หยุดเวลา ปล่อยใจ พักกายที่ บ้านกกกอด

"ปล่อยตัว ปล่อยใจไปกับธรรมชาติ
อยากอยู่นิ่งๆ ให้เวลากับตัวเอง
ให้สายน้ำ ต้นไม้ สายลม เป็นเพื่อนคลายเหงา
ชาร์จแบตเติมพลังให้กับตัวคุณ ที่ บ้านกกกอด "

ทริปนี้อดิอยากพักผ่อนหลังจากทำงานเหนื่อยมาทั้งปี รู้ตัวอีกทีก็เดือนกันยายนแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีเวลาช่างไปไปเร็วเสียจริง เลยเปิดคอมหาที่ไปชาร์จแบตเติมพลังสักหน่อย เปิดไปสักพักเจอโพสต์ของเพื่อนที่เคยมาบ้านกกกอด ที่นี่ใช่มากตรงกับความอยากของเวลานี้สุด รีบหยิบโทรศัพย์โทรจองทันที แถมโชคดีมีห้องว่างในวันที่ต้องการอีกด้วย

เราออกเดินทางในช่วงที่มีฝนตกเล็กน้อย ทำให้อากาศดีไม่ร้อน ค่อยขับรถแบบชิลๆ เรื่อยๆ บ้านกกกอด อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 175 กม. เท่านั้น บ้านกกกอด เป็นที่พักขนาดเล็ก จำนวนห้องพักไม่เยอะ แต่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยๆ ที่อยู่ล้อมรอบที่พัก ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมน้ำ มองเห็นวิวภูเขา ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว บรรยากาศรอบๆที่พัก ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ห้องอาหาร หรือมุมนั่งเล่น ถูกตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน พอเดินมางถึงที่พักเรารีบเช็คอิน เพื่อจะได้มีเวลาเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆ รีสอร์ท

บริเวณล็อบบี้ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงาม

บ้านกกกอด มี ห้องพัก 8 แบบ

  • บ้านกระท่อมไม้
  • บ้านริมบึง
  • บ้านวิวเขื่อน
  • บ้านชมดาว
  • บ้านริมน้ำ (1 ห้องนอน)
  • บ้านริมน้ำ (2 ห้องนอน)
  • บ้านพฤกษา
  • กระโจมเต๊นท์

แต่ที่นี่ไม่มี Wi-Fi นะครับ แต่ว่ามีสัญญาณโทรศัพย์ใครมี 4 G ไม่ต้องเป็นห่วง อัพโหลดกันได้สบายๆครับ ที่นี่ไม่เหมาะกับใครที่อยากหาที่มาสังสรรค์ เฮฮา แบบใช้เสียงดัง เพราะที่นี่เน้นการให้บริการแบบเงียบ สงบ จึงขอให้ผู้ที่มาพักงดใช้เสียงดังหลังเวลา 22.00 น. เพื่อให้ลูกค้าที่เดินทางมาได้พักผ่อนกับความสวยงามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

ทางเดินไปห้องพักร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียว มีจุดถ่ายรูปให้เก็บบรรยากาศเยอะมาก

เดินผ่านจุดเขียนป้ายไม้และนำมาแขวนเป็นที่ระลึกว่า รีสอร์ทมีป้ายไม้ให้เขียนฟรีขอได้ที่ห้องอาหาร เดินเลยห้องอาหารมา ถึงห้องพักของเราแล้วบรรยากาศรอบๆห้องพักดีมากๆ

ห้องพักที่เราจองไว้ คือ ห้องวิวเขื่อน ราคา 1,498 (รวม Vat) พักได้ 2 คน พร้อมอาหารเช้า อดิว่าชอบห้องริมเขื่อนมากเป็นบรรยากาศดีสุด อยู่ริมน้ำ เห็นวิวภูเขา ถึงแม้ว่าจะไม่มีห้องน้ำในตัว ไม่มีแอร์ แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสายชิลแบบอดิ ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะชิลขนาดไหน

ห้องพักตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีเบาะรองนั่งให้นอนเล่นรับลมกันด้วย

