ทริป 3 วัน 3 คืน ที่น่านนคร ตามรอยรีวิว มาสูดอากาศบริสุทธิ์ มาเติมพลังให้กับชีวิตกัน
เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก ติดขัดตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ จะพยายามให้ละเอียดเท่าที่จะทำได้ 555
เริ่มต้น ทริปนี้เราไปวันที่ 22-25 ก.ย.ตอนเช้าค่ะ ออกเดินทางจากกทม. ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟลต 7.40 เช้ามากกกกก ข้อดีคือเราก็จะไปถึงน่านเช้าและมีเวลาเที่ยวเพิ่ม ข้อเสีย คือเดินทางไปสนามบินลำบาก555 เราโชคดีพี่ในทริปขับรถไปจอดที่บ้านใกล้สนามบิน เลยอาศัยติดรถไปด้วย ถึงเวลา 7.40เครื่องออกแล้ว เย้ๆ Let’s go!
ใกล้ลงเครื่องแล้วว อยู่บนเครื่องวิวดีมากกก ดูความเขียวนั้นสิ แค่บนเครื่องก็สวยขนาดนี้แล้ว ตื่นเต้นอยากเที่ยวมากๆ
ลงเครื่องแล้วเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยก็ไปรับรถค่ะ ทริปนี้มากัน 6 คน เลยต้องเช่ารถใหญ่ ได้รถ Toyota Fotuner มา วันละ 1500/วัน นับเป็นชม. 24 ชม. คชจ.เดี๋ยวตอนท้ายจะสรุปให้อีกทีนะคะ เนื่องจากไปเช้ามาก รถเช่าเค้าเลยล้างให้ไม่ทัน แต่โนแคร์ค่ะอยากเที่ยวแล้ว เลอะก็เลอะ ไปกันเลยดีกว่า
ที่แรกที่มาคือวัดภูมินทร์ค่ะ มาไหว้พระให้เป็นสิริมงคลซะหน่อย ขอพรให้การเดินทางตลอดทริปราบรื่น ตอนไหว้พระ ก็มีคุณลุงมาเล่าประวัติความเป็นมาของวัด และเล่าที่มาของภาพกระซิบรักบันลือโลกให้ฟัง ก็ฟังไปเพลินๆค่ะ ชอบเสียงของชาวเหนือมากเลย น่านเนิบๆจริงๆ
วัดภูมินทร์
ภายในโบสถ์ จะมีพระประธาน 4 องค์
จิตรกรรมบนฝาผนังของวัด และรูปกระซิบรัก ที่เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของจังหวัดน่านได้เลย ไม่ใช่แค่ของวัดภูมินทร์ เพราะไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็มักจะเห็นภาพวาดเลียนแบบแทบทุกที่เลยค่ะ
ไหว้พระกันเสร็จเรียบร้อย ได้เวลา หาของกินจ้า ตอนแรกพวกเราจะทานข้าวซอยตามรีวิว แต่คนเยอะมาก และรอนาน โชคดีมีพี่ผู้หญิงที่มาเซเว่นถามว่ารอข้าวซอยหรอ และแนะนำให้เราไปอีกร้านที่ใหญ่กว่า อร่อยเหมือนกัน พวกเราก็เลยตัดสินใจไปตามที่พี่เค้าบอกค่ะ เพราะหิวกันมากแล้ว และจะได้ไม่เสียเวลาไปเที่ยวด้วย
ร้านอยู่ที่หัวมุมไฟแดงแยกวัดศรีพันต้นค่ะ พอถึงไฟแดงเลี้ยวซ้าย ร้านอยู่ตรงข้ามขนมหวานร้านป้านิ่มเลย ชื่อร้านอุ้ยไอซ์ ต้นไม้ค่อนข้างเยอะ อาจจะบังๆร้านหน่อย อาหารก็มีคล้ายๆกันค่ะ ป้ายร้าน
เมนูในร้าน ราคาถูกมากกกกก
