านครับ จอจนได้ร้านขนมจีนติดสะพานเลยครับ จัดเลยรออัลไล
หน้าตาขนมจีนหยวกกล้วยครับ ที่นี่จะใช้น้ำมะขามเเทนน้ำส้นนะครับ รสชาติเเปลกไปอีกเเบบ
กินเสร็จเราก็เดินเก็บภาพที่ฝั่งมอญครับ วันนี้ไม่มีโปรแกรม เดินไปเจอป้าย "มะเงยระอ่าว"เเปลว่าสวัสดี
ของที่ระลึกของที่นี่ครับ
เดินไปเรื่อยๆเกิดสะดุดตาซอยๆหนึ่งของฝั่งมอญครับเดินเข้าไปดู อื้อหือไม่ธรรมดาเลยเป็นสะพานไม้คล้ายๆสะพานมอญครับ
บ้านหลังนี้ติดจานเเดงด้วยไม่ธรรมดา 😆😆😆😆
บ่งบอกถึงความชุ่มชื้นตลอดปีของสังขละบุรีครับ
เห็นเเบบนี้ต้องเก็บรูปเป็นที่ระทึกซะหน่อย
ถ้าได้มาสัมผัสตรงจุดๆนี้จะรู้เลยว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติมันมีความสุขขนาดไหนเเตกต่างจากเมืองที่มีมลพิษที่กรุงเทพชัดเจน
จับบราวนี่เลียบด่วนเป็นพรีเซ็นเตอร์ซะหน่อย
ธรรมชาติที่นี่มันเขียวจริงๆ
มุมนี้เหมาะกับการนั่งทำ MV 😆😆
ถ่ายรูปจนเมื่อยก็เดินไปข้างล่างสะพานมอญครับเพื่อไปเก็บภาพสะพานลูกบวบ
สะพานลูกบวบหลังจากซ่อมเเซมสะพานมอญเสร็จหลังจากโดนน้ำป่าซัดสะพานพังก็โดนรื้อเหลือเเค่นี้เเล้วครับ
สักพักฝนตกอีกรอบวันนี้เราเจอเเต่ฝน วิ่งกลับมาหลบฝนที่สะพานมอญครับ
ตกนานมากเรารอฝนหยุดกันจนเที่ยงเลยเดินกลับฝั่งไทยหาอะไรกินกันต่อ
เดินไปเจอร้านกาแฟเเนวอาร์ทๆเข้าให้ไม่รอช้าถ่ายรูปสักหน่อย
เจอร้านข้าวเเล้วครับหัวมุมสะพานเเดงตรงสามประสบรีสอร์ทพอดี เห็นว่าวิวสวยเราเลยเลือกนั่งกินร้านนี้
วิวเจ๋งมั้ยละ
มื้อเที่ยงครับ
กินเสร็จเปิดกูเกิลไปเจอน้ำตกที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ของสังขละครับชื่อว่าน้ำตกนพพิบูรณ์ไม่รอช้าครับรีบหาพิกัดหาเสร็จก็จัดไป เราเเว้นมอไซร์ไปทางด่านเจดีย์สามองค์ครับวิวระหว่างทางหลังฝนตกนี่มันสดชื่นสุดๆ ขับได้ได้สัก15กิโล ในพิกัดกูเกิลบอกถึงจุดหมายปลายทางเเล้ว !! มองรอบๆมันอยู่ตรงไหนฟะน้ำตก ??
ไหนละน้ำตก ........ ??
น้ำตก.........??