นอนเล่นในห้องพักก็เห็นวิวสวยๆแบบนี้แล้ว ไม่อยากลุกไปไหนเลย ขับรถมาเหนื่อยไปอาบน้ำกันดีกว่า

ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก เป็นห้องน้ำรวมแต่แยกชาย-หญิง

ห้องน้ำสะอาดใช้ได้เลยครับ

เดินกลับห้องพักเตรียมตัวกินข้าวกันดีกว่า

มื้อเย็นวันนี้ เราจองไว้กับทางรีสอร์ท เป็นอาหารจัดมาบนขันโตกชุดละ 450 บาท/ 2 คน รายการอาหารก็น่าทานทั้งนั้นอาหารมี ปลาทับทิมนึ่งมะนาว, พะแนง, ไก่ทอด, ต้มจืดฟัก, น้ำพริกกะปิ+ผัดสด, ข้าวสวย เสริฟมาในขันโตกอย่างสวยงาม จริงๆแล้ว เรากะว่าจะนั่งชิลกินอาหารรับลมกันหน้าบ้าน แต่ฟ้าฝนเหมือนแกล้งกัน ตกมาตอนช่วงเย็นพอดีเลยต้องเปลี่ยนเข้ามากินในห้องเพราะฝนมาแมลงเม่าก็จะเยอะ

อาหารมื้อเย็นของเราเป็นไงครับน่าทานใช่ไหมละ

ฝนมาแผนชิลของเราเลยล่ม ต้องเปลี่ยนมานั่งด้านในแทน

อดิแพลนตื่นเช้าเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น ตื่นมาประมาณ 6 โมงเช้า แต่ช่วงนี้เป็นหน้าฝนจะมีหมอกเยอะ หมอกจะบังพระอาทิตย์เลยทำให้เราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่สิ่งที่มาทดแทนคือความสวยงามของหมอกยามเช้าตัดกับสายน้ำ ภูเขาเป็นภาพยามเช้าที่คุ้มค่ากับการยอมตื่นขึ้นมาสุดๆ

บรรยากาศยามเช้าหน้าห้องพัก ออกไปเดินเล่นที่สะพานชมวิวกันดีกว่า ที่นี่จะมี 2 สะพานเราไปเดินสะพานแรกอยู่บริเวณหน้าห้องอาหารกันก่อน

มุมเดิมแต่ยามเช้าสวยงามอีกแบบ

ห้องอาหารยามเช้า แม่บ้านกำลังเตรียมอาหารให้เราเริ่มทานเวลา 07.00 น.

ระหว่างทางเดินก็จะมีเก้าอี้พร้อมข้อความดีๆสลักไว้บนพนักพิง

ถ่ายรูปคู่กับตะเกียงกับบรรยากาศหมอกจางๆยามเช้า

มีข้อความเก๋ๆบนเก้าอี้ไว้อีกแล้ว

เดินไปจนสุดสะพานจะมีที่ให้เราเดินเล่นหรือจะนั่งชมวิวชิลๆก็ได้ อากาศสดชื่นมาก

เดินมาปลายสะพานแล้วมองกลับไปที่พักของเราไม่แปลกใจว่าทำไมตั่งชื่อว่า บ้านกกกอด เพราะที่นี่มีต้นกกอยู่เยอะมาก เหมือนกับล้อมกอด สร้างความสดชื่นให้กับเราตลอดเวลา

เดินมาที่สะพานชมวิวอีกฝั่งกันดีกว่า สะพานนี้จะเป็นที่จอดเรือบริการ ฟรีใครที่อยากพายเรือเล่น ก็ไปเอาไม้พายกับเสื้อชูชีพที่ข้างห้องอาหารได้