เราทานข้าวซอยค่ะ ตอนแรกอยากทานผัดกะเพราแต่ไหนๆก็มา ข้าวซอยซักมื้อน่า
อันนี้ข้าวซอย ดูเหมือนไม่เห็นไก่ แต่จริงๆมีไก่เป็นชิ้นๆค่ะ เยอะมาก ไม่ต้องแทะกระดูก ทานง่ายมากค่ะ รสชาติก็อร่อย คุ้มสุดๆ 30 บาท
ขนมจีนน้ำเงี้ยวของพี่ในทริป เราไม่ได้ชิมแต่พี่บอกว่าอร่อยมาก 25 บาทเองง
ขนมจีนแกงเขียวหวาน ไก่เน้นๆ ก็ 25 บาท
ทานของคาวเสร็จ ไหนๆก็ร้านก็อยู่ตรงข้ามกัน ก็ทานตอนนี้มันเลยละกัน อิอิ ร้านของหวานป้านิ่มค่ะ รีวิวเยอะมาก จะไม่แวะได้ยังไง ร้านเปิด 11.00 น. นะคะ
สั่งมาเป็นรวมมิตรน้ำแข็งไส กับลอดช่องสิงคโปร์ค่ะ กะทิออกเค็มๆ หอม อร่อยมาก
แวะมาเพิ่มข้อมูลว่าร้านขนมหวานป้านิ่มจะย้ายร้านวันที่ 5 ตุลา 60 นี้นะคะ ใครจะไปทานลองเข้าเพจเสน่ห์น่านวันนี้ดู
ท้องอิ่มแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาลุยยย คืนแรกเราจองที่พักไว้ที่อุทยานแห่งชาติขุนสถานค่ะ ก็เลยออกจากเมืองกันเลย จะได้มีเวลาแวะที่เที่ยวตามทางก่อนถึงอุทยานฯ เพราะพวกเราที่ไปทุกคนบอกเลยว่าสายถ่ายรูปสุดๆ สวยไม่สวยอีกเรื่อง ฮ่าๆ เพราะฉะนั้นแวะแต่ละที่จะถ่ายรูปกันค่อนข้างนาน เลยต้องวางแผนเวลากันดีๆ ขับรถตรงจากเมืองน่านไปอำเภอนาน้อยเลยค่ะ ระหว่างทางก็แวะปั๊ม แวะเซเว่นซื้อของตุนกันให้เรียบร้อย เพราะที่อุทยานฯจะมีแต่มาม่ากับข้าวไข่เจียว อยากทานอะไรก็ซื้อโลด
ช็อปปิ้งเสบียงกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางต่อ ที่แรกที่ไปคือเสาดินนาน้อย ขับรถเข้ามาเพื่อนร่วมทริปพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮะ ถึงละหรอ เพราะจากด่านเก็บเงินคือจ่ายตังปุ๊บเข้ามาก็ถึงเลย คิดว่าทางจะลึก 555
ค่าเข้า คนละ 20 บาท ยานพาหนะ 30 บาท ตั๋วนี้สามารถนำไปใช้ที่ดอยเสมอดาวและขุนสถานได้ต่อค่ะ จ่ายทีเดียวคุ้มมากๆ ของเรา6คน+รถ เป็น 150 บาท แต่พี่เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ ลดให้อีก 20บาท จ่ายตังค์เสร็จก็เข้าไปจอดรถ ลงเดินไปถ่ายรูปกัน
มีแต่รูปวิวมุมกว้างนะคะ รูปคนไม่ลง เดี๋ยวคนอื่นจะหลอน 55555
เสาดินก็จะมีเท่านี้ค่ะ มันเป็นความแปลกดี คือมีแค่นี้แต่สวยมาก ถ่ายรูปก็สวยมาก ใส่เสื้อผ้าชิคๆ มาเก็กถ่ายรูป ได้รูปกลับไปเยอะแน่นอน
อากาศร้อนมากกกก ตัวแทบไหม้ แต่ทุกคนสู้มากค่ะ ยอมร้อนดีกว่าเจอฝนเนอะ ถ่ายรูปเสร็จ ออกจากเสาดินไปที่ดอยเสมอดาว อีก 1 แลนด์มาร์คที่ดังมากๆของจังหวัดน่าน
ขึ้นมาถึงก็ยื่นตั๋วที่ซื้อจากเสาดินให้จนท.ค่ะ เข้าไปได้เลย พอขึ้นมาถึง..