เดินไปถามคนเเถวนั้น พี่ครับรู้จักน้ำตกนพพิบูรณ์มั้ยพี่
@$#■○`>@=!@!^×/*¿`~ มะ ...มี
จับใจความได้ว่า "ไม่มีน้ำตก"
สนุกละ !! หลงทางเข้ามาตั้ง15กิโล 😂😂
เราย้อนกลับทางเดิมครับ เเต่ได้วิวสวยๆมาทดเเทนการหลงทางเราเลยชิลๆ ^^
ขับไปเรื่อยๆตรงไหนสวยก็จอดถ่ายรูปครับ
สรุปเราตั้งหลักกันใหม่ต้องขับไปทางด่านเจดีย์3องค์ครับห่างจากสังขละประมาณ20กิโลครับ
ขับไปเรื่อยๆเจอด่านตรวจ2ด่านผ่านสบายครับขับมาทางเดียวกับน้ำตกตะเคียนทองครับ
^^เเล้วเราก็มาถึง @ที่นี่น้ำตกนพพิบูรณ์
เป็นน้ำตกที่คนยังไม่ค่อยรู้จักครับเพราะเพิ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารค้นพบเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เองธรรมชาติเลยยังไม่ถูกน้ำมือมนุษย์บุกรุกทำให้เป็นธรรมชาติสุดๆ
น้ำตกมี2ชั้นครับ เราพยายามลงไปถ่ายชั้นล่างเเต่ทางลงลำบากครับลื่นมากเเละด้วยเพราะฝนเพิ่งหยุดตกเเต่ก็ไม่เกินความพยายาม
ลองปรับสปีทชัตเตอร์ถ่ายน้ำตกดูครับ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันราวๆ1ชั่วโมงครับเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆเเต่ที่นี่เเทบจะไม่มีสัญญาณมือถือนะครับใครจะมานัดจุดนัดเวลาเจอกันให้ดีๆนะครับ
หลังจากนี้เราจะไปน้ำตกตะเคียนทองกันต่อเเต่ชาวบ้านเเถวนี้ยอกเข้าไม่ได้ครับน้ำเยอะมากอันตรายเราเลยตัดสินใจขับกลับมาตั้งหลักกันที่สะพานมอญตอนเย็นเพื่อเก็บภาพครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับกันพรุ่งนี้
เเสงใช้ได้เลยตอนเย็น @ที่นี่สะพานมอญ
เจอคนเล่นดนตรีกลางสะพานด้วยเรานี่นั่งดูพี่เค้าเล่นเพลินเลย
ทิ้งท้ายกับภาพสุดท้ายของเราที่สะพานมอญ เเล้วเราจะกลับมาอีก😀😀
วันที่4 (07ต.ค.59) ตื่นเช้ามาก็นั่งโง่ๆซึมซับบรรยากาศที่พีเกสเฮาท์ก่อนเลย กลุ่มอื่นเริ่มมาพักส่วนเรากำลังจะกลับ
ถ่ายรูปไปเรื่อยครับ จุดๆนี้มองเห็นเจดีย์พุทธคยาด้วยนะครับ zoom 21x
ลงไปเก็บภาพที่ท่าน้ำสักหน่อยก่อนกลับ
ร่ำลาพีเกสเฮาท์ด้วยภาพนี้ครับ
จากพีเกสเฮ้าท์จะมีรถเเท็กซี่ไปส่งที่ท่ารถตู้นะครับคนละ20บาท
ในใจคงคิดว่าเป็นรถเก๋งนี่เเหละ ที่ไหนได้ซาเล้งพ่วงข้างครัชชชชชช 😀😀😀
ถึงท่ารถตู้เราก็รอไม่นานครับรถออกทุก30นาทีค่ารถไม่ว่าจะลง
ไทรโยคน้อยหรือลงที่ท่ารถกาญจนบุรีก็ 175
บาทเท่ากันครับเเต่เราเลือกลงกันที่น้ำตกไทรโยคน้อยครับ
ขากลับนั่งรถตู้มาได้สัก3ชั่วโมงก็ถึงน้ำตกไทรโยคน้อยครับ
เราตั้งใจขึ้นไปถ่ายรูปน้ำตกกันก่อนกลับ เพราะขามาเราไม่ได้เเวะขากลับเลยจัดสักหน่อยไหนๆมาเเล้วเอาให้คุ้ม
บรรยากาศรอบๆน้ำตกครับ แปลกใจว่าทำไมวันนี้เงียบๆ..........
หนายยยย น้ำตกอยู่หนายยยยย ??