ใช้ชีวิตช้าๆ ชิลๆ แบบนี้รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก

ใครอยากพายเรือเล่นมาทางนี้เลยครับ

วิวสวยของรีสอร์ท กกกอด เราไว้จริงๆ

ดอกไม้อยู่ริมสะพานช่วยเติมความสดชื่นให้บรรยากาศดีๆยามเช้า

เดินเล่นจนเช้า เริ่มหิวละครับไปกินอาการเช้ากันดีกว่า

อาหารเช้าที่นี่จัดมาให้เป็นชุด ข้าวต้ม กาแฟ-โอวันติน ตักเองได้ตามใจชอบเลย

ทานอาหารเช้าพร้อมวิวแบบนี้มันฟินสุดๆเลย

กินข้าวเล่นก็ขึ้นมานอนเล่นชมวิวสวยๆกันดีกว่า

นั่งเล่นไปสักพักเราไปเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆ รีสอร์ทมาฝาก มุมสวยๆเยอะเลย

บ้านพฤกษามีสวนสวยๆหน้าห้องเลย

บริเวณบ้านพฤกษามีจัดโซนที่นั่งให้มานั่งเล่นด้วย

ห่านเจ้าถิ่น โหดหน้าดู จะเข้ามาจิกแล้วหลายรอบเลย ถ่ายไป เสียวไป

บ้านชมดาวด้านบนมีที่นั่งให้นอนเล่นชมดาวด้วย

ห้องพักแบบกระโจมเต๊นท์

กลับไปเก็บของเตรียมตัวกลับกันดีกว่า

ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมที่จะเขียนแผ่นไม้แขวนไว้ว่า ChillWithAdi ได้เคยมาชิลที่บ้านกกกอดแล้ว

ยังไม่อยากกลับเลย 1 คืน สำหรับที่บ้านกกกอด เขาบอกว่าเวลาหาแห่งความสุขมันจะผ่านไปเร็ว อดิว่ามันยังไม่เต็มอิ่ม เพราะที่นี่มีมุมให้เราได้นั่งชิลเยอะมาก ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นแม้จะเป็นช่วงสั้น แต่มันก็ช่วยเติมพลังให้กับคนทำงานอย่างเราได้เป็นอย่างดี สัญญารอบหน้าต้องกลับมาอีกแน่นอน ใครอยากตามมาชิลแบบนี้ รีบโทรจองกันด่วนๆ เลยนะครับ

ติดต่อ : บ้านกกกอด

ที่อยู่ : 35 หมู่ 1 ต. ช่องสะเดา อ. เมือง จ. กาญจนบุรี 71190
เวปไซต์ : www.baankokkod.com
เฟซบุ๊ก : baankokkod
โทรศัพท์ : 085 519 1953

การเดินทาง โดยรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ไปตามถนนเพชรเกษม หรือถนนบรมราชชนนี ผ่านนครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าเรือ ท่าม่วง เข้าสู่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากสี่แยกแก่งเสี้ยน ตัวเมืองกาญฯ วิ่งตรงมาตามทางหลวงหมายเลข 3199 เส้นทางกาญจนบุรี– น้ำตกเอราวัณ ระยะทางประมาณ 36 กม. (หลัก กม. ที่ 25) ถึงสามแยกโป่งปัด เลี้ยวซ้ายที่สามแยกโป่งปัด (ทางหลวงหมายเลข 3457) วิ่งตรงมาประมาณ 1.4 กม. จะถึงสะพานข้ามแม่น้ำ เลี้ยวขวาทันทีเมื่อพ้นสะพานข้ามแม่น้ำ วิ่งเข้ามาตามทาง ประมาณ 2.5 กม.บ้านกกกอดจะอยู่ทางขวามือ

การเดินทาง โดยรถประจำทาง

ให้ต่อรถสายกาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ (รถออกทุกชั่วโมง จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี) บอกว่าลงรถที่แยกโป่งปัด ราคาคนละ 40 บาท / เมื่อลงรถแล้ว ต่อรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาคนละ 50 บาท

สำหรับใครที่อยากแวะที่เที่ยวตามไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ >> https://th.readme.me/p/12469


เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi

แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวไปกับอดินะครับ


#chillwithadi #อดิพาชิล #อดิพาเที่ยวกาญจนบุรี

#กาญจนบุรี #บ้านกกกอด



อดิพาชิล

 วันพฤหัสที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.29 น.

ความคิดเห็น