โอ้โหหหหหห สวยมากกกกกก คือไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย นี่กลางวันนะ กลางคืนที่ดาวเต็มฟ้าจะสวยขนาดไหน ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนชอบวิวภูเขามากกก ดังนั้นเวลามาเที่ยวเจอท้องฟ้าสวยๆ มองไปเป็นหญ้าเขียวๆหรือป่าเขียวๆเราจะชอบมากเลย ก็เลยจะตื่นเต้นกับทุกวิวที่เห็น อิอิ
บนดอย
รู้สึกแค่เอื้อมก็ถึงฟ้าจริงๆ ข้างล่างเห็นแม่น้ำด้วย
ฝั่งผาหัวสิงห์
ช่วงที่เราไป เค้ายังไม่เปิดให้กางเต๊นท์ ก็เลยไม่มีคนเลย มีแต่พวกเรามา ตั้งแต่ที่เสาดินค่ะ คือถ่ายรูปสบายมากๆเลย จะถ่ายวิวถ่ายคนก็งาม ถ้าใครอยากไปนอนกางเต๊นท์ เค้าเปิดวันที่ 1 ต.ค. นะคะ ถ่ายรูปกันอีกพักใหญ่จนพอใจก็ถึงเวลาเข้าที่พักของพวกเรากันแล้ว ก่อนจะมืด
ทางไปอุทยานแห่งชาติขุนสถาน สวยมากค่ะ สองข้างทางมีแต่สีเขียว ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า คือเพลินตาเพลินใจไปกับสองข้างทางมากๆ ระหว่างทางเจอวิวงามๆจอดรถได้ก็แวะถ่ายรูปซักนิด
มีที่พักระหว่างทางด้วย ตรงนี้มีที่จอดรถ เราก็แวะถ่ายรูปกลางถนนกันด้วยค่ะ ใครผ่านก็แวะถ่ายได้นะ วิวสวยมาก แต่รูปคนก็เก็บไว้ดูคนเดียวพอ 555
เสร็จแล้วก็ขับต่อไปจนถึงขุนสถานค่ะ ถนนโค้งมาก ชันมาก มันก็จะเสียวๆหน่อย เราต้องขึ้นไปก่อน 6โมงเย็น ถ้ามืด ทางน่ากลัวมากค่ะ
ถึงแล้ววววววววว ขุนสถาน
อช.ขุนสถาน มีให้กางเต๊นท์นะคะ แต่ไม่ทราบว่าต้องนำเต๊นท์ไปเองหรือเปล่า บ้านพัก มีแม่จอก 1 นอนได้ 10 คน แม่จอก 2 นอนได้ 4-5 คน แม่จอก 4 5-6 คน เบอร์อช.087-173-9549 โชคดีมากๆ ตอนจองห้องพัก เราแจ้งแค่ว่าเรามากัน 6 คน คือเรารู้แค่เราจะนอนที่นี่ ก็โทรจองเลย แต่ไม่ได้ดูข้อมูลเลย ว่าห้องพักแต่ละห้องเป็นยังไงบ้าง แต่พวกเราได้ห้องแม่จอก 1 ซึ่งเป็นห้องที่วิวดีที่สุด ข้างในมีห้องน้ำ 1 ห้อง นอก 1 ห้อง เป็นห้องนอน 3 ห้อง 2 ห้องเป็นห้องกระจก ที่มองออกไปเป็นวิวภูเขา สวยสุดๆ เดินออกจากที่พักก็มีเก้าอี้ให้นั่งชิล ชมวิว รับลมเย็นๆ
ค่าที่พักไม่ต้องเสีย เสียแต่ค่าบำรุงแล้วแต่จะให้ เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ
นี่คือที่นอนของเราคืนนี้ค่ะ
ห้องนอนที่บอกว่าวิวดีงาม ห้องกระจกมี 2 ห้องนะคะ แต่ถ่ายมารูปเดียว
ห้องนอนใหญ่ กับห้องน้ำ ห้องน้ำจะโอเพ่นวิวหน่อยๆ -..-
รูปมีความเบลอแต่ถ่ายมารูปเดียวTT
วิวจากบ้านพัก สมแล้วที่บอกว่าเป็นบ้านพักที่ดีที่สุดของอุทยาน
อยากกินหมูกระทะ!!