เจอเเล้วครับตรงคนเยอะๆชัวร์
เฮ้ยยยย !! น้ำตกไม่มีน้ำ 55 ทีที่สังขละน้ำเยอะมากกกก ที่นี้น้ำเเห้งมันใช่มั้ยยย !!
ไหนๆก็เเห้งเเล้วเดินขอเดินขึ้นไปดูสักหน่อยเเล้วกัน ปกติถ้ามีน้ำจะขึ้นไปไม่ได้ครับ
เเห้งของจริง 😂😂
สุดทางรถไฟจริงๆครับ ถ้าในอดีตจะมีทางรถไฟต่อจากจุดนี้ผ่านน้ำตกไทรโยคไปถึงด่านเจดีย์3องค์เข้าพม่าเลยนะครับ
ทิ้งท้ายภาพนี้ @ที่นี่น้ำตกไทรโยคน้อย
หลังจากเดินเบื่อเเล้วเราก็นั่งรถ2เเถวไปสถานีรถไฟน้ำตกครับรนละ20บาท
มีร้านขายกาแฟเก๋ๆข้างๆสถานีรถไฟด้วย
เราเลยสั่งลาเต้เย็นไปเเก้วนึง
ขายโปสการ์ดด้วย
หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าสถานีเพื่อรับตีวรถไฟฟรีเที่ยว 12.55น.ครับ ต้นทาง น้ำตก - ธนบุรี
12.55 น.ได้เวลารถไฟออกจากสถานีน้ำตกเเล้วครับ บ้ายบาย เเล้วเราจะกลับมาใหม่
ระหว่างทางก็นั่งบ้างหลับบ้างเเต่วิวสวยมากเเต่ก็ร้อนมากเช่นกัน ถึ ง ก็ ช่ า ง ไ ม่ ถึ ง ก็ ช่ า ง เย้ย !! ต้องถึงสิ 😁😁
เราสามารถเลือกเดินทางเเบบสะดวกสบายๆได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว
หรือรถตู้เเอร์ต่อเดียวมาถึงสังขละเลย เเต่เราลือกที่จะนั่งรถไฟฟรี
รถเเดงหวานเย็น
ทนร้อนเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวบรรยากาศซึมซับวิถีชาวบ้านระหว่างสองข้างทางที่รถวิ่งผ่าน
เราอยากบอกว่ารถไฟไทยไม่ได้เเย่อย่างที่หลายๆคนคิดนะครับ
ไม่ลองมาสัมผัสก็จะไม่รู้ครับ
ระหว่างทางบนรถไฟจะมีของขายตลอดเราเลยจัดไข่ต้มมารองท้องก่อน 3ลูก20บาท เเบตกล้องใกล้จะหมดครับเลยไม่ได้ถ่ายรูปขากลับมากนัก
ด้วยความหิวจัดครับ เลยต้องลงกันที่นครปฐมเพื่อซัดส้มตำกับข้าวเหนียว 😆😆😆
เราต่อรถไฟเข้ากรุงเทพกันตอนบ่าย4โมงเย็นครับ
👉สรุปค่าใช้จ่ายครับ ***ไม่นับค่ากินต่างๆนะครับ**👈
เราถึงกรุงเทพกันโดยสวัสดิภาพตอน19.30น.ครับ
ขอบคุณที่อุตสาห์นั่งทนอ่านรีวิวไก่เขี่ยของเราจนจบครับขอบคุณจริงๆ
รีวิวนี้อาจจะเป็นเเนวทางของใครหลายๆคนที่ค้นหาข้อมูลไปสังขละบุรีนะครับ
ขอบคุณพี่เต๋งพี่ชายที่เเสนดีที่ร่วมทริปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดทริป
**😆ขอบคุณ😆👉เพจไม่กี่บาท👈ด้วยนะครับที่เป็นเเนวทางให้เราตามรอยรีวิวมาถึงสังขละบุรีได้** ติดตามเราได้ที่
เดี๋ยวพาไป - Deawpapai https://www.facebook.com/Taeremix.Backpacker/
ขอบคุณครับ ..........
Taeremix
วันพฤหัสที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.35 น.