แต่เรามีแค่ไข่เจียว 5555 แต่ก็ฟินค่ะ อากาศแบบนี้ วิวแบบนี้ กินอะไรก็อร่อย ดึกๆก็ขอมาม่าอีกถ้วย
อย่างที่บอกไปแรกๆ อาหารมีแค่มาม่ากับไข่เจียว อยากทานนอกเหนือจากนี้ ต้องซื้อมาเอง ที่นี่จะไม่มีปลั๊กไฟในบ้านพักนะคะ จะมีให้เสียบแค่ที่ส่วนสวัสดิการที่เดียว ซึ่งไฟจะตัดตอน 4 ทุ่ม ใครมีอะไรจะชาร์ตต้องรีบชาร์ตค่ะ โทรศัพท์ กล้อง แต่รูเสียบจะน้อย เพราะฉะนั้นพกปลั๊กพ่วงไปด้วยก็ดีนะคะ จะได้ใช้ได้หลายๆคน
มืดแล้ว รอเวลาค่ะ ดูปฏิทินทางช้างเผือก เดือนกันยา ขึ้นช่วง 20.30 น. ทางทิศใต้ ได้เวลาก็แบกขาตั้งกล้องหามุมมืดๆ
อ้อ อย่าลืมเอาไฟฉายไปด้วยนะคะ สำคัญเหมือนกัน ทางเดินมืดมาก ไฟไม่ได้สว่างมากค่ะ ต้องใช้ถ้าจะเดินไปไหน
หามุมได้ ก็ตั้งขาตั้งกล้อง ถ่ายช้างกันเถอะ คืนนี้ดาวเยอะมากกกกกกกกกกก แต่ช้างอยู่ไหน มองเห็นไม่ชัด แต่รู้ทิศเลยหันกล้องไปนั้น แล้วถ่ายเลยค่ะ
ได้ช้างแล้วววว คือดีใจมากค่ะ เพราะถ่ายครั้งแรกและอยากจะถ่ายทางช้างเผือกมาตลอด ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว
อากาศน่าจะประมาณ 20 องศา มีลมแรง หนาวมาก แต่ชอบมาก 555 ถ่ายช้างอีกนิดหน่อย หลังจากได้รูปจนพอใจก็กลับไปนอนเอาแรงค่ะ หวังว่าเช้าจะมีทะเลหมอก
ผ่ามมมมมมม หมอก หมอกเต็มไปหมด เต็มจริงๆ ไหนทะเลหมอก แถมมีฝนตกปรอยๆ แต่เอาเถอะไม่เป็นไร เราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย จนสายๆแสงอาทิตย์มา หมอกเริ่มจาง วิวสวยมากๆ
แสงเริ่มมาแล้วว
ตอนแรกลุ้นหมอกมันมาเหมือนทะเลหมอก แต่ซักพัก ลมแรง แดดหาย ฟุ้งเหมือนเดิม จบ 5555
ถ่ายรูปวิว ถ่ายรูปหมู่เสร็จ เก็บของออกเดินทาง แวะทานข้าวกันก่อน เป็นทางผ่านที่ลงเขา อร่อยอีกแล้ว ข้าวซอยเข้มข้น ส่วนเราทานข้าวหมูแดง อร่อยค่ะ แต่แอบแข็ง -..- ราคาก็ไม่แพงนะคะ ประมาณ 30 บาทต่อจานค่ะ
คืนที่2จะไปพักที่ปัวค่ะ ก็ขับยาวเข้าเมืองตรงไปปัวเลย ถ้าไปทางทางแม่จริม จะอ้อมมากและถนนไม่ดี ถามคนแถวนั้นเค้าแนะนำให้ไปทางเมืองจะดีกว่า ก็ไปเลยค่ะ
วิ่งยาวมาถึงปัวใช้เวลาประมาณ 2 ชม.กว่า จะไปวัดภูเก็ตระหว่างทางเจอที่ถ่ายรูปอีกแล้ว อ่ะ ถ่ายซะหน่อย 555
ถึงวัดภูเก็ต เข้าไปไหว้พระ ถ่ายวิวบนดาดฟ้า แล้วก็ถ่ายคนกันที่นี่เลย
วัดภูเก็ต
ภายในโบสถ์จะมีจิตรกรรมฝาผนังด้วยนะคะ สวยอีกแล้ว
ลานดาดฟ้าวัดกับวิวจากดาดฟ้าค่ะ
วิวดีมากๆเลยเนอะ
สถานีต่อไปบ้านกาแฟไทลื้อค่ะ อยู่ไม่ไกลจากวัดภูเก็ต แล้วก็ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่เราจะไปกันต่อไปด้วย
ที่มาที่นี่คือมาตามรีวิวเลยค่ะ แต่ความเห็นส่วนตัวถ้าหากไม่มีเวลามากนัก สามารถผ่านที่นี่ไปก็ได้ เพราะวิวจะคล้ายๆกัน แต่ถ้ามีเวลาเยอะก็แวะถ่ายรูปได้ พวกเราถ่ายกันไม่เยอะค่ะ แปปเดียว แล้วก็ออกไปช็อปเสื้อผ้าสาวเหนือซักหน่อย พรุ่งนี้จะใส่ถ่ายรูป อิอิ แต่ลืมถ่ายรูปร้านมา ร้านอยู่ข้างๆร้านกาแฟไทลื้อค่ะ ร้านลำดวนผ้าทอ
เสร็จเรียบร้อย ก็เย็นแล้ว ก็ออกจากร้านไปที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ตามรีวิว
ถึงฟาร์มตอนเย็นๆ ฝนตกพอดี ที่นี่ครัวปิด 6.30 นะคะ ด้วยความหิวโหย สั่งอาหารไปเยอะเลย แต่ถ่ายรูปมาไม่หมดและอาจจะเบลอๆหน่อย เพราะมัวแต่กิน 55 อาหารเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ แน่นอนว่าต้องเน้นเห็ดเป็นหลัก นอกจากเมนูเห็ด เราแนะนำปลาคังผัดฉ่าค่ะ อร่อยมากๆ ทานอาหารเรียบร้อย สั่งใส่กล่องกลับบ้านด้วย เพราะที่พักไม่มีอาหาร ซื้อไปเผื่อหิว
อาหารที่สั่ง
ขาดไม่ได้ พิซซ่าเห็ด
ลืมบอกไปค่ะ ถ้าใครอยากจะไปวังศิลาแลง ควรจะรีบไปหน่อยนะคะ การเดินทางจะต้องเดินจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำไปประมาณ 600 เมตร เราไปถึงช้า มันเย็นมากแล้วเลยอดไปT^T
อิ่มแล้วเคลียร์บิลไปทั้งหมด พันกว่าค่ะ 6 คน รวมอาหารที่สั่งกลับบ้านด้วย ไม่แพงเลย จ่ายเงินแล้ว ได้เวลาไปที่พักกันแล้ววว
ที่พักคืนนี้ เราพักที่ปางชมภูค่ะ คือที่รีวิวกันเยอะๆเต็มหมด ตอนมาก็แอบกลัว ว่าเราจะได้วิวดีไม๊นะ แต่พอมาถึง น่ารักอ่า น้าเจ้าของก็น่ารักมากเลย แนะนำดูแลอย่างดี ห้องที่นี่มีแค่ 4 ห้อง เป็นบ้าน 4 หลัง ปูน2 ไม้2 มีแอร์ มีทีวี ตู้เย็นพร้อมค่ะ สบายมาก ถ้าบ้านปูน จะมีดาดฟ้าให้ชมวิวด้วย คืนละ 800/ห้องเอง แต่มาถึงก็มืดแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูป อ้อ ที่นี่ไม่ไกลจากเซเว่นนะคะ ถ้าหิวขับรถออกไปก็นิดเดียว ร้านขายยาก็มีค่ะ
วิวบนดาดฟ้าตอนเช้า ข้างล่างเป็นบ้านพักบ้านไม้ มีทางเดินเป็นซุ้มพวงชมพู สดชื่นนนนน
บ้านพักปูน
ชั้นบนมีโต๊ะเก้าอี้เรียบร้อยค่ะ
ห้องนอน ห้องนี้เป็นเตียงคู่ เปิดออกไปก็เป็นวิวนาสวยๆเลย ห้องน้ำก็สะอาด สบายม้ากมาก
ต่อไปบ้านไม้
คือสวยทั้งสองแบบจริงๆ ใครสนใจมาพัก ติดต่อที่นี่เลย https://www.facebook.com/pangchompu.2559/ คุยกับน้าเจ้าของ เค้าบอกว่าหน้าหนาวที่นี่จะปลูกเป็นไร่ข้าวโพด มีเฉพาะที่นี่ เพราะมีน้ำตลอดปี ต้นสูงเกือบ 2 เมตร เพราะฉะนั้นใครมาหน้าหนาว ก็ยังได้วิวฟินๆอีกแน่ๆ คืนละ 800 บาทนี่รวมอาหารเช้านะคะ เป็นขนมปังปิ้งกับกาแฟ โอวัลติน
วันนี้วันที่ 3 แล้ว เราวางแผนจะไปถนนลอยฟ้ากัน แล้วก็เข้าเมืองเพื่อที่จะกลับในวันรุ่งขึ้น ก็ถามทางกับน้าเจ้าของค่ะ ได้คำแนะนำว่าให้ไปดอยภูคา แล้ววิ่งบนถนนสายปัว บ่อเกลือ สันติสุข เข้าเมืองน่าน ไม่รอช้า รีบไปกันเลย
เดินทางตามถนนมาเรื่อยๆ โอ้โหอีกแล้ว ทำไมเป็นจังหวัดที่สวยขนาดนี้เนี่ย ตลอดทางไม่มีเบื่อเลย ตรงนั้นก็สวย ตรงนี้ก็สวย สวยไปหมด ขับมาเรื่อยๆเจอถนนที่พอจะจอดได้ ขอซักหน่อย
ถนนโค้งเยอะ จะจอดตรงไหนต้องระวังดีๆนะคะ เราไปจนถึงดอยภูคา แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในอุทยานนะคะ เพราะเวลาน้อย รีบขึ้นไปที่ลานดูดาว ถ่ายรูป ทานอาหาร แล้วไปจุดชมวิว
ออกจากอช.ดอยภูคาก็วิ่งยาวไปบ่อเกลือ-สันติสุข-น่าน เป็นถนนหมายเลข 1081 เราก็บอกไม่ถูก ว่าตรงไหนคือถนนลอยฟ้า เพราะตลอดทั้งเส้นทางที่ขับรถผ่าน มันเหมือนลอยฟ้าหมด สวยจนไม่รู้จะอธิบาย หรือถ่ายรูปยังไงให้สวยเท่าที่ตาเห็น แต่ทางมันโค้งแบบสุดๆ หวิดเมารถ ที่จอดก็หาไม่ได้ เลยจะไม่มีรูปถนนสายนี้นะคะTT
เข้าชมบ่อเกลือสินเทาธ์
ระหว่างทางที่ไปจะเจอร้านกาแฟ จอดรถได้ เลยแวะถ่ายรูปกันที่นี่ค่ะ ร้านนี้ไม่มีไฟฟ้า กาแฟเลยเป็นกาแฟที่บดจากเครื่องบดมือ ดูคลาสสิคมาก ผ่านมาก็แวะมาอุดหนุนคุณลุงกันนะคะ คุณลุงน่ารักอีกแล้ว
ขาดไม่ได้ กระซิบรัก ซิกเนเจอร์ของน่าน
วิวสองข้างทางนี่เป็นแบบนี้แทบทั้งเส้น เหมือนฝันเลย
พักจนหายมึนก็วิ่งยาวเข้าเมืองเลยค่ะ เรายังไม่ได้เที่ยวในเมือง ที่ตั้งใจจะไปก็มีวัดพระธาตุแช่แห้ง ไปถ่ายรูปที่ซุ้มลีลาวดีที่พิพิธภัณฑ์น่าน และพระธาตุเขาน้อย ก็ตามเก็บให้หมด
วัดพระธาตุแช่แห้ง
ซุ้มลีลาวดี
เพราะเย็นแล้วและกลัวจะไปวัดพระธาตุเขาน้อยไม่ทัน เลยถ่ายรูปแค่ที่ซุ้มละออกมาเลยค่ะ ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน
พอมาถึง อ้าว! ผิดทิศ 5555 เข้าใจว่าพระอาทิตย์ตกทางองค์พระ แต่กลายเป็นตกอีกฟากนึง กำ กะจะมาถ่ายแสงเย็น พลาด แต่ไม่เป็นไร ถ่ายวิวไปสวยๆ นิดๆหน่อยๆค่ะ
เมืองเล็กมากก มีแต่ภูเขา ดีต่อใจสุดๆ
เนื่องจากผจญแดดมาทั้งวัน เหนียวตัวมาก กว่าจะมืดก็น่าจะนาน เลยกลับที่พักก่อน คืนนี้พักที่เฮือนน่านนิทรา
ค่าที่พัก 700/คืน รวมอาหารเช้าค่ะ ไปถึงเค้าเปิดแอร์รอเราแล้ว ดีจัง รีบอาบน้ำเลย ร้อนสุด อาบน้ำเรียบร้อย ก็ไปต่อค่ะ ไปถนนคนเดินหาของกินกัน เป็นรูปอาหารกับบรรยากาศละแวกนั้นตอนกลางคืนนะคะ
วัดภูมินทร์ตอนกลางคืน
บริเวณขันโตก ซ์้อของกินจากถนนคนเดินก็มานั่งตรงนี้ มีดนตรีให้ฟัง ตอนนี้ดึกมากคนเลยเริ่มกลับกันหมดแล้ว
วัดพระธาตุช้างค้ำ มาจอดรถในนี้ได้ค่ะ
อิ่มแล้ว แต่ยัง ยังไม่นอนค่ะ แม่ค้าบอกว่า วัดพระธาตุเขาน้อยยิ่งดึกยิ่งสวย เราก็ไปสิ ไม่พลาด ไม่ไกลจากที่พัก ลองไปดูก็ไม่เสียหาย ขึ้นมาถึงมืดมากกกกกกก แต่สวยมากๆอีกแล้ว คืนแรกเราได้ทะเลดาวบนฟ้า คืนนี้เราก็ได้ทะเลดาวบนพื้น : )
เสียดายที่เค้าไม่เปิดไฟที่องค์พระ แต่เท่านี้ก็สวยมากๆแล้ว ได้เวลานอนกันซักที พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วTT
ขากลับจากวัด ผ่านถนนคนเดิน คือเค้าเก็บหมดแล้ว พื้นสะอาดมากกก ล้างพื้นเรียบร้อย ขยะไม่มีซักชิ้น เห็นแล้วปลื้มมาก นึกถึงกรุงเทพฯเลยทีเดียว ฮ่าๆ
เช้าแล้วตื่นมาอาบน้ำ ทานอาหารที่เค้าเตรียมไว้ให้ มีขนมปังปิ้งเหมือนเดิมค่ะ กับพวกกาแฟ โอวัลติน ไข่ดาว ถ้าใครอยากทานข้าวต้มก็มีค่ะ
รูปที่พักค่ะ เพิ่งมีเวลาถ่ายตอนเช้า อิอิ
มีจักรยานให้ยืมปั่นฟรีด้วยนะคะ ทางไปจอง https://www.facebook.com/nannitraguest/?ref=br_rs
เช็คเอ้าท์แล้วแวะไหวศาลหลักเมืองก่อนกลับ
เรียบร้อยก็ไปสนามบิน คืนรถ กลับกทม.
เป็นทริป3วัน3คืนเต็มๆที่คุ้มมากๆค่ะ ไม่อยากกลับเลย รักทุกส่วนที่เป็นจังหวัดน่านจริงๆ เราสามารถรับรู้ได้เลยว่าทุกคนรักบ้านเกิดมาก ถ้ามีโอกาส จะกลับไปแน่ๆ ยังเที่ยวไม่ครบเลย มาถึงกทม. อยากไปอีกแล้ว
ถ้าใครรักธรรมชาติ รักการถ่ายรูป ต้องห้ามพลาดจริงๆนะคะ
ฮักนะ น่านนคร : )
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 1,189+1,060
- ค่าเช่ารถ 1,500/วัน
- ค่าที่พัก 3 คืน 1,200+800+700
- ค่าเข้าอุทยาน 130
- ค่าน้ำมันประมาณ 1,000
เฉลี่ยต่อคนประมาณ 4,300 ไม่นับอาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัวค่ะ จะประหยัดกว่านี้ถ้าได้ตั๋วบินถูกU.U
ว่างแล้วไป(havetimethengo)
วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 01.02 